images by free.in.th images by free.in.th
Group Blog
 
All blogs
 

ชีวิตรัก ญ ร ญ ตั้งแต่เรื่องใหญ่ๆไปจนเรื่องเล็กๆ ตั้งแต่โต๊ะกินข้าวไปจนถึงเตียงนอน

ข่าวเตียงหักรักล่มของคู่รัก ญ ร ญ คนดัง เป็นที่วิจารณ์กันไปต่างๆนานา แต่ที่แน่ๆ ข่าวนี้คงไม่เหนือความคาดหมาย ท่ามกลางคำวิจารณ์ เราไม่รู้หรอกว่าข่าวที่ออกมานั้นมีมูลความจริงแค่ไหน

ในกระทู้จากเว็บ community หลายเว็บก็พูดถึงนะคะ ส่วนใหญ่จะสงสารผู้หญิง เพราะรู้กันอยู่ว่าอีกฟากหนึ่งนั้นเป็นพวก ทอมเจ้าชู้ ไม่หล่อแต่ก็รวยเลือกได้ พวกนี้อาจจะไม่จริงจังกับใครจริงๆ พอเบื่อก็ทิ้งประมาณนั้น

แรกๆก็ดีจัง รักกันปานจะกลืนแล้ว พอบทจะเลิกกัน ผู้หญิงถูกว่าเสียจนไม่เหลือดีเลย เฮ้อ..

คนเราเลิกกันแล้ว เอาเรื่องของอีกฝ่ายมาว่ากัน ฉันก็ว่าไม่สวย ไม่สง่างามสักเท่าไหร่ พูดกันในแวดวงของตัวคงไม่เท่าไหร่ แต่นี่พูดผ่านสื่อ
มันก็ไม่ค่อยสวยนะคะ

รักใน ญ ร ญ มักจะถูกมองในหลายประเด็นอยู่แล้ว คนส่วนใหญ่มักจะมองว่า มันไม่ยั่งยืนบ้างล่ะ ไม่มั่นคงบ้างล่ะ ผิดปกติบ้างล่ะ ทั้งๆที่จริงความรักแบบนี้มันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับความรักของ ญ ช เลย มีรัก มีเลิก มีทะเลาะ มีทุกข์ มีโศก เป็นเรื่องปกติ

แต่ความไม่ปกติมันก็อยู่ที่ ญ ร ญ คนดังนี่แหละค่ะ ทำให้เป็นข่าว
เอิกเกิรก ปฏิเสธไม่ได้หรอกค่ะว่ามีคนแอบคิดแบบนี้เยอะนะ ว่าไม่นานคงจะเลิกกัน แต่มองอีกด้านฉันก็ว่าแกกล้าดี กล้าที่จะประกาศตัวเองแล้วก็ใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองเป็นโดยไม่แยแสอะไรเลย

แต่ก็นั่นแหละค่ะ ชีวิตของ ญ ร ญ ปกติคงจะไม่มีใคร 'เวอร์' ได้เท่าแกแล้ว

ฉันเคยเขียนไปบ้างแล้วว่าชีวิตรักแบบนี้น่ะมัน 'ลำบาก' หลายเรื่อง และเพราะการที่สังคมไม่เข้าข้างเรา ไม่สนับสนุนเรา ( ไม่ต่อต้านก็บุญแล้ว )
มันก็ทำให้เราลำบากประการหนึ่ง ในการใช้ชีวิตคู่ร่วมกับคนรัก ไม่ต้องถึงขั้นไปแต่งงานที่มัลดีฟอย่างคู่นั้นหรอกค่ะ

ประเด็นสำคัญที่ ญ ร ญ ต้องฟันฝ่าไปให้ได้เรื่องแรกคือ ครอบครัว
นี่เรื่องใหญ่นะคะ เอาแค่พ่อกับแม่ของเรายอมรับได้หรือเปล่านี่ก็หืดขึ้นแล้ว มี ญ ร ญ จำนวนไม่น้อยด้วยซ้ำที่ยังถูกกีดกันและครอบครัวไม่เข้าใจ บางครอบครัวหนักมากเลย จับลูกแต่งงานก็มี แล้วจะเป็นอย่างไรต่อไปคงไม่ต้องบรรยาย ( ฉันพยายามจะเข้าใจในประเด็นนี้ จึงเขียนเรื่องดวงดาวดอกไม้ )

หากในคู่ที่ไม่มีปัญหาครอบครัว สามารถอยู่ด้วยกันได้ เรื่องที่ต้องคิดต่อมาก็คือ การปรับตัวให้อยู่ด้วยกันได้อย่างมีความสุข ข้อนี้ไม่ง่ายนะคะ มันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับแต่งงานเลย คนสองคนมาจากคนละที่ การเลี้ยงดูก็ต่างกัน ก็ต้องปรับตัวหากันเหมือนกับเวลาเราอยู่หอกับรูมเมทนั่นแหละ อยู่กันไม่ได้ ทะเลาะกัน ก็ต้องแยกห้อง

จะเอาเรื่องยิบย่อยเช่นเรื่องการใช้เงินอีกล่ะ นี่ก็เรื่องใหญ่นะคะ การดูแลกันและกัน ใครจ่ายมาก ใครจ่ายน้อย มาอยู่ด้วยกันก็ต้องแชร์ในเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน เรื่องเงินนี่เรื่องใหญ่นะคะ อย่าทำเป็นเล่นไป

พูดเรื่องเงินต้องเขียนต่อนิดนึง ที่ในข่าวว่า ฝ่ายหญิงไม่ยอมไปทำงาน
ฉันเองก็ไม่รู้ว่า การที่เธอไม่ไปทำงาน จะทำให้ฝ่ายทอมมองว่าเธอ
ขี้เกียจ ต้องการมาเกาะเขาหรือไร แต่เอ๊ะ เขาเองก็รวยนะ เห็นเขาว่ารวยขนาดใช้เงินเดือนนึงเป็นล้านเลย ขนาดนั้นนะคะ และเคยบอกไม่ใช่หรือว่าไม่ต้องทำงานก็เลี้ยงได้

เรื่องนี้จริงๆนะ ต้องย้ำล่ะค่ะ ว่าผู้หญิงเรานั้น อย่าได้ประมาทกับเรื่องนี้เด็ดขาด ว่าได้สามีรวย เขาจะเลี้ยงเราไปได้ตลอด ให้งอมืองอเท้าไปเถอะ ไม่ต้องทำอะไรหรอก คิดอย่างนี้ไม่ได้นะคะ อันตรายมาก

ตัวอย่างใกล้ตัวของน้องฉัน กับอดีตแฟนของเขา ตอนรักกันดี๊ ดี บอกให้แฟนไม่ต้องทำงาน เดี๋ยวจะเลี้ยงเอง จะดูแลเอง แต่แฟนเขาไม่ได้คิดอย่างนั้นค่ะ แฟนเขาไม่ได้ประมาท เธอก็ยังทำงานของเธอ ดูแลกิจการเล็กๆของเธอเอง วันดีคืนดี น้องฉันก็ไปติดคนอื่นซะอย่างนั้น จากนั้นเขาก็ทิ้งเธอไป นี่ถ้าวันนั้นเธอเชื่อเขาจะเกิดอะไรขึ้น เธอจะดูแลเลี้ยงดูตัวเองได้โดยที่ไม่มีเขาแล้วได้อย่างไร

คนเรามีสมอง มีมือ มีเท้า ต้องดูแลตัวเองได้ค่ะ อย่าได้ไปหวังกับคำพูดหวานๆของใคร เขารักเราวันนี้ไม่ได้แปลว่าวันหน้าจะรักไปตลอด เราต่างหากต้องยืนให้ได้บนลำแข้งของตัวเอง

เหนื่อยไหมคะ .. แค่นี้ก็เหนื่อยแล้ว ก็เพราะมันไม่ง่ายจริงๆนะสิคะ

เอาประเด็นที่ผู้หญิงหลายคนต้องยอมรับอีกอย่างนะคะ สำหรับชีวิตคู่ของ ญ ร ญ นั่นคือเรื่องความมั่นคง ที่เป็นรูปธรรมที่สุดคือเรื่องการจดทะเบียนสมรส หรือการทำธุรกรรมต่างๆได้ตามกฏหมายเหมือนคู่สมรสหญิงชาย ข้อนี้เลิกคิด เพราะบ้านเราไม่มีกฏหมายอะไรรองรับ และคงต้องรอไปอีกสิบชาติ

อยู่กับใครก็ต้องอยู่ด้วย 'ใจ' เพียงอย่างเดียวเท่านั้นค่ะ สำหรับ ญ ร ญ อย่างเรา จะหวังว่าเลิกกันแล้วจะได้แบ่งสินสมรส ฮึ ! ฝันไปล่ะค่ะ
ข้อนี้เคยได้ยินมาบ้าง ว่าบางคู่เลิกกันแล้ว อะไรที่เคยซื้อด้วยกัน ถ้าฝ่ายทอมใจกว้าง ก็อาจจะยกให้ไป แต่บางคนไม่ได้นะคะ จะต้องมาแบ่งกันเป็นที่วุ่นวาย

เห็นไหม เรื่องเยอะค่ะ ตั้งแต่เรื่องใหญ่ๆไปจนเรื่องเล็กๆ ตั้งแต่โต๊ะกินข้าวไปจนถึงเตียงนอน โอ๊ย .. จะเอาเรื่องอะไรล่ะคะ พูดได้สารพัด
เพราะชีวิตคู่อย่างเรา มันลำบากไงคะ บอกแล้ว

แต่ถึงกระนั้น ก็ยังมีคู่รักอีกตั้งเยอะ ที่เขาอยู่กันได้โดยฟันฝ่าอุปสรรคทุกอย่างไปหมด ซึ่งก็ต้องอาศัยความรักเป็นพื้นฐาน และคนสองคนต้องมั่นคงต่อกันมากๆด้วย ไม่ได้ต่างอะไรกับคู่รัก ญ ช เลย

ยามรักน้ำต้มผักว่าหวานนั้นจริง นี่ก็เมื้อนนน เหมือน ค่ะ เฮ้อออ.....




 

Create Date : 31 กรกฎาคม 2553    
Last Update : 31 กรกฎาคม 2553 19:11:43 น.
Counter : 2842 Pageviews.  

สิ้นเดือนไม่สิ้นใจหรอกถ้าเราวางแผนดีๆ..

เมื่อวันเป็นศุกร์สิ้นเดือน เป็นศุกร์ที่เงินเดือนออกพอดีด้วย
มนุษย์ 9 to 5 กลับบ้านเร็วกันเป็นทิวแถว

คนเหล่านั้นไปอออยู่ในห้างนั่นเอง
ที่บอกอย่างนี้ก็เพราะตัวเองไปเดินเล่นมาเหมือนกันค่ะ
แต่ไม่ได้ซื้ออะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ได้หนังสือเล่มใหม่ของคุณนก ชลิดา
มาเล่มหนึ่ง

เดินเดี่ยวดูนั่นดูนี่ หาข้าวทาน แล้วก็แวะร้านหนังสือ แค่นี้ก็สุขล่ะ

แต่สังเกตดูว่าร้านอาหารแทบทุกร้านจะ 'ขายดี' มากนะคะ

เป็นเวลาทองของทั้งร้านอาหาร ร้านค้า หรือแม้แต่ห้างเลยทีเดียว
จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมทุกสิ้นเดือน ใกล้สิ้นเดือนจะต้องมี promotion เพราะเมื่อเงินเดือนออก มนุษย์เงินเดือนที่อัดอั้น
มาทั้งเดือนจะรีบไปใช้เงินราวกับนัดหมายกันมา

ถ้าไม่อยากจะต้องรออะไรนานๆในช่วงสิ้นเดือนแบบนี้
ก็เห็นทีจะต้องหลีกเลี่ยงน่ะค่ะ เช่น การแพลนซื้อของในห้างใหญ่ๆ
หากไปซื้อช่วงนี้ อาจจะต้องรอคิวแคชเชียร์นานมาก
ฉันก็หลีกเลี่ยงไปซื้อช่วง week 2 หรือไม่ก็ไปฟูดแลนด์เลย
ที่ฟูดแลนด์จะเดินสบายหน่อย ไม่ต้องรอคิวจ่ายเงินนานด้วย
แถมไม่ต้องวนรถให้เปลืองน้ำมัน

ตั้งแต่อายุเยอะขึ้น ก็ไม่อยากจะทำอะไรที่ต้องไปอยู่ท่ามกลาง
ผู้คนจอแจหรือแออัด มันพาลจะหายใจไม่ออกค่ะ จะขับรถสิบชั่วโมงออกต่างจังหวัด ยังคิดแล้วคิดอีกเลยนะคะ

อย่างอาหารแมวสามตัว ยังแพลนซื้อหนึ่งเดือนหนึ่งครั้ง เพราะการ
ไปซื้อที่ร้านเม็ดข้าว ( หลังพาราไดซ์พาร์ค หรือเสรีเซ็นเตอร์เก่า ) แม้
จะราคาถูกก็จริง แต่มันก็ต้องไปจอดรถในห้าง หรือว่าแถวๆนั้นซึ่ง
รถก็เยอะอยู่แล้ว เลยต้องแพลนดีๆ ว่าไม่ต้องไปบ่อย ซื้อครั้งเดียว
ให้มีพอกินไปทั้งเดือน

ฉันก็เคยสงสัยว่าทำไม จะต้องไป 'อะไร' กันนักหนากับวันสิ้นเดือน
บางคนรอคอยวันนี้ราวกับเป็นวันสำคัญที่สุดในชีวิต แต่เมื่อมาอ่าน
หนังสือเกียวกับการเงินมากๆ และคุยกับเด็กๆลูกน้องเรื่องการใช้เงิน
ส่วนใหญ่ เด็กรุ่นใหม่ หรือคนทำงานวัยหนุ่มสาวต้นๆ มักจะไม่มีการ
แพลนเรื่องเงินเลย

แทบจะทั้งหมด ใช้เงินแบบ 'เดือนชนเดือน' และบางทีก็ 'ใช้มากกว่าที่หาได้'

ผลก็คือต้องกินมาม่ากันหลายๆมื้อ ใกล้จะสิ้นเดือน เหมือนจะสิ้นใจเต็มที ซึ่งฉันว่านี่เป็นภาวะที่น่ากลัวและน่าอึดอัดมากนะคะ บางคนบอกว่าเงินออกแล้วต้องไปจ่ายหนี้ เหลือไว้ใช้ไม่เท่าไหร่หรอก ใช้หนี้หมด
แล้วก็กินมาม่าเหมือนเดิม แล้วก็ต้องรอคอยวันสิ้นเดือนต่อไป

ชีวิตก็วนเวียนอยู่อย่างนี้ไม่รู้จักจบสิ้น แล้วก็มีคำพูดต่อมาว่า ถ้าอยากรวยเป็นมนุษย์เงินเดือนน่ะไม่รวยหรอก มันก็เป็นความจริงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นค่ะ

ต่อให้เป็นมนุษย์อะไร เป็นเจ้าของกิจการก็เถอะ ถ้าใช้มากกว่าที่หาได้ก็จบเห่เหมิอนกันนั่นแหละ ไม่ได้ต่างอะไรกันเลย

ฉันน่ะกินมาม่าเพราะอยากกิน ซื้อของเพราะมีเงินให้ซื้อ ใช้เงินแต่ละเดือนอย่างไม่เดือดร้อน ไม่มีเสียล่ะประเภทสิ้นเดือนเหมือนสิ้นใจ เพราะอะไรน่ะหรือคะ เพราะฉันแพลนไง และที่สำคัญ ฉันจะหักเงิน
ออกจากเงินที่ได้รับทุกทาง แล้วเอาเก็บไว้ให้ตัวเองก่อน ตามหลักการที่เขาเรียกว่า pay yourself first

นั่นคือ เมื่อได้รับรายได้ไม่ว่าทางใด ต้อง 'กัน' ไว้ให้ตัวเองก่อนเสมอ
แล้วที่เหลือนั้นให้จัดสรรตามแต่ที่จะต้องใช้ ดังนั้นฉันจึงลัลลา มีความสุขกับการใช้เงิน 'ในแบบของฉัน' มาก เพราะไม่เคยต้องเดือดร้อนแม้สักเดือน ไม่เคยอยู่ในภาวะต้องประทังชีวิตด้วยมาม่า ไม่เคยพูดว่า
'ไม่มีเงิน' ไม่ต้องรอคอยวันสิ้นเดือนอย่างใจจอใจจ่อ บางทีเงินออกไปสองสามวันแล้วจึงค่อยใช้เงินของเดือนใหม่ด้วยซ้ำไป

คำว่า 'กัน' ไว้ให้ตัวเองก่อนเพื่อเก็บเข้าบัญชี นั้นต้องทำจริงจังนะคะ ทั้งหมดมันก็เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองเดือดร้อน และเผื่อกรณีฉุกเฉินหากเราต้องใช้เงินขึ้นมาจริงๆ เราจะได้ไม่ต้องไปหยิบยืมใครให้เป็นหนี้บุญคุณ

ฉันสอนน้องเสมอว่าอย่าประมาทกับเรื่อง 'เงิน' เพราะนี่มันเรื่องใหญ่
ลองไม่มีเงินดูสิ เดือดร้อนแน่ๆ แม้กระทั่งจะซื้อข้าว ซื้อมาม่ามันก็ต้องใช้เงิน แต่เราจะใช้เงินอย่างไรไม่ให้เป็นทาสเงินกันล่ะ

มันมีตั้งหลายวิธีค่ะ ให้เราทำได้ มีหนังสือมากมายให้เรียนรู้ มีคนต้นแบบมากมายให้เอาเป็นแบบอย่าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับใจของเราที่คิดจะเปลี่ยนแปลง

ลองถ้าเราตั้งใจจริงๆ จะปฏิวัติชีวิตของเราให้ดีแล้ว เราจะทำได้ค่ะ

ในกรุ๊ปบล็อก slow life ฉันเคยถามว่าใครไม่ชอบเงินบ้าง ฉันว่าไม่มีหรอก เราทุกคนชอบเงิน เพราะเงินทำให้ชีวิตเราสุขสบาย ซื้ออะไรที่อยากได้ตามที่เราต้องการ การหาเงินไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การใช้เงินยิ่งเป็นเรื่องที่ง่ายกว่า และเป็นเรื่องที่เสี่ยงที่สุดด้วย หากเราใช้ไม่เป็น

และวิธีการใช้เงินก็มีเยอะแยะด้วย ฉันเองก็ทำได้แล้วในบางส่วนที่ตั้งใจ
แต่ยังมีความตั้งใจอีกหลายอย่างที่จะทำ เพื่อให้สอดคล้องกับวิถี slow
จริงๆแล้วเคยตั้งใจจะอยู่แบบใช้เงินน้อยที่สุด ซื้ออะไรให้น้อยที่สุด ( เพราะการสร้างสมบัติมากๆจะทำให้ชีวิตรก ) อยู่แบบเรียบง่ายที่สุด แต่นั่นเป็นอีก step หนึ่งที่ยังค่อยๆทำไปค่ะ

ใช้เงินอย่างไร ? จึงเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมากค่ะ อย่าได้คิดว่าวันนี้มีเงินเข้าบัญชีแล้วจะรีบไปใช้เงิน อนาคตค่อยกินมาม่าเอา นั่นเป็นความคิดที่จะทำให้คุณเดือดร้อนในระยะยาว แล้วก็ลำบากทีหลังด้วย อย่าเป็นแบบนั้นเลยค่ะ

สิ้นเดือนไม่สิ้นใจหรอกถ้าเราวางแผนดีๆ

ทุกคนทำได้ค่ะ เชื่อฉัน !!




 

Create Date : 31 กรกฎาคม 2553    
Last Update : 31 กรกฎาคม 2553 8:45:10 น.
Counter : 567 Pageviews.  

ทำไมเอาแต่ 'ถ่าย' ...

วันก่อนฉันไปรังสิตคลองหก แล้วเลยไปทานเค้กที่ร้าน a cup of tree
ตามคำแนะนำของคุณดาวอังคาร

ร้านน่ารัก เครื่องดื่มและเค้กอร่อยจริงๆ

วันที่ไปตรงกับวันหยุด คนแน่นร้านเลยค่ะ โต๊ะเต็มทุกโต๊ะ แทบจะ
ไม่ว่างเว้น โต๊ะนี้ลุกก็มีคนมานั่งแทน โต๊ะโน้นย้าย ก็มีคนเล็งต้องการที่

มีอยู่หนึ่งโต๊ะ นั่งอยู่ในมุมที่จัดว่าดีมากๆ มีสามสาวจับจองเป็นเจ้าของ
ไม่รู้ว่ามาดื่มกาแฟหรือมาถ่ายแบบ

หนึ่งในสามเป็นตากล้อง ท่าทางจะเป็น LB แน่ๆ

ส่วนอีกสองสาว เป็นนางแบบ ผลัดกันโพสท์ท่าไปมา ตั้งแต่ฉันนั่งลง
สั่งเครื่องดื่ม จิบเครื่องดื่มสลับกับการอ่านหนังสือและคุยกับคนข้างๆ

ฉันสังเกตเห็นว่าสามสาวนี่ เอาแต่ถ่ายรูปอย่างเดียว แบบไม่แคร์สายตาคน และแบบไม่คิดว่าคนแน่นร้านชมัด ฉันถามคนที่ไปด้วยว่า คนมาแวะเที่ยวและดื่มกาแฟ เขาแต่งตัวอย่างนี้หรือ ( อนงค์นางหนึ่ง แต่งชุดเกินบรรยายมาก ดูไม่เข้ากับกาลเทศะและสถานที่ )

มันตลกมากที่เธอทั้งสาม ทั้งก้ม ทั้งเงย ทั้งโพสท์ บิดไปบิดมา ผลัดกันถ่ายรูป ถ่ายๆๆๆๆ ฉันเข้าใจว่านั่นเป็นสิทธิของเขา แต่มันก็ดูตลกสิ้นดีในความรู้สึกของฉัน

ตั้งแต่จับจองมุมที่ดีที่สุดของร้าน ผลัดกันลุกผลัดกันนั่ง ย้ายไปย้ายมาเป็นที่น่ารำคาญ ขณะที่มีคนเข้ามาแล้วรอโต๊ะ แต่ก็ไม่เป็นที่ใส่ใจ เพราะเธอทั้งแก๊งค์เอาแต่ 'ถ่าย'

เครื่องดื่มที่สั่งมาคงมาเป็นแค่ พิธีการ ตามปกติที่เข้ามานั่งร้านกาแฟก็ต้องสั่งบ้าง ไม่งั้นคงพิลึกอยู่

หันมาถึง 'กล้อง' บ้าง ฉันสังเกตว่ากล้องที่หนึ่งในนั้นใช้ถ่ายเป็นกล้อง Nikon ตระกูล D แบบที่ฉันใช้ ( แต่ฉันไม่ได้บ้าถ่าย เท่านั้นแหละค่ะ )
เอ่อ ไม่รู้ว่ามาลองกล้อง เห่อกล้อง หรือมาเดทกับสาวแล้วถ่ายรูปไปลง FB กันแน่ค่ะ

ที่แน่ๆ หนึ่งชั่วโมงที่ฉันใช้ไปกับการละเลียด white chocolate milk frost ( อร่อยมาก ) และ banoffee ชื้นโตๆ เธอทั้งหมดก็ยังถ่ายๆๆๆๆ และถ่ายไม่เลิก

ขณะที่โต๊ะข้างๆลุกไปหนึ่งโต๊ะ และฉันก็กำลังจัดการกับเครื่องดื่มและเค้กแสนอร่อยนั่นจนจวนจะหมด กระทั่งหมดแล้วจะไปจ่ายสตางค์ และออกมานอกร้านแล้ว แม่เจ้าประคุณทั้งสามก็ยังไม่หยุดถ่าย

วันนั้นร้านนี้คนแน่นมาก

บรรยากาศการดื่มกาแฟแสนอร่อยเลยมีเรื่องให้น่ารำคาญใจแบบพิลึกๆเรื่องนี้แหละค่ะ

ไม่มีเจตนาจะไปว่าอะไรเขาหรอกค่ะ นอกจากจะบอกว่า มันสุดแสนจะรำคาญกับการที่คนเราทำอะไรโดยไม่แคร์คนอื่นบ้าง เท่านั้นเอง คุณอาจจะบอกว่ามันเป็นเรื่องของเขา ใช่ค่ะ เรื่องของเขา แต่ถ้าคนเราคิดจะทำอะไรก็ได้ โดยไม่คำนึงถึงคนอื่นบ้าง และทุกคนพากันคิดอย่างนี้หมด ฉันว่าสังคมเราก็ไม่น่ารักนัก

เวลาจะกี่ชั่วโมงก็ตามในร้านกาแฟ เรานั่งจนเย็นสบายแล้ว มันก็พอแล้วล่ะ ... นะคะ ทั้งร้านในวันนั้นก็ขายดีเหลือเกิน คนก็แน่น นั่งจนพอใจแล้วก็ให้คนอื่นเขานั่งบ้างก็น่าจะดีนะคะ

คุ้มแล้วล่ะ กับการแต่งตัวมาถ่ายรูปในร้านกาแฟแบบนั้น

คนที่ไปด้วยบอกว่า ฉันขี้บ่นเหมือนคนแก่ เด็กๆเขาคงจะชอบอะไรแบบนี้ ( แต่ฉันขอเถียงว่าสามสาวนั่นไม่น่าจะเรียนหนังสือ หรืออาจจะเพิ่งเรียนจบ หรือเพิ่งทำงาน ) สมัยนี้เขาชอบถ่ายรูปมาลง FB หรือ Hi5 ไง ฉันไม่ทำก็ช่างสิ เขาอยากทำก็ช่างเขา

ก็เอาเถอะ แต่ฉันรำคาญค่ะ (ฮา)

เฮ้อ ช่างเถอะ ฉันคงจะ out trend เพราะฉันไม่ค่อยประสาอะไรกับการใช้เครื่องมือสื่อสารแบบที่ฉันรู้สึกว่า 'มีไปทำไม' ทำไมจะต้องพิมพ์ๆๆๆๆ ทั้งๆที่พูดกันมันง่ายกว่า ( แบบที่เขาแชท BB กันน่ะ )

หรือไปไหนต้องถ่ายรูปและ Update กันแบบทันควัน ฉันคงจะแก่ไปแล้วจริงๆ

สงสัยจะจริงน่ะค่ะคุณ !!!




 

Create Date : 27 กรกฎาคม 2553    
Last Update : 27 กรกฎาคม 2553 14:36:43 น.
Counter : 615 Pageviews.  

หนึ่งวันที่ปลอดโทรศัพท์มือถือ

วันนี้
ลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้าน

เมื่อวาน
ลืมหนังสือไว้ในห้องน้ำตึกโรงแรมแพน

ลืมหนังสือเหมือนจะสิ้นใจ
เพิ่งอ่านไปได้สิบหน้า หมดหวังจะได้คืน
หวังว่าคนเก็บได้จะได้เอาไปอ่าน อย่างน้อยการลืมหนังสือ
ก็คงมีประโยชน์บ้าง

ขณะที่วันนี้ลืมโทรศัพท์สองเครื่องไว้บนเตียงนอน
ตัวปลิวออกจากบ้าน ไปรู้ตัวอีกทีที่ทำงาน
ว่าลืมโทรศัพท์ อ้าว !

ขำตัวเองจังเลยค่ะ

หรือนี่คืออาการของคนวัยเฉียดสี่สิบ

ลืมโทรศัพท์ก็เลยขำ
ขำที่ตัวเองความจำสั้น และมาคิดๆดูก็พบว่า
จำเบอร์โทรศัพท์ได้กี่เบอร์กันเชียว ทั้งที่เมมเบอร์ไว้ในเครื่อง
ยาวเป็นหางว่าว

ในบรรดาคนเป็นร้อย มีสักคนไหมที่เราจำเบอร์ได้
มีสักคนไหมที่เราเมมชื่อนี้ไว้ แล้วจำไม่ได้ว่าชื่อนี้ท่านได้แต่ใดมา
พูดง่ายๆ ลืมไปแล้วว่าคนนี้คือใคร มาอยู่ใน list รายชื่อในโทรศัพท์
ของเราได้ยังไง

แล้วก็ยังขำอีก
ที่ไม่ยักรู้สึกว่าจะเป็นจะตาย

ลืมก็คือลืม ลืมแล้วจะทำยังไงละคะ
ช่างมันค่ะ ไม่มีมือถือก็ไม่ตาย แขนขายังอยู่ครบ
ไม่ได้ลงแดง

แค่เพียงรู้สึกโหวงๆไปบ้าง อาจเพราะความเคยชินเท่านั้น

ทั้งๆที่บางวัน มือถือนอนแช่อยู่ในกระเป๋า ไม่ได้ยกขึ้นมาพูดคุย
กับใครด้วยซ้ำไป แล้วมันจะต่างอะไรกับการลืมไว้ที่บ้าน

หนึ่งวันที่ปลอดโทรศัพท์มือถือ ทำให้ฉันรู้ว่า ไม่มีมันเราก็ไม่ตาย(ฮา)

จริงๆนะคะ ของบางอย่างอยู่ที่เราให้ค่า ถ้าเราเข้าใจตัวเอง ถ้าเราตามทันใจตัวเอง เราจะไม่ตกเป็นทาสของอะไรเลย

ต่อให้คนทั้งโลกเขาเห่อบีบี แต่ถ้าเราไม่รู้จะมีไปทำไม แล้วเราจะมีไปทำไมล่ะคะ

โทรศัพท์ก็แค่โทรศัพท์ค่ะ แค่ของนอกกายอย่างหนึ่งเท่านั้นเอง !!




 

Create Date : 22 กรกฎาคม 2553    
Last Update : 22 กรกฎาคม 2553 23:07:04 น.
Counter : 569 Pageviews.  

ถ้าฉันไม่มีเหตุผลให้กับบางเรื่อง ก็คงไม่ใช่เรื่องผิด !!

จำเป็นด้วยหรือที่ชีวิตเราจะต้อง
มีคนมากมาย

จำเป็นด้วยหรือที่เราต้องดีกับคนทุกคนบนโลก

แล้วเราจะเกลียดใครได้บ้างไหม

หรือเราเลือกจะรักใครดี

ไม่ต้องมีเหตุผลให้กับทุกเรื่องก็ได้ ไม่ต้องฟังใครตัดสินว่าเราทำผิด
หรือถูกบ้างก็ได้ ไม่ต้องแคร์ใครบ้างก็ได้

นี่คือคำตอบ

ว่าไม่จำเป็นที่เราจะต้องมีคนในชีวิตไปมากมาย ( มากไปเพื่ออะไร )
ไม่จำเป็นที่เราจะต้องดีกับคนทุกคนบนโลกนี้ ( ถ้าไม่อยากจะทำ )
เราจะเกลียดใครบ้างก็ได้ ( ถ้าไม่หนักหัวใครและไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ) หรือเราจะเลือกรักใครก็ได้ ( อยู่ที่ความพอใจของเรา )

หากเป็นอย่างนั้น

ถ้าฉันไม่มีเหตุผลให้กับบางเรื่อง ก็คงไม่ใช่เรื่องผิด !!




 

Create Date : 21 กรกฎาคม 2553    
Last Update : 21 กรกฎาคม 2553 22:34:41 น.
Counter : 743 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  138  139  140  141  142  143  144  145  146  147  148  149  150  151  152  153  154  155  156  157  158  159  160  161  162  163  164  165  166  167  168  169  170  171  172  173  174  175  176  177  178  

bewae1001
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




***************
// อย่ารอให้ป่วยก่อนแล้วจึงคิดนะคะ

นวภัทร ( บี )
นักเขียนอิสระ และ ที่ปรึกษาแผนประกันชีวิตและการเงิน
โทรศัพท์มือถือ 089-1459977

ความรู้อื่นๆ :
ผ่านการอบรม basic skilsl in counselling psychology กับอาจารย์พงศ์ปกรณ์ พิชิตฉัตรธนา @ ชมรมจิตวิทยาสมาธิ

ขอฝากเว็บไซต์ของอาจารย์พงศ์ปกรณ์ค่ะ http://www.medihealing.com

EMail ของผู้เขียน : Mybusy2004@yahoo.com
Facebook ของผู้เขียน : Parawee Nasaree

สำนักพิมพ์สะพานจัดพิมพ์นิยายหญิงรักหญิงของฉัน ( ดวงดาวดอกไม้ 2 เล่มจบ และนิยายขนาดสั้น ดอกไม้กับดอกไม้ ( ปกหนังสือด้านบน ) สั่งซื้อได้ที่นี่ค่ะ คลิกเลย!!

จำนวนบล็อก ณ ขณะนี้ 1147 บล็อกค่ะ
เริ่มเขียน 6 กันยายน 2548 บล็อกเก่าๆค้นได้จากกรุ๊ปบล็อกผู้หญิงสีรุ้งปี 53 นะคะ

ยินดีแบ่งปันความรู้และสิ่งที่มีประโยชน์ผ่านข้อเขียนในบล็อกนี้ และหากต้องการนำไปใช้ต่อหรือลงเผยแพร่้ในที่ใดก็ตาม กรุณาแจ้งก่อนนำไปใช้ที่ email ด้านบน ขอบคุณค่ะ





Parawee Nasaree

Create Your Badge

New Comments
Friends' blogs
[Add bewae1001's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.