images by free.in.th images by free.in.th
Group Blog
 
All blogs
 
มันเป็นเพียงแค่บทสรุปหนึ่งของความสัมพันธ์

วันก่อนเขียนบล็อกรักต้องสอนด้วยรัก
ยังนึกไปถึงความเรียงที่เคยเขียนและตีพิมพ์ใน Image เมื่อเดือน
กรกฏาคม 2548 ความเรียงนี้เขียนไว้นานหลายปีแล้วค่ะ

มีคนเคยถามฉันว่าทุกเรื่องที่ฉันเขียน แม้แต่ดวงดาวดอกไม้ที่กำลังเขียนอยู่ หรือความเรียง เรื่องสั้นเรื่องใดก็ตาม ฉันเอาตัวเองออกมาเขียนใช่หรือไม่ คนถามช่างสังเกตค่ะ

บางส่วนบางเสี้ยวที่อยู่ในนั้น ในตัวละครบางตัว มีความรู้สึกนึกคิดของฉันอยู่ด้วยแน่ๆ แม้จะไม่ทั้งหมด

ตัวละครของฉันก็ไม่ได้เป็นคนดีหรือเป็นสีขาว 100 % เพราะคนเราทุกคนล้วนมีสีดำและสีขาวอยู่ในตัว ฉันกับตัวหนังสือก็ไม่ได้ต่างกัน มีความน่ารักและไม่น่ารัก

เรื่องที่ฉันเขียนในบล็อกก็เหมือนกันนะคะ ฉันอาจจะหยิบส่วนหนึ่งของตัวเองที่ไม่น่ารักเอาเสียเลย มาบอกคุณว่าเนี่ย ฉันก็เป็นแบบนี้
ไม่น่ารักหรอก และบางครั้งฉันก็รู้สึกว่า สื่งที่คนรอบตัวทำบางอย่างก็ไม่น่ารักและบางเรื่องก็น่ารักดี

ฉันว่าเรื่องของความสัมพันธ์เป็นเรื่องที่พูดได้ไม่รู้จบค่ะ ตอนที่เขียนเรื่องนี้ในปี 2548 ฉันยังเรียนรู้บางเรื่องจากความสัมพันธ์ครั้งเก่าอยู่เลย
แต่บทสรุปของความสัมพันธ์ครั้งนั้นได้จบลงแล้วด้วยการเลิกรา

และยังทิ้งบางสิ่งค้างคาในหัวใจ

ฉันตอบคำถามไม่ได้ว่า เออ ทำไมมันจึงจบแบบนั้น จบไม่สวยเลย(เพราะไม่คิดว่ามันจะจบ) และทั้งที่เคยคิดว่ามันใช่แล้ว แต่หากเอาความคิดมาอยู่กับปัจจุบันตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ฉันควรจะคิดอีกมุมหนึ่งว่า จบแบบไหนก็ล้วนแล้วแต่ดี

เพราะนี่คือวิถีแห่งชีวิต ไม่ใช่แค่เพียงวิถีแห่ง 'เรา'

วิถีทางแห่งเธอ-ฉัน
ตีพิมพ์ครั้งแรก IMAGE กรกฏาคม 2548

เธอนั่งอยู่ตรงนั้น ส่วนฉันนั่งอยู่ตรงนี้ เรานั่งใกล้ๆกัน แต่ไม่มีใครพูดอะไร ในมือฉันมีหนังสือ ส่วนในมือเธอมีหนังสือเหมือนกัน เธอก้มหน้านิ่ง จดจ่อสมาธิอยู่กับตัวหนังสือตรงหน้า ส่วนฉันพลิกหนังสือไปมา พลางหันไปมองดูเธอ

ดูเผินๆ เหมือนเราโกรธกันใช่ไหม แต่เปล่าเลย แม้ว่าต่างฝ่ายต่างเงียบ ต่างคนไม่ได้พูดอะไร
เราแบ่งโลกส่วนหนึ่งของตัวเองออกมา ขณะที่โลกของ “สองเรา” ก็ถูกเกี่ยวไว้ใกล้ๆกันในบริเวณนั้นเอง

เธอชอบให้เราอยู่ใกล้ๆกัน ทำอะไรอย่างที่อยากทำ แต่ขอแค่มองเห็นกันเท่านั้น จริงๆมันคงไม่ได้มากไปหรือหนักหนาสำหรับคนรักที่จะทำให้กันได้

ความจริงฉันก็ชอบนะ ที่เราทำอย่างนี้ ไม่มีความจำเป็นต้องเรียกร้องให้ใครคนใดคนหนึ่งทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการตลอดเวลา หากทำอย่างนั้นนานเข้ามันคงเหนื่อยและหนัก ไม่มีใครทนแบกรับความคาดหวังของอีกฝ่ายหนึ่งได้ตลอดเป็นแน่ เพราะเจ้าความรู้สึกที่เราแบกไว้ตลอดเวลามันจะบีบรัดจนเราหายใจไม่ออก

แต่กับบางเวลา ฉันกลับรู้สึกว่า การที่เรามองเห็นกันมันไม่เป็นการดีสักเท่าไหร่ ฉันหมายถึงเวลาที่เราเห็นไม่ตรงกัน ขัดแย้งหรือไม่เข้าใจกัน จนบางครั้งเหตุผลก็พ่ายแพ้แก่อารมณ์ เวลาเช่นนี้เองที่ฉันอยากทำตัวให้หลุดจากวงโคจรของเธอ

เปล่าหรอก ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากเห็นหน้าเธอ ไม่อยากใกล้ชิดเธอ แต่ที่ทำอย่างนั้นเพราะฉันทำตาม “วิธีของฉัน” ต่างหากเล่า

สำหรับฉันแล้วในนาทีเช่นนั้น การนิ่งอยู่กับที่ไม่ได้มีผลดีอะไรหรอก เธอจำได้ไหมที่ฉันเคยบอกว่า นิสัยไม่ดีของฉันคือการชอบเอาชนะ ถ้าเราโต้เถียงกัน ฉันอาจจะทำให้เธอโมโหไปเลยเพราะฉันจะตะแบง หรือ เอาสีข้างถู ไม่ว่าเรื่องไหน และเมื่อนาทีของการโต้เถียงมาถึง ระบบอัตโนมัติของฉันก็ทำงานทันที ถึงตอนนั้นอะไรก็หยุดฉันไม่ได้แล้ว แม้แต่ความเงียบของเธอ

สิ่งที่ฉันเลือกทำคือการเดินหนีไปไกลจากที่ตรงนั้น มันก็เพื่อที่ฉันจะได้หยุดระบบความคิดของตัวเอง ทำให้ตัวเองเย็นลงให้ได้ บางครั้งสิ่งที่ฉันทำก็แค่ออกไปยืนมองฟ้าแล้วถอนหายใจแรงๆ ถ่ายความรู้สึกหนักอึ้งออกไป หรือแม้แต่นั่งมองอะไรไปเรื่อยๆ ได้ทบทวนความคิดเงียบๆลำพัง บางครั้งเมื่อคิดไปถึงที่สุด ฉันกลับพบว่าไม่มีอะไรเลวร้ายสักนิด ทุกอย่างอาจจบลงได้ด้วยคำ “ขอโทษ” คำเดียวเท่านั้น

เมื่อฉันเป็นฝ่ายเดินหนี แต่เธอเลือกที่จะอยู่ที่เดิม เธอเคยบอกฉันว่าไม่ชอบให้ฉันเดินออกไปไหน ถ้าเราทะเลาะกัน เธอไม่เข้าใจว่าการนั่งเงียบๆ โดยไม่ต้องพูดอะไรเป็นเรื่องง่ายๆ แต่ทำไมฉันทำไม่ได้

ฉันอยากให้เธอเข้าใจนะว่า มันเป็น ”วิธีของฉัน”ที่จะจัดการกับความพลุ่งพล่านในอารมณ์ที่กำลังปะทุอยู่เช่นเดียวกับที่เธอก็มี “วิธีของเธอ” ที่จะจัดการกับอารมณ์เดียวกันนั้น เพียงแต่เธอเลือกที่จะนิ่งและเงียบ เราต่างกันตรงนี้

ฉันไม่ได้บอกว่าวิธีของเธอผิด หรือ ถูก มันอาจจะดีสำหรับเธอก็ได้ แต่อย่าขอให้ฉันใช้วิธีเดียวกับเธอเลย เพราะฉันเชื่อว่า ตัวเราเองเท่านั้นที่ต้องรู้ว่าอะไรที่เหมาะกับตัวเราที่สุด แม้แต่การเลือกของนอกกายอย่าง เสื้อผ้า รองเท้า ยังต้องเลือกไซส์ที่พอดีตัว หากหลวมหรือคับเกินไป ย่อมใส่ไม่สบาย ไปจนถึงสิ่งที่ต้องเลือกและมองไม่เห็นเป็นรูปธรรมอย่าง “วิถีชีวิต” ที่ไม่มีใครเลือกแทนเราได้

เธอเคยบอกฉันว่า ถ้าหากโกรธกันแรงๆแล้วยังไม่ยอมสงบ วงของการพิพาทมันจะใหญ่ขึ้น สู้เงียบๆไป แล้วค่อยคิดทบทวน ความโกรธนั้นอาจสลายได้ง่ายกว่า แต่สำหรับคนบางประเภท โดยเฉพาะคนที่เถียงทุกอย่างแบบหัวชนฝา อย่างฉันแล้ว การไม่มีคำตอบ หรือคำตอบคือความเงียบ มันชวนให้ฉันอึดอัดใจมากขึ้นต่างหาก

จริงๆแล้ว ถ้ามองอย่างไม่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาล เราทุกคนก็คงมีสิทธิ์ที่จะทำอย่างไร คิดอย่างไรก็ได้ไม่ใช่หรือ การที่เธอแสดงความเป็นตัวของตัวเองอย่างที่เธอทำ กับการที่ฉันเองยืนยันว่าจะไม่อยู่ในอาณาบริเวณเดียวกับเธอ ก็ไม่ได้แปลว่าฉันจะหลุดออกจากวงโคจรของเธอเสียเมื่อไหร่

ชีวิตคู่ของเราอาจมีช่องว่างบ้างนะ ฉันอยากทำในสิ่งที่ฉันอยากทำ ขณะที่เธอเองก็ได้ทำในสิ่งที่ปรารถนา ฉันเลือกที่จะปฏิบัติต่อเหตุการณ์บางอย่างในแบบของฉัน มันคงไม่เลวร้ายเกินไปหรอก หากว่าบางทีฉันจะไม่ทำแบบเดียวกับเธอ ฉันรู้สึกว่าถ้าเราได้ทำในแบบที่เราอยากทำโดยปราศจากการชี้นำหรือบังคับของใคร ตัวของเราจะเบาสบายขึ้นมากทีเดียว

ในเมื่อไม่มีอะไรที่คนสองคนจะเหมือนกันได้โดยสมบูรณ์แบบ และเพราะเรามาจากคนละที่ คนละวิถีทาง หากอยากจะเดินไปด้วยกันไกลๆ คงต้องอาศัยความเข้าใจอีกมาก เหมือนที่ฉันเองก็ต้องเข้าใจในวิถีแห่งเธอ และเธอก็ต้องทำความเข้าใจในวิถีทางแห่งฉัน เราอาจเหมือนหรือต่างกันในบางเรื่อง ต่างเพื่อเรียนรู้ในวิถีแห่งเรา

เธอนั่งอยู่ตรงนั้น ส่วนฉันนั่งอยู่ตรงนี้ เรายิ้มให้กัน ในมือฉันมีหนังสือ ส่วนในมือเธอมีหนังสือเหมือนกัน และเป็นอย่างที่รู้กัน

ไม่มีใครพูดอะไร



Create Date : 27 กันยายน 2552
Last Update : 27 กันยายน 2552 13:05:55 น. 2 comments
Counter : 436 Pageviews.

 
ต่างคนต่างใจเนาะ


โดย: Tukta21 วันที่: 27 กันยายน 2552 เวลา:15:30:59 น.  

 
เหมือน ความเรียงฉบับนี้ เคยอ่านจากกระทู้เก่าของคุณเมื่อตอนช่วงปี 48 ค่ะ แต่เป็นแค่เพียงบางส่วนจากบทความนี้เท่านั้น

อ่านแล้วยังจำได้ ชอบตรงที่กล่าวถึงต่างคนต่างอ่านหนังสือ ดูเหมือนไม่สนใจกัน แต่เราคอยเหลือบมองกัน

...ชีวิตจริง พอเราได้อยู่ด้วยกัน เราก็เป็นแบบนี้น่ะ ต่างคนต่างอ่าน มีแต่เราที่ชำเลืองมองอีกฝ่าย แต่อีกฝ่ายไม่หันมามองเลย อ่านจนหลับ


โดย: aenew วันที่: 27 กันยายน 2552 เวลา:15:50:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

bewae1001
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




***************
// อย่ารอให้ป่วยก่อนแล้วจึงคิดนะคะ

นวภัทร ( บี )
นักเขียนอิสระ และ ที่ปรึกษาแผนประกันชีวิตและการเงิน
โทรศัพท์มือถือ 089-1459977

ความรู้อื่นๆ :
ผ่านการอบรม basic skilsl in counselling psychology กับอาจารย์พงศ์ปกรณ์ พิชิตฉัตรธนา @ ชมรมจิตวิทยาสมาธิ

ขอฝากเว็บไซต์ของอาจารย์พงศ์ปกรณ์ค่ะ http://www.medihealing.com

EMail ของผู้เขียน : Mybusy2004@yahoo.com
Facebook ของผู้เขียน : Parawee Nasaree

สำนักพิมพ์สะพานจัดพิมพ์นิยายหญิงรักหญิงของฉัน ( ดวงดาวดอกไม้ 2 เล่มจบ และนิยายขนาดสั้น ดอกไม้กับดอกไม้ ( ปกหนังสือด้านบน ) สั่งซื้อได้ที่นี่ค่ะ คลิกเลย!!

จำนวนบล็อก ณ ขณะนี้ 1147 บล็อกค่ะ
เริ่มเขียน 6 กันยายน 2548 บล็อกเก่าๆค้นได้จากกรุ๊ปบล็อกผู้หญิงสีรุ้งปี 53 นะคะ

ยินดีแบ่งปันความรู้และสิ่งที่มีประโยชน์ผ่านข้อเขียนในบล็อกนี้ และหากต้องการนำไปใช้ต่อหรือลงเผยแพร่้ในที่ใดก็ตาม กรุณาแจ้งก่อนนำไปใช้ที่ email ด้านบน ขอบคุณค่ะ





Parawee Nasaree

Create Your Badge

New Comments
Friends' blogs
[Add bewae1001's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.