images by free.in.th images by free.in.th
Group Blog
 
All blogs
 

จุดเปลี่ยน ??

นั่งทานข้าวกลางวันกับน้องๆเมื่อวานนี้ เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น
เบอร์ปลายทางแสดงชื่อ 'น้องรัก' ที่ไม่ค่อยได้คุยกันนานมาก

นานๆโทรมาทีแบบนี้ จะมีอะไรนอกจากการ update ชีวิตของกันและกัน แต่ดีใจจริงๆที่น้องคิดถึง เราคิดถึงน้องเหมือนกัน
เพราะห่างหายไปนาน ไม่ได้คุยกันมาเป็นปีแล้ว

น้องรู้เลาๆว่าฉันได้เลิกราจากคนรักไปแล้ว มันไม่น่าเกิดขึ้น ใช่สิ,
ไม่น่าเกิดขึ้น เพราะทุกอย่างระหว่างเราดูเหมือนจะดี เธอรู้ว่าฉันรัก
คนของฉันแค่ไหน เราดูแลกันดีมาตั้งหลายปี

แต่มันก็เป็นเรื่องเก่าๆเดิมๆ

คนรักเก่าก่อนหน้าก็รู้เรื่องนี้ ฉันยังเคยถามว่า รู้แล้วรู้สึกอะไรบ้าง
จะสมน้ำหน้าฉันไหม ก็ฉันเป็นฝ่ายทิ้งเธอมา แล้วบัดนี้ก็เป็นฉันที่เป็นฝ่ายถูกทิ้ง

มันก็วนๆเวียนๆ

คนรักเก่ามีความสุขดีแล้ว แค่นั้นที่ควรจะเป็นเรื่องที่ดี น่าดีใจ...

เมื่อถูกทื้งแล้วก็ไมได้มองตัวเองว่าไร้ค่า ฉันยังอยู่ได้ ชีวิตไม่หอมหวานเหมือนเก่า ฉันรู้ดีว่าหัวใจมีแผล จึงได้ดูแลเยียวยามันมาตลอด
ชีวิตไม่ได้แย่เลย ฉันหาอะไรทำ เดินทางเป็นว่าเล่น

และ 'มีความรัก'

เวลาหนึ่งปีที่ผ่านมาก็ช่วยฉันให้พบเจอกับมุมใหม่ๆในชีวิต

'แผลหายหรือยัง' น่าจะหายแล้วนะ ไม่อย่างนั้น ฉันจะเริ่มต้นใหม่ได้ตอนไหน ฉันจะทิ้งร้างหัวใจไว้ให้อดีตย่ำยีเล่นทำไมกัน

แต่ถึงกระนั้นในวันที่แผลแห้งสนิท ก็ยังอุตส่าห์ไปสะกิดให้มันเจ็บปวด

มีบ้างที่มันแปลบปลาบ แต่สักวันมันต้องหายดี

...

น้องรักโผล่มา บอกว่า ตะหงิดๆใจ คิดถึงฉัน เราเคยคุยกันมากมาย
เรื่องชีวิต คิดนั่นคิดนี่กันมาก มีเรื่องหนึ่งที่เราเหมือนกันเสมอคือเราอยากมีสตางค์เยอะๆไว้ช่วยเหลือคนอื่น

ฉันอยากช่วยสัตว์ที่ถูกทอดทิ้ง เรารักสัตว์เหมือนๆกันโดยเฉพาะแมว

ฉันเปิดใจกับน้องเรื่องหนึ่ง ว่าชีวิตฉันมีจุดเปลี่ยน
เราคุยกันจนเข้าใกล้เรื่องของอาการ 'สับสนทางเพศ' เหมือนที่เคยเขียนก่อนหน้านี้

ฉันบอกกับน้องว่าฉันเปลี่ยนทัศนคติที่มีเกี่ยวกับ ตัวเอง , ความรัก และโลกนี้ ไปมาก เมื่อร้างลาจากความรักครั้งเก่า

ปีเดียวเอง ฉันเจอมรสุมหนักทั้งเรื่องรักและเรื่องงาน แต่การเปลี่ยนแปลงนั้นมันก็สวยงามดีนะคะ มันเหมือนต้นไม้สลัดใบเก่าๆแห้งๆทิ้ง แล้วรอฝนมาเพื่อที่จะผลิใบใหม่ ดอกใหม่

ฉันว่าชุดความคิดของเราต้องมีจุดเปลี่ยนเมื่อมันถึงเวลา

'ความรักไม่มีเพศ ไม่มีรูปแบบ' อีกแล้วในความรู้สึกของฉัน เวลานี้ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะต้องเป็นอะไร แบบไหน รู้แต่ว่า ฉันไม่จำเป็นต้องแต่งตัวแบบที่ 'ใครก็ไม่รู้' กำหนด หรือต้องเป็นอะไรแบบที่ 'ใครก็ไม่รู้' มากำหนด

ไม่ต้องเป็นอะไรตามแบบแผนทั้งนั้น ฉันเป็นของฉันแบบนี้ ฉันรักผู้หญิง และฉันก็เป็นผู้หญิง

คนรักของฉันอาจจะห้าวกว่าฉันก็ได้ หรืออาจจะนุ่มนิ่มเหมือนกันก็ได้
จะไปกำหนดอะไรทำไม ความรักของฉันไม่มีชื่อเรียก ไม่มีแบบแผน ไม่มีอะไรตายตัว ฉันไม่อยากกำหนดสเปคให้ความรักของฉัน ไม่อยากมีเงื่อนไขอะไรให้มันอีกแล้ว

น้องส่งเสียง อือๆๆ แล้วก็บอกว่า เธอเองก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน บางวันเธอก็แต่งตัวสาว บางวันเธอก็แต่งตัวห้าวๆแมนๆ ทำเอาคนทั้งออฟฟิศงงงวย แต่มันก็สนุกดี

เหมือนความรักของเธอเช่นกัน เธอไม่มีเงื่อนไขอะไร ความรักของเธอไม่มีเพศ เธอไม่กำหนดอะไรทั้งนั้น เมื่อมันลงล็อก มันก็จะสมบูรณ์ในตัวเอง

...

คนเราทุกคนมีจุดเปลี่ยนค่ะ เราจะรู้เองและเปลี่ยนเอง ไม่ใช่สิ ,
จักรวาลนี้ต่างหากที่จะกำหนดให้เราเปลี่ยน เมื่อเราเจอโจทย์และต้องเรียนรู้ที่จะตอบโจทย์ที่เขาส่งมาให้

ฉันเชื่อแล้วว่าทุกเรื่องที่เกิดกับเรามีจุดประสงค์อะไรบางอย่างซ่อนอยู่
สมมติว่าวันนี้คุณอกหัก ถูกทิ้ง เหมือนกับที่ฉันและคนอื่นๆเคยเจอมาแล้ว หรือไม่ว่าจะเจอเรื่องร้ายใดๆก็ตาม

เมื่อตั้งสติ ลุกขึ้นมาได้ คุณจะได้เรียนรู้ชีวิตในแง่มุมใหม่

เกมยังไม่ over หรอกค่ะ ตราบใดที่เรายังหายใจ

ลองดูสักตั้งนะคะคุณ !!




 

Create Date : 31 มกราคม 2552    
Last Update : 31 มกราคม 2552 14:23:24 น.
Counter : 388 Pageviews.  

ความรักไม่ใช่เซเว่นอีเลเว่น

คุณคะ

ไหน.. ใคร 'ติดแฟน' บ้าง ยกมือขึ้น

เอ่อ รวมฉันด้วยนะ ฉันเองก็เป็นค่ะ ตลอดเวลาที่มีความรักมา
ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ก็เป็นทุกครั้งเลย แฮ่ะๆๆ ชอบคลุกคลีอยู่กับแฟน เหมือนแมวตอนอารมณ์ดีๆ !!

แล้วไงเล้าาาา ไม่ดีเลย เพราะมันเคยเป็นเหตุในชีวิตคู่ของฉันมาแล้วสิคะ

เป็นกันหรือเปล่าคะ โรคติดแฟน จะบอกว่าไม่ดีนะคะ อย่าทำๆ หากใครเป็นอยู่ขอให้เพลาๆ
หากใครคิดว่าตัวเองใกล้จะเป็นแล้ว ลองคิดดูใหม่นะคะ

ทำไมไม่ดี

เคยได้ยินเพลงของ วง pause ไหมคะ เพลง 'ที่ว่าง' น่ะ
มันใช่เลยนะคะคุณ คนเราควรมีที่ว่างให้กันเหมือนที่เพลงเขาว่าไว้

ยิ่งไปกว่านั้น ฉันคิดวาเราควรมี 'ที่ของตัวเอง' ด้วยค่ะ

...

ฉันคิดว่าเมื่อเราโต ความรักแบบเด็กๆชนิดต้องติดหนึบไปไหนไปกัน ไม่น่าจะใช่รูปแบบความรักที่พึงประสงค์

อยากเห็นหน้าเขาทุกวัน อยากอยู่กับเขาทั้งวันทั้งคืน อยากไปไหนไปกันตลอดเวลา เป็นแบบนี้กันหรือเปล่าคะ
หากเป็น คุณควรจะถอยนะ

อย่าลืมว่าการอยู่ใกล้กันในระยะที่ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้มีโลกส่วนตัวของเขาบ้าง กำลังแปลว่า เขาจะไม่มีโอกาสได้
ทำในสิ่งที่เขาอยากทำ และคุณเองก็ด้วยที่กำลังลืมไปว่า คุณก็มีสิ่งที่คุณต้องทำเหมือนกัน

ฉันเชื่อว่าคนเราต้องการพื้นที่ของตัวเองทุกคน ให้ได้ทำในสิ่งที่ไม่ต้องถูกใครว่าหรือตำหนิ สิ่งที่แฟนเราชอบทำบางที
อาจไม่ถูกต้อง ไม่เห็นจะดีหรือจะใชเลยในความรู้สึกของเรา หากเราเผลอไปติดสินเขาและบังคับไมให้เขาทำในสิ่งที่
เขาอยากทำ นั่นอาจจะได้แค่ช่วงแรกๆ แต่มันจะไม่ดีในระยะยาว

และการไปกะเกณฑ์ให้ทุกอย่างได้อย่างใจเราโดยไม่แคร์เลยว่าเขาอยากได้อะไรอยากทำอะไร ( ทำแล้วสบายใจ )
ก็อันตรายต่อชีวิตคู่อย่างยิ่ง

อย่าลืมว่าเมื่อโตขึ้น ชีวิตเราก็ไม่ได้มีแต่เรื่องรัก

ความรักนั้นไม่ใช่แค่เรื่องของ 'คนสองคน' ค่ะ แต่เป็นเรือ่งของ 'ตัวเราเอง' ด้วย ที่ต้องรักตัวเอง แม้จะมีคนรัก แล้วรักกันมาก
ปานจะกลืนกิน ก็ไมได้หมายความว่าทั้งสองคนจะต้องมาทำตัวติดกัน หายใจด้วยรูจมูกเดียวกันเสียเมื่อไหร่

ดูต้นไม้สิ เขาเว้นระยะ แว้นแนวเวลาลงเมล็ด และเมื่อมันเติบโต ที่ว่างที่ห่างกันก็มากพอที่จะให้พวกมันแตกกิ่งก้านสาขา
ออกไปตามธรรมชาติ เมือ่กระทบกัน มันก็กระทบกันแต่น้อย แต่ก็ยังเกื้อกูลต่อกัน ดูดน้ำจากที่ดินผืนเดียวกัน ได้แสงจาก
ดวงอาทิตย์เดียวกัน

โตไปพร้อมๆกัน

ความรักต้องการพื้นที่ส่วนนี้ด้วยค่ะ

....

ติดแฟนแต่พองามดีกว่านะคะ ปล่อยให้เขาได้อยู่ของเขาบ้าง เราก็อยู่ของเราบ้าง ห่างกันนิด ระยะที่สวยงามนั้น
จะเอื้อให้ความรักของเราเติบโต เช้าสายบ่ายเย็น ไมได้เห็นหน้าบ้างจะได้เพิ่มความคิดถึง

ความรักไม่ใช่เซเว่นอีเลเว่น ไม่จำเป็นต้องหันมาจ๊ะเอ๋กันยี่สิบสี่ชั่วโมงหรอก ไม่อยากเห็นเดือนเห็นตะวันแทนหน้าแฟนบ้างเหรอ บางทีหน้าแฟนก็ไมได้น่าดูตลอดเวลาสักหน่อยนี่คะ 555

ใช่ไหมคะคุณ !!!




 

Create Date : 30 มกราคม 2552    
Last Update : 30 มกราคม 2552 7:16:45 น.
Counter : 458 Pageviews.  

สับสนทางเพศหรือเปล่าเนี่ย ( 4 )

คืนที่สี่ที่ฉันยังคงอยู่กับเรื่อง 'สับสนทางเพศ' คุยแบบมีประเด็นไปเรื่อยๆก็ดีเหมือนกันนะคะ

หวังว่าเจ้าของจดหมายผู้จุดประเด็นจะได้อ่านผ่านตา อาจจะได้คำตอบหรือไม่ได้ก็ไม่ทราบ แต่ต้องขอบคุณค่ะที่ทำให้ฉันได้เก็บมาคิด
ขอบคุณคนอ่านที่ผ่านมาที่มาร่วมแชร์ด้วยนะคะ

ฉันคิดว่าการที่เราแบ่งปันกันนั้น แม้แต่แค่การแบ่งปันความรู้สึก
หรือร่วมรับฟัง ก็เป็นกุศลจิตอย่างหนึ่ง แก่ผู้ที่กำลังทุกข์ใจแล้วล่ะค่ะ

เพราะเชื่อว่ายังมีคนอีกมากมายที่หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ในเรื่องต่างๆ
ซึ่งตัวฉันเองก็ไม่ใช่กูรูอะไรเลย แค่คิดและเขียนตามที่รู้สึก บวกกับสิ่งที่ตัวเองได้ประสบมาเท่านั้นเอง

...

เอาล่ะ มาคุยต่อนะคะ

เมื่อวานค้างไว้ที่สาวๆบางคนอาจจะต้องทำตามความต้องการของครอบครัว ด้วยการแต่งงาน ผลที่ได้รับหลังจากนั้น หากปรับตัวได้
ก็ดีไป แต่หากปรับตัวไม่ได้ มันก็จะกลายเป็นปัญหา

ฉันบอกไปว่าบางทีเราต้องคิดถึงตัวเองให้น้อยกว่า

บังเอิญวันนี้ได้อ่านหนังสือเข็มทิศชีวิตของคุณฐิตินาถ เธอนำธรรมะมาย่อย เขียนให้เราอ่านเข้าใจง่ายๆ เรื่องของปัญหาหรือความทุกข์ที่ผ่านมาในชีวิตเรา หากเรามองให้มันใหญ่ มันก็ใหญ่ แต่หากเราดูจิต ฝึกดูสิ่งที่มันมากระทบเราแล้วเราลอยตัวเหนือมันได้เมื่อไหร่

ทุกข์นั้นจะไม่ใช่ทุกข์ ฉันคิดว่าถอดความมาไม่ผิดนะคะ เมื่อเราเห็น
ทุกข์ไม่ใช่ทุกข์ มันก็จะกลายเป็นแค่เรื่องเล็กๆที่แม้กระทบใจเรามันก็ไม่เป็นผล ไม่ขยายทุกข์ เมื่อเราเพ่งมองมันเป็นแค่บางสิ่งธรรมดา

เราก็จะสุขมาก ทุกข์น้อย

หากต้องอยู่กับปัญหา ก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่เหนือมัน

....

ลำพังการต้องแต่งงานโดยฝืนใจก็แย่แล้ว แต่หากทำไปแล้วยิ่งทุกข์
คงยิ่งหาความสุขไม่เจอ เฮ้อ.. เข้าใจจริงๆค่ะ

ไม่เป็นไรหรอกนะคะ เพื่อนของเราในโลกนี้ ทุกข์กันทุกคนแหละ เพียงแต่ปัญหาอาจมากน้อยต่างกันเท่านั้นเอง

....

กลับมาเรื่องเดิมค่ะ สับสนกันต่อไป

ฉันเล่าถึงตัวเองในตอนก่อนๆ ว่าได้เรียนรู้มุมมองใหม่ๆจากชีวิตของคนอื่นๆ และตัวฉันเองก็ใช้ชีวิตรักแบบโลดโผนมาตลอด

ก็บอกแล้วนี่นาว่า ตกลงจะเป็นทอมล่ะนะ

ใช้ชีวิตอย่างนั้นมาตั้งนานแน่ะค่ะ 55 จะว่าไปก็ตลกตัวเองจริงๆที่เป็นอย่างนั้นได้ มาถึงตอนนี้นึกย้อนไปก็ให้ขำว่าเราเคยทำตัวแบบนั้นจริงๆนะ แล้วยังคิดว่าสิ่งที่เป็นนั้นน่ะ ถูกต้อง เปลี่ยนไม่ได้ แบบนี้แหละใช่ฉัน

แต่แม้จะเป็นอย่างนั้นมา ตัวฉันก็ยังนุ่มนิ่ม คะขา จ๊ะจ๋า ไม่เคยทำตัวห้าวๆ แมนๆ จะว่าไป ภาพภายนอกที่เหมือนจะห้าวแต่ไม่ห้าวนั้นก็ติดตัวฉันมาตั้งหลายปี แต่พอใครที่มาใกล้ชิดจะบอกว่า ฉันเนี่ยนะ ทอม
ไม่ใช่ๆๆๆ ฉันไม่เหมือนทอมเลย

ในสังคมเราจะมีความเข้าใจว่า การที่ผู้หญิงคนหนึ่งแต่งตัวไม่หวาน
ไม่แต่งหน้าแต่งตา ไม่ทำตัว 'เลดี๊ เลดี้' ผู้หญิงคนนั้นคือ ทอมล่ะ
โดยที่ลืมไปว่าจริงๆแล้วยังมีผู้หญิงอีกสองประเภทที่อยู่ในข่ายนี้

นั่นคือผู้หญิงห้าว ที่ติดนิสัยห้าวๆ เหมือนผู้ชาย แต่เธอไม่ใช่ทอม
กับ ผู้หญิงเชยๆ ที่ไม่เคยคิดจะลุกขึ้นมาแต่งตัว

ฉันน่ะอาจจะนอกข่ายนี้ เพราะคิดและฝังทัศนคติให้ตัวเองไปแล้วว่า
หากตัวเองไม่หวานแบบนี้ ฉันก็ต้องเป็นทอมน่ะสิ 55

ทัศนคติที่เกิดขึ้นจากการเรียนรู้ สำคัญมากค่ะ ต่อการที่เราจะใช้ชีวิตในแต่ละช่วงอย่างไร โดยเฉพาะในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของเรา และหาก
เราไปได้แบบอย่างที่ไม่ดี การเอาอย่างที่ติดตัวมาก็ย่อมส่งผลต่อชีวิตในอนาคตของเราด้วย

ฉันจึงคิดว่า การที่เราเห็นว่ามีทอมๆดี้ๆ ตลอดจนสาวๆเดินควงกันให้เกลื่อนถนนในสมัยนี้ก็เป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจนะคะ ( สำหรับเด็กยุคใหม่ที่กำลังสับสน ต้องคิดดีๆนะคะว่า ที่เราเป็นอย่างนั้นคือตัวเราจริงๆ ไม่ได้เป็นตามแฟชั่นหรือตามใคร )

การรักเพศเดียวกันนั้นไม่ใช่เรื่องผิด แต่การที่เด็กคนหนึ่งจะกลายเป็นแบบนี้โดยที่เขามีความเข้าใจที่ผิดว่า มันดีนะ ใครๆก็ทำกัน อาจจะกลายเป็นว่าเขาจะไม่รู้เลยว่า ความยากลำบากของการมีชีวิตแบบนี้เป็นเรื่องหนักหนาที่ต้องแบกรับเหมือนกัน หากในครอบครัวไม่เข้าใจ
ปัญหาเยอะนะคะ

แถมยังเกิดปัญหากับตัวเองอีกด้วยล่ะ ก็ในเมื่อมันสับสน มันค้างคาอย่างนี้ จะเป็นอะไรกันแน่

แล้วถามว่าให้ทำอย่างไร ทำอะไรได้ไหม ก็อยู่กับตัวเองไปนั่นแหละค่ะ
เรียนรู้และสังเกตตัวเองไป ว่าคุณมีความสุขเมื่อคุณเป็นอะไร ฉันตอบให้ก็ได้ ว่าเมื่อเรารู้ว่าเราเป็นอะไรแบบไหนแล้วเรามีความสุข เราก็เป็นแบบนั้นแหละ

ไม่ต้องไปฝืน ไม่ต้องไปคิดมาก ไม่ต้องไปสนใจว่าคนในสังคมจะมองว่าคุณเป็นอะไรกันแน่ สำคัญอยู่ที่ตัวเองเป็นอะไรแล้วมีความสุขมากกว่าต่างหาก

เมื่อวานเป็นดี้ วันนี้ก็เป็นทอมได้ 55 หรือเมื่อวานเป็นทอม วันนี้จะไม่เป็นแล้ว ก็ได้ค่ะ (ฮา ) ฉันขอเถียงจริงๆนะ ไอ้ที่ใครบอกว่าเป็นอะไรแล้วต้องเป็นแบบนั้น เปลี่ยนไม่ได้นั้นไม่จริง เป็นทัศนคติที่ฝังลึกเกินไปแล้วค่ะแบบนั้น

เพราะไม่ว่ามันจะเป็นอะไร เราก็เป็นผู้หญิงที่รักผู้หญิงด้วยกันนั่นแหละ เพียงแต่เราต่างกันตรงที่จะห้าวกว่า หวานกว่า เท่านั้นเอง

ฉันเชื่อ เพราะมันเกิดขึ้นกับตัวฉันมาแล้ว ว่าเราไม่จำเป็นต้องไปยึดติดกับอะไรเลย คนเราเมื่อถึงเวลาหนึ่งทุกอย่างจะถูกปรับ balance โดย
การเรียนรู้ใหม่ค่ะ

และคนเราเรียนรู้ตลอดเวลาที่เรามีชีวิตนั่นเอง

พรุ่งนี้มาต่อนะคะ !!!




 

Create Date : 29 มกราคม 2552    
Last Update : 29 มกราคม 2552 22:32:35 น.
Counter : 557 Pageviews.  

สับสนทางเพศหรือเปล่าเนี่ย ( 3 )

ยังสับสนทางเพศหรือเปล่าเนี่ย มาต่อกันนะคะ

อย่างที่เล่าไปว่า เมื่อได้พบเพื่อนกลุ่มนั้นซึ่งทำให้ฉันตั้งคำถามถามตัวเองใหม่ว่า รูปแบบของความรักในเพศหญิงด้วยกันนั้น
มันไม่ได้จำกัดหรือจำเป็นว่าจะต้องเป็นทอม กับ ดี้ เท่านั้น

ขอตั้งข้อสังเกตว่า ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงภายในของตัวเราด้วยนะคะ ไอ้ที่บอกว่าไม่มีวัน ฉันจะไม่เปลี่ยนนั้น
ไม่จริ๊ง ไม่จริงค่ะ ทุกสิ่งในโลกเปลี่ยนแปลงทุกวัน ทุกนาที
ไม่เชื่อลองถามใจตัวเองดู

นาทีที่แล้วกับนาทีนี้ยังคิดไม่เหมือนกันเลย
แล้วนับประสาอะไรกับการที่จะให้คนอื่นมาคิดเหมือนเรา
เรายังเปลี่ยนได้เลย

เคสของฉันให้เล่า ก็คงยาวมาก

ขอคั่นไปอีกประเด็นหนึ่งว่า ยังมีเคสของคนที่ยังสบสนทางเพศอีกจำพวกหนึ่งก็คือ ผู้หญิงที่ไม่แน่ใจว่าตัวเองรักเพศเดียวกัน ชอบเพศเดียวกันหรือเปล่า ไม่ชัดเจน หาคำตอบไม่ได้ และมีเหตุให้ต้องไปแต่งงาน ซึ่งก็อาจจะเป็นด้วยการบังคับ ขัดครอบครัวไม่ได้ และหรือ
ที่แต่งงานไปเพื่อจะเปลี่ยนตัวเอง โดยที่คิดว่ามันจะเปลี่ยนได้

ฉันคิดว่าอันตรายมาก หากไม่คิดให้ดีก่อน เพราะการไปแต่งงาน
เพื่ออะไรใดๆก็แล้วแต่ หลังจากนั้นจะไม่สามารถหลุดจากรอบออกมาเป็นตัวของตัวเองได้ง่ายๆแล้วนะคะ

และมีเยอะแยะด้วยค่ะ จากที่เคยอ่านหนังสือ ผ่านการบอกเล่าพูดคุยจากอะไรก็แล้วแต่ แต่มีจริงๆ

แล้วถามว่าทำอะไรได้บ้าง นอกจากจะต้องเก็บความรู้สึกเอาไว้
แสดงออกไม่ได้ เหมือนภาวะน้ำท่วมปาก ทำอะไรไม่ได้เลย
เข้าใจสภาพนี้ดีค่ะ อุปมาเหมือนที่ฉันกำลังเจอคนแผลงอำนาจใส่
และทำอะไรไม่ได้อยู่นี่ล่ะ 55

เราทำอะไรไม่ได้จริงหรือ ฉันว่าไม่จริงหรอกค่ะ ประการแรกต้องลองถามตัวเองดูให้แน่ว่าที่อยู่ไปนั้น มันมีความสุขจริงหรือเปล่า และเป็นสิ่งที่เราต้องการจริงๆหรือเปล่า อย่าหลอกตัวเองนะคะ

ฉันคิดว่าคนเราอยู่ในที่ที่คับอกคับใจไม่ได้นานหรอกค่ะ เพราะความรู้สึกของเราจะถูกกักขัง นกมันยังดิ้นรนอยากบินด้วยธรรมชาติของมัน
แล้วนี่หัวใจคน บังคับยากจะตายไป

ถ้าที่ที่ยังอยู่ยังพอหาความสุขได้ ยังพอให้คิดได้ว่า มันเป็นความสบายใจก็อาจจะลองปรับหัวใจดูใหม่ บางทีอารมณ์กับเหตุผลมันก็ต้องอาศัยการชั่งน้ำหนัก บางสถานการณ์ใช้แต่อารมณ์ไม่ได้หรอกค่ะ โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่ได้มีเรากับผู้ชายคนนั้นแค่สองคน แต่ยังหมายถึงลูก
ที่เขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย

ให้มองอย่างใจยุติธรรม บางครั้งเราอาจจะต้องคิดถึงตัวเองให้น้อยกว่าก็ได้ค่ะ

แต่ถ้าต้องอยู่เพื่ออะไรก็แล้วแต่ ก็ควรให้ตัวเองได้สบายใจด้วย
อาจจะต้องเปลี่ยนมุมคิด ชั่งน้ำหนักแล้วหาทางลงที่ดี

โอย.. ฉันนี่ก็บังอาจแนะนำนะ

ไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นคำตอบที่ดีค่ะ เพียงแค่คิดนึกไปตามประสา ว่าในบางสถานการณ์น่ะ เราจะเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางไม่ได้เท่านั้นค่ะ

...

สำหรับเรื่องของตัวเอง ผ่านจุดที่คิดว่าสับสนมาแล้ว ก็เรียนรู้ต่อไป
แปลกมากค่ะ ฉันคิดว่ายิ่งผ่านชีวิตมามาก ฉันยังกลับรู้สึกว่าเรายังเรียนรู้ไม่มีวันหมด

โดยเฉพาะเรื่องของการเลื่อนไหลทางเพศ เป็นไปได้แฮะ

โชคดีที่ฉันเอง ไม่ได้ถูกบังคับโดยครอบครัว แม่กับพ่อไม่เคยมาวุ่นวายเรื่องความรัก นี่เป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่พ่อกับแม่ให้ฉัน

จึงเป็นโชคที่ไม่ต้องแต่งงานทั้งที่ตัวเองก็รักผู้หญิงด้วยกัน ไม่อย่างนั้น
ฉันอาจจะไปเจอสภาพแบบข้างบน ตามที่เล่า

เหตุนี้ทำให้ฉันเข้าใจสภาพจิตใจของคนที่ต้องทำตามคำขอร้องของครอบครัว และต้องอยู่ในจุดที่ตัวเองไม่อยากอยู่

ชีวิตทั้งชีวิตของเรา ไปอยู่ในมือของคนอื่นเสียอย่างนั้น !!

พรุ่งนี้มาว่าต่อนะคะ ...




 

Create Date : 28 มกราคม 2552    
Last Update : 28 มกราคม 2552 22:55:40 น.
Counter : 418 Pageviews.  

สับสนทางเพศหรือเปล่าเนี่ย ( 2 )

สับสนทางเพศหรือเปล่าเนี่ย

อืมม.. กลับมานั่งคุยกันอีกทีนะคะ

หวังว่าคำถามนี้ที่มีคุณๆ มาช่วยคิดและตอบและบางสิ่งอันเกิดเกิดจากประสบการณ์ของฉันจะตอบคำถามอะไรได้บ้างนะคะ

กว่าฉันจะผ่านความสับสนและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ แน่นอน
ไม่ง่ายเลยนะคะ

แต่ฉันจะบอกคุณว่า ในอดีตเวลานั้น เราไม่มีแบบอย่าง หรือ
ไม่มีใครมาชี้แนะแนวทางกับเรา ตัวเราเองจำเป็นต้องหาคำตอบให้ตัวเองใช่ไหมคะ

ฉันในเวลานั้นก็มีคำตอบให้ตัวเองได้ว่า เอ่อ ฉันต้องเป็นทอมแน่เลย
ก็ในเมื่อเธอคนที่ฉันชอบน่ะ เป็นผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่งเอง เธอไม่ได้เป็นทอม ไม่ได้ห้าว

เธอก็เป็นเด็กน่ารักๆคนหนึ่งที่มีเด็กผู้ชายไปรุมชอบตั้งหลายคนแน่ะ
ว้าว เราก็ตาถึงเหมือนกันนะ

ผ่านเวลามาสองสามปีจนได้พบเจอกันและได้ใกล้ชิดกัน ฉันในเวลานั้นก็ยังเป็นสาวผมยาว แต่ไม่มีความห้าวอยู่ดี เอาล่ะค่ะ ฉันตัดสินใจแล้วว่าตัวเองต้องเป็นทอมแน่ๆเลย 555

ประกอบกับตัวเองหวานน้อยกว่าเธอ ฉันไม่แต่งหน้า ไม่แต่งตัวหวานๆ
( ธรรมดามากๆ เอ้า !! )

ตกลงเป็นทอมล่ะนะ

....

คุณคงเคยเห็นว่าทอมสมัยนี้ ส่วนใหญ่จะแต่งตัว ทำผม กันแบบแนวๆ
วันก่อนเห็นเดินมาแถวๆหน้าตึกที่ทำงาน ยังกับหลุดมาจากแคทตาล็อกแฟชั่น

แต่สมัยนั้น ทอมต้องตัดผมสั้น ออกแมนๆ ประเภทผมตั้งๆแต่งตัวแนวๆน่ะ ไม่มีหรอกค่ะ การแต่งตัวของทอมสมัยนั้นคือ เสื้อเชิ๊ตตัวใหญ่โคร่ง มีเสื้อกล้ามข้างในด้วยนะ ผมสั้นๆเกรียนๆเหมือนผู้ชาย
พูดจาลงท้ายด้วย ฮะ หรือ ครับ ด้วยนะคะ 555

ทอมเกาหลี หรือ ทอมชีเน่ สมัยนี้ ออกจะสำอางค์ ผิดกันเลยค่ะ

.......

ตอนนั้นฉันไม่สับสนทางเพศแล้วนะคะ เมื่อคิดได้แบบนั้น
ตลอดหลายๆปีจากนั้นมา ชีวิตรักอันสุดโลดโผนก็เริ่มต้นขึ้นเรื่อยๆค่ะ
เรียกได้ว่า ไม่เคยที่จะว่างเว้นเลย

ตลอดเวลาที่ตัวเองคิดแบบนั้น และเป็นแบบนั้น คนที่เข้ามาจึงเป็นสาวๆทั้งนั้นค่ะ ทั้งที่ตัวเองก็ไม่มีความห้าวอะไรเลยนี่แหละ ยังคง
นุ่มนวล อ่อนโยน ผิดธรรมชาติทอม 555

ฉันจะบอกคุณว่า แม้เราจะคิดว่าตัวเองเป็นอะไร อย่างฝังใจและติดแน่นจนคิดว่าตัวเองเปลี่ยนไม่ได้ แท้จริงแล้วไม่ใช่เลยนะคะ

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการเรียนรู้และสังเกตตัวเอง ตลอดจนการเปิดใจกว้างที่จะค้นพบแง่มุมใหม่ๆ ทำให้เราเปลี่ยนได้ค่ะ มันมีตัวอย่างให้เห็นมาแล้ว

....

ครั้งหนึ่งได้เคยพบเพื่อน ซึ่งสร้างความสงสัยให้ฉันมาก เพื่อนของฉันผมสั้นๆเลยนะคะ ดูเผินๆแต่แรก ฉันคิดว่าเธอเป็นทอมแน่ๆ ตอนนั้นอย่างที่บอก ฉันเรียนรู้ว่ามันมีแค่ทอมกับดี้

หากผิดจากนี้ ดูจะงงๆว่าเป็นเพศไหนกันแน่

ฉันก็ยิ่งงง เมื่อได้ทราบว่า เพื่อนสองสามคนผมสั้นๆกลุ่มนั้น เขาบอกว่าเขาไม่ได้เป็นทอมสักหน่อย แต่นิยามของเธอคือ หญิงรักหญิง
สมัยนี้ คือ เลสเบี้ยน

ไม่จำเป็นว่าจะต้องแสดงออกว่าตัวเองเป็นอะไรอย่างชัดเจน มันคือ
รูปแบบที่ไม่ได้ตายตัวขนาดนั้น

คำว่าหญิงรักหญิง หรือคำว่า เลส เป็นความรู้ใหม่ในเวลานั้นสำหรับฉัน
และเชื่อว่า เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงนิยามของความรักเพศเดียวกันอีกจุดหนึ่งด้วย

เจอกันที่ทำงานนะคะ
หากไม่มีอะไรหนักหนา ฉันจะเล่าให้ฟังอีก !!!




 

Create Date : 28 มกราคม 2552    
Last Update : 28 มกราคม 2552 6:47:14 น.
Counter : 563 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  138  139  140  141  142  143  144  145  146  147  148  149  150  151  152  153  154  155  156  157  158  159  160  161  162  163  164  165  166  167  168  169  170  171  172  173  174  175  176  177  178  

bewae1001
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




***************
// อย่ารอให้ป่วยก่อนแล้วจึงคิดนะคะ

นวภัทร ( บี )
นักเขียนอิสระ และ ที่ปรึกษาแผนประกันชีวิตและการเงิน
โทรศัพท์มือถือ 089-1459977

ความรู้อื่นๆ :
ผ่านการอบรม basic skilsl in counselling psychology กับอาจารย์พงศ์ปกรณ์ พิชิตฉัตรธนา @ ชมรมจิตวิทยาสมาธิ

ขอฝากเว็บไซต์ของอาจารย์พงศ์ปกรณ์ค่ะ http://www.medihealing.com

EMail ของผู้เขียน : Mybusy2004@yahoo.com
Facebook ของผู้เขียน : Parawee Nasaree

สำนักพิมพ์สะพานจัดพิมพ์นิยายหญิงรักหญิงของฉัน ( ดวงดาวดอกไม้ 2 เล่มจบ และนิยายขนาดสั้น ดอกไม้กับดอกไม้ ( ปกหนังสือด้านบน ) สั่งซื้อได้ที่นี่ค่ะ คลิกเลย!!

จำนวนบล็อก ณ ขณะนี้ 1147 บล็อกค่ะ
เริ่มเขียน 6 กันยายน 2548 บล็อกเก่าๆค้นได้จากกรุ๊ปบล็อกผู้หญิงสีรุ้งปี 53 นะคะ

ยินดีแบ่งปันความรู้และสิ่งที่มีประโยชน์ผ่านข้อเขียนในบล็อกนี้ และหากต้องการนำไปใช้ต่อหรือลงเผยแพร่้ในที่ใดก็ตาม กรุณาแจ้งก่อนนำไปใช้ที่ email ด้านบน ขอบคุณค่ะ





Parawee Nasaree

Create Your Badge

New Comments
Friends' blogs
[Add bewae1001's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.