แสงสว่างในใจเรา
รอยต่อของปลายปี เป็นช่วงของการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียน
เมื่อเช้านี้ฉันสังเกตเห็นว่า ต้นไม้ใหญ่ในบ้าน ผลัดใบร่วงเกลื่อนผืนดิน จากฤดูฝนที่ต้นไม้ได้น้ำ พวกมันพากันผลิใบอ่อน แล้วก็ผ่านคืนวันจนกระทั่งร่วงหล่นในปลายฝนต้นหนาว
ใบไม้ร่วงเยอะจนกวาดไม่ทันเชียวค่ะ
..
เมื่อวานในที่ทำงานมีการแจ้งข่าว การเปลี่ยน org chart นี่คือการเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นได้ และเราไม่อาจปฏิเสธ ตราบใดที่เรายังอยู่ในระบบ เดินตามรอยทางของมดงาน
สะท้อนให้เห็นว่า อย่าเอาอะไรแน่นอนกับเส้นทางการทำงาน แต่ไม่ได้หมายความว่า ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น จะกลายเป็นเหตุให้เราไม่ตั้งใจทำงานในอนาคตนะคะ
การโยกย้าย ไม่ต่างอะไรกับไม้ที่ผลัดใบร่วงหล่นเพื่อรอวันเวลา แตกยอดอ่อน ผลิใบใหม่ มันเป็นฤดูกาลในชีวิตมนุษย์เช่นเดียวกัน
น้องบางคนบอกว่า ไม่อยากย้ายไปอยู่กับหัวหน้าคนนั้น หรือบางคน ตั้งใจทำงานดี แต่ทำไมไม่เข้าตาผู้ใหญ่ ไมได้เลื่อนตำแหน่งแล้วยัง มีใครมานั่งบนหัวแทนที่จะเป็นเรา
เจอแบบนี้ เข้าใจดีว่า มันหวานอมขมกลืนยังไง
นึกเสียว่า วันนี้ไม่ใช่วันของเราดีไหม เห็นความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นแล้ว อย่าได้ไปยึดติดกับหัวโขนที่เขาตั้งให้เราเลย เพราะหัวโขน เหล่านี้ก็คือความไม่แน่นอน มันอาจจะหลุดจากมือเราไปเมื่อไหร่ก็ได้ แต่สิ่งที่แน่นอนว่านั้น คือหัวใจที่มั่นคงเข้มแข็ง การรู้จักมอง โลกในแง่ดี รอวันฝนซาฟ้าเปิด เราจะได้มีวันของเรา
น้องบางคนบอกว่า หัวหน้างานคนใหม่ไม่น่าอยู่ด้วยเลย นิสัยไม่ดี ไม่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ลูกน้อง เจอแบบนี้ก็ไม่อยากอยู่ด้วย เออ นี่คือธรรมชาติของคนเราใช่ไหม ไม่มีใครเหมือนกัน แต่ละคนมีข้อดีและข้อเสีย ถ้าเรามองเห็นข้อเสียของเขา เราก็จะเห็นแต่ข้อเสีย แล้วถามว่าใจเราจะเป็นปกติสุขไหม ถ้าเรามัวแต่ไปจ้องอิฐที่อยู่บนกำแพงก้อนหนึ่ง อิฐก้อนนี้อาจไม่สวย ทำให้กำแพงมีช่องโหว่ แต่ถ้าเราไม่มัวแต่จะไปจับผิด เราจะเห็นว่ามันสวยกว่าไหม
หัวหน้าที่ไม่ดี ไม่เอื้อเฟื้อลูกน้อง นั่นเป็นนิสัยของเขา แล้วถามว่าหากเราต้องอยู่กับเขาวันนี้ เราจะอยู่อย่างไรล่ะ ถ้าเราต้องอยู่แต่อยู่อย่างทรมานใจ มีอคติปกคลุมใจตลอดเวลา เราคงไม่เป็นสุขนักหรอกใช่ไหม
ถ้าเคยฟังนิทานเรื่องกบเลือกนายมาบ้าง ก็คงทราบว่าจุดจบของการเป็นกบเลือกนายนั้นคืออะไร
เราเลือกคนที่อยู่ด้วย (ในบางสถานการณ์ ) ไม่ได้ แต่เราเลือกจะทุกข์หรือสุข หรือปรับใจให้สมดุลเพื่อให้เดินหน้าต่อได้ไม่ใช่หรือ
..
ฉันเข้าใจความท้อแท้ ผิดหวัง และการถูกบั่นทอนโดยระบบการเมืองในที่ทำงานดี คนที่เขาเติบโตได้ ทั้งที่อาจไม่มีฝีมือ อาจเป็นบุญพาวาสนาส่ง อาจเป็นเรื่องของพวกมากลากไป หากเราคิดในข้อนี้ เราก็ไม่ควรท้อแท้จนลุกไม่ขึ้น
หากแต่ควรมองตัวเองอย่างยุติธรรมมากกว่า ว่าเราไม่ใช่คนสิ้นไร้ไม้ตอกไม่มีความสามารถสักหน่อย เพียงแต่เราอาจไม่เหมาะกับวัฒนธรรมองค์กรแบบนั้น หรือคิดในแง่ดีว่า ที่นี่อาจไม่ใช่ที่ของเรา
เราต้องมีที่ของเรา
ที่สักที่ ที่จะทำให้เราอยู่ได้ด้วยความสุขและมีชีวิตที่ดีกว่าวันนี้
แสงไฟไม่อาจสาดส่องได้ทั่วถึง แต่เราฉายแสงไฟในใจเราให้สว่างขึ้นได้ แทนที่จะก้มหน้ายอมรับชะตากรรมที่ถูกยัดเยียด ทำไมไม่ลุกขึ้น ฉายแสดงไฟในใจตัวเองให้สว่าง มองหาโอกาสใหม่ๆ ใช้ชีวิตให้สมกับที่ได้เกิดมา
ต้องสู้สิคะ
ชะตากรรมเราอยู่ในมือเรา เรา control ได้เองส่วนหนึ่ง อย่าได้ท้อแท้เพียงแค่ระบบที่เราอยู่ มันผลักไสให้เรากลายเป็นคนไร้ตัวตน
ทุกคนมีค่าในตัวเองนะคะ
จำไว้ค่ะ !!
Create Date : 23 ธันวาคม 2552 |
Last Update : 23 ธันวาคม 2552 7:10:01 น. |
|
7 comments
|
Counter : 468 Pageviews. |
|
|
|
ขอให้มีความสุขนะคะ
ขอให้มีโชคหมดทุกข์โศกโรคภัย
พ้นเคราะห์ที่เลวร้าย พันภัยด้วยเทอญ