ขี้เกียจบ้าง ช่างมันเถอะ !
วันนี้ ฉันขี้เกียจค่ะ ขี้เกียจแบบที่ไม่อยากทำอะไรเลยนั่นแหละ มันอาจจะเป็นเพราะว่า วีคที่ผ่านมา มีอะไรให้ทำมากมาย หนึ่งวัน ผ่านไปเร็ว จนรู้สึกเหนื่อย
เมื่อเหนื่อยก็อยากพัก เป็นที่มาของความขี้เกียจในวันหยุด
เมื่อขี้เกียจก็ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้นแหละค่ะ
อยากอยู่เฉยๆไม่อยากทำอะไร ทั้งที่มีสิ่งที่ต้องทำรอให้ทำ แต่กลับไม่อยากทำ ฉันพนันได้ ทุกคนต้องเคยรู้สึกแบบนี้
พูดเรื่องขี้เกียจแล้ว ชวนให้คิดไปถึงอีกด้าน ในยามที่ได้ยินผู้ใหญ่เคยสั่งสอน ถูกคุณครูคอยอบรม ไม่ให้ขี้เกียจ เพราะเขาบอกเราว่าความขี้เกียจคือสิ่งไม่ดี เราไม่ควรทำแบบนั้น
คนดีๆเขาควรจะขยันกัน คนดีๆมีอนาคตทุกคนจะต้องไม่มีความขี้เกียจ ติดอยู่กับตัว
แล้วความขี้เกียจมันไม่ดีจริงๆหรือ
..
ฉันคิดว่าคนทุกคนมีโหมดเกียจคร้านอยู่ในตัวหมดแหละค่ะ
จริงอยู่ว่าเราอาจจะกระตือรือร้นแอคทีฟกับการทำงาน ไม่เคยหยุดงาน ทำงานเป็นบ้าเป็นหลัง เพราะไม่อยากกลายเป็นคนขี้เกียจในสายตาใคร
เพราะเราถูกสั่งสอนมาแบบนั้น ถูกโปรแกรมมาแบบนั้น
แต่ในใจคิดว่า โอย (กู) จะตายอยู่แล้ว
แล้วเคยถามตัวเองหรือเปล่าว่าไอ้ที่ทำนั้น มันได้กล้บมาคุ้มไหม
ฉันเคยเห็นคนบ้างานตั้งหลายคน ที่ไม่เคยอุทิศเวลาหลังเลิกงานเพื่อ ตัวเองเลย คนแบบนี้ได้รับคำชมจากใครๆ ว่าเขาเป็นคนขยันทำงาน แต่เมื่อมองลึกลงไป ฉันคิดว่าคนบ้างานคือคนที่ไม่รักตัวเองต่างหาก
..
จริงอยู่ ว่าการทำงานใดๆคือการสร้างคุณค่าให้แก่มนุษย์ เราเกิดมา ต้องทำงาน แต่การทำงานในระบบที่ทำให้มนุษย์กลายเป็นเครื่องจักร มันไม่ใช่การทำงานที่สร้างสรรค์ เอื้อให้เกิดการพัฒนาทางด้านจิตใจ เลยนะคะ
ผลตอบแทนของการทำงานเป็นกอบเป็นกำ สวนทางกับหลายอย่าง ที่ดิ่งลง
คนบ้างานทั้งหลายอาจจะพอใจกับตัวเลขในบัญชีที่พุ่งสูงขึ้นทุกๆวัน พวกเขารอใช้เงินเมื่อถึงเวลา แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าเวลาจะเหลือเท่าไหร่ จะอยู่ทันได้ใช้เงินที่หามา หรือว่าจะได้ใช้เพื่อรักษาตัวในโรงพยาบาลกันแน่
บ้างาน บ้าไปทำไม มีเหตุผลอะไรที่ต้องบ้างานขนาดนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องเงิน คนๆนั้นจะต้องเป็นคนที่ไม่รู้จักความสุขชนิดอื่นในโลกแน่ๆ
..
เปล่าเลยค่ะ ฉันไม่ได้อยากจะบอกว่าให้คนทุกคนพากันขี้เกียจ แทนที่จะทำตัวบ้างาน ( ซึ่งในทัศนะของฉันแล้ว เวลาหลังเลิกงานควรเป็น เวลาที่เราจะได้ขี้เกียจ และหันไปทำในสิ่งที่ชอบอื่นๆ )
แต่ฉันกำลังจะบอกว่า หากคุณนึกอยากจะบ้างานเพื่อทำตัวเป็นคนขยัน ในสายตาใครแล้วละก็ อย่าดีกว่าค่ะ
แทนที่เราจะสนใจทำอะไรเพื่อให้คนอื่นมองเรา ทำไมเราไม่มองเห็น ความสุขของตัวเอง ให้มากกว่าไปหาจากคนอื่นๆ ซึ่งมันก็คือคำชม คำยกยอปอปั้น คำหวานหูที่แค่ผ่านมาแล้วผ่านไป
คำพูดลอยลม คำชมที่เราอยากได้ ไม่ใช่ของจริง แต่ความสุขของเรา ที่เราจับได้ สัมผัสได้และรู้สึกได้ในวินาทีนี้ต่างหาก คือของจริง
ในเมื่อเราสามารถซึมซับความสุขของตัวเองได้ และความขี้เกียจที่จะ ไม่ทำอะไรเสียบ้าง ก็คือความสุขชนิดหนึ่งในความคิดของฉัน ฉันจึง รู้สึกว่า ระหว่างการขยันเพื่อเอาโล่ กับการขี้เกียจเสียบ้าง ฉันจึงเลือก อย่างหลัง โดยไม่อาลัยอารวณ์หากจะต้องโทรไปลางานสักวัน เมื่อพบว่าวันนั้นแบตเตอรี่หมด หรือต้องไปทำงานแบบไร้ชีวิตชีวา หรือพบว่า วันนี้เซ็งชะมัดเลย ไม่อยากทำงาน
บางทีเราอาจจะไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลให้กับตัวเองก็ได้ว่าทำไมเราจึงขี้เกียจ ก็เพราะความขี้เกียจเป็นเหตุผลในตัวมันเองอยู่แล้วที่จะใช้เป็นข้ออ้างในยามที่เรารู้สึกว่าเราไม่อยากทำอะไรเลยเสียบ้างไงล่ะคะ
ไม่เห็นจะเป็นไรเลย หากเลือกที่จะหยุดอยู่เฉยเสียบ้าง เพราะเมื่อได้พักแล้ว เราจะมีแรงไปทำอะไรต่อไปเองล่ะ อะไรที่คิดไม่ออก มันก็ออกเองแหละ อะไรที่หนักหนาวันก่อน มันก็เบาบางเองแหละ
ผ่อนจังหวะชีวิตให้อยู่ในโหมดช้าๆเสียบ้าง
ขี้เกียจให้เป็นบ้าง ชีวิตจะคลายลงอีกเยอะเลยล่ะค่ะ !!
Create Date : 12 กรกฎาคม 2552 |
Last Update : 12 กรกฎาคม 2552 12:32:59 น. |
|
1 comments
|
Counter : 705 Pageviews. |
|
|
|
อยากหยุดมั่งจัง แต่ต้องทำงาน เฮ้อออออออออออ