โลกอีกใบที่ต่างกัน
แล้วก็มาถึงบล็อกที่ 900 ค่ะ !!
ปกติแล้วฉันไม่ค่อยให้ความสำคัญกับตัวเลขเท่าไหร่ค่ะ แม้ขนาดว่า ฉันจะอายุเท่าไหร่ ฉันยังไม่ concern ขออภัยที่ต้องเขียนภาษาอังกฤษ คือจะบอกว่า ไม่ค่อยเห็นความสำคัญของมันเท่าไหร่นั่นเองค่ะ
แม้แต่เลขทะเบียนรถของฉัน มันลงท้ายด้วย 99 มีคนบอกว่า ฉันไปประมูลมาหรือ แต่ก็เปล่าค่ะ เลขมันรันต่อเนื่องจนฉันได้มาเองต่างหาก เขาเชื่อกันว่าเลข 9 เป็นเลขมงคลใช่ไหมคะ ดังนั้นอะไรที่ลงท้ายด้วย 9 หรือขึ้นต้นด้วย 9 มันก็น่าจะดีอยู่หรอก
เบอร์โทรศัพท์ของฉันก็มีเลขคู่ 99 และ 77 ต่อท้าย ซึ่งอันนี้ไม่บังเอิญค่ะ เพราะฉันเลือกเองที่จะให้มันมาเป็นคู่ บ้านเลขที่ของฉันก็มีเลข 99 แล้วตามด้วยเลข 33 อีกต่างหาก
ฉันไม่ค่อยอะไรกับตัวเลข แต่พอมานั่งคิดนั่งนึก ก็รู้สึกว่าตัวเลขในชีวิตฉันมันก็มีอะไรแปลกๆอยู่เหมือนกันนะคะ มันวนเวียนอยู่กับเลข 3 เลข 7 และเลข 9 ค่ะคุณ
ว่ากันว่าเลขมันจะมีผลต่อชีวิตใช่ไหมคะ ถ้าในคนที่เชื่อก็จะเชื่อ แต่ในคนที่ไม่เชื่อ ก็คงไม่คิดว่าเวลาจะทำอะไรต้องมาดูตัวเลขกันก่อน ดีไม่ดีจะกลายเป็นเรื่องยุ่งยาก เสียเวลาเปล่าๆปลี้ๆ
ห้าปีก่อนจะเปลี่ยนเบอร์โทร ก็มีพี่คนหนึ่งที่แกเชื่อเรื่องตัวเลข แนะนำฉันว่า ให้ลองเอาเลขทั้งหมดมาบวกกันด้วย ถ้าตกเลขไม่ดีก็ไม่ให้ใช้ ตอนนั้นก็ไม่รู้อะไรดลใจ ฉันเลยเลือกเบอร์นี้ มันมาเป็นคู่อย่างที่บอกคือมันลงท้ายด้วยเลข 9977 นี่แหละค่ะ
ที่พูดเรื่องตัวเลขก็เพราะจะบอกว่า เมื่อก่อนไม่ค่อยสนใจ แต่มันก็มีเลขเหล่านี้มาเวียนวนอย่างบังเอิญ และตอนนี้เวลานี้ยิ่งต้องสนใจ เพราะกำลังพยายามจะปั้นเงินออกให้งอกเงย ด้วยการโยกเงินไปลงในกองทุน ก็ตลกตัวเองดีค่ะ ไอ้ที่ทำอยู่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นสเกลใหญ่โตอะไรหรอก แต่อยู่ดีๆก็มานั่งนึก ว่าทำไมเราไม่หาความรู้เรื่องนี้เพิ่มแล้วลองทำดู มันไม่ได้เสียหายอะไรสักหน่อย
ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องสนุกและท้าทาย มากกว่าจะเป็นเรื่องที่น่ากลัว เมื่อเราคิดอย่างนี้ เราจะยิ่งสนใจใคร่รู้ และเห็นเป็นโอกาสที่ดีของชีวิตที่จะได้มีอะไรใหม่ๆบ้าง
ชีวิตที่ซ้ำซากน่าเบื่อ ก็เหมือนผักเหี่ยวๆในตู้เย็น ถ้าอะไรในชีวิตเราซ้ำซากมากเกินไป ก็เหมือนเราปล่อยให้ตัวเองเป็นผักเฉาๆ ในตู้เย็นนั่นแหละ แล้วในที่สุดก็ต้องถูกโยนลงตะกร้า
ชะตากรรมของเราย่อมไม่ควรเป็นดั่ง ชะตากรรมของผักเฉานั้นนะคะ
....
เล่าถึงวงจรชีวิตอีกสักเรื่องดีกว่าค่ะ
เมื่อก่อนนี้ ฉันจะต้องเดินผ่านหน้าโรงบาลจุฬาทุกเย็น แล้วก็ไปนั่งรอรถกลับบ้านที่สวนลุมพินี เรื่องของเรื่องคือเธอจะมารับฉันกลับบ้านด้วย เธอคนเก่าน่ะค่ะ
หน้า รพ จุฬาจะมีข้าวไข่เจียวอยู่ร้านหนึ่ง เขาขายดีทีเดียวแหละค่ะ แล้วฉันก็ซื้อเขาบ่อย ด้วยความที่เป็นคนไม่เรื่องมากเรื่องกิน และชอบกินไข่เจียวอยู่แล้วนะคะ เลยซื้อข้าวไข่เจียวไปกินในสวนลุมบ่อยๆค่ะ
ไม่อยากเชื่อเลยว่าฉันทำอย่างนั้นอยู่เป็นนานสองนานทีเดียว แต่แล้วเมื่อวันหนึ่งเกิดอุบัติเหตุขึ้นในชีวิตรัก ฉันจึงไม่ต้องไปรอใครที่สวนลุมพินีอีก นับจากนั้น นานถึงสองปีแล้ว ที่ฉันไม่ได้เดินเฉียดกรายไปทางสวนลุมพินี และไม่ได้ทานข้าวไข่เจียวร้านนั้นเลย
ไม่อยากเชื่อว่าเวลามันจะผ่านไปไวถึงขนาดนี้
เชื่อไหมคะว่าฉันเห็นสวนลุมพินีทุกวัน แต่ฉันก็ไม่เคยคิดเดินผ่านไปทางนั้นแล้วก็ซื้อข้าวไข่เจียวเหมือนที่เคยซื้ออีกเลย แต่วันนี้ ไม่รู้นึกอะไรค่ะ เลยเปลี่ยนทิศเดินกลับไปทางเก่าแล้วก็ซื้อข้าวไข่เจียวกลับบ้านมาด้วย
ฉันยังจำได้ดีเลยว่า ทุกเย็นที่สวนลุม จะเห็นภาพอะไรต่ออะไรหลากหลายมากมาย มีทั้งคนบ้า คนดี คนรักสุขภาพ คนทำมาหากิน คนแก่ เด็ก ผู้หญิง ผู้ชาย คนมานั่งรอใครบางคน คนไร้บ้าน ฯลฯ และแม้กระทั่งหมา แมว
ทุกเย็นที่นั่งอยู่ตรงนั้นแล้วเงยหน้าขึ้นมอง จากด้านหน้าสวนลุม จะเห็นยอดตึกสูงที่รายล้อมอยู่รอบๆย่านศาลาแดง บางคืนพระจันทร์ขึ้นเร็วมาก ขณะที่คนยังเดินขวักไขว่ไปมา ไฟถนนอวดแสงแข่งกับพระจันทร์แม้สู้ไม่ได้ แต่ก็ยังสว่างไสวไม่ถอยหนี
ฉันเห็นยอดตึกแพนแปซิฟิค ตึกสูงยี่สิบกว่าชั้น ทีฉันทำงานอยู่และเดิน วนเวียนเข้าออกทุกวันมากว่าสี่ปี แล้วยังเคยนึกว่า เมื่อไหร่หนอที่จะไม่ได้เห็น ไม่ได้วนเวียนใช้ชีวิตแปดชั่วโมงต่อวันในย่านนี้อีก แม้จะเดินผ่านทุกวัน แต่อย่างน้อยก็สองปีกว่าแล้วที่ฉันไม่มีโอกาสได้เงยหน้าขึ้นมองยอดตึกสูงเหล่านี้ ที่จริง ภาพของตึกสูงในยามเย็นล้อแสงตะวันและแสงจันทร์ในย่านนี้มันก็ดูสวยนะคะ หากนั่งมองจากด้านหน้าสวนลุมพินีในยามเย็น
เพราะเปลี่ยนเส้นทางเดิน ชีวิตเลยเปลี่ยนมุมค่ะ
คงไม่ต่างอะไรกับเรื่องอื่นในชีวิตเราหรอกนะคะ เพราะเมื่อเราพลิกมุมที่คิด หรือนั่งในมุมที่ต่างไป เราก็เห็นโลกอีกใบที่ต่างกัน ทั้งๆที่มันก็คือโลกเดียวกันนี่แหละ
ตอนขึ้นไปบนผาแต้มแล้วได้เห็นความอลังการของธรรมชาตื สมองสั่งให้ดวงตาบันทึกเป็นภาพพาโนรามาเอาไว้ ฉันยังนึกว่าเราเป็นคนตัวจ้อยในโลกใบใหญ่ เราจะเปลี่ยนโลกทั้งใบได้อย่างไร เพราะเราก็เป็นแค่คนตัวเล็กๆเท่านั้น เราไม่อาจยิ่งใหญ่เทียบเท่าธรรมชาติได้เลย
โลกภายนอกเปลี่ยนไม่ได้ เป็นความจริงที่สุด แต่โลกภายใน(ใจ) ของเรา
เราเปลี่ยนได้เสมอคะ !!
Create Date : 14 มกราคม 2553 |
Last Update : 14 มกราคม 2553 22:36:32 น. |
|
5 comments
|
Counter : 444 Pageviews. |
|
|
|
อย่างเช่นต้นไม้ยังโต
การเคลื่อนที่ของเปลือกโลก
ไอ้ส่วนที่อยู่ในใจ...เปลี่ยนยากนะเปิ้ลว่า
แต่ต่างคนก็ต่างความคิดค่ะ
ว่าแล้วก็ต้องไปนั่งสังเกตุตัวเลขบ้างแล้วค่ะ
ฝันดีนะคะ