กลกาล YURI ญรญ โดยผิงดาว บทที่ ๒๔
บทที่ ๒๔ อะไรนะน้ำท่วมทุติตกใจกับข่าวที่เขาได้ยินมา ครับน้ำท่วมแถวนั้น เราคงเดินเท้าเขาไปที่นั่นไม่ได้ คงต้องรอให้น้ำลงลงอีกสักหน่อย คนงานรายงานสภาพที่เขาเห็นกับทุติอีกรอบ ฝนยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตกเลยค่ะนาว่าเราคงต้องรอให้ฝนหยุดตกก่อน แล้วค่อยเข้าไปไม่อย่างนั้นจะอันตรายกับคนของเรานะคะจารย์ นั่นสิคะมุจว่าพวกเราอย่างเพิ่งเข้าไปที่นั่นจะดีกว่า สภาพอากาศอย่างนี้ทะแม่งๆอยู่นะคะจารย์ ตรีเห็นด้วยกับคุณนาคุณมุจนะคะพวกเรารอไปอีกสักหน่อย น่าจะดีกว่า ฝนตกๆ อย่างนี้ทางในป่าก็ลื่นพวกสัตว์น่าจะหนีน้ำไปอยู่บนที่สูง บนนั้นคงอันตรายหากเราขืนบุ่มบ่ามเข้าไป เฮ้อ..อะไรกันนักหนา อุปสรรค์เยอะจริง ทุติบ่น เราต้องบวงสรวงหรือเปล่าตรีทิพย์คิดอย่างนั้น นั่นสิเจ้าป่าเจ้าเขาคงไม่พอใจที่เราไปขุดแถวนั้น เราลืมข้อนี้ไปเลยนะคะจารย์นาลันทาเห็นด้วย อย่าบอกว่าต้องบูชายัญอีกนะผมไม่เอาด้วยหรอก ทุติทำท่าขยาด เหตุการณ์เมื่อวานเขาลุ้นระทึกแทบลืมหายใจหากต้องนำสัตว์มาผูกเสาเอาไว้อีกรอบ เขาว่าอย่าทำเลยดีกว่า เมื่อวานก็แปลกไม่มีสัตว์ตัวใดอยู่ใต้เงาของหลักเลยสักตัวเขาถามคนงานว่าเคยมีเรื่องแบบนี้บ้างไหม คนงานตอบเป็นเสียงเดียวกันว่านานๆจะมีสักครั้ง ถ้าไม่ใช่ไก่ก็เป็นเป็ด ห่าน หรืออะไรสักอย่างที่เข้าไปอยู่ในเงานั้นบางทีสัตว์ทั้งสิบสามตัวไปกองรวมอยู่ใต้เงาทั้งหมดก็ยังเคยเกิดขึ้นมาแล้ว จารย์ไม่ได้ยินที่มารีบอกกับเราหรือคะที่นี่มีเทพรัตติกาล แถมยังมีนกยมทูตอีก ตรีว่าถ้าพวกเราลองติดต่อกับเทพเราอาจจะได้รับการเปิดทางให้เข้าไปง่ายๆ ก็ได้เนอะ พวกคุณว่ายังไง ตรีทิพย์พยักพเยิดให้กับนาลันทาและมุจลินทร์ แล้วใครจะเป็นตัวกลางติดต่อเทพให้พวกเราล่ะทุติพยักหน้ารับรู้ เขาเริ่มคิดโน้มเอียงไปทางสามสาวแล้วเหมือนกัน มารีทั้งสามสาวพูดเป็นเสียงเดียวกัน ต้องลองทุติบอก เขาคงต้องติดต่อกับมารี ให้ทำเรื่องที่พวกเขาตกลงกันในครั้งนี้ ทำให้พวกเราด้วยเถอะนะมารีพวกเราขอร้อง ตรีทิพย์เป็นฝ่ายเปิดประเด็นกับมารีก่อน แต่...มารีอึกอัก เรื่องอย่างนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นการติดต่อกับเทพรัตติกาลซึ่งกำลังหลับใหลเท่ากับเป็นการปลุกเทพให้ตื่นขึ้นมาก่อนเวลาอันควร ที่สำคัญไปกว่านั้นไม่เคยมีใครในเผ่าติดต่อกับเทพรัตติกาลได้ ยกเว้นติดต่อกับกอร่า นกยมทูตตัวนั้น น่านะถือว่าพวกเราขอร้องก็ได้ นาลันทาช่วยอ้อนวอนอีกคน ฉันทำไม่ได้จริงๆค่ะ ไม่ได้เล่นตัวอะไร พวกเราในที่นี้คงไม่มีใครกล้าปลุกเทพรัตติกาลขึ้นมาแน่นอนมารียังยืนยันคำเดิม ไม่มีจริงๆหรือคะ นาลันทายังไม่เชื่อในคำพูดของมารีมากนัก คนที่ทาคานาลาหรือทาคานาคาน่าจะมีใครสักคนที่กล้ามากพอ ค่ะไม่มี ต่อให้คุณจะเอาเงินมากองไว้ตรงหน้า พวกเราคงไม่มีใครยอมทำนอกจากพวกที่เห็นแก่เงิน ไม่คิดถึงความปลอดภัยของคน ในเผ่าแต่ถ้าพวกเรารู้ว่าใครยอมทำงานนี้ให้กับพวกคุณ คนนั้นคงไม่มีชีวิตรอดอีกต่อไป ร้ายแรงถึงขั้นนั้นเลยหรือคะตรีทิพย์ชักหวั่นใจ เมื่อมารียืนยันหนักแน่นเช่นนี้ พวกเธอคงไม่สามารถขัดขืนได้ ค่ะถือเป็นโทษสูงสุดสำหรับเผ่าของเรา ทำไมถึงได้โหดร้ายอย่างนั้น มุจลินทร์ข้องใจเพียงแค่ปลุกเทพสักองค์ขึ้นมา ทำไมถึงต้องฆ่าแกงกันให้ตายด้วยหรือคนเผ่าทาคาเป็นพวกป่าเถื่อนโหดร้าย เราไม่ได้โหดร้ายหรอกค่ะตำนานกล่าวเอาไว้ว่า หากวันใดเทพรัตติกาลตื่นจากหลับใหลวันนั้นคือวันสูญสิ้นของทาคา ผู้ที่สามารถปราบเทพรัตติกาลได้มีเพียงผู้เดียวเท่านั้นคือเทพสุริยาซึ่งพวกเราไม่รู้ว่าท่านอยู่ที่ใดเรารู้เพียงแค่เทพรัตติกาลโดยจองจำให้หลับใหลอยู่ในดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ที่เทพสุริยาเป็นผู้สร้างขึ้น ทำไมพวกคุณถึงได้กลัวเทพรัตติกาลกันนักในเมื่อท่านเป็นเทพ นาลันทาแปลกใจคำว่าเทพหมาถึงสิ่งที่ผู้คนนับถือเทพต้องเป็นผู้ให้ไม่ใช่สิ่งโหดร้ายในสายตามนุษย์ อดีตท่านเคยเป็นค่ะแต่เพราะอำนาจมืดครอบงำจิตใจ เทพรัตติกาลจึงกลายเป็นปีศาจร้าย ล่าหัวมนุษย์เพื่อทำให้ตนมีชีวิตอมตะ โหโหดมาก อัปสรถึงกับตาโตอ้าปากค้าง เธอให้พวกผู้ใหญ่พูดคุยกันมาสักพักใหญ่โดยไม่สอดแทรกเพราะโดนนาลันทาห้ามเอาไว้ แต่พอมารีพูดว่าล่าหัวมนุษย์ทำให้เธอคิดถึงปีศาจพรีเดเตอร์ หน้าตา น่าเกลียดน่ากลัว จับมนุษย์มาถลกหนังศีรษะเพื่อเอาหัวกะโหลกไปเก็บสะสม คิดแล้วถึงกับขนลุก เทพผู้ล่าไม่ใช่เทพผู้ให้ จึงกลายเป็นปีศาจร้ายในสายตามนุษย์ มุจลินทร์สรุปความ ค่ะพวกเราจึงไม่มีใครกล้าปลุกขึ้นมาก่อนเวลาที่ทำนายเอาไว้ คำทำนายมีว่าอะไรคะ วันแห่งการตื่นฟื้นจากหลับใหล ผู้มาใหม่ มาจากแดนไกลโพ้น มาพร้อมกับ งูยักษ์ร่างเป็นคน ให้สับสนอลหม่านกันมากมาย ผู้ที่หลับ จะตื่น มิต้องปลุก นำความทุกข์ แสนสาหัส กลับมาให้ไม่มีใครลบล้าง เรื่อง อันใด นอกจากใจ ปลดแอกจากตนเอง คุณบอกว่าจะตื่นเพราะงูยักษ์ร่างเป็นคนอย่างนั้นหรือคะ ค่ะมารียืนยัน ตายโหงมุจลินทร์สบถออกมาเอาเบาๆ เธอสะกิดนาลันทา ทั้งสองสบตากันหากสิ่งที่มารีพูดคือความจริง หนึ่งในคำทำนายคือพวกเธอ งูยักษ์ร่างเป็นคนหมายถึงพญานาคกลับชาติมาเกิด เช่น พวกเธอหรือเปล่าหนอ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ เรื่องคงไม่จบลงง่ายๆอย่างที่พวกเธอคิดเอาไว้ ยังมีอีกตำนานค่ะเล่ากันต่อๆ มาว่า วันใดที่งูใหญ่พาดผ่านจากยอดทาคาลงมายังเบื้องล่าง เมื่อนั้นทาคาจะล่มสลายพวกเราจึง ลงความเห็นกันว่ากระเช้าไฟฟ้าของคุณหมอศรรักคืองูใหญ่พวกนั้น ส่วนเรื่องงูร่างเป็นคนเรายังไม่เข้าใจว่าคืออะไร มารีเล่าต่อ ที่ผ่านมามีเพียงแค่คำบอกเล่าต่อๆกันแค่นั้นหรือคะ หรือว่า มีอะไรเขียนบอกเอาไว้บ้างหรือเปล่ามุจลินทร์ไม่คิดว่าการบอกกันต่อๆ ไปเรื่อยๆจะทำให้มีข้อความสื่อสารต่อกันมาจนครบถ้วน ไม่มีค่ะเราบอกกันต่อมารุ่นสู่รุ่น แต่รับรองว่าไม่มีเพี้ยนแน่นอน น่าแปลกนะคะอินคาเจริญมากมาย แต่กลับไม่มีตัวหนังสืออะไรบอกกับคนรุ่นหลังเอาไว้เลยนาลันทาตั้งข้อสังเกต ไม่ใช่แต่เธอเท่านั้นแม้แต่ชาวสเปนที่เข้ามาในดินแดนนี้ยังตั้งข้อสงสัยเหมือนกับที่เธอเป็น เป็นความเชื่อของเราค่ะหากเราเขียนบันทึกเอาไว้ ถ้าศัตรู ของเรามาพบ ความลับของเผ่าจะไม่เป็นความลับอีกต่อไปแต่ถ้าเราบอกกับคนที่ไว้ใจได้ ความลับนั้นยังคงอยู่ และบอกกล่าวกันจากรุ่นสู่รุ่น จะรู้ได้ยังไงคะว่าเล่าเรื่องความลับทั้งหมดได้ครบ ถ้ามันมีเป็นพันๆ เรื่อง ล่ะคะไม่เพี้ยนไปกันใหญ่เหรอ มุจลินทร์ไม่มั่นใจนัก คนที่ ผูกปมอาจจะผูกคลาดเคลื่อนไปก็ได้หากเป็นอย่างที่มารีบอกจริงๆ แค่หนึ่งมิล เคลื่อนไปสิบคนก็หนึ่งเซ็น ความหมายจะเปลี่ยนไปหรือเปล่า เรามีเชือกปมบอกเอาไว้ค่ะเราจะบอกกันตามลำดับความสำคัญของแต่ละเรื่อง เช่นเรื่องการทำการเกษตรการเลี้ยงสัตว์ พิธีกรรมตามเดือนต่างๆ ที่สำคัญๆ ของเรา สำหรับเรื่องเทพเจ้างูฉันคิดว่าอาจจะเกี่ยวโยงกับดาวหางที่กำลังจะเข้าใกล้โลกของเรามากกว่าค่ะคนในสมัยนั้นอาจจะรู้ว่าจะมีดาวหางมาเยือนอีกครั้งจึงพูดให้คนเข้าใจไปในเรื่องของเทพเจ้าเพื่อให้คนไม่ต้องตกใจกลัวในปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ไม่อาจ คาดเดาได้พวกคุณอย่าคิดมาเลยค่ะ มารีพยายามพูดให้แขกผู้มาเยือนของเธอเบาใจ ส่วนตัวเธอหนักใจเสียยิ่งกว่าใคร เธอพยายามไม่คิดถึงเรื่องงูสองตัวที่พุ่งเข้าหาเธอกับมารีเมื่อหลายวันก่อน จากนั้นมันหายไปราวกับไม่เคยมีตัวตนนั่นเท่ากับว่าเธอหาผู้หญิงอีกคนในตำนานพบแล้วส่วนเทพเจ้างูกลายร่างเป็นคนเธอยังไม่รู้ว่าคือใคร เคยได้ยินชื่ออนันนาคีไหมคะนาลันทาเอ่ยถาม ไม่เคยค่ะมารีส่ายหน้า อนันนาคีคือชื่อของเทพเจ้าในสมัยสุเมเรียนบางคนบอกว่าท่านเป็นมนุษย์ต่างดาวมาที่โลกเพื่อขุดทองเอาไปสร้างชั้นบรรยากาศในดาวของท่านบางคนก็บอกว่าท่านมาจากสวรรค์ เราเป็นคนที่รับฟังมาจาก คนรุ่นโบราณเราไม่มีทางรู้หรอกค่ะว่าท่านคือใคร ที่รู้แน่ๆ คือ ตำนาน น้ำท่วมโลกและผู้ที่มาจากฟากฟ้านั้นมีทุกชนชาติ แม้จะอยู่ห่างกันคนละซีกโลกตำนานเหล่านั้นยังมีความเหมือนกันได้ที่สำคัญคือพวกสุเมเรียนมีอักษรที่ทำจากแผ่นดินเผาเล่าเรื่องราวต่างๆเอาไว้ในนั้นเราจึงมีหลักฐานพอเชื่อถือได้ แต่สำหรับอินคาหรือทาคาแห่งนี้ไม่มีของพวกนั้นอยู่เลย จริงๆแล้วพวกเรามีค่ะ เรามีหุ่นทองคำบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ มากมาย แต่ชาวสเปนเอาหุ่นพวกนั้นไปหลอมเป็นทองแท่งจนหมดเรื่องเล่าจากอดีตของพวกเราจึงหายไปจากโลกใบนี้ น่าเสียดายมากนาลันทาครางออกมา ทาคายังมีเหลือบ้างไหมคะสักชิ้นหรือสองชิ้นก็ยังดี มุจลินทร์เอ่ยถามด้วยความอยากรู้ ต้องมีหลงเหลือหลุดรอดมาบ้างสิน่าคงไม่มีใครยอมเอาสมบัติของตัวเองไปให้กับต่างชาติจนหมดตัวหรอกนะ มีค่ะเป็นเครื่องประดับของผู้นำเผ่า สร้อยคอเส้นนั้นตกทอดมานานมากฉันไม่แน่ใจว่าจะสักกี่ร้อยหรือกี่พันปี ถ้าจะขอดูได้ไหมคะผู้นำจะให้พวกเราถ่ายรูปได้หรือเปล่า ต้องลองสอบถามดูค่ะท่านอาจจะใจดีให้คุณดูก็ได้ แล้วลองขอให้ผู้นำเผ่าทำพิธีให้พวกเราไปด้วยเลยนะคะนะๆ คุณมารี พวกเราขอร้อง ต่อให้อย่างไร นาลันทาไม่ยอมหลงประเด็นแม้จะรู้ว่ามีสร้อยทองของผู้นำเผ่ามาล่อตาล้อใจแต่เรื่องการทำพิธีก่อนจะเปิดพีระมิดนั้น เธอต้องหาคนมาทำให้ได้ ไม่รับปากนะคะแต่จะลองดู มารีเริ่มรู้สึกอ่อนใจ นาลันทาและมุจลินทร์ช่างตื้อเหลือเกินให้ตายเถอะ... ธีรัชนั่งคิดถึงทาฬิดาเขารู้สึกเหงาที่ไม่มีทาฬิดามาบ่นเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้เขาฟังใจเขาคิดอยู่ว่านาฬิกาเรือนนั้นคงสำคัญมากสำหรับอดีตนายพล เขาจึงลองวาดรูปคร่าวๆลงบนแผ่นกระดาษ เขาจำได้ว่าครั้งหนึ่งเคยช่วยก๋งรื้อนาฬิกาเรือนนั้นเขาสังเกตเห็นว่าที่เข็มสั้นของนาฬิกามีลวดลายบางอย่างซึ่งเขาไม่สามารถรู้ว่าคืออะไรเขาค่อยๆ วาดลวดลายนั้นลงบนแผ่นกระดาษตรงหน้า หัวลูกศรตรงหน้าเขานี้มีขนาดใหญ่กว่าเข็มนาฬิกาเรียกได้ว่าเป็นร้อยเป็นพันเท่าเขาวาดเสร็จจึงวางมันลงบนโต๊ะข้างๆ ตัวเขาจากนั้นจึงนั่งเล่นเกมบนมือถือของเขาไปเรื่อยๆ ลมพัดมาจากที่ไหนสักแห่งทำให้กระดาษที่ธีรัชวางเอาไว้ปลิวว่อนไปไกล ด้วยนิสัยของเขาหากไม่มีรายงานที่เขาเพิ่งจะเขียนเสร็จปนอยู่ในนั้นด้วยเขาคงไม่ต้องลุกขึ้นวิ่งไปเก็บกระดาษพวกนี้แน่ ชายคนหนึ่งเดินผ่านมาบริเวณนั้นพอดีเขาก้มลงเก็บกระดาษให้กับธีรัช สิ่งที่เขาเห็นคือรูปวาดปลายลูกศรลวดลายประหลาดของธีรัชเขาถึงกับอึ้ง ขอบคุณครับๆธีรัชบอกกับชายคนนั้น เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นจึงรู้ว่าคนที่ช่วยเขาเก็บประดาษแผ่นนั้นไม่ใช่คนไทย อ้าวเขาอึงไปพักหนึ่ง ไม่เป็นไรครับรูปนี้ของคุณหรือครับ ชายคนนั้นถามเป็นภาษาไทยน้ำเสียงแปล่งๆ ครับธีรัชพยักหน้ารับ เคยเห็นของจริงไหม ครับเป็นเข็มนาฬิกาของเพื่อนผม โอ้วมายก็อด...ขอบคุณพระเจ้า ผมเจอแล้ว ชายคนนั้นตะโกนลั่นธีรัชคิดว่าเขาคงเพี้ยน คุณพาผมไปหาเจ้าของได้ไหมครับ เขาเข้ามาจับต้นแขนทั้งสองข้างของธีรัชเอาไว้แน่น เพื่อนผมไม่อยู่ครับไปเปรู โอ้วสวรรค์ ใบหน้าของเขาสลดลงจนเหลือสองนิ้ว แต่ผมพาไปหาพ่อของเพื่อนได้ครับ ไปเวลานี้เลยได้ไหมครับผมใจร้อน เขาเร่งธีรัชทันทีด้วยแววตาลิงโลด ครับๆผมขอไปเก็บกระเป๋าก่อน แล้วจะพาไป ธีรัชชักงงอยู่ๆ ชายต่างชาติเข้ามาหาเขา อยากจะตามหาเจ้าของนาฬิกา โลกช่างกลับกันเสียจริงทาฬิดาพกนาฬิกาไปเปรู ส่วนชายคนนี้มาจากไหนเขายังไม่รู้ด้วยซ้ำมาตามหานาฬิกาเรือนนั้น บังเอิญมากไปหรือเปล่าที่เขาอยากเขียนรูปของมันขึ้นมาในวันนี้แถมยังบังเอิญซ้ำซ้อนที่ลมพัดรูปของเขาไปตกอยู่ต่อหน้าชายแปลกหน้า ผมลืมไปขอโทษครับ ผมชื่อเซปัสเตียน คัลเซอร์ มาจากสเปนครับ เขายื่นมือมารอรับมือของธีรัช ครับเรียกผมง่ายๆ ว่าธีรัชครับ ธีรัชจับมือของเขาเบาๆ ป๋าผมมีเพื่อนมาหาป๋า ธีรัชพาเซปัสเตียนเดินเข้าไปในร้านขายนาฬิกาของเขา อะไรตี๋ผู้สูงวัยกว่าเงยหน้าจากการซ่อมนาฬิกาขึ้นมามองหน้าลูกชายของเขา เพื่อนผมป๋าบอกว่าเป็นคนทำนาฬิกาของไอ้ทามมันปู่ของเขาเป็นคนประกอบเรือนที่ผู้หญิงคนหนึ่งเอามาให้แล้วบอกว่าให้ทำเป็นนาฬิกาให้ด้วย ผมดีใจแทบตายที่เจอเขา โคตรบังเอิญเลยป๋า รอเดี๋ยวนะจะไปเรียกก๋งแกให้ เขาดีใจจนทำอะไรไม่ถูกทางเดียวที่เขาทำได้คือเดินเข้าไปพาบิดาของเขามาพบกับแขก ไม่ใช่สิฝรั่ง ผู้มาเยือนเรื่องนี้เป็นเรื่องที่พวกเขาสมควรดีใจใช่ไหม เฮงเดินออกมาพร้อมกับลูกชายของเขาเขานั่งบนเก้าอี้ด้านหลังเคาเตอร์วางขายนาฬิกาจากนั้นธีรัชจึงแนะนำให้เขารู้จักกับเซปัสเตียน นี่ก๋งผมครับท่านเป็นคนรับซื้อนาฬิกาจากผู้หญิงที่เอามาขายให้ท่าน ก๋งครับนี้เซปัสเตียนครับเขาบอกว่าปู่ของเขาเป็นคนทำนาฬิกาเรือนนั้น แต่ต้องมาทำสงครามแล้วหนีทหารญี่ปุ่นไม่รู้จะเอาเงินที่ไหน ก็เลยเอานาฬิกามาขายให้คนไทยพอกลับไปปู่เขารู้สึกผิด พยายามกลับมาหาผู้หญิงที่เขาขายนาฬิกาให้แต่ปรากฏว่าบ้านของผู้หญิงคนนั้นถูกระเบิดพังราบ สืบมารู้ว่าเธอย้ายครอบครัวหนีสงครามไปอยู่ที่อื่นไม่สามารถจะตามตัวพบ เขามาเมืองไทยทุกปี เพื่อตามหานาฬิกาแทนปู่ของเขา ไปเจอกันได้ยังไงผู้สูงวัยเอ่ยถาม เขาคิดว่าที่มอผมมีพิพิธภัณฑ์นาฬิกาอาจจะมีนาฬิกาเรือนของปู่เขาอยู่ด้วย แล้วบังเอิญผมวาดรูปนาฬิกาเรือนนั้นพอดีเขายังมีรูปตอนที่ปู่เขานั่งทำนาฬิกาด้วยครับก๋ง เขาถ่ายมันตอนทำเสร็จเรียบร้อย เพื่อเป็นแบบให้กับลูกค้าคนอื่นๆนี่ไงครับปู่ ธีรัชยื่นภาพถ่ายเก่าๆหลายใบให้กับก๋งของเขา เฮงหยิบรูปพวกนั้นขึ้นมาดูเขารู้ได้ทันทีว่าชายในรูปที่เขาเห็นเป็นคนทำนาฬิกาเรือนนั้นขึ้นมาจริงๆ น่าเสียดายนาฬิกาเรือนนั้น คุณหนูทามใส่ไปเปรู นั่นสิครับผมเสียดายมาก ผมมีบางอย่างจะเอามาให้กับเจ้าของนาฬิกาด้วย อะไรครับธีรัชรีบถามทันที ผมคงบอกอะไรพวกคุณไม่ได้ถ้าไม่ได้พบกับเจ้าของนาฬิกา เซปัสเตียนอึกอักเล็กน้อย ได้ๆผมจะพาคุณไปหาเจ้าของที่แท้จริง เดี๋ยวนี้เลย เฮงรีบเดินออกมาจากหลังเคาเตอร์ ไปเอารถมาพาก๋งไปหาท่านนายพลที่โรงพยาบาล ท่านจะได้สบายใจเสียที เฮงสั่งหลานชายของเขา ครับปู่ธีรัชรีบทำตามคำสั่งนั้น เขารู้ดีพอๆ กับก๋งของเขาอดีตนายพลใหญ่รอคอยที่จะได้พบกับคนทำนาฬิกาเรือนนี้มาทั้งชีวิตในเมื่อทายาทมายืนอยู่ตรงหน้า ทำไมพวกเขาจะไม่รีบพาไปพบก่อนที่คนป่วยจะไม่มีแรงหายใจ ทรงธรรมยังนอนหลับอยู่บนเตียงคนไข้มีปราชญ์ยุทธ์ลุกชายของเขานั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง เฮงเข้าไปพร้อมกับธีรัชและเซปัสเตียนผู้อ่อนวัยกว่าแม้จะมียศเป็นถึงนายพล ยกมือไหว้เฮงทันทีที่เห็นหน้าเขา หลับหรือครับเฮงเอ่ยถาม ครับคุณอามีอะไรหรือเปล่าครับ ผมพาหลานของคนทำนาฬิกาเรือนนั้นมาพบท่านครับเฮงบอกด้วยความเกรงใจ เขารู้ว่าทรงธรรมอาการไม่ค่อยจะสู้ดีนัก เหรอครับปราชญ์ยุทธ์ดีใจจนหาอะไรเปรียบไม่ได้พ่อของเขาพยายามตามหาคนทำนาฬิกาเรือนนั้นมานานบทจะพบแทบไม่น่าเชื่อว่าจะง่ายดายอย่างนี้ ผมเซปัสเตียนครับ ชายหน้าตาฝรั่งจ๋าทักทายนายพลใหญ่แห่งกองทัพไทย ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณพ่อผมท่านคงดีใจมากที่รู้ว่าคุณมาพบท่าน น่าเสียดายท่านหลับอยู่ว่าแต่คุณมีอะไรหรือเปล่าครับ ถึงได้มาพบกับท่าน ผมมีของบางอย่างที่จะให้ท่านครับเซปัสเตียนล้วงกระเป๋าเสื้อตรงหน้าอกของเขา หยิบถุงกำมะหยี่เล็กๆสีน้ำเงินใบหนึ่งออกมา อะไรครับ มันเป็นสายเก่าครับก่อนที่จะเปลี่ยนสายเป็นสายปัจจุบัน เขายื่นถุงเล็กๆให้กับปราชญ์ยุทธ์ ในนั้นมีสายหนังเก่าๆเส้นหนึ่ง ไม่แน่ใจว่าทำจากหนังสัตว์อะไร บริเวณตรงปลายสายด้านหัวเข็มขัดนั้นมีวัตถุสีทองสลับแดงหรืออาจจะเป็นสีเลื่อม มองต่างมุมทำให้เกิดการเปลี่ยนสีระหว่างกลางสายทั้งสองเส้นมีแป้นคล้ายกับเป็นเครื่องกันกระแทกหรือกันไม่ให้เหงื่อของผู้ใส่สัมผัสกับตัวเรือนตรงปลายนั้นมีที่สำหรับสอดสายให้ลอดออกไป เขาหยิบมันออกมาพลิกดูด้านหลังของแป้นนั้นมีข้อความและรูปภาพที่เขาไม่สามารถเข้าใจมันเลยสักนิด ขอบคุณครับ น่าเสียดายนะครับที่มันไม่ได้กลับไปอยู่กับนาฬิกา ครับผมต้องขอโทษด้วยจริงๆลูกสาวผมใส่มันไปเปรู ผมทราบแล้วครับธีรัชบอกกับผม ผมต้องรีบนำมาให้คุณก่อนที่มันจะสายเกินไป
Create Date : 09 กันยายน 2557 | | |
Last Update : 9 กันยายน 2557 20:46:01 น. |
Counter : 517 Pageviews. |
| |
|
|
|