กลกาล YURI ญรญ โดยผิงดาว บทที่ ๑๕
บทที่ ๑๕ เจ้าคิดว่าสิ่งนี้ดีแล้วรึทาฬิ รัตติเอ่ยถามเมื่อเห็นปฏิทินคำทำนายของทาฬิ นี่คือสิ่งที่ข้ากับจันทราร่วมกันทำขึ้นทาฬิบอกอย่างภาคภูมิ มิได้เจ้าเห็นฤาไม่ วันแลเวลาไม่ตรงกับความเป็นจริง วันสูญหายไปนับร้อยวัน โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์มิได้ใช้เพียงสองร้อยหกสิบวันหากแต่มันคือสามร้อยหกสิบห้าวัน ครานี้ข้าเพียงแค่ทำนายวันดีวันร้ายให้กับชาวมายาเท่านั้น ข้าจักช่วยเจ้าเองทำให้ครบสามร้อยหกสิบห้าวัน เพื่อให้ปฏิทินนี้ใช้ได้ชั่วลูกชั่วหลานเป็นเวลานับแสนนับล้านปีมนุษย์ หากเป็นเช่นนั้นจักดียิ่งเพื่อนข้า ขอเวลาข้าสักระยะหนึ่งเถิดทาฬิข้าจักทำมันขึ้นมาเพื่อเจ้าและชาวมายาแห่งเรา ขอบใจเจ้านักรัตติหากทำได้เช่นนั้นจริง ข้าจักยินดียิ่งเพื่อนข้า หลังจากนั้นรัตติใช้เวลานานกว่านางจะเปลี่ยนปฏิทินเก่าให้เป็นปฏิทินใหม่ได้เมื่อของเก่าที่ทาฬิทำเอาไว้ได้รับการใช้อย่างแพร่หลายไปในหมู่ชนของมายาเธอจึงต้องปรับแก้ให้ระบบทั้งสองอย่างนั้นลงตัว หากแต่ยังมีวันหายไปจากระบบปฏิทินของเธอถึงห้าวัน เอาอย่างนี้สิรัตติห้าวันนั้นคือว่าแห่งการเฉลิมฉลองวันขึ้นปีใหม่ของมายา เจ้าว่าดีไหม ทาฬิสรุปเรื่องยากกลับเป็นเรื่องง่ายดายไปอย่างสิ้นเชิงที่เธอไม่สามารถนำปฏิทินใหม่มาให้กับทาฬิได้เพราะวันที่หายไปนั่นเอง เท่ากับว่าปฏิทินของเธอจะสามารถใช้ต่อไปได้อีกนับแสนนับล้านปี แต่แล้วเรื่องที่เธอทำกลับกลายเป็นเรื่องที่ไม่น่าสนใจเมื่อจันทรานำสิ่งของสิ่งหนึ่งมาให้กับทาฬิ ท่านข้ามีอะไรจะให้ท่านดู มาทางนี้สิ จันทราฉุดแขนของทาฬิให้ไปยังกลางลาน บนลานนั้นปรากฏของสิ่งหนึ่งเป็นวงกลมคล้ายกับลูกล้อ มันทำมาจากไม้ บนลูกล้อนั้นปรากฏขีดและมีแท่งยาวๆปักเอาไว้ตรงกลาง อันใดรึ ข้าเรียกมันว่านาฬิดาแดดใช้สำหรับบอกเวลา ในยามกลางวัน ใช่เยี่ยงใดกันเจ้าทาฬิตื่นเต้นที่ได้ยินเช่นนั้น ในฤดูนี้ดวงอาทิตย์ส่งมาทางทิศนี้เจ้าเห็นเงาของสิ่งนี้หรือไม่ หากดวงอาทิตย์ส่องมายังเจ้านี่เงาของมันจักไปปรากฏบนวงล้อ และสามารถบอกเวลาได้อย่างแม่นยำ โอ้วเจ้าคิดได้อย่างใดกัน ไม่เห็นจะดีตรงไหนเลยยามนี้ใกล้เที่ยงวัน พระอาทิตย์มิได้ตรงศีรษะ ของๆ เจ้าจักบอกเวลาได้อย่างใดกัน นี่ไงท่านพี่เงาจักชี้ไปทางนี้ ตัวเลขนี้จักบอกว่าใกล้จักเที่ยงวัน จันทราชี้ให้ดูบนขีดแผ่นไม้วงกลมของเธอ ใช้ได้จริงๆจันทรา เจ้าสองคนพี่น้องช่วยข้าได้มากยิ่ง ขอบใจเจ้ามากเพื่อนรัก ทาฬิยิ้มหน้าบานจากนี้ไป เธอจะประกาศเรื่องปฏิทินและนาฬิกาแดดให้กับทุกคนได้รับรู้ หลังจากนั้นไม่นานทาฬิเปลี่ยนความสนใจไปกับสิ่งประดิษฐ์ที่เรียกว่านาฬิกานาฬิกาแดดของจันทรายังมีข้อเสียอยู่ จึงทำให้ในเวลากลางคืนไม่สามารถบอกโมงยามได้ต้องอาศัยดูดวงจันทร์และดวงดาวควบคู่กันไป ทาฬิจึงตัดสินใจสร้างนาฬิกาที่สามารถบอกเวลาได้ทั้งกลางวันและกลางคืนให้กับมายา สิ่งประดิษฐ์ต้นแบบออกมาเป็นรูปเป็นร่างทาฬินำมันมาให้กับรัตติและจันทราได้ดู อันใดรึรัตติถามด้วยความสนใจ นาฬิกาหากมีเจ้านี้ไม่ว่าจักเป็นกลางวัน กลางคืน มันจักบอกเวลาให้กับชาวเมืองได้ ข้าว่าเพลานี้มิมีสิ่งใดสำคัญกว่าปากท้องของชาวเมืองเราหรอกนะท่านจันทราว่า ตั้งแต่ทาฬิหมกมุ่นอยู่กับการสร้างนาฬิกา ชาวเมืองมายาเริ่มขาดแคลนอาหารประชาชนอดอยากล้มตาย จนเกิดศึกสงครามแย่งชิ่งแหล่งเพาะปลูกกันทั่ว ฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาลจันทราว่าต่อ เป็นเพราะเจ้านั่นแหละจันทราเจ้าต้องนำฝนมาตกบ้าง จักได้เพียงพอกับความต้องการของเผ่า เจ้านั่นแหละให้พวกเขาตัดไม้ ทำลายป่า พื้นที่ต้นน้ำจึง แห้งแล้ง ข้าต้องการพื้นที่เพราะปลูกให้เพียงพอกับคนของเรา เจ้าทำเช่นนั้นไม่ถูกต้องเจ้ารู้ไหม การตัดไม้จักทำให้ไม่มีความชุ่มชื้น ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาลประชาชนของเรามีมากเกินไป ต่อให้มีการผลิตพืชผลออกมามากเพียงใดก็ยังมิเพียงพอกับความต้องการ เจ้าจะมากเกินไปแล้วนะจันทราเจ้าพูดเยี่ยงนี้ เจ้าหมายความว่าข้าผิดใช่ฤาไม่ เอาล่ะๆพวกเจ้าทั้งคู่มิผิดดอก ข้าผิดเองที่มัวแต่ประดิษฐ์นาฬิกาหลงลืมดูความเป็นอยู่ของพวกเขา ทาฬิข้าคิดว่าข้าคงอยู่ที่นี่ไม่ได้อีกแล้ว ข้าขอลงใต้ ไปหาที่ของข้าเองจะดีกว่า อะไรนะจันทราเจ้าจะแยกจากข้าอย่างนั้นรึ ถูกแล้วมายามีเพียงท่านกับรัตติคงเพียงพอ ไม่นะจันทราเจ้าไปแล้วข้าจักมีเพื่อนคู่คิดอีกหรือ ปล่อยนางไปเถอะทาฬิเจ้ายังมีข้าอยู่ทั้งคน เจ้ามิต้องห่วงอันใดทั้งสิ้นจากนี้ไปข้าจักเป็นเพื่อนคู่คิดให้กับเจ้าเอง จันทราหากเจ้าอยากจะไปเชิญไปเถิดรัตติไม่รั้งจันทราเอาไว้เลยสักนิด เธออยากให้จันทราออกไปจากมายาโดยเร็วที่สุดไปวันนี้ตอนนี้ได้ยิ่งดี เธอจะได้อยู่กับทาฬิ สองคนแม้ทาฬิจะชอบหมกตัวคิดค้นสิ่งประดิษฐ์อยู่ในวิหาร ไม่ออกมาให้ประชาชนเห็นบ่อยนักเรื่องนั้นเธอไม่สนใจหรอก เธอสามารถปกครองมายาได้ด้วยตัวของเธอเอง เธอจะปกครองให้ดียิ่งกว่าที่จันทราเคยทำ ไม่เชื่อคอยดูสิ หลังจากที่จันทราจากไปทาฬิกลับหมกตัวอยู่แต่ในวิหารหนักขึ้นกว่าก่อนมายาจึงอยู่ในการปกครองของรัตติเพียงผู้เดียว ฝนฟ้าหายไปจากเมืองกลับกลายเป็นความอดอยากของประชากร มายากำลังเข้าสู่ขั้นวิกฤติ ไม่มีแม้แต่น้ำจะดื่มรัตติใช้วิธีตีเมืองอื่นๆ เพื่อนำเอาอาหารมาเป็นบรรณาการให้กับมายาแผ่นดินในการปกครองของเธอจึงกว้างไกลไปสุดขอบเหนือใต้และทั้งตะวันออกจรดตะวันตกในคาบสมุทรยูคาทัน สิ่งที่เธอคิดกำจัดเชลยศึกได้ก็คือนำมาบูชายัญให้แด่เทพเจ้า เชลยศึกเหล่านี้ ในความคิดของเธอแล้วเลี้ยงไปก็เสียข้าวสุก สู้ฆ่าให้ตายไปเสียจะดีกว่า คนในมายายินดีอยู่แล้วที่จะไม่ต้องสูญเสียคนของตัวเองให้กลายเป็นเหยื่อบูชาเทพเจ้าพวกเขาจึงร่วมใจกัน นำเชลยศึกมาเซ่นสังเวยเทพเจ้าของเขา แรกเริ่มนั้นหลังจากที่นำชีวิตของเชลยมา ฝนฟ้ากลับมาตกอีกครั้ง พวกเขาจึงใช้วิธีนี้ทุกครั้งหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้มายากลายเป็นทะเลเลือด กลิ่นคาวเลือด คละคลุ้งไปทั่วซ้ำยังสะอิดสะเอียน กับสภาพศพที่ได้พบเห็น เมื่อไม่มีฝน จากเชลยผู้ชายจึงเพิ่มเชลยผู้หญิงและเด็กๆ เข้าไปด้วย สุดท้ายคือวิญญาณบริสุทธิ์ของเด็กเกิดใหม่ พวกเขาไม่รีรอที่จะนำเด็กทารกเกิดใหม่มาบูชาเทพเจ้าของเขาหากทำให้ฝนตกลงมาได้อีกครั้ง เทพเจ้าไม่เป็นใจให้กับพวกเขาเลยสักนิดหลังจากการทะเลาะกันในครั้งนั้น ทาฬิกลับออกมาอีกครั้งพบเห็นภาพอันน่าสยดสยอง เธอตัดสินใจจากมายาอีกคนทิ้งให้รัตติปกครองมายาเพียงลำพัง สุดท้ายผู้คนต่างเดินทางอพยพออกจากมายาไปเรื่อยๆจนเกือบจะกลายเป็นเมืองร้าง รัตติโกรธแค้นยิ่งนักเมืองที่เธอสร้างมาด้วยมือต้องกลับกลายมาเป็นเมืองร้าง ไร้ผู้คน พีระมิดใหญ่ วิหารร้าง จะมีไปเพื่ออะไรกันเธอจึงออกตามหาทาฬิ สิ่งที่รู้แน่ๆ คือทาฬิต้องไปอยู่กับจันทรา หากหาจันทราพบต้องพบทาฬิเป็นแน่ รัตติออกจากมายามาตามหาทาฬิพร้อมกับกำลังพลของเธอนับพันคน จะคิดมากไปทำไมในเมื่อทาฬิเป็นผู้ทำนายว่ามายาจักล่มสลายอยู่แล้ว เธอทำให้คำทำนายของทาฬิเป็นจริงเร็วขึ้น เธอผิดตรงไหน ไม่มีทาฬิที่มายา เท่ากับเมืองไร้เทพเจ้า เมืองไม่มีเทพเจ้าจึงเป็นเมืองไร้จิตวิญญาณ หนทางแม้จะยากลำบากรัตติไม่รู้สึกอะไรใจของเธอนั้นคิดถึงแต่ทาฬิ อยากพบอยากเห็นหน้า แม้จะรู้ว่าเมื่อพบกันแล้วทาฬิจะไม่สนใจเธอเหมือนที่เคยเป็น ข้างหน้ามีหมู่บ้านขอรับคนของรัตติรีบมารายงานข่าวกับเธอ ถามพวกมันเคยเห็นทาฬิบ้างฤาไม่ พวกมันไม่เคยเห็นขบวนใดๆของคนต่างถิ่นขอรับ เป็นไปไม่ได้เราได้รับรายงานว่าทาฬิเดินทางลงใต้ ข้ามเขามายังที่นี่เหตุใดจึงไม่มีรายงาน ท่านขอรับข้าว่าท่านทาฬิเดินทางมาที่นี่เมื่อหลายร้อยปีก่อน พวกมันเป็นคนอายุมิเกินสามสิบฤาหากมากกว่านั้นไม่เกินเจ็ดสิบ พวกมันจึงมิรู้ว่าเคยมีขบวนของท่านทาฬิเดินทางผ่านมาทางนี้ จริงของเจ้า พวกมันนับถือเทพสุริยาเหมือนพวกเราขอรับ จริงรึ ขอรับพวกมันบอกข้าว่า เทพสุริยาเสด็จลงมาโปรดพวกมันขอรับ ดี วิหารของท่านเทพเดินทางลงใต้ไปอีกไม่ไกลขอรับ พาข้าไปรัตติตื่นเต้นที่จะได้พบกับทาฬิไม่มีทางที่คนพวกนี้จะนับถือเทพโดยไม่รู้จักผู้เผยแผ่ ถ้าจะให้เธอเดาทาฬิต้องเคยผ่านมาบริเวณนี้ และคงสอนให้คนพวกนั้นนับถือเทพสุริยา ผู้ให้แสงสว่างไปทุกหย่อมหญ้าหากเป็นเช่นที่เธอคิดจริง สิ่งที่เธอรอคอยจะได้พบคงอยู่ไกลแค่เอื้อมมือคว้าเท่านั้น พวกเราจะลงไปทาคานาลาไปสำรวจอะไรนิดหน่อยสักสองหรือสามวัน จะไปกับพวกเราไหมทาม นาลันทาเอ่ยถามทาฬิ คนในหมู่บ้านเล่าว่าที่หมู่บ้านทาคานาลาด้านล่างหุบเขามีโบราณสถานที่ยังไม่มีนักโบราณคดีคนใดเคยลงไปสำรวจหากเป็นไปได้ทุติอยากจะสำรวจสถานที่แห่งนั้น นั่นเท่ากับว่าทีมของพวกเธอคือผู้บุกเบิกอย่างแท้จริง ไปสิคะอยู่ที่นี่ทามชักเบื่อๆ คุณนาจะไปวันไหนคะ พรุ่งนี้เราจะเดินทางลงไปพร้อมกับกลุ่มหมอครั้งก่อนได้ยินมาว่าลงไปยังไม่ทันจะได้ทำอะไร ต้องรีบพาคนป่วยกลับขึ้นมานาลันทาว่า แสดงว่าพวกหมอจะลงไปกันหมดเลยใช่ไหมคะ ค่ะไปกันหมด ไม่เหลือใครเลย น่าสนุกค่ะทามไปจัดกระเป๋าเลยนะคะ ทาฬิดารีบเดินเข้าไปในห้องพักของเธอเตรียมจัดเสื้อผ้าไม่กี่ชิ้นที่เธอนำติดตัวมาของใช้ส่วนใหญ่ของเธอถูกทิ้งเอาไว้ที่ห้องพักอีกเมืองหนึ่งดังนั้นเธอจึงมีสมบัติบ้าไม่มากนัก มีแค่เสื้อสองตัวกางเกงยีนหนึ่งตัวกับผ้าผืนกว้างซึ่งเธอซื้อมาจากตลาด เพื่อนำมาห่มเวลากลางคืนเท่านั้น พี่ทามเอาไปแค่นี้หรือคะ อัปสรชะโงกดูในเป้ของทาฬิดา มีแค่นี้จะให้เอาไปแค่ไหนล่ะ เออเนอะนั่นดิ จิ๊ดก็มีแค่นี้เหมือนกัน ว่าแต่เมื่อคืนพี่ละเมอเหรอ ร้องซะลั่นบ้านเลย เปล่าพี่เห็นนกยักษ์จริงๆ ทาฬิดายืนยัน เธอไม่ได้ตาฝาด หรือละเมอเดินออกมาเธอได้ยินเสียงนก จึงรีบเดินออกมาดู และต้องพบกับเหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัวจนเกือบข่มตานอนไม่หลับทั้งคืน ถ้าพี่เห็นจริงๆทำไมอากลางไม่เห็นล่ะคะพี่ อัปสรยังไม่มั่นใจ ไม่รู้สิมันอาจจะบินหนีไปแล้วก็ได้ พี่ไม่รู้เหมือนกัน มันจะฆ่าพี่หรือเปล่าบรื้อๆ ขนลุก หวังว่าลงไปข้างล่างจะไม่เจอไอ้นกตัวนั้นนะพี่ถ้าเจอจิ๊ดจะวิ่งหนีเป็นคนแรกเลยแหละ อัปสรแสดงออกเต็มตัวเลยว่าเธอกลัวในสิ่งที่ทาฬิดาเล่า น่ากลัวกว่าโครงกระดูกในถ้ำอีกเหรอจิ๊ด ทาฬิดาแซวเด็กจอมจุ้นของเธอ ถ้าโครงกระดูกมันลุกขึ้นมาเดินได้จิ๊ดจะวิ่งเหมือนกันค่ะพี่ แล้วกันนึกว่าไม่กลัว ใครว่าล่ะกลัวจนหัวหดเชียวแหละ ที่สำคัญ จิ๊ดไม่อยากเหนื่อย ฮ่าๆทาฬิดาหัวเราะร่วน อัปสรทำให้เธอสบายใจขึ้นมาได้บ้างหลังจากที่เธอมัวแต่กังวลถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอเมื่อคืนที่ผ่านมา พี่มารีจะไปกับเราไหมคะพี่ ไม่รู้สิพี่ยังไม่เจอเธอเลย นั่นสิพี่พี่มารีไม่รู้หายไปไหนของเธอเนอะ จิ๊ดรอจะถามว่าตกลงเราต้องเตรียมอะไรไปบ้างยังไม่เจอเธอเลยเหมือนกัน คงติดธุระที่อื่นมั๊งสักพักคงมาหาเรา ทำไมล่ะคะ พี่ยังไม่ได้เลิกจ้างเธอทำงานฉะนั้นเธอต้องมาหาเราทุกวัน จนกว่าพี่จะบอกเลิกจ้าง อ๋อเป็นอย่างนี้นี่เอง อัปสรพยักหน้าหงึกหงัก ขอโทษค่ะขอเข้าไปได้ไหมคะ อยู่ๆเสียงของมารีดังขึ้นหน้าห้องของทาฬิดาและอัปสร ตายยากชะมัดเลยพี่ว่าปะอัปสรหันไปบอกกับทาฬิดาก่อนที่จะเดินไปเปิดประตูห้องให้กับมารี เพิ่งจะพูดถึงพี่กันไปเมื่อตะกี้พี่ก็มา รู้ใจจังเลยนะคะ บ่นถึงฉันเรื่องอะไรคะ มารีมองหน้าทั้งสองสาว จิ๊ดจะต้องเอาอะไรไปบ้างคะ เมื่ออัปสรเอ่ยออกมามารีจึงรู้ว่าเพราะอะไรทั้งสองจึงพูดถึงเธอ ตัวกับหัวใจค่ะมารีตอบหน้าตาย โหพี่พูดง่ายจัง อัปสรถึงกับออกอาการเซ็ง ต้องเอาตัวไปกับหัวใจพร้อมลุยถ้าไม่พกไปคงถอดใจกลางทาง สำบัดสำนวนจริงนะพี่มารีแล้วถ้าจิ๊ดถอดใจกลางทางล่ะคะ ถ้ากล้าเดินกลับมาคนเดียวก็แล้วแต่สะดวกค่ะ ทำไมต้องกล้าด้วยล่ะ กลางทางมีสิ่งที่เราต้องระวังยังไงล่ะคะ หือมีงูด้วยหรือคะ สิ่งเดียวที่อัปสรคิดได้ในเวลานี้คืองูเท่านั้น ที่นี่ไม่มีงูมีพิษหรอกค่ะแต่จะมีนกดุๆ เท่านั้น หา...นกดุๆที่พี่ทามเจอเมื่อคืนหรือเปล่า มารีทำหน้าตกใจทาฬิดาได้พบกับนกตัวนั้นอีกแล้วหรือ เธอหันไปมองหน้าทาฬิดาเป็นเชิงถาม เมื่อคืนมันมาอีกแล้วค่ะคราวนี้กะจะฆ่าจะแกงกันเลยเชียว ดีที่คุณนาออกมาทัน ไม่อย่างนั้นมันคงเล่นงานทาม มารียังคงตกใจไม่หายสิ่งที่ทาฬิดาพูดนั้น เธอเชื่อหมดทุกคำ เธอรู้จุดประสงค์ของมันด้วยซ้ำว่าจะมาทำอะไร อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิคะเหมือนคุณไม่เชื่อทาม เปล่าค่ะฉันเชื่อคุณและรู้ว่ามันไม่ต้องการทำร้ายคุณมันแค่ต้องการของบางอย่างจากคุณเท่านั้น มันต้องการอะไร นาฬิกาของคุณ
Create Date : 09 กันยายน 2557 |
Last Update : 9 กันยายน 2557 20:37:27 น. |
|
0 comments
|
Counter : 344 Pageviews. |
|
|