It's not easy to be me
Group Blog
 
All blogs
 
กลกาล YURI ญรญ โดยผิงดาว บทที่ ๑๖/๒

๑๖/๒

“โอ้ว... สุดยอด” ทุติส่งเสียงลั่น สิ่งที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้า มองดูก็รู้ว่าต้องไม่ใช่เนินเขาธรรมดาๆ อย่างที่เคยเห็น ภายใต้ต้นไม้รกๆ นั้น ต้องมีสิ่งก่อสร้างด้วยฝีมือมนุษย์อย่างแน่นอน

โดยเฉพาะหินปูนที่เขากำลังเกลี่ยดินออกไปจากพื้นผิวของมันนั้น มีลักษณะเป็นแท่งสี่เหลี่ยม ร่องรอยการสกัดหิน ยังมีให้เห็นอยู่ประปราย

“ดูนี่สิ ถ้าเราทำให้มันกลับคืนมาเหมือนเดิมได้ คงจะสวยน่าดู”

ทุติบอกกับนาลันทา

“เราไม่ต้องแจ้งให้คนของเปรูรับรู้ก่อนหรือคะอาจารย์”

“ลองขุดดูก่อนสักวันหรือสองวัน ถ้ามีอะไรคืบหน้า ค่อยขอยืมโทรศัพท์ของหมอศรโทรไปบอกก็ได้”

“แน่ใจว่าจะไม่มาจับเรานะคะจารย์ขา” ทาฬิดาเบรกทุติตัวโก่ง

“เราก็อย่าไปทำลายข้าวของ ของเขาสิ เราแค่เปิดหน้าดินนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้นเอง”

“เราจะเอาเครื่องมือที่ไหนมาใช้ล่ะคะจารย์” ตรีทิพย์มองไม่ออกเลยว่า จะใช้สองมือเปล่าของพวกเธอ บุกเบิกเนินเขานี้ได้อย่างไรกัน

“ขอยืมเครื่องมือขุด พวกจอบหรือเสียมให้ผมได้ไหมครับคุณมารี” ทุติหันไปถามมารีทันทีที่ตรีทิพย์พูดจบ

“ได้ค่ะ” มารีสั่งคนของเธอ ให้กลับไปที่หมู่บ้าน นำเครื่องมือที่ทุติต้องการมาให้กับเธอ

“ถ้าผมเจอที่นี่เป็นคนแรกนะ ผมคงเป็นไฮราบิงแฮมประเทศไทยเลยเชียวล่ะ” ทุติยืดออกราวกับกำลังจะโอ่

“โหจารย์ขา นึกว่าจารย์โดนตัดหางไปแล้วนะ”

มุจลินทร์แซวทุติแรงๆ เธอกับทุติสนิทกันจนเกินขอบเขตของคำว่าเกรงใจ ยกเว้นคนรักของเธอเท่านั้นที่ยังคงเคารพและเกรงใจทุติ เพราะเป็นทั้งอาจารย์ผู้สอนวิชาให้ และเป็นทั้งหัวหน้างานที่แสนจะใจดี

“ตัดแล้วก็ต่อได้นะไอ้มุจ ผมเนี่ย เก่ง”

“จ้าจารย์จ๋า จารย์ทุของมุจเก่งไปทุกเรื่องนั้นแหละ ยกเว้นเรื่องเดียวเท่านั้น”

“เรื่องอะไร ไหนลองบอกมาสิ ว่าผมไม่เก่งเรื่องอะไร”

“หาเมียไงจารย์ ถ้าเก่งจริงป่านนี้จารย์ต้องมีเมียมีลูกแล้ว ช่ายปะจ๊ะจารย์จ๋า”

“โธ่ นึกว่าเรื่องอะไร เรื่องนี้นี่เอง นี่ผมจะบอกอะไรให้นะ คนอย่างผม ถ้าคิดจะหาเมีย ผมมีเป็นโขยง ผมไม่หาเองต่างหาก ปะๆ จอบเสียมมาแล้ว ไปลองขุดกัน”

ทุติเปลี่ยนเรื่องทันที เมื่อรู้ตัวว่ากำลังจะถูกมุจลินทร์ต้อนจนมุม

“ดูสิคุณนา จารย์คุณเป็นแบบนี้ทุกที”

“ใครจะไปรู้ จารย์ทุอาจจะเป็นเกย์ก็ได้”

“เดี๋ยวเถอะ นินทากันระยะเผาขนเลยนะ กลับไปจะเขียนรายงานตัดเงินเดือนให้หมดเลยเชียว”

“ทีงี้ละหูไวนะจารย์ นินทากันแค่สองคน ดันได้ยินซะงั้น”

มุจลินทร์บ่นอุบ

“ให้คนงานตัดต้นไม้รกๆ ให้ก่อนดีไหมจารย์ เดินเข้าไปอย่างนี้มีหวังงูกัดตาย” ทาฬิดาบอก สภาพเท่าที่เห็นมีต้นไม้รกไปหมด

“ที่นี่ไม่มีงูมีพิษหรอกค่ะ” มารีบอกกับทุกคน

“ทั้งประเทศไม่มีงูมีพิษเลยหรือคะ”

“ค่ะ อาจจะเคยมีแต่คงสูญพันธุ์ไปหมด”

“ดีจังเลยนะ พวกเราจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องงู”

นาลันทาโล่งใจไปอีกเปราะหนึ่ง

“ฉันเคยเห็นที่นี่มาก่อน” ทาฬิดากระซิบบอกกับมารี

“ค่ะ” มารีหันไปมองหน้าทาฬิดา เธอเคยเห็นที่แห่งนี้เช่นกัน สิ่งที่เธอเห็นไม่ได้สวยงาม มันมีแต่ความตายรายล้อมอยู่ทุกอณู ณ ที่แห่งนี้

เธอเรียกว่าที่สถิตพรหมจารีแห่งรัตติกาล หญิงสาวพรหมจรรย์ต้องมาจบชีวิต สังเวยให้แด่เทพรัตตินับร้อยคน เลือดหญิงสาวบริสุทธิ์คือสิ่งสำคัญสำหรับความสาวและความสวยของเทพองค์นั้น ทาฬิดาพูดถูก ไม่น่าเรียกว่าเทพเลยสักนิด น่าจะเรียกว่าปีศาจรัตติจะดีกว่า

“ที่นี่ไม่ใช่พีระมิด แต่มันเป็นสุสาน” ทาฬิดาโพล่งออกมาเสียงดัง

“อย่าไปแตะต้องมันเด็ดขาด อันตราย” ทาฬิดาบอกอีกครั้ง

ช้าไปแล้ว ทุติช่วยคนของเขางัดเอาหินใหญ่ก้อนหนึ่งหลุดออกมาจากเนินนั้น ทำให้เห็นช่องโหว่จนคนสามารถมุดเข้าไปข้างในนั้นได้

กลิ่นอับชื้นโชยมาแตะจมูกของทุกคนทันที

“โห โคตรเหม็นเลยจารย์ ต้องหาหน้ากากออกซิเจนมาก่อน อย่างเพิ่งเข้าไปเลย” มุจลินท์เตือน

“ก็ได้ๆ เอาหินปิดคืนไปเหมือนเดิมก่อนก็แล้วกัน” ทุติสั่งระงับการสำรวจทันทีที่มีคนแย้ง ถูกของมุจลินทร์ขืนเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้า ไม่มีอากาศหายใจขึ้นมา ทุกคนจะพากันไปตายในนั้น

“พาจิ๊ดกลับไปเลย เดี๋ยวนี้” ทาฬิดาสั่ง

เธอไม่อยากให้เหตุการณ์ทับซ้อนที่เธอเห็นอยู่ในเวลานี้ กับเหตุการณ์จริงๆ มาเหมือนกัน คนที่จะถูกกันออกไปให้ห่างจากสถานที่ แห่งนี้มากที่สุดคือเด็กผู้หญิง ซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะหรืออายุไม่ถึงยี่สิบห้าปี

“จิ๊ดอยากดูนี่คะ”

“อยากมีชีวิตอยู่ดูโลกต่อไปอีกหลายๆ ปีหรือจะดูแค่ไอ้หลุมนี้ หลุมเดียว จากนั้นไม่มีชีวิตไปดูอะไรอีกเลยไหมล่ะ ถ้าอยากตายอยู่ดูต่อไป แต่ถ้าไม่อยาก เรารีบกลับไปอยู่กับลูกหนู แล้วห้ามออกมาวิ่งเล่นแถวนี้เด็ดขาด เข้าใจที่พี่พูดไหม” ทาฬิดาดุอัปสรจนเด็กน้อยกลัวหงอ

ทุกอย่างที่ทาฬิดาทำนั้น อยู่ในสายตาของมุจลินทร์และนาลันทาโดยตลอด ทั้งสองคนไม่เข้าใจว่าทำไมทาฬิดาจึงห้ามอัปสรอย่างนั้น หรือแม้แต่ใส่อารมณ์กับอัปสรราวกับกำลังทำความผิดขนานใหญ่จนให้อภัยไม่ได้

“ถ้าทางชักจะมีเรื่องไม่ชอบมาพากลแล้วสิคุณนา”

มุจลินทร์กระซิบบอกกับคนรักของเธอ

“รอดูกันไปก่อนเถอะ นาว่าหนูทามมีอะไรแปลกๆ ที่เราไม่รู้ ระวังเอาไว้ก่อนเป็นดีที่สุด คุณพายายจิ๊ดกลับไปอยู่กับหมอบิวก่อนดีกว่า เพื่อความปลอดภัยของหลาน”

นาลันทาเริ่มเห็นอะไรแปลกๆ บางอย่างจากพฤติกรรมของทาฬิดา เมื่อมีคนทักทำไมเธอจะไม่เชื่อ จิ้งจกทักก่อนออกจากบ้าน คนไทยยังเชื่อกันมากมายว่าจะเกิดเรื่องไม่ดี ให้ระวังตัว นี่คนทั้งคนทักแถมคนๆ นั้นไม่มีจุดประสงค์มุ่งร้ายกับหลานของเธอ ถ้าเธอไม่เชื่อคงจะตะแบงไปสักนิด

“ปะจิ๊ดไปกับอาเถอะ ไปหาอะไรกินกันดีกว่า ปล่อยพวกโบๆ เขา

ทำงานกัน เราพวกนิวจิ๊ด ไปกันดีกว่า” มุจลินทร์โอบไหล่ของอัปสร หันไปพยักหน้าให้กับนาลันทา เป็นเชิงบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง เธอจะช่วยดูแลหลานสาวของคนรักเอง

“ตกลงเราเลิกขุดนะคะจารย์” ตรีทิพย์ถามย้ำกับทุติ

“ต้องหาหน้ากากออกซิเจนมาก่อนเราค่อยมุดเข้าไปด้านใน อากาศแย่ๆ อย่างนี้คงเข้าไปตอนนี้ไม่ได้ หรือไม่ถ้าเราหาไม่ได้คงต้องเปิดหินออกให้กว้างที่สุด เท่าที่เราจะทำได้”

“อย่าทำอย่างนั้นนะคะ”

ทาฬิดาโพล่งขึ้นมาทันทีที่ได้ยินในสิ่งที่ทุติพูด

“เป็นอะไรไปหรือเปล่าหนูทาม ทำไมถึงได้ห้ามผมล่ะ”

“บางสถานที่บางแห่ง เปิดสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้หรอกค่ะ เผลอๆ เราอาจจะเปิดเอาเชื้อโรคหรืออะไรต่อมิอะไรออกมาจากในสถานที่นั้น มาสู่คนในยุคปัจจุบันก็ได้”

“แล้วอะไรล่ะที่หนูทามพูดถึง”

“อาจารย์ไม่เคยได้ยินหรือคะ ที่นี่เคยเกิดโรคไข้ทรพิษ ทำให้ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก ไม่แน่นะคะ ในนั้นอาจจะเป็นสุสานเก็บศพของคนที่เคยเป็นโรคไข้ทรพิษเมื่อหลายร้อยปีก่อนก็ได้ คนสเปนถึงได้หาศพอีกหลายร้อยหลายพันศพไม่พบ ทั้งๆ ที่เห็นๆ กันอยู่ว่าคนเหล่านั้นเป็นโรคไข้ทรพิษและต้องตายแน่ๆ แต่กลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย”

“เออ นั่นสิเนอะ อาจเป็นไปได้ ว่าแต่หนูทามรู้ได้ยังไงล่ะ ว่าที่นี่อาจจะเป็นหลุมฝังศพ”

“แค่กลิ่นที่โชยออกมา ก็รู้แล้วค่ะจารย์ขา กลิ่นอับๆ อย่างนั้น มัน

เหมือนมีหนูสักพันตัวนอนตายอยู่ในนั้น” ทาฬิดาอ้างไปเรื่อย

“จริงด้วยสิ ทำไมผมลืมคิดถึงเรื่องนี้เนอะ เอาล่ะๆ เป็นอันว่า เราต้องเอาทั้งหน้ากากออกซิเจนแล้วก็หน้ากากป้องกันสารพิษมาด้วย คงต้องรอกันอีกหลายวันกว่าของจะส่งมาถึงมือเรา นี่ก็ใกล้ค่ำแล้ว กลับไปพักผ่อนในหมู่บ้านกันเถอะ ผมชักหิวแล้วเหมือนกัน” ทุติหยุดงานเอาดื้อๆ

ทาฬิดายิ้มออกมาอย่างพอใจเป็นที่สุด เธอคงยับยั้งทุติได้อีก ไม่กี่วัน หลังจากนี้ทุติคงลงมือขุดเจาะสำรวจด้านในอีกครั้ง เธอขอให้อย่าเกิดเรื่องร้ายแรงกับทีมนักโบราณคดีพวกนี้เท่านั้นเป็นพอ เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง

“ฮ่าๆ...” เสียงหัวเราะร่วนดังออกมาจากในถ้ำลึกกลางป่า เสียงนั้นฟังแล้วไม่ได้รู้สึกขำตามไปด้วย หากแต่ใครได้ฟัง รู้สึกขนลุกขนพอง

“นายท่านอารมณ์ดียิ่ง” เสียงบุรุษหนุ่มเอ่ยถาม

“เหตุใดข้าต้องเศร้าใจด้วยเล่า”

“มิได้ดอกนายท่าน ข้ามิได้หมายความเช่นนั้น”

“ข้าดีใจ ทาฬิกลับมาหาข้า เจ้าเห็นอย่างที่ข้าเห็นไหม คูโก ข้ารอนางมานานแสนนาน รอให้นามปลดปล่อยข้าเป็นอิสระ นับจากนี้ ข้าจักเป็นอิสระแล้วคูโก”

“ขอรับนายท่าน” เขาโค้งให้กับผู้เป็นนาย การรอคอยแสนจะยาวนานคงจะสิ้นสุดลงเสียที 




Create Date : 09 กันยายน 2557
Last Update : 9 กันยายน 2557 20:39:41 น. 0 comments
Counter : 329 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รันหณ์
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ฉันคือฉัน
ฉันรักเสียงเพลง
ฉันรักสายลม
ฉันรักท้องฟ้า
ฉันรักอิสระ
ฉันคนไร้ราก
ผิงดาวยามไร้เดือน

คืนนี้ถ้าเธอหนาว ร่วมผิงดาวบนท้องฟ้า
จากรักจากศรัทธา....ของเรา

เป็นอะไรก็ได้มิใช่หรือ
แค่เป็นคนดีก็คงเีพียงพอ
[Add รันหณ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.