It's not easy to be me
Group Blog
 
All blogs
 
กลกาล YURI ญรญ โดยผิงดาว บทที่ ๑๓

บทที่  ๑๓

ถึงจะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งเหตุการณ์คืนนั้นทำให้เธอเชื่อในคำพูดของมารีไปเกินครึ่ง

“นกตัวนั้นเป็นสื่อใช่ไหมคะ”

“คุณรู้”อีกคนจ้องหน้าทาฬิดาไม่วางตา

“ไม่หรอกค่ะบังเอิญคืนนั้นฉันเห็นนกตัวใหญ่มาก บินโฉบมาเหนือหลังคาบ้านได้ยินเสียงของมันร้องจนแสบแก้วหู พอตอนเช้าผู้ชายพวกนั้นบอกกับพี่หมอนทว่านกยมทูตมาแจ้งข่าว ทามเลยเดามั่วไปค่ะ ว่าต้องใช่นกตัวนั้นแน่ๆ”

“โชคดีที่มีพวกคุณอยู่ด้วยไม่อย่างนั้นแม่ของเด็กจะต้องตาย ไปด้วยอีกคน”

“ทำไมคะ”แค่ได้ยินยังหวั่นใจ หากเกิดเรื่องเช่นนั้นจริงๆ คงจะ น่ากลัว เธอไม่อยากเห็นคนต้องมาตายต่อหน้าต่อตาแค่ความฝันยังสยดสยอง หากได้เห็นของจริง คงติดตาไม่มีวันลบออก

“เพราะเด็กเพียงคนเดียวไม่เพียงพอกับการปลุกเทพรัตติกาลให้ตื่นขึ้นมาได้ต้องใช้ชีวิตพ่อ แม่ และเด็กทารกเกิดใหม่ในคืนเดือนมืดและต้องเป็นทารกที่เกิดในช่วงเวลาก่อนเที่ยงคืนหรือเลยเที่ยงคืนไปไม่กี่นาที

เท่านั้นที่จะทำให้วิญญาณชั่วนั้นตื่นขึ้นมาอีกครั้ง”

“ตายเรามิต้องระวังหรือคะ ใครท้องแก่ใกล้คลอด เอาออกไปจากเผ่าเลยดีไหม”ทาฬิดายกมือขึ้นทาบอกตัวเอง เธอตกใจในคำบอกเล่าของมารี แต่เจ้าตัวคนพูดนี่สิใบหน้านั้นนิ่งเรียบ จนยากที่จะจับความรู้สึก

“ไม่ใช่เฉพาะที่ทาคาเท่านั้นค่ะที่อื่นก็สามารถใช้ได้ นกยักษ์ตัวนั้นจะทำหน้าที่เป็นผู้นำร่างผู้โชคร้ายมาให้กับเจ้านายของมัน”

“น่ากลัวชะมัด”ทาฬิดาใจเต้นโครมๆ ความฝันเมื่อคืนบอกเธอว่าไม่ใช่แต่คนของมายาที่โดนจับมาฆ่าเพื่อบูชายัญ ยังมีคนของชนเผ่าอื่นๆอีกหลายเมืองถูกจับมาเป็นเชลย และฆ่าอย่างไม่ปราณี

“กลัวหรือคะ”

“ค่ะฉันกลัว ถ้าฉันจะบอกคุณว่า เมื่อคืนฉันฝันเห็นคนถูกนำมาบูชายัญคุณจะเชื่อฉันไหม”

“เล่าให้ฉันฟังสิคะฉันอาจจะเชื่อคุณก็ได้”

“อย่าหัวเราะฉันนะ”

“ไม่หรอกค่ะฉันอยากรู้ ฉันอาจจะทำนายความฝันให้คุณก็ได้” มารีไม่มีทีท่าว่าจะขำคำพูดของทาฬิดาทาฬิดาจึงตัดสินใจเล่าความฝัน น่ากลัวของเธอให้มารีฟังอย่างละเอียดไม่ขาดตกบกพร่องไปสักคำเดียว

ทาฬิดาเล่าความฝันของเธอจนจบส่วนมารีนั่งฟังอย่างสงบ ไม่พูดขัดทาฬิดาออกมาเลยสักคำ

“จบแล้วค่ะไม่มีอีกแล้ว”

“ค่ะ”

“จะทำนายว่าอะไรคะ”

“คำทำนายของฉันคือเมื่อเวลามาบรรจบกัน บางสิ่งอาจจะเกิดกับผู้ที่เคยอยู่ในอดีตกาล”

“คุณจะบอกว่าฉันฝันเห็นในสิ่งที่ฉันเคยเจอมาแล้วจริงๆ อย่างนั้นหรือคะ”

“ค่ะฉันคิดว่าเป็นเช่นนั้น”

“ถ้าอย่างนั้นฉันจะแก้ไขอะไรได้ไหมคะ ฉันไม่อยากฝันอีกแล้ว มันน่ากลัวจริงๆ ค่ะ ทั้งภาพทั้งเสียงร้องโหยหวน ทั้งกลิ่นคาวเลือด เหมือนฉันกำลังอยู่ในโรงฆ่าสัตว์”

ทาฬิดาขนลุกทุกครั้งที่คิดถึงความฝันของเธอ

“คุณห้ามหัวเราะนะถ้าฉันจะบอกว่า ฉันฝันคล้ายกันกับคุณ แต่ไม่ใช่ที่มายาแต่เป็นที่นี่ใต้เขาทาคาที่เรายืนอยู่”

“เล่าให้ฉันฟังบ้างได้ไหมคะฉันอยากรู้ความฝันของคุณบ้าง เผื่อบางทีเราจะได้แลกเปลี่ยนกัน”

“ค่ะ”มารีเริ่มเล่าความฝันของเธอให้ทาฬิดาฟังอย่างตั้งใจ

“ฉันฝันเห็นตัวเองเป็นผู้หญิงอีกคนหนึ่งไม่ได้อยู่ที่เปรู แต่เป็นมายาฉันได้รับภารกิจให้ลงมาที่โลกเพื่อสร้างชนเผ่าให้แข็งแกร่ง”

“พอจะรู้ไหมคะว่าคุณมาจากที่ไหน”ทาฬิดาชักสนใจ

“เมืองฟ้าค่ะ”

“เมืองฟ้าหรือคะทำไมคุ้นหูฉันจังเลย”

“ค่ะเมืองฟ้าส่งฉันกับผู้หญิงอีกสองคนมาที่มายา จริงๆแล้วก่อนหน้านั้นพวกเราอยู่ที่เวียงฟ้า จากนั้นจึงขยับขยายมายังส่วนต่างๆ ของโลกเมื่อเปลือกโลกเย็นตัวลงหลังจากที่ฉันและเพื่อนของฉันทำภารกิจที่เมืองมายาแล้วเสร็จฉันจึงปลีกตัวมาที่เปรู เพื่อมาสร้างสถานที่แห่งใหม่ โดยอ้างอิงมายา นับถือเทพเจ้าองค์เดียวกับมายา”

“เทพเจ้าองค์นั้นชื่ออะไรคะ”

“เราจะเรียกท่านว่าองค์มหาเทพ”

“องค์มหาเทพ”ทาฬิดาชักรู้สึกว่าความฝันของมารีกับเธอมีอะไรที่เริ่มจะสอดคล้องกัน อย่างน้อยๆก็ชื่อองค์มหาเทพนี่แหละ

“ในความฝันนั้นเทพจันทราเป็นผู้ดูแลน้ำบนพื้นโลก ทำให้ฝน ตกต้องตามฤดูกาล ส่วนอีกสองคน คือเทพกาลเวลา ธิดาขององค์มหาเทพคนสุดท้ายคือเทพรัตติกาล พี่สาวต่างแม่ของฉัน”

“ค่ะฉันว่าเราคงต้องคุยกันอีกยาวเพราะความฝันของคุณกับฉันคล้ายกันอย่างไม่น่าจะเป็นไปได้”

“ฉันถึงบอกกับคุณไงคะว่าคุณอาจจะเป็นคนในอดีตกาล เมื่อเวลากลับมาทบซ้อนกันจึงทำให้คุณลงมาเกิดอีกครั้ง”

“เพื่ออะไรคะ”

“อาจจะเพื่อแก้ไขความผิดพลาดแต่หนหลังหรือเพื่อยับยั้ง สิ่งชั่วร้ายที่กำลังจะเกิดกับมนุษย์โลกก็ได้ค่ะ”

“ฟังแล้วไม่อยากเจอทั้งสองเหตุผลเลยค่ะความผิดพลาดถึงจะกลับไปแก้ไขอย่างไร เหมือนแก้วที่ร้าวแล้ว เอากลับมาปะติดกันใหม่ คงใช้การอะไรไม่ได้ นอกเสียจาก...”

“เอาไปหลอมใหม่จะได้แก้วใบใหม่ที่ใช้วัสดุเดิม”

มารีพูดแทรกขึ้นมาทันที

“ค่ะถ้าเป็นอย่างนั้น ใครจะยอมถูกหลอมใหม่ล่ะคะ ไฟมันร้อน”

“แต่ถ้าจำเป็นเราต้องทำค่ะ”

“เพื่ออะไรคะ”

“เพื่อให้ได้แก้วใบใหม่สามารถนำมาใช้งานได้ ไม่แตกร้าว”

“เฮ้อ...ถ้าอย่างนั้นทามคงต้องตามหาคนสร้างไอ้เจ้านาฬิกา เรือนนี้ให้เจอ ก่อนที่จะไปทำอย่างอื่นไม่อย่างนั้นคุณปู่ของทามคงเอาทามตายแน่ๆ”

“คุณพูดถึงนาฬิกาขอดูหน่อยได้ไหมคะ ว่าเป็นแบบไหน”

“ได้เลยค่ะ”

ทาฬิดาถอดนาฬิกาข้อมือของเธอออกยื่นให้กับมารีได้ดูชัดๆ

“พระเจ้า”มารีอุทานออกมาเบาๆ

“อะไรคะ”

“ฉันเคยเห็นนาฬิกาเรือนนี้ในความฝันแต่เรือนที่ฉันเห็นมีสลักคำว่าโอมอยู่ตรงนี้” มารีชี้ให้ทาฬิดาดู

“เรือนนี้ก็มีค่ะแต่มันเลือนรางเต็มที ถ้าอยากจะเห็นต้องเอาไปส่องกับไฟ ลองดูสิคะ เห็นชัดเจนเลย” ทาฬิดาแนะนำเวลานี้แสงแดดไม่มีอีกแล้ว จึงหลงเหลือแค่เพียงเสาไฟที่ศรรักนำมาติดตั้งให้ความสว่างตามเส้นทางการเดินของคนในหมู่บ้านเท่านั้น

“ใช่จริงๆด้วยเรือนนี้แหละค่ะ” มารียืนยันในสิ่งที่เธอเห็น

“พอรู้ไหมคะว่าใครเป็นคนทำมันขึ้นมา”

“เทพทาฬิเป็นคนทำค่ะ ทำพร้อมกับจี้ห้อยคอที่ฉันสวมอยู่”

“จี้หรือคะขอดูหน่อยได้ไหม”

“ค่ะ”มารีถอดสร้อยที่เธอสวมอยู่ส่งให้กับทาฬิดา

“คืออะไรคะ”

“ทำมาจากปลายหอกของเทพสุริยาหรืออักนัยหนึ่งคือเทพกาลเวลาค่ะ หลังจากที่เธอใช้ปลายหอกทำร้ายเทพรัตติกาลและจับนางไปคุมขังเอาไว้ เธอได้นำปลายหอกนั้นมาสร้างนาฬิกาและทำจี้ห้อยคอให้กับเหล่านักรบที่รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับเธอค่ะ”

“แสดงว่านาฬิกาเรือนนี้เป็นของเทพทาฬิสิคะใช่ไหม”

“ค่ะคุณลองสังเกตดูดีๆ เข็มสั้นของนาฬิกาเรือนนี้เหมือนจี้ที่ฉันสวมอยู่แต่มีขนาดเล็กกว่ามากเท่านั้น”

“ค่ะฉันเห็นแล้ว” ทาฬิดาเพิ่งสังเกตเห็นเมื่อมารีบอกกับเธอ

“เข็มนาฬิกานี้ทำมาจากปลายสุดของหอกเทพทาฬิไม่ได้ให้ใคร เธอเก็บเอาไว้เอง”

“แสดงว่ามีสิบเอ็ดชิ้น”

“ค่ะสิบเอ็ดชิ้น”

ทาฬิดายังไม่ทันได้พูดอะไรต่อสายตาของเธอพลันเห็นอะไรบางอย่าง สิ่งที่เธอเห็นนั้นคือร่างของงูยักษ์สองตัวกำลังเลื้อยมา ตรงที่เธอยืนอยู่ เธอถึงกับสะดุ้ง

มารีจับร่างของทาฬิดาหลบไม่ให้ร่างงูยักษ์ทั้งสองตัวพุ่งชนพวกเธอ

ร่างของทั้งคู่ล้มลงไปนอนกับพื้นหัวใจของทาฬิดาและมารีเต้นแรง น่าแปลก ร่างของงูหายไปทันที

“เกิดอะไรขึ้นคุณเห็นใช่ไหมคะ” ทาฬิดาถามด้วยน้ำเสียงสั่น

“ค่ะฉันเห็นงูยักษ์สองตัว กำลังตรงมาทำร้ายเรา”

“หนูทาม”เสียงนาลันทาตะโกนเรียกทาฬิดามาแต่ไกล

“อ้าวคุณนา”ทาฬิดารีบลุกขึ้น พร้อมกับฉุดมารีให้ลุกตามเธอ

“มาอยู่ตรงนี้เอง”นาลันทาทักทายทันทีที่เดินมาถึงสองสาว

มารีก้มลงหยิบนาฬิกาและสร้อยของเธอขึ้นมาจากพื้นเธอเผลอปล่อยมันหลุดไปจากมือระหว่างที่เธอตกใจ

“เพิ่งมาถึงหรือคะ”ทาฬิดาเอ่ยถาม

“ค่ะมาได้สักครู่ นั่งพักแล้วก็เลยออกมาเดินดูสถานที่ค่ะ”

“แล้วคนอื่นๆล่ะคะ” ทาฬิดามองไปด้านหลังของนาลันทา เธอ ไม่เห็นว่ามีคนอื่นตามมา

“นั่งคุยอยู่กับพวกหมอค่ะว่าแต่หนูทามมาทำอะไรที่นี่ล่ะ”

“กำลังให้มารีดูนาฬิกาอยู่ค่ะ”

“ได้เรื่องไหมคะ”

“ยังคะแต่น่าจะเข้าเค้า”

“ยังไง”นาลันทามองเสี้ยวหน้าของทาฬิดาแสงสว่างในบริเวณนี้มีน้อยมากทั้งสองคนมาดูนาฬิกาอะไรในที่มืดๆ อย่างนี้กันหนอ

“พอดีว่าจี้ของมารีกับเข็มนาฬิกาของทามคล้ายกันค่ะ เราก็เลยคิดว่าน่าจะทำจากที่เดียวกัน”

“เหรอคะถ้าหาคนทำได้ ก็โล่งใจไปค่ะ”

“แต่คนทำจี้อันนี้ตายไปหลายร้อยปีแล้วคะ”มารีเฉลย

“อ้าวยุ่งเลยสิ คุณพอจะหาทายาทของคนทำได้ไหมคะ”

“ถ้าหาจริงๆก็น่าจะได้ค่ะ แต่จะเจอหรือเปล่า คงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ฉันไม่แน่ใจค่ะ”

“ฝากด้วยนะคะหนูทามจะได้กลับเมืองไทยเร็วๆ” นาลันทาพูดไปตามน้ำเธอเห็นทาฬิดาปลอดภัยความรู้สึกโล่งอกผุดขึ้นมาโดยไม่ต้องบังคับ

สิ่งที่เคยหนักๆในหัวสมองราวกับโดนเททิ้ง อย่างน้อยๆ พวกเธอคงไม่โดนอดีตนายพลใหญ่เล่นงานที่สำคัญคือ หากทาฬิดาหาคนทำหรือลูกหลานของคนทำนาฬิกาพบเธอจะได้รีบส่งทาฬิดากลับเมืองไทย ไม่ใช่จะขับไล่ไสส่งเพียงแค่ไม่อยากให้เกิดเรื่องยุ่งยาก กับครอบครัวหรือ คนใกล้ตัวของเธอแค่นั้น

ทาฬิดาเดินกลับเข้าไปในหมู่บ้านพร้อมกับนาลันทาและมารีเธอเห็นทุติกำลังคุยน้ำลายแตกฟองอยู่กับกลุ่มหมอ โดยเฉพาะกับศรรัก

“ผมว่าจะไปกาซาอยู่เหมือนกันครับนี่ก็ว่าน่าจะเป็นปีหน้า เพื่อนผมชวนไปหลายครั้งแล้ว น่าเสียดายยังไม่มีเงินทุนมากพอที่จะไป ถ้าไม่ได้ท่านนายพล พวกผมคงไม่ได้มาที่นี่เหมือนกันเป็นข้าราชการเงินเดือนน้อย จะไปไหนต้องมีทุนครับกว่าจะทำเรื่องมาที่นี่ได้เลือดตาแทบกระเด็น ดีหน่อยที่พอมาถึงก็ได้เปิดสุสานใหม่แต่ก็คงทำอะไรไม่ได้มากนัก ข้อจำกัดมีหลายเรื่อง ช่วงนี้ผมก็เลยว่างงานคุณหมอมีอะไรให้พวกผมช่วยบอกมาเลยนะครับ พวกผมยินดีเสมอ”

“โอ๊ยจารย์ทุขาใครจะกล้าให้จารย์ทุ นักโบราณคดีระดับตำนานประเทศมาลงมือทำงานเล็กๆ น้อยๆ ให้ล่ะคะศรไม่กล้าหรอกค่ะจารย์ จริงไหมไอ้นท” ศรรักพยักพเยิดให้กับโกกนท

อีกคนทำหน้าประหลาดใจอยู่ๆ มาโบ้ยให้กันอย่างนี้ ศรรักต้องมีเรื่องอะไรอีกแน่ๆ

“ค่ะ”โกกนทตอบไม่เต็มเสียงนัก

“หมอภัทรมลทำไมถึงอยากวิจัยใบโคคาล่ะครับ ผมว่าไอ้ใบนี้มันทำอะไรไม่ได้มากนักหรอกนอกจากยาเสพติด”

“ทุกอย่างต้องมีทั้งข้อดีและข้อเสียทั้งนั้นแหละค่ะจารย์นทแค่อยากทำให้รู้ว่า หากไม่มีต้นโคคาคนในแถบนี้จะไม่มีพืชสมุนไพรสำหรับระงับอาการปวดเบื้องต้น”

“ว่าไปผมเจอกะโหลกศีรษะอยู่หัวหนึ่ง มีร่องรอยการเจาะกะโหลก เหมือนจะลดอาการบวมในสมองใช่ไหมนา” ทุติเห็นนาลันทาเดินเข้ามาพอดีจึงเอ่ยถาม

“ค่ะดูเหมือนว่าเจาะแล้วจะเปิดกะโหลกเอาไว้อย่างนั้นด้วยสิคะไม่ได้เอามาปิดเหมือนเดิม”

“พอจะรู้ไหมคะว่าใช้อะไรตัด”

“เราไม่รู้หรอกค่ะต้องส่งเข้าแล็บทำวิจัยกันต่อไป แต่ที่แน่ๆ ร่องรอยการตัดสวยเหมือนมีเครื่องมือทันสมัยเลยเชียวค่ะ”

“เหรอคะ”ภัทรมลตื่นเต้นที่ได้รับคำยืนยันจากนาลันทา

“ถ้าคุณหมอสนใจจริงๆผมติดต่อกับทีมงานให้ได้นะครับ”

“ได้จริงๆหรือคะจารย์ ถ้าได้บิวจะขอบพระคุณจารย์มากเลยค่ะ นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ได้รู้ว่า มีการแพทย์ที่ก้าวหน้าในชนพื้นเมืองโบราณแถบนี้ บิวต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า พวกเขาใช้อะไรในการระงับปวดให้กับคนเจ็บ”

“ถ้าจะให้เดาน่าจะเป็นใบโคคา เพราะข้างๆ มีไหใส่ใบโคคาวางอยู่กับโครงกระดูกนั่นด้วย” ทุติเฉลย

“ถ้าอย่างนั้นก็เยี่ยมยอดเลยค่ะนั่นเท่ากับว่า ถ้าจะกำจัดต้นโคคา

ต้นไม้ที่มีสรรพคุณทางการแพทย์มาตั้งแต่พันปีก่อนไปจากคนพื้นเมือง ทำได้ยากแล้วค่ะจารย์”

“ทำไมล่ะ”

“ถ้าคิดจะกำจัดให้สิ้นซากคนรุ่นต่อๆ ไปจะไม่รู้จักใบไม้นี้อีกเลย เหมือนที่เราไม่รู้จักนกโดโด้หรือช้างแมมมอส”

“ก็เห็นจะจริงแต่เสียดายที่มันเอาไปทำยาเสพติดนี่สิ”

“นาว่ายากค่ะต่อให้กำจัดก็จะยิ่งปลูกมากขึ้น”

“ทำไมล่ะคะคุณนา”

“เพราะมันคือของล้ำค่ายังไงล่ะคะอะไรที่เป็นของล้ำค่า และแถมยังมีราคาสูง ต่อให้ต้องเอาชีวิตเข้าเสี่ยงคนบางพวกก็ต้องการจะทำ เพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตัวเอง เหมือนฝิ่นยังไงล่ะคะ ต่อให้ปราบมาเป็นร้อยปีหลังจากจบสงครามฝิ่นคนก็ยังปลูกกันอยู่ ทำยังไงได้ ให้พวกเขาเลิกปลูกฝิ่นหันไปทำการเกษตร แต่ไม่มีคนมาซื้อ พอปลูกฝิ่นเท่านั้นแหละยังไม่ทันกรีดฝิ่นด้วยซ้ำ มีคนเข้ามารอซื้อน้ำยางฝิ่นกันตั้งแต่ยังไม่ออกดอกด้วยซ้ำ”

“ก็จริงของคุณค่ะเราต้องหาวิธีควบคุม ให้ปลูกเฉพาะที่ หรืออนุญาตให้ปลูกได้บ้านละไม่เกินสองต้น”

“ทำยากครับไม่รู้ว่ารัฐบาลจะยอมทำอย่างนั้นหรือเปล่า” ทุติแย้ง

“ได้เวลาอาหารแล้วค่ะ”มารีชิงพูดขึ้น ก่อนที่ทุกคนจะสนทนากันอีกยาวหากเป็นเช่นนั้นเวลาอาหารมื้อค่ำคงเลื่อนออกไปอีกหลายชั่วโมงคืนนี้เธอคงไม่มีเวลาอยู่ดูแลคนกลุ่มนี้สิ่งที่เกิดกับเธอและทาฬิดาเมื่อช่วงหัวค่ำ เป็นเรื่องสำคัญมากกว่าเรื่องอื่นงูยักษ์สองตัวที่พวกเธอเห็น เป็นมิตรหรือเป็นศัตรูกับเธอกันแน่เธอต้องพิสูจน์ให้ได้ ก่อนที่จะสายเกินไป




Create Date : 09 กันยายน 2557
Last Update : 9 กันยายน 2557 20:35:43 น. 0 comments
Counter : 531 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รันหณ์
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ฉันคือฉัน
ฉันรักเสียงเพลง
ฉันรักสายลม
ฉันรักท้องฟ้า
ฉันรักอิสระ
ฉันคนไร้ราก
ผิงดาวยามไร้เดือน

คืนนี้ถ้าเธอหนาว ร่วมผิงดาวบนท้องฟ้า
จากรักจากศรัทธา....ของเรา

เป็นอะไรก็ได้มิใช่หรือ
แค่เป็นคนดีก็คงเีพียงพอ
[Add รันหณ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.