images by free.in.th images by free.in.th
Group Blog
 
All blogs
 
จังหวะ slow slow ( ของชีวิต )

ฉันได้หนังสือเรื่อง slow life ของคุณปวิตรา เกษมเนตร มา หนังสือเล่มนี้เพิ่งวางแผง แน่นอนว่าฉันสนใจเนื้อหาในนั้นค่ะ คุณอาจจะบอกว่า หนังสือฮาวทูเยอะแยะมากมายในท้องตลาดหลายเล่มก็งั้นๆแหละ จะอ่านทำไม

แต่ฉันจะบอกว่าที่สนใจเล่มนี้ก็เพราะเนื้อหาโดยรวมของหนังสือเล่มนี้พูดเรื่อง Slow life ต่างหากคะ

มันไม่ใช่ฮาวทูประเภททำอย่างไรจึงจะขึ้นเงินเดือนได้ตามทีเราต้องการ หรืออะไรที่เกี่ยวข้องกับวัตถุนิยม บลา บลา บลา..

มันเป็นเรื่องของการใช้ชีวิตช้าๆ ของคนๆหนึ่ง

ฉันคิดว่าการหาสมดุลให้กับชีวิตในยุคที่อะไรๆรอบตัวเราดูยุ่งเหยิง ดูบ้าๆบอๆไปหมดแล้วนั้น เป็นเรื่องที่ดีมาก ฉันกำลังมองว่าโลกนี้เสียสมดุล และตัวเราหากควบคุมตัวเองไม่ดีพอเราก็จะเสียศูนย์ไปด้วยนั่นเองค่ะ

เรื่องของชีวิตช้าๆ มีคนพูดถึงกันเยอะค่ะ แต่อาจจะเป็นรองๆเรื่องโลกร้อน แต่ฉันว่ามันเกี่ยวพันกันอยู่ หลายๆคนพูดถึงเรื่องการช่วยโลก เราสามารถทำได้ด้วยการดูแลตัวเอง และดูแลสิ่งรอบตัว ในขณะที่การใช้ชีวิต slow slow ก็เป็นส่วนหนึ่งที่น่าจะไปช่วยเรื่องโลกร้อนได้ด้วย

ในขณะเดียวกัน หากอยากรู้เพิ่มเติมเรื่อง slow slow ก็หาอ่านได้จาก way เล่มใหม่ด้วย มีสกู๊ปให้อ่านตั้งหลายหน้า จากนั้นลองหาอ่านหนังสือของมูลนิธิโลกสีเขียวดู ชื่อหนังสือ Buy nothing month หรือชื่อไทยว่าหนึ่งเดือนกับเด็กหญิงไม่ซื้อ คนเขียนเขาทำอะไรสนุกๆ ท้าทายดีค่ะ

ฉันคิดว่าคงมีสาวๆจำนวนไม่น้อยที่ไม่ได้ซื้อหรือไม่ได้ช็อปปิ้งแล้วจะเกิดอาการลงแดง

ฉันเองก็เป๊น เป็นค่ะ หาเงินได้แล้วต้องหาทางจ่ายออก กับสิ่งที่เราคิดว่ามันคือความสุข สำหรับฉันเรื่องช็อปยังเป็นรองเรื่องเที่ยวและเรื่องหนังสือ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การจ่ายออกจะต้องเป็นเงินที่เหลือเพื่อจ่ายจริงๆ หลังจากที่เก็บเงินส่วนหนึ่งเข้าธนาคาร ( เพื่อความมั่นคงทางใจ ) ไปแล้วนะคะ

แล้วสำหรับคุณล่ะคะ จ่ายออกไปกับอะไรบ้างชนิดที่เราต้องอ้าปากค้างเมื่อเราดูบัญชีตัวเองตอนสิ้นเดือน

..

ทำไมจึงสนใจเรื่อง slow slow

แม้ในขณะนี้ฉันจะยังทำงานในระบบ เป็นมนุษย์เงินเดือนอยู่ก็ตาม
ทั้งที่ชีวิตในปัจจุบันในหนึ่งวัน จะไม่เอื้อให้เราใช้ชีวิต slow ได้ก็ตาม
แต่ทว่าจริงๆแล้วนั้น ฉันก็รู้สึกว่าตัวเองยินดีที่จะเอื่อยเฉื่อย สวนทางกับชาวบ้านเสมอไม่ว่าจะทำอะไร

ช้าๆ จะได้ใคร่ครวญในหลายสิ่ง
เพราะรู้ว่ารีบๆ แล้วทำให้ไม่เป็นสุข

อย่างตอนเช้าๆที่ผู้คนเขารีบเดินกัน เห็นชัดที่สุดก็คือเวลาที่ขึ้น-ลงรถไฟฟ้า
(นึกออกไหมคะ เหมือนทีเราเคยเห็นในหนังทั้งฝรั่ง ทั้งฮ่องกง ทั้งญี่ปุ่น) ดูแล้วขำๆดี เข้าใจค่ะว่าจะรีบไปตอกบัตร แต่ก็เออนะ ทำไมต้องรีบกันขนาดนั้น แล้วไม่ได้เผื่อเวลาเอาไว้ก่อนหรอกหรือ ในเมื่อรู้ว่าจะมีเวลาแค่ไหน แค่เราเผื่อเวลาไว้บ้าง เราก็ไม่ต้องตาลีตาเหลือกไง

ตอนกินนี่ก็อีกอย่าง น้องที่ร่วมวงทานข้าว กินเร็วมาก ไม่รู้ได้เคี้ยวหรือเปล่า สงสารกระเพาะอาหารเหลือเกิน แน่นอนฉันก็เป็นคนที่กินเสร็จช้าที่สุด เพราะค่อยๆละเลียดค่ะ 555 ( มันเกี่ยวพันกับที่ฉันเป็นโรคลำไส้แปรปรวนด้วย )

ชีวิตในกรุงเทพโดยเฉพาะคนที่ทำงานนอกบ้าน ต้องเกี่ยวพันกับเวลาอยู่เสมอ ไม่น่าแปลกใจหรอกค่ะ ที่จะทำให้คนสมัยนี้เป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับความเครียดค่อนข้างมากและง่าย เมื่อต้องทำงานแข่งกับเวลา
ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ที่จะต้องเร่งรีบแข่งกับมันด้วย

แล้วมันจะไม่ทำให้ชีวิตเสียศูนย์ได้ยังไง

และส่วนใหญ่จะมาคิดได้ ก็ตอนที่ร่างกายมันประท้วงแล้ว เลยต้องหยุดพักไงคะ

ชีวิต slow slow ก็คือการกลับมาอยู่กับตัวเองนั่นเองแหละค่ะ การดึงตัวเองให้ช้าลง หาจุดสมดุลให้ตัวเอง ทั้งการกินอยู่หลับนอน

ลองคิดดูว่าในหนึ่งวัน เราทำภารกิจเหล่านี้ด้วยจิตใจเช่นไร ไม่ต้องบอกก็รู้ รีบๆๆ ไปทำงาน รีบๆๆ กิน รีบๆๆ จัดการกับงานตรงหน้า รีบๆๆๆ ไปหมด
เมื่อเป็นอย่างนี้ก็ทำให้รู้สึกว่าเวลาในชีวิตหนึ่งวันมันน้อยมาก และทำให้เราเหนื่อยแสนเหนื่อย แล้ววงจรนี้ก็ซ้ำซากอยู่อย่างนั้น มนุษย์ในเมืองใหญ่จึงมีสภาพเหมือนผักเฉาๆ ไงละคะ

คุณอาจจะบอกว่า ง่ายจะตาย ก็หยุดไปชาร์ตแบตสิ

ทำได้ค่ะ ฉันก็คิดว่ามันคือวิธีหนึ่งในการที่จะดึงตัวเองให้ช้าลง แต่เมื่อกลับเข้าสู่วงจรเดิมอีกครั้งมันก็เหมือนเดิมอีกจนได้แหละ จริงไหมคะ

ไม่ได้จะบอกว่าคนทุกคนจะต้องใช้ชีวิต slow slow กันหมด เอาแค่ให้ตัวเรารู้ก็พอค่ะ ว่าเราต้องการอะไร หากคุณบอกว่า ชีวิตรีบๆของคุณ ok อยู่แล้ว ฉันก็ไม่คิดว่าคุณจะต้องเปลี่ยน แต่หากคุณรู้สึกว่าคุณอยากเปลี่ยนแปลง หรือเห็นแล้วว่าการใช้ชีวิตรีบๆ มันบั่นทอนคุณ ก็ลองหันมาใช้ชีวิตช้าๆดู

มีอีกหลายวิธีค่ะ ที่ทำได้ และที่บอกว่ามันเกี่ยวกับการช่วยโลกร้อนได้ ก็จริงนะคะ อย่างคนสมัยก่อนเขาไม่ได้เร่งรีบแบบนี้ เขาก็ไม่ต้องพึ่งพารถ ไม่มีมลพิษทางเสียง ทางอากาศ ( และทางใจ ) และอื่นๆอีกมาก ที่จะดึงให้เราอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีหรือเครื่องจักร

ไม่อยากเป็นมนุษย์ผัก อยู่ในระบบอุตสาหกรรมไปจนตาย ก็ต้องหาสมดุลให้ตัวเองได้หายใจช้าๆบ้างนะคะ

จังหวะในชีวิตก็สำคัญค่ะ อย่าได้สนใจแต่จังหวะหัวใจที่คอยแต่จะเต้นแรงๆ เวลาปิ๊งใคร เพราะชีวิตเราไม่ได้มีแต่เรื่องรักคนอื่น ความรักในตัวเองก็สำคัญ

อ่านช้าๆ คิดช้าๆ และตอบตัวเองช้าๆนะคะ ว่าคุณต้องการอะไร

ส่วนฉันน่ะหรือ ฉันพบแล้วค่ะ !


Create Date : 16 กรกฎาคม 2552
Last Update : 16 กรกฎาคม 2552 22:52:44 น. 1 comments
Counter : 536 Pageviews.

 
ตอนนี้มาใช้ชีวิตช้าๆ ที่บ้าน
มองเห็นท้องฟ้า ทะเล ภูเขาอยู่ทุกเช้า
สบายค่ะ .. สบายจนเริ่มคิดถึงความวุ่นวายของเมืองกรุง ฮ่าๆ
บางที เราคุ้นชินกับอะไรที่เร่งรีบ จนรู้สึกว่าที่เป็นอยู่นี่มันชักจะ สบาย..เกินไปแล้ว
แต่บางคนก็ค่อนขอดว่า 'คิดถึงแสงสี' น่ะสิ อิ อิ

พยายาม balance ตัวเองอยู่ค่ะ
ทั้งจังหวะหัวใจ และจังหวะชีวิต

^^


โดย: Brownie IP: 119.42.103.211 วันที่: 17 กรกฎาคม 2552 เวลา:11:16:42 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

bewae1001
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




***************
// อย่ารอให้ป่วยก่อนแล้วจึงคิดนะคะ

นวภัทร ( บี )
นักเขียนอิสระ และ ที่ปรึกษาแผนประกันชีวิตและการเงิน
โทรศัพท์มือถือ 089-1459977

ความรู้อื่นๆ :
ผ่านการอบรม basic skilsl in counselling psychology กับอาจารย์พงศ์ปกรณ์ พิชิตฉัตรธนา @ ชมรมจิตวิทยาสมาธิ

ขอฝากเว็บไซต์ของอาจารย์พงศ์ปกรณ์ค่ะ http://www.medihealing.com

EMail ของผู้เขียน : Mybusy2004@yahoo.com
Facebook ของผู้เขียน : Parawee Nasaree

สำนักพิมพ์สะพานจัดพิมพ์นิยายหญิงรักหญิงของฉัน ( ดวงดาวดอกไม้ 2 เล่มจบ และนิยายขนาดสั้น ดอกไม้กับดอกไม้ ( ปกหนังสือด้านบน ) สั่งซื้อได้ที่นี่ค่ะ คลิกเลย!!

จำนวนบล็อก ณ ขณะนี้ 1147 บล็อกค่ะ
เริ่มเขียน 6 กันยายน 2548 บล็อกเก่าๆค้นได้จากกรุ๊ปบล็อกผู้หญิงสีรุ้งปี 53 นะคะ

ยินดีแบ่งปันความรู้และสิ่งที่มีประโยชน์ผ่านข้อเขียนในบล็อกนี้ และหากต้องการนำไปใช้ต่อหรือลงเผยแพร่้ในที่ใดก็ตาม กรุณาแจ้งก่อนนำไปใช้ที่ email ด้านบน ขอบคุณค่ะ





Parawee Nasaree

Create Your Badge

New Comments
Friends' blogs
[Add bewae1001's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.