images by free.in.th images by free.in.th
Group Blog
 
All blogs
 
ชีวิตมีไว้ให้เราใช้ ไม่ได้มีไว้เพื่อ...

เช้าวันศุกร์ ฉันมีโปรแกรมไปพระยาพาลาซโซอีกครั้ง
สวนทางกับชาวบ้านนิดหน่อย ที่จริง วันนี้มีหลายๆคนถือโอกาสหยุดยาว หากที่ทำงานไม่หยุดก็จะลาพักร้อนกัน

ฉันก็เป็นหนึ่งในนั้นล่ะค่ะ

ช่วงหยุดยาวนี่ รู้สึกดีเหลือเกินแม้ว่าจะหยุดเวลาไว้นิ่งๆไม่ได้
แต่การได้พัก หยุดจากวงจรชีวิตเดิมๆ ทำอะไรที่ไม่เหมือนวันหยุดหรือวันทำงานปกติ ชีวิตก็สดชื่นขึ้น มันเป็นความรู้สึกน่ะค่ะ แม้ว่าจะไม่ได้ไปเที่ยวไหนไกลๆ เพราะเป็นโรคกลัวน้ำ (จริงๆ ) และไม่ชอบที่จะขับรถ
แบบไม่ปลอดภัย ใครๆก็รู้ว่าเทศกาลนี้คนมักจะตั้งใจเมา และเมาแล้วขับก็ทำให้เกิดอุบัติเหตุมามากต่อมาก

ความกลัวไม่ใช่สิ่งไม่ดีค่ะ บางครั้งถ้าเรามีมันในระดับที่ไม่มากเกินไป
หรืออยู่ในระดับพอดี กลไกลนี้จะคอยป้องกันระวังภัยให้เรา เพราะขณะที่เรากลัว เราจะคิดนั่นคิดนี่ในการระมัดระวังป้องกันตัวเอง เราจะปลอดภัยในระดับหนึ่ง แต่การกลัวที่มากเกินไป อาจเป็นดาบสองคม

เคยได้ยินที่เขาบอกกันไหมคะ ความกลัวอาจจะปิดประตูแห่งโอกาสของเรา ทำให้เราไม่กล้าเริ่มต้นอะไรใหม่ และอาจสูญเสียโอกาสในชีวิต

ไม่แปลกถ้าคุณจะกลัว เพราะฉันเองก็ไม่ต่างอะไรจากคุณเลย ฉันยังมีความกลัวตามสัญชาตญาณของมนุษย์ คนเรากลัวอะไรตั้งหลายอย่าง ตั้งแต่เบสิคพื้นฐานที่สุดของชีวิตคือความมืด ไปจนถึงความกลัวในระดับที่ลึกลงไปอีก และอาจจะแปลกๆ เช่นที่ฉันกลัว
(และเกลียด)หอมแดง ขณะที่บางคนอาจกลัวความสูง กลัวการต้องพูดต่อหน้าคนอื่น กลัวเครื่องบิน กลัวผี และอีกสารพัดกลัว

ไม่ได้จะบอกเล่าเรื่องนี้และหาทางแก้ใดๆเพราะฉันไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทางจิตวิทยานะคะ แต่เพียงแชร์จากมุมของฉัน ประสบการณ์ชีวิตของฉัน และความรู้สึกที่ฉันมีเท่านั้น

...

ความเคยชินเดิมๆ ทำให้เรารู้สึกปลอดภัย ขณะที่การเริ่มต้นอะไรใหม่ๆมักจะเป็นเรื่องที่น่ากลัว เพราะเราไม่รู้ว่าเราจะเจออะไร มันจะปลอดภัยสำหรับเราหรือ

ความกลัวหนึ่งที่สำคัญที่มักจะปิดกั้นไม่ให้เราได้ทำสิ่งใหม่ๆ ก็คือกลัวที่จะต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่นี่แหละ ไม่ว่าจะกับอะไรก็ตามค่ะ

และความกลัวแบบนี้มักจะขัดขวางเราเสมอ ทั้งๆที่จริงแล้ว เมื่อเราผ่านเข้าไปได้ มันอาจจะไม่ได้น่ากลัวอย่างนั้นเลย

การมีชีวิตอยู่อย่างไม่กลัว ( ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ) จึงเป็นความรู้สึกที่ท้าทายมาก ฉันเองก็อยากทำอย่างนั้นได้เหมือนกันค่ะ แต่ในเมื่อเราเองก็ยังเป็นคนปกติ ที่มีความรู้สึกต่างๆนานา รัก โลภ โกรธ หลง ก็เป็นธรรมดาที่เราจะต้องกลัวได้

เป็นธรรมดาเมื่อเรารู้สึกว่าเรา 'ไม่มั่นคง' เราจะกลัว แต่จริงๆแล้วเราไม่ได้เสี่ยงอยู่ทุกวันหรอกหรือคะ ที่เราไม่กลัวนั่นเพราะว่าเราผ่านมาแล้วใช่ไหม อย่างตอนที่เราต้องย้ายโรงเรียน ย้ายที่ทำงาน เริ่มต้นอะไรใหม่ แล้วเราผ่านมาได้ เมือต้องเจออีกเราจะไม่กลัวแล้วเพราะเรามีภูมิต้านทาน

ชีวิตที่สะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก เจอมาแล้วทุกรูปแบบจะเพาะความแกร่งให้กับเรา ในขณะที่หากเรามัวแต่หลบอยู่แต่ในเปลือกหอย (เหมือนปูเสฉวนไงคะ ) แทบจะไม่เคยเจออะไรแรงๆเลย แทบจะไม่เคยเห็นโลกร้ายๆเลย แล้วเราจะมีภูมิต้านทานได้อย่างไร

บางสถานการณ์เราก็ต้องตัดสินใจว่าเราจะมุดอยู่ในเปลือกหอยอย่างนั้นหรือว่าเลือกที่จะออกไปเจอแดด เจอฝน

ฉันว่าคนสองคนคิดต่างกัน สิ่งที่ได้ย่อมไม่เหมือนกันแน่

ฉันเองนั้นเชื่อในเรื่อง turning point อย่างมาก

และคิดว่า turning point นี่แหละที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการกำหนดสิ่งที่เราจะเป็น สิ่งที่เราจะได้ สิ่งที่เราจะมี หรือแม้แต่ชีวิตเราทั้งชีวิตเลยล่ะ

แต่ turing point ของคนแต่ละคนคงจะไม่เหมือนกันนะคะ
และอยากบอกว่า เราทุกคนมี 'ความเชื่อ' ของเราเอง และความเชื่อที่เรามีกับเจ้า turning point ของเรามันพอดีกันเมื่อไหร่

หรือจะเรียกว่าอะไรดีล่ะคะ เรียกว่า จังหวะและโอกาส ก็ได้

เมื่อเรามีความเชื่อของเรา และเมื่อจังหวะและโอกาสอำนวย เราอาจจะได้เปลี่ยนชีวิตเราทั้งชีวิตเลยก็ได้

.....

ฉันเป็นมนุษย์เงินเดือนคนหนึ่ง ทำงานในระบบมากว่าสิบปีแล้ว ฉันเคยนึกๆคิดๆดูว่า ชีวิตที่เป็นอยู่มันปลอดภัยและมั่นคงจริงหรือ แล้วก็ได้คำตอบว่ามันไม่จริงหรอกค่ะ

และฉันเคยคิดตลอดเวลาว่า แล้วการหาเงิน ใช้เงิน เก็บเงิน อันเป็นวิถีปกติ ตื่นเช้า ขับรถไปทำงาน อยู่ในที่ทำงานทั้งวันจวบจนเย็น ขับรถกลับบ้าน ซึ่งเป็นตารางชีวิตเดิมตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา มีสักวันไหมที่ฉันไม่อยากทำอะไรแบบนั้น

ตอบได้เลยว่า มี

ฉันเคยถามตัวเองหลายครั้ง ว่าวงจรชีวิตหรือรูปแบบชีวิตทีเป็นอยู่นี้มันดีหรือว่าไม่ดี ตอบได้ค่ะว่า มันก็ดี แต่ใช่สิ่งที่ต้องการไหม หากเป็นเมื่อก่อนนี้ ในเวลาที่ยังสนุกกับชีวิตเพราะอายุยังไม่มาก ยังพอใจไขว่คว้า สนุกกับการใช้ชีวิตแบบนั้น หากจะเปลี่ยนงานก็เพื่อเงิน

แต่พบว่า หากเราเอาเรื่องเงินเป็นโจทย์ เราจะต้องดิ้นรนไม่รู้จบ

ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่า การมีชีวิตอยู่ เราต้องดิ้นรนทำมาหาเลี้ยงตัวเอง และปัจจัยต่างๆเพื่อการดำรงชีวิตของเราก็ต้องใช้เงินซื้อ เงินคือคำตอบของสิ่งเหล่านั้น

มีคนจำนวนไม่น้อยเลยล่ะค่ะที่คิดว่าต้องหาเงินๆๆๆๆๆ เพื่อเก็บไว้ใช้ในบั้นปลายชีวิต หาไปหามาจนลืมว่าจริงๆชีวิตไม่ได้มีไว้เพื่อตะบี้ตะบั้นใช้
แล้วก็ไม่ได้ใช้เงินที่หามา

ขณะที่บางคนหาเงินแบบนั้น เพื่อหวังรวย แต่บางคนอาจจะบอกว่า เราควรจะใช้ชีวิตไปพร้อมๆกับการหาเงิน ไม่ต้องเพื่อรวย แต่เพื่อให้ใช้ชีวิตอย่างที่อยากใช้

มีจริงหรือ ชีวิตแบบที่เราอยากใช้

.......

ฉันเคยคิดอยากเปลี่ยนวิถีชีวิตของตนเองเอาเมื่อสองสามปีที่ผ่านมานี้เองค่ะ ด้วยเหตุผลหลายอย่าง เปรียบเหมือนฉันนั่งอยู่บนเรือที่แข็งแรงดีแม้ลอยอยู่ในน้ำที่เชี่ยวกรากอย่างไร เรือลำนี้ก็ยังแล่นฝ่าไปได้

เชื่อไหมคะว่า มีบางวันก่อนหน้านี้ ฉันแทบสำลักสิ่งที่ตัวเองทำ การตื่นไปทำงานและกลับบ้านแบบสะบักสะบอมทุกวัน ทำให้ฉันรู้สึกเลยว่า ฉันทำทำไม มันมีประโยชน์อะไรกับการต้องแลกสภาพจิตใจตัวเองกับสิ่งที่ต้องเจอ

สองปีที่ผ่านมา ฉันสนุกกับการทำงานน้อยลง แต่รู้สึกดีเสมอกับสิ่งที่ตัวเองทำ แม้บางทีจะไม่มีใครมองเห็นสิ่งที่เรียกว่าการทำ 'ดี' ฉันศรัทธาในสิ่งที่ตัวเองทำเสมอ แต่ไม่ศรัทธาในระบบการทำงานเลย ด้วยเหตุนี้ เมื่อวันที่ความเบื่อเกาะกินใจ ฉันจึงคิดอยากตัดสินใจเปลี่ยนชีวิตตนเอง เพียงแต่รอโอกาสบางอย่าง ที่ฉันเรียกมันว่า turning point นั่นแหละค่ะ

แต่ประการสำคัญคือยังมีบางอย่าง ที่ไม่สามารถฉุดให้ฉันตัดสินใจได้เฉียบขาดเสียที

จริงๆแล้วฉันก็ยังเหมือนปูเสฉวนตัวนั้น ... ในบางส่วนเสี้ยว ยังกล้าๆกลัวๆ กับการเปลี่ยนแปลง แต่ในขณะเดียวกัน ฉันพยายามปลูกต้นกล้าในจิตใจให้มากพออยู่ทุกขณะ และเมื่อพบว่าตัวเองแข็งแกร่งพอ ฉันจะเดินหน้าเลือกการเปลี่ยนแปลงแน่นอน

ฉันอาจเหมือนปูเสฉวนตัวนั้นที่หลบอยู่ในเปลือกหอยเพื่อรอเวลา แต่ไม่ประหวั่นพรั่นใจหากวันหนึ่ง ฉันจะต้องเดินออกมาจากที่ที่ไม่ใช่ของเรา

...

ฉันเชื่อเสมอว่าชีวิตเราไม่ได้มีทางเลือกแค่ทางเดียว และเราเลือกทางชีวิตของเราได้ อย่างน้อยที่ผ่านมาก็ไม่มีใครฝืนใจให้เราเลือกทำอย่างนั้นแน่

ใช้ชีวิตให้มีความสุขเถอะค่ะ และการใช้ชีวิตให้มีความสุขอาจไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากนักหรอก การมีเงินมากๆอาจจะดีในแง่ที่มันสามารถบันดาลความสุขสบายได้ แต่ความสุขใจนั้น เงินอาจซื้อไม่ได้นะคะ

ชีวิตมีไว้ให้เราใช้ ไม่ได้มีไว้เพื่อให้เรา 'กลัว'

Keep walking ค่ะ !


Create Date : 17 เมษายน 2553
Last Update : 17 เมษายน 2553 13:26:52 น. 0 comments
Counter : 633 Pageviews.

bewae1001
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




***************
// อย่ารอให้ป่วยก่อนแล้วจึงคิดนะคะ

นวภัทร ( บี )
นักเขียนอิสระ และ ที่ปรึกษาแผนประกันชีวิตและการเงิน
โทรศัพท์มือถือ 089-1459977

ความรู้อื่นๆ :
ผ่านการอบรม basic skilsl in counselling psychology กับอาจารย์พงศ์ปกรณ์ พิชิตฉัตรธนา @ ชมรมจิตวิทยาสมาธิ

ขอฝากเว็บไซต์ของอาจารย์พงศ์ปกรณ์ค่ะ http://www.medihealing.com

EMail ของผู้เขียน : Mybusy2004@yahoo.com
Facebook ของผู้เขียน : Parawee Nasaree

สำนักพิมพ์สะพานจัดพิมพ์นิยายหญิงรักหญิงของฉัน ( ดวงดาวดอกไม้ 2 เล่มจบ และนิยายขนาดสั้น ดอกไม้กับดอกไม้ ( ปกหนังสือด้านบน ) สั่งซื้อได้ที่นี่ค่ะ คลิกเลย!!

จำนวนบล็อก ณ ขณะนี้ 1147 บล็อกค่ะ
เริ่มเขียน 6 กันยายน 2548 บล็อกเก่าๆค้นได้จากกรุ๊ปบล็อกผู้หญิงสีรุ้งปี 53 นะคะ

ยินดีแบ่งปันความรู้และสิ่งที่มีประโยชน์ผ่านข้อเขียนในบล็อกนี้ และหากต้องการนำไปใช้ต่อหรือลงเผยแพร่้ในที่ใดก็ตาม กรุณาแจ้งก่อนนำไปใช้ที่ email ด้านบน ขอบคุณค่ะ





Parawee Nasaree

Create Your Badge

New Comments
Friends' blogs
[Add bewae1001's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.