images by free.in.th images by free.in.th
Group Blog
 
All blogs
 

ฉันขอเพียงคุณให้อภัย ไม่ถือสา และช่วยบอกฉันว่า 'ไม่เป็นไร' สักนิดจะได้ไหมคะ..

ในวัยสามสิบแปด ฉันเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองมีข้อบกพร่อง
ที่สมควรจะต้องได้รับการ 'ยอมรับ' จากตัวเองเสียที เหมือนว่า
ฉันได้ค้นพบ 'ตัวตน' อีกด้านของตัวเอง ที่ฉันแทบไม่เคยคิดเลย
ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นคนแบบนั้น

ถ้ายอมรับไม่ได้ คงปรับปรุงไม่ได้แน่ๆค่ะ

ฉันรู้แล้วว่าฉันเป็นคนขี้โมโห ขี้วีน อารมณ์ร้อน และแอบร้ายด้วย
ในบางที

แม้ฉันจะไม่เคยยอมรับว่านั่นคือข้อบกพร่องอย่างจริงจัง
และปล่อยปละละเลยมันมาโดยตลอด โดยที่รู้ทั้งรู้ว่าการเก็บ
นิสัยนี้เอาไว้ รังแต่จะก่อให้เกิดทุกข์

แต่ฉันเพิ่งรู้แจ้งเห็นจริง ว่าตัวเองเป็นแบบนี้จริงๆ

มิน่าล่ะ..

ฉันเคยรู้สึกมาตลอดว่าตัวเองเป็นคนดี เป็นคนที่ใครอยู่ด้วย
คงสบายใจ เพราะฉันไม่ค่อยจะเรื่องมาก และรักความถูกต้องยุติธรรมสุดๆ แต่นิสัยบางอย่างของฉันก็มาคู่กันเป็นแพคเกจ
คือฉันจะทำอะไรตามอารมณ์ เอาอารมณ์ตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง
ตัดสินทุกอย่างด้วยแว่นตาของตัวเอง ไม่ฟังใคร และไม่เชื่อใคร
เอาแต่ใจด้วยนะคะ

มาบัดนี้ฉันรู้แล้วว่าตัวเองมีแผล ไม่ได้สมบูรณ์อย่างนั้น และน่ารังเกียจด้วยซ้ำในบางเรื่อง

เชื่อไหมคะว่า ฉันเศร้า น้ำตาไหลได้เมื่อนึกถึงเรื่องนี้

ถูกที่ว่าไม่มีใครสมบูรณ์แบบหรอกในโลกนี้ และฉันก็คงเป็นแค่จิ๊กซอว์ตัวหนึ่ง มีมุมที่แหว่งวิ่น บางมุมอาจหักงอ ไม่อาจประกอบรวมกับจิ๊กซอว์ตัวอื่นได้

มีคนบอกว่า คนอย่างฉันจะอยู่กับใครได้ ?
มีคนบอกว่า เขาจะทนฉันได้หรือ ?
แล้วมีใครบ้างไหมนะ ที่จะรับในสิ่งที่คนอย่างฉันเป็นได้ มีใครบ้างนะ
ที่จะมองข้ามความน่ารังเกียจอันนั้น แล้วยอมรับได้อย่างคนธรรมดา
ว่าฉันก็มีข้อบกพร่อง อย่าหาความสมบูรณ์แบบจาก 'คนเช่นนี้' เลย
เพราะมันคงไม่มีหรอก

เวลาที่ฉันไม่น่ารัก ขี้วีน ร้าย ไม่พอใจ ฉันอาจจะไม่น่ารักหรอก
แต่ฉันรู้ว่ามันไม่ดี ฉันยินดีจะปรับให้มันลดลง คุณว่าแบบนี้มันใช้ได้ไหม ฉันจะพอเป็นคนน่ารักขึ้นมาได้บ้างไหม

ฉันขอเพียงคุณให้อภัย ไม่ถือสา และช่วยบอกฉันว่า 'ไม่เป็นไร' สักนิดจะได้ไหมคะ..

สำหรับคนเช่นนี้แล้ว แค่เพียงส่วนเสี้ยวของความเข้าใจก็เป็นสิ่งที่ล้ำค่าสุดๆแล้ว

เข้าใจฉันไหมคะ...




 

Create Date : 14 กรกฎาคม 2553    
Last Update : 14 กรกฎาคม 2553 22:55:45 น.
Counter : 488 Pageviews.  

เราต่างรู้ว่าเมื่อรักแล้วต้องเจ็บ

เห็นเธอสับสนกับความรักแล้ว ฉันรู้สึกเหนื่อยใจแทนเธอ
เห็นแล้ว ฉันได้แต่ปลง

จะกี่เดือน กี่ปี กี่วัน ความรักก็ลงเอยแค่ รัก.. กับเลิก
มีอยู่สองอย่างเท่านั้น

ไม่รักก็ ไม่ต้องอยู่
หากจะอยู่ ก็ควรอยู่ด้วยรัก..

มันน่าจะเป็นอย่างนั้นไม่ใช่หรือ

ในความรักมีคนแค่สองคนที่จะมีความสุข แต่กับคนที่สาม
มันคงไม่ใช่

ไม่ว่าจะรักต่อ หรือรอคอย ล้วนเจ็บปวด

ฉันเคยเจ็บปวด เธอเคยเจ็บปวด
เราต่างรู้ว่าเมื่อรักแล้วต้องเจ็บ

จุดจบมันก็มีสองอย่างเท่านั้นสำหรับเธอ คนของเธอ และคนที่สาม

ใครเลือกจะเดินออกมา ใครเลือกจะเดินออกไป
สุดท้ายแล้วเธอจะเหลือใคร หากเธอไม่เลือกใครเลย

ทรมานใช่ไหม เมื่อมันไม่ลงตัว

ฉันรู้ว่าเรื่องนี้จะจบอย่างไร ฉันก็รู้ว่าเธอรู้
อย่าปล่อยให้วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆ พร้อมๆกับบาดแผลที่เธอสร้างขึ้น
ไว้กับคนอีกคน ที่ไม่ว่าใครก็คงเจ็บพอกัน

รักใครสักคน เลือกใครสักคน

ไม่มีใครได้ทุกอย่างบนโลกนี้หรอกนะ ในฐานะผู้เคยสูญเสีย
ฉันรู้ดี..

บางทีเธออาจจะได้เรียนรู้ก็คราวนี้..




 

Create Date : 12 กรกฎาคม 2553    
Last Update : 12 กรกฎาคม 2553 22:20:25 น.
Counter : 607 Pageviews.  

เสร็จประกัน !!

วันก่อนเกิดอุบัติเหตุกับ 'น้องแดง' ที่รักกันมาแปดปี เป็นครั้งที่สามแล้วกระมังคะในรอบปีที่เขาต้องเข้าอู่ น้องแดงท้ายเยิน กันชนฉีก กระโปรงหลังบู้บี้ จึงต้องอัญเชิญไปเข้าอู่ AT เจ้าเดิม รอบนี้คงอยู่
สักสิบวัน เฮ้อ..

หลายสิ่งหลายอย่างเป็นเรื่องเกินความคาดหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
เรื่องของอุบัติเหตุ มันอยู่เหนือความคาดคิดของเราอยู่แล้วล่ะค่ะ ขนาดเดิน เรายังเสี่ยง แล้วนับประสาอะไรกับรถ ซึ่งวิ่งอยู่บนุถนนด้วยความเร็ว

ในเมื่อเราไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องเหนือความคาดหมายขึ้นมาเมื่อไหร่ จึงเป็นช่องของ 'ประกัน' สิคะ เราต้อง 'ซื่อความเสี่ยง' แต่การซื้อความเสี่ยงแบบนี้ไม่มีใครมาบังคับ จะซื้อ ไม่ซื้อ พอใจอย่างไรก็ว่ากันไป

จริงๆ ฉันไม่จำเป็นต้องทำประกันชั้นหนึ่งต่อเนื่องยาวนานขนาดนี้ก็ได้
โบรกเกอร์ที่โทรมาจีบวันก่อน ( เพราะใกล้ถึงเวลาที่จะต้องต่อประกันแล้ว ) ถึงกับร้อง หา ! เมื่อรู้ว่ารถอายุแปดปีเข้าปีที่เก้าของฉันยังทำประกันชั้นหนึ่งอยู่เลย ก็ฉันมีเหตุผลของฉันนะคะ ในการไม่ลดชั้นประกันลงแม้รถจะมีอายุถึงขนาดนั้นแล้ว

เพราะฉันคิดว่านี่คือวิธีการรับมือกับ 'ความเสี่ยง' ที่จะ make sure ได้ว่า เราจะได้ไม่กระเป๋าฉีก หากว่าเกิดอะไรขึ้นกับรถของเรา

จริงๆไม่ได้กลัวว่ารถจะหายค่ะ รถอายุแปดปีคงไม่ได้เป็นที่หมายปองของขโมยแล้วหรอกนะ แต่ที่ยังต้องคงชั้นหนึ่งเอาไว้จนกว่าเขาจะไม่รับ ก็เพราะฉันรู้ตัวดีว่าตัวเองเป็นคนขับรถที่ไม่ค่อยระแวดระวังเหมือนคนอื่นเขา และการใช้งานรถทุกวัน ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่ามันจะไม่เกิดอะไรขึ้นมา บางทีเราขับของเราดีๆ แล้ว แต่เพื่อนร่วมทางของเราอาจจะไม่ดีด้วย

จะไปรู้ได้ยังไง ว่าอยู่ดีๆ จะถูกมอเตอร์ไซค์คะนองมาชนเข้า หรือวันดีคืนดี รถเมล์จะมาชนท้าย มันก็เกิดขึ้นแล้วทั้งนั้น

มีผู้หวังดีเตือนว่าจะไปจ่ายชั้นหนึ่งทำไมให้เปลืองเงิน รถอายุสามสี่ปี
เขายังลดชั้นกันแล้ว

ช่วยไม่ได้หรอกค่ะ bewae นั้น ยินดียึดถือหลักการของตัวเอง ว่าขอสบายใจไว้ก่อน ไม่ขอรับความเสี่ยงด้วยการคิดว่า 'ไม่มีอะไรหรอกน่า..' แน่ๆ เพราะฉันจะไม่ฝากชีวิตไว้กับโชคชะตา แล้วก็มาพูดทีหลังว่า 'รู้อย่างนี้.. '

ไม่ใช่ฉันค่ะ

ถึงแม้ฉันจะสมัครใจ รัก ชอบ ที่จะจ่ายกับรถ แต่จริงๆแล้วต้องออกตัวก่อนนะคะ ว่าสมัยที่ฉันยังไม่ได้อ่านหนังสือพวกการจัดการเรื่องการเงิน หรือสมัยที่ยังเด็กๆอยู่นั้น ฉันไม่เคยคิดเรื่องการซื้อประกันเลย ไม่ว่าจะเป็นประกันชนิดใดก็ตาม ยกเว้นประกันรถ นั่นเพราะเรารู้ว่าเราต้องซื้อเพื่อ ป้องกันความเสี่ยงในทุกกรณี เราจะได้ไม่ต้องควักกระเป๋าซ่อมเอง จ่ายครั้งเดียวตัดรำคาญ หากไม่เกิดอะไรขึ้นก็ช่างมัน ก็ได้ส่วนลดประวัติดีไป

แค่นั้นเองที่ฉันคิดเกี่ยวกับการทำประกัน ครั้งแรกๆที่ฉันซื้อประกันชีวิตไว้ ก็เป็นเพราะพี่ที่รู้จักกันมาขอให้ช่วย แต่หลังจากได้ศึกษาเรื่องการเงินจากตำราหลายๆเล่มประกอบกับเริ่มคิดถึงชีวิตที่เหลือ และ 'ความเสี่ยง' จากหลายๆกรณี ทัศนคติของฉันที่มีต่อการซื้อประกันก็เริ่มเปลี่ยนไป

ฉันซื้อประกันเพิ่ม เพื่ออยากจะเอาไปหย่อนภาษี และนอกเหนือจากนั้น คือเพื่อเก็บเงินด้วย ตอนแรกก็คิดหรอกค่ะว่าจะผูกพันเป็นภาระเกินไปหรือเปล่า แต่เมื่อคำนวณแล้วก็เห็นว่า ในเมื่อเราสามารถหาเงินมาจ่ายได้ มันก็คงไม่ต่างอะไรกับการที่เราหาเงินมาใส่บัญชีเงินฝากของตัวเองสักเท่าไหร่หรอก มีเอาไว้บ้างก็จะได้เป็นหลักประกันในอนาคต เหมือนอดเปรี้ยวไว้กินหวาน ก็ในเมื่อเรายังเอาเงินไปลงทุนในกองทุนได้ เอาไปฝากธนาคารได้ นี่ก็คือการเก็บเงินรูปแบบหนึ่ง ไม่ได้ต่างอะไรกันหรอก

จริงๆแล้วยังเคยได้ยินอยู่นะคะ กับทัศนคติของหลายๆคนที่มีต่อการซื้อประกัน บางคนก็ไม่รู้สึกว่าควรจะทำ บางคนก็บอกว่า มันผูกมัดเกินไป ซึ่งก็คงไม่ต่างอะไรกับที่ฉันเคยคิด แต่เมื่อลองคิดไปลึกๆ การที่เราจ่ายกับรถ จ่ายหายๆๆๆ ทุกปี นั่นน่ะ มัน waste กว่าอีกนะ

นี่ยังไม่รวมว่า เรื่องสุขภาพก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราเสี่ยง แต่สำหรับเรื่องนี้อยู่ที่ความพอใจค่ะ จะทำหรือไม่ทำ มันก็ไม่ต่างอะไรกับจ่ายประกันรถ มันก็จ่ายหายๆๆๆ เหมือนกัน แต่คิดไปคิดมา เมื่อก่อนฉันไม่รู้สึกนะคะ แต่ตอนนี้ฉันเห็นว่าหลักการของการทำประกันรถ ไม่ได้ต่างอะไรกับที่เราจะซื้อประกันสุขภาพเลย ถ้าบอกว่ามีรถแล้วเสี่ยง แล้วตัวเราไม่เสี่ยงหรือ ที่จริงเราเสี่บงกับทุกสิ่งทุกอย่างอยู่แล้วทุกวัน แล้วเรื่องเจ็บเรื่องป่วย มันเป็นเรื่องที่ไม่เข้าใครออกใครด้วย ใครจะไปรู้คะ

ฉันไม่คิดว่าการซื้อประกันสุขภาพเป็นการแช่งตัวเองนะ ฉันว่ามันเป็นการช่วยแบกรับความเสี่ยงของเราด้วยมากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ได้แปลว่าไปซื้อประกันประเภทนี้แล้วจะต้องอยากป่วย ฉันไม่ได้อยากป่วยแน่ๆ ไม่ได้อยากจะซื้อเพื่อให้ได้นอนโรงพยาบาลได้อย่างสบายใจ

ไม่ได้คิดขนาดนั้นค่ะว่า เราจะป่วยได้ด้วยการนอนโรงพยาบาลที่ดีที่สุด
มีเรื่องที่ฉันรู้สึกตลก ว่าอดีตแฟนของฉันเธอเป็นตัวแทนค่ายยักษ์ฝั่งอเมริกา แล้วเธอหอบแผนประกันสุขภาพมาให้ฉันดู และเธอบอกฉันว่าทุกวันนี้เธอไม่กังวลเลยหากเธอจะป่วยเพราะประกันที่เธอทำนั้นจะช่วยให้เธอได้นอนป่วยในโรงพยาบาลที่ดีที่สุด ในวงเงินค่าห้องรวมค่ายาอะไรต่างๆแล้ว ได้ถึงคืนละหมื่น

ฉันไม่ได้รู้สึกดีไปกับเธอ หรือตาโตไปกับสิ่งที่เธอโอ้อวด ว่าประกันที่ cover การป่วยของเธอ จะช่วยให้เธอได้นอนป่วยสบายๆ เพราะเธอคงทนไม่ได้ที่จะไปนอนป่วยในโรงพยาบาลของประกันสังคม สิ่งที่เธอพูดโน้มน้าวให้ฉันคล้อยตามนั้น ฉันไม่ได้รู้สึกดีเลยค่ะ แน่นอนในหลักการมันอาจจะดีก็ได้ ทุกวันนี้ค่าห้องในโรงพยาบาลเอกชนล้วนแล้วแต่แพงๆ

เธอถามฉันว่า เลือกเอาได้เลยว่าจะนอนโรงพยาบาลไหน คืนละเท่าไหร่ เธอว่า เธอทำประกันแล้ว เธอจะนอนป่วยได้นานเท่าไหร่ก็ได้ เธอจะไม่ยอมให้ใครดึงสายออกซิเจนออก เธอจะไม่ยอมตาย อ้าว .. ว่าไปโน่น

เฮ้อ.. เลยพูดไม่ออก ว่าจริงๆแล้วเราจำเป็นต้องทำประกันไปเผื่อการนอนโรงพยาบาลที่เราอยากจะนอนด้วยหรือ หรือว่าประกันที่จ่ายมันจะช่วยให้เราไม่ตายไวหรือ หรืออะไร...

ฉันเห็นด้วยกับหลักการของการทำประกันสุขภาพค่ะ แต่ฉันว่ามันต้องสมเหตุสมผลหน่อยไหม ทำไมฉันจะต้องทำประกันเพื่อจะได้นอนในโรงพยาบาลที่ดีที่สุด ( ซึ่งไม่มีใครบอกได้ว่าโรงพยาบาลเอกชนที่ดีและแพงที่สุดนั้น จะรักษาได้ดีจริงๆ ) ซึ่งแน่นอนว่าการทำประกันเพื่อให้ได้นอน เอ้า ยกตัวอย่างอย่างเช่น รพ.บำรุงราษฏร์ ซึ่งเขาว่ากันว่าแพงนักหนา นั้นน่ะ มันก็แปลว่าเราจะต้องจ่ายแพงด้วยใช่ไหม แต่การจ่ายแพงก็ไม่ได้แปลว่าเราจะซื้อสุขภาพที่ดีได้นี่นา และการจ่ายแพงๆ
ก็ไม่ได้แปลว่าโรงพยาบาลนั้นจะรักษาเราอย่างดีนี่นา

ฉันไม่เห็นด้วยกับเธอ(ในใจ) แต่ไม่อยากจะพูดอะไร เพราะเธอเล่นไม่เปิดช่องให้พูดเลย ฉันเลยนึกในใจว่า จริงๆแล้ว ด้วยหลักการอะไรก็แล้วแต่ แต่ถ้าเราปล่อยให้ความกลัว มาชี้นำเราเกินไป เราก็คงจะ
'เสร็จประกัน' (ฮา)

ฉันว่าทุกอย่างอยู่ที่ใจเรา อยู่ที่ความพอใจของเรามากกว่าค่ะ ก็เพราะเงินของเรา เราหามาเอง เราจะซื้อความเสี่ยงอย่างไรก็แล้วแต่เราจะคิด ถ้าเรามั่นใจว่าแบบนี้เราโอเค ก็ให้เชื่อตัวเอง

โดยหลักการ ฉันว่าการทำประกันนั้นดีค่ะ ควรอยู่หรอกที่เราจะซื้อ เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงจากการต้องควักกระเป๋า ซึ่งอาจจะฉีกได้ในบางกรณี แต่โดยวิธี ฉันว่าเราต้องเชื่อตัวเองด้วยอย่าเชื่อแต่ตัวแทนประกันเท่านั้น หากว่าตังค์ในกระเป๋าเรามันเอื้อแค่ไหน เราก็ทำเท่าที่เราทำได้เถอะค่ะ อย่าถึงกับต้องตะกายเพื่อให้ได้สุดยอดแผนประกันที่ดีที่สุดที่ว่านั้นเลย !!




 

Create Date : 11 กรกฎาคม 2553    
Last Update : 11 กรกฎาคม 2553 19:33:58 น.
Counter : 437 Pageviews.  

วันเรื่อยเปื่อย..

วันเรื่อยเปื่อย..

เสาร์นี้ ฟ้าโปรยแต่ค่อนรุ่ง

เหมียวของฉันทำตัวเป็นนาฬิกาปลุกตรงเวลาทุกวัน โปรดทราบ นี่วันหยุด แต่พวกมันอาจจะไม่รู้ หรือว่ารู้แต่ก็อยากจะปลุก ( จะทำไม ฮ่าๆ )
เหมียวปลุกตั้งแต่ตีห้าอีกแล้ว กรรม !

นอกจากเหมียวปลุก ฉันยังตื่นเพราะฝนตกหนักด้วยค่ะ เสียงฝนกระทบหลังคากันสาดบ้านข้างๆ ดังมากๆ ฝนเม็ดใหญ่กับกันสาดโรงรถของบ้านข้างๆ โอ้ว .. ไม่รู้คิดอะไรถึงได้ติดกันสาด

โรงรถบ้านฉันใช้กระเบื้องตราช้างแผ่นใหญ่ เป็นกระเบื้องโปร่งแสง แสงลอดได้แต่ความร้อนไม่ลอด กระเบื้องนี้เวลาฝนตก เสียงที่ดังกระทบยังไม่ดังเท่ากันสาดบ้านข้างๆเลย เฮ้อ..

บ้านใกล้เรือนเคียงนี่สำคัญนะคะ เป็นเล่นไป หากเพื่อนบ้านไม่ดีนี่
มีเรื่องกันไปจะทำให้ขุ่นข้องหมองใจกันเปล่าๆ ฉันต้องทำตัวเป็นเพื่อนบ้านที่ดีกับบ้านรอบๆ เพราะแมวของเราเดินไปทุกบ้าน ไม่เดินเปล่า บางทียังไปนอนกลิ้งบ้านเขาอีก

ก็ต้องนิดนึง .. อย่าไปทะเลาะกับใคร ถือคติว่า เกื้อกูลกันดีกว่าเป็นศัตรูกันนะคะ

ฉันตื่นเช้ามาปล่อยเหมียวออกไปเที่ยวเหมือนเดิม อาลัยอาวรณ์ที่นอนจะแย่แล้วแต่ก็ต้องตัดรำคาญปล่อยเหมียว พวกมันอยากไปเที่ยวทั้งๆที่ฝนยังไม่ทันหยุดตกนั่นแหละค่ะ

จากนั้นตัวเองจึงนั่งคิดว่าจะทำอะไรในวันหยุดนี้ดี เนื่องจากธุระที่ต้องดูแลบุพการีนั้นหมดลงแล้ว ฉันส่งพ่อกลับบ้านไปเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว หลังจากพาเขาไปพบหมอตามนัด นัดนี้สำคัญมาก เพราะหมอจะบอกว่าผลชิ้นเนื้อ จากต่อมลูกหมากที่หมอตัดไปและส่งไปตรวจนั้นจะเป็นเนื้อดีหรือเนื้อร้าย

ฉันหวนคิดถึงคำที่เคยอ่านผ่านตา คือโอวาทของท่านจี้กง ว่าในเมื่อเรายังไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรแล้วจะกังวลไปใย ฉันพยายามจะทำตามนั้น จึงไม่อยากจะคิดมากว่าผลชิ้นเนื้อของพ่อจะออกมาในทางลบ ฉันต้องทำให้พ่อสบายใจมากกว่า ก่อนหน้านั้นฉันเลยพาพ่อไปไหว้พระทีวัดตูม จ.อยูธยา ซึ่งเป็นวัดแนะนำจากคู่มืออิ่มบุญ เขาว่าไปวัดนี้ให้ขอพรหลวงพ่อทองสุขสัมฤทธิ์ในเรื่องสุขภาพ จะดีมาก ไม่ได้คิดว่าไปไหว้พระแล้วจะไม่เป็นอะไรนะคะ แต่เราอยากสบายใจมากกว่า จึงอยากหาสิ่งยึดเหนี่ยวทางใจ ให้ได้ทำอะไรสักอย่างหนึ่ง

ปรากฏว่าผลตรวจออกมาดีค่ะ ไม่มีอะไร เมื่อใจชื้นแล้วก็คลายจากความกังวลได้

พ่อได้กลับบ้าน ไม่มีอะไรดีเท่านี้แล้ว

ฉันสงบศึกระหว่างตัวเองกับน้องชั่วคราว ทั้งในใจคิดว่าที่จริง ฉันต้องเป็นฝ่ายหย่าศึกด้วยการเฉยไปเลยดีกว่า เพราะทำไปก็ไม่มีอะไรดีเลย
หนำซ้ำพ่อกับแม่คงไม่สบายใจ ที่เห็นลูกทะเลาะกัน

จริงๆ ฉันหยุดที่จะพูดหรือเปลี่ยนท่าทีที่แสดงต่อเขามาได้สองสัปดาห์กว่าแล้ว เขาไม่กลับบ้านก็ช่างเขา เราทำหน้าที่ของเรา ฉันพยายามไม่คิดว่า การที่เขาไม่กลับบ้านมาอยู่กับพ่อพร้อมหน้าพร้อมตานั้นเป็นเรื่องแย่มาก ( เพราะการคิดแบบนี้คือการตัดสิน และผลก็คือ ฉันสร้างอคติขึ้นมา และท่าทีของฉันจะแข็งกร้าวจนทำให้เกิดการทะเลาะกันอีก )

ในเมื่อน้องไม่มา ก็เรื่องของน้อง ฉันอยู่กับพ่อ ฉันก็ทำหน้าที่ลูกดูแลพ่อในช่วงเวลาที่ฉันมีโอกาสได้ทำ ฉันทำกับข้าวให้เขาทานทุกวัน ดูแลทุกอย่างเท่าที่ทำได้ พ่อมีความสุขมากนะคะที่ได้มาอยู่กับลูก เราสัมผัสความรู้สึกแบบนี้ได้ หน้าตาเขาจะสดชื่นมาก พ่อทำเพื่อฉันมาเยอะแล้ว เวลาที่ฉันจะทำอะไรให้เขา ฉันไม่ควรลังเลแม้แต่น้อย

ฉันทำกับข้าวเองแทบทุกมื้อ มีอยู่วันหนึ่ง ฉันนึกอยากทำแกงป่า เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง ปกติฉันจะทำแต่แกงส้มค่ะ

แกงป่าที่ทำนั้นไม่ยาก เพราะเรามีตัวช่วยคือเครื่องแกงเผ็ด ที่แม่เอามาทิ้งไว้ให้จากใต้คราวก่อน แม่จะหอบเครื่องแกงมาทิ้งไว้ เพราะรู้ว่าเราหาแกงใต้อร่อยๆทานยากมากค่ะ ทีนี้ก็ดูว่าจะแกงอะไรได้บ้าง วันนั้นทำแกงป่ากุ้งกับมะเขือเปาะค่ะ กุ้งเอามาสับไม่ต้องละเอียดมาก เวลาแกงก็ปั้นเป็นก้อนๆ หย่อนลงหม้อไป มะเขือก็อย่าเคี่ยวนาน แค่พอน้ำแกงเดือดก็ยกลง แล้วก็ฉีกใบมะกรูดลงไปให้หอม เป็นอันเสร็จ

ที่เล่านี่ก็จะบอกว่า เมื่อครู่ได้ทำแกงป่าอีกหม้อ คราวนี้เปลี่ยนจากกุ้งเป็นลูกชิ้นปลา ( หาเจ้าที่เขาทำอร่อยๆไม่คาวนะคะ ) แกงกับมะเขือเปาะและถั่วฝักยาว ไม่ลืมไปเด็ดใบมะกรูดหลังบ้านมา มะกรูดนี่ปลูกเองค่ะ เวลาจะใช้ก็ไปเด็ดมา ไม่ต้องไปซื้อในซุเปอร์ให้เหลือทิ้ง ทำแกงป่าหม้อนี้จะทานกับขนมจีน คาดว่าคงไม่รอให้ถึงเวลาบอล เพราะแค่บรรยายนี่ก็ชักหิว

เรื่อยเปื่อยนะคะวันนี้ แค่อยู่บ้านอ่านหนังสือ เล่นกับแมวแล้วก็ทำกับข้าว แค่นั้นเอง แต่แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว ไม่ต้องเปิดทีวี ไม่ต้องรับข่าวสาร รับมากก็ปวดหัว ไม่ต้องคิดอะไร ทำสมองให้ว่างเปล่า ให้เวลาทุกนาทีผ่านไปอย่างช้าๆ แบบไม่รู้สึกเสียดาย

เหลียวมองไปรอบๆบ้าน ต้นไม้เขียวขจีรับหน้าฝน กล้วยไม้พากันออกดอกใหญ่ แม้ไมได้ใส่ปุ๋ย แต่พอได้น้ำเยอะๆเท่านั้น ธรรมชาติก็จัดสรรดอกสวยๆ ออกมาให้เราชม ชื่นใจจริงๆค่ะ กุหลาบที่ปลูกไว้ก็งามนัก พากันออกดอกใหญ่เลย

ทำตัวเองให้กลมกลืนกับธรรมชาติก็ดีอย่างนี้เองนะคะ ...




 

Create Date : 03 กรกฎาคม 2553    
Last Update : 3 กรกฎาคม 2553 16:34:47 น.
Counter : 471 Pageviews.  

ว่าด้วยเรื่องของ .. คู่

จากบล็อกด้านล่างที่เขียนเมื่อเช้า มาต่อกลางคืนนะคะ ฉันชอบเวลาเช่นนี้ที่เราได้อยู่กับตัวเองและทบทวนเรื่องราวในแต่ละวัน

เขียนว่าธรรมะช่วยได้ทุกเรื่อง เลยไปเล่าเรื่องรักร้าวที่ผ่านมา คนอ่าน
อย่าเข้าใจว่าฉันเป็นทุกข์เรื่องรักๆ นะคะ เรื่องนี้ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิตค่ะ ถึงที่สุดแล้ว ทุกครั้งที่มีความรัก หากฉันทำดีที่สุดแล้ว ไม่มีอะไรดีไปกว่านั้นได้ ฉันก็ไม่ควรต้องเสียใจ

ความแน่นอนไม่มีจริง ความไม่แน่นอนนั่นแหละคือ
เรื่องจริง แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ ยังมีเรื่องที่ใหญ่กว่านั้นรอเราอยู่อีกมาก ไม่มีใครตายเพราะเรื่องรัก หากคนเรารักตัวเองมากพอ ยืนยันได้เช่นนี้ เพราะผ่านมาแล้วและเห็นชัด

เรื่องใหญ่กว่าอีกหลายเรื่อง ยังไม่พบเจอ แม้ไม่ปรารถนา แต่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ยังมีอีกนะคะ ชีวิตไม่ได้ปราณีเรานักหรอก บททดสอบยากๆยังถูกส่งมานั่นเพราะเรายังไม่เก่งพอที่จะบรรลุได้ค่ะ

เอาล่ะ ว่ากันไปนะคะ

หลังจากเจอเรื่องถูกขโมยบล็อก ฉันรู้สึกปลง คำว่าปลงไม่ได้แปลว่าจะยอมจำนนให้ใครมาทำอะไรเราก็ได้ แต่พยายามจะปล่อยวาง ทำเท่าที่จำเป็น เพราะการกัดไม่ปล่อย ตัวเราก็เหนื่อย

ฉันยังได้ทราบว่า คนที่ลอกงานของฉัน เจ้าของ ligin ผู้หญิงไซส์ M นั่น ได้ลอกงานอื่นๆของคนอื่นๆด้วย อาศัยว่ามีคนละเอียดมากๆ ช่วยตรวจสอบให้จึงได้ถึงบางอ้อ เล่นแบบนี้นี่เอง หากเป็นอย่างนี้ก็ขอให้คนอ่านช่วยใช้วิจารณญาณไตร่ตรองก็แล้วกันค่ะว่าการจะชื่นชมตัวหนังสือของใครในโลกไซเบอร์นั้น ต้องใช้เวลาพิสูจน์ จะฉาบฉวยไม่ได้

ก็ไม่รู้ว่าทำได้อย่างไร มีปมอะไรในใจมากมายนักหนาจึงต้องทำเช่นนั้น

คนเราเห็นหน้ากันยังไม่รู้ใจกัน แล้วนับประสาอะไรกับตัวหนังสือ
มันก็ปั้นได้เหมือนกัน

นี่ฉันขอใช้พื้นที่ของตัวเองเพื่อพูดเรื่องนี้นะคะ และไม่อยากพูดไปอีกหลายๆวันแล้ว เพราะฉันทั้งเหนื่อยทั้งเซ็ง ตอนแรกฉันเดือดร้อน ตอนนี้ก็ไม่ได้รู้สึกดี แต่ฉันต้องปล่อยให้มันดำเนินไปตามครรลอง งานนี้
จะไปแจ้งตำรวจให้ตามจับ ฉันคงไม่ต้องทำมาหากิน และถ้ามีคนจงใจลอกงานฉันได้ เขาก็ย่อมลอกงานของคนอื่นได้อีกเช่นกัน คงมีคนที่โดนไปแล้ว ต่างกรรมต่างวาระ อยู่ที่ใครจะเอาเรื่องกันแค่ไหน

ขอบอกว่า ( กรุณาไปอ่านที่กระทู้นะคะ ฉันไม่อยากจะแปะอะไรอีกแล้ว ) คนที่ออกมาพูดแทนคนรักของตัวเองก็เหมือนกัน โอเค ฉันเข้าใจว่าคนรักกันย่อมต้องเข้าข้างกัน แต่การเข้าข้างไม่ได้แปลว่า เออออ
เห็นผิดเป็นชอบนะคะ การเข้าข้าง ควรจะเป็นเรื่องของความถูกต้อง ไม่ใช่ฉันเข้าข้างเธอเพราะเธอเป็นแฟนฉัน

กรณีที่คนรักกันทำไม่ดีหรือทำผิดพลาด เราไม่ซ้ำเติมให้เขารู้สึกแย่นั้นเป็นเรื่องดี แต่อย่างน้อยเราควรแสดงจุดยืนว่าเราไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่
เขาทำ และขอพูดอย่างเป็นกลาง แบบนี้น่าจะสง่ากว่านะคะ ที่สำคัญ
เรามีสิทธิ์ที่จะเตือนเขาได้ หากว่าเราเห็นว่าสิ่งนั้นไม่ใช่เรื่องถูก

ถ้าฉันทำผิด และแฟนฉันดาหน้าด่าทุกคนที่มาว่าฉัน ฉันว่าแบบนี้ก็คงไม่ใช่ ถ้าฉันทำไม่ดี แล้วแฟนฉันยังยกยอปอปั้นเห็นเป็นเรื่องนี้ แบบนี้แฟนฉันก็งี่เง่ามาก

ฉันว่านะคะ คนรักกันควรจะเห็นใจกันได้ ขณะเดียวกัน ควรจะตักเตือนกันได้ในเรื่องผิด และชวนกัน นำพากันไปทำสิ่งดีๆ แบบนี้จะเรียกว่าคู่ที่ส่งเสริมกัน นี่ว่าตามหลักการครองเรือนที่พระพุทธเจ้าตรัสนะคะ ท่านว่าไว้อย่างนั้น

การจะหาคู่ชีวิต จึงเป็นคนละเรื่องกับการหาแฟนนะคะ เพราะคู่ชีวิตมันกินความหมายลึกซึ้งกว่ามาก

ยามที่เราเจ็บไข้ไม่สบาย เขาอยู่กับเราไหม ยามที่เราต้องการใครสักคน คนไหนที่อยู่กับเรา ยามที่เราสุข เขาชื่นชมยินดี แต่ยามที่เราทุกข์เขาทอดทิ้งเราหรือไม่

ฉันว่าที่สุดแล้วคำว่า ร่วมสุข ร่วมทุกข์ นี่แหละจะเป็นตัวพิสูจน์ที่ดี

และไม่ต้องมาเออออห่อหมก ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ทุกเรื่องก็ได้ เพราะคนที่รักกันจริง ปรารถนาดีต่อกันจริง ย่อมจะต้องชักนำพากันไปในทางที่ดี หากเราบอกให้เขาไปทำสิ่งไม่ดี เราจะไม่รู้สึกผิดบ้างเลยหรือ แล้วคนเรานี่นะคะ ควรจะมีสำนึกดีในตัวบ้าง อย่างน้อยก็ต้องรู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก

มีแต่เด็กเท่านั้นแหละที่ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี แต่หากโตจนเป็นผู้ใหญ่แล้วยังไม่รู้ ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว !!




 

Create Date : 30 มิถุนายน 2553    
Last Update : 30 มิถุนายน 2553 22:44:53 น.
Counter : 545 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  138  139  140  141  142  143  144  145  146  147  148  149  150  151  152  153  154  155  156  157  158  159  160  161  162  163  164  165  166  167  168  169  170  171  172  173  174  175  176  177  178  

bewae1001
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




***************
// อย่ารอให้ป่วยก่อนแล้วจึงคิดนะคะ

นวภัทร ( บี )
นักเขียนอิสระ และ ที่ปรึกษาแผนประกันชีวิตและการเงิน
โทรศัพท์มือถือ 089-1459977

ความรู้อื่นๆ :
ผ่านการอบรม basic skilsl in counselling psychology กับอาจารย์พงศ์ปกรณ์ พิชิตฉัตรธนา @ ชมรมจิตวิทยาสมาธิ

ขอฝากเว็บไซต์ของอาจารย์พงศ์ปกรณ์ค่ะ http://www.medihealing.com

EMail ของผู้เขียน : Mybusy2004@yahoo.com
Facebook ของผู้เขียน : Parawee Nasaree

สำนักพิมพ์สะพานจัดพิมพ์นิยายหญิงรักหญิงของฉัน ( ดวงดาวดอกไม้ 2 เล่มจบ และนิยายขนาดสั้น ดอกไม้กับดอกไม้ ( ปกหนังสือด้านบน ) สั่งซื้อได้ที่นี่ค่ะ คลิกเลย!!

จำนวนบล็อก ณ ขณะนี้ 1147 บล็อกค่ะ
เริ่มเขียน 6 กันยายน 2548 บล็อกเก่าๆค้นได้จากกรุ๊ปบล็อกผู้หญิงสีรุ้งปี 53 นะคะ

ยินดีแบ่งปันความรู้และสิ่งที่มีประโยชน์ผ่านข้อเขียนในบล็อกนี้ และหากต้องการนำไปใช้ต่อหรือลงเผยแพร่้ในที่ใดก็ตาม กรุณาแจ้งก่อนนำไปใช้ที่ email ด้านบน ขอบคุณค่ะ





Parawee Nasaree

Create Your Badge

New Comments
Friends' blogs
[Add bewae1001's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.