.. ป่วยการยื้อ... ( เรียนรู้ที่จะอยู่กับรัก # 3 )
จากบล็อกวันก่อนที่เขียนไปว่า คิดอย่างไรให้รอด ทำให้ได้แชร์ความคิดเห็นดีๆ ขอบคุณมากๆเลยนะคะ อ่านแล้วคุ้นๆไหมคะ เหมือนว่าได้ผ่านคืนวันเหล่านั้นกันมาโดยถ้วนหน้าใช่ไหม เราทุกคนเคยเจอค่ะ
นี่เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดามาก และมันต้องไม่ใช่เหตุที่ทำให้เราตายนะคะ ใครๆก็ผ่านมาได้ทั้งนั้น
ละครเมียหลวงกำลังสนุกเชียว เห็นสัจธรรมไหมคะ ว่าความจริงแล้วเรื่องความรัก เราสามคน นี่มีมาแต่ไหนแต่ไร และความรักที่หน้ามืดตามัวลุ่มหลงก็ทำให้คนเราพังกันได้ง่ายๆ ทำไมความสุขสงบในชีวิตคู่มันหายากเหลือเกิน แปลกไหมคะ
แต่การเป็นแม่พระแสนดี ก็ไมได้ยืนยันว่าเราจะประคองรักษาชีวิตคู่ได้
ขณะที่บางคนก็อยากได้เหลือเกิน ไอ้คนมีเจ้าของเนี่ย ลองว่าจะเอาเสียอย่างใครจะทำไม โอ้วว สมัยนี้ไม่ใช่แค่ผู้ชายนะคะที่ขาดแคลน เพศไหน อะไรอย่างไรก็ยื้อแย่งกันได้ค่ะ
เพราะเราคิดถึงใจคนอื่น น้อยลงทุกที ขณะที่คิดถึงแต่ตัวเองกันมากขึ้น ใช่ไหม แล้วเราก็ชอบใช้ทางลัดบ่อยๆ เพราะมันง่าย
เฮ้อ..
...
ฉันเขียนถึงตอนที่แล้วว่าคิดอย่างไรให้รอด เรารู้แล้วล่ะว่าการที่เราจะรอดหรือไม่ทั้งหมดทั้งปวงนั้นตั้งต้นที่ความคิด เพราะความคิดชี้นำเรา และมันจะกำหนดการกระทำทั้งหมดของเราด้วยค่ะ
จำได้ไหมคะ ถึงตอนที่คุณกับคนรักอยู่ในช่วงจวนเจียนจะเลิกร้าง หรือเลิกร้างไปแล้วแต่มันยังไม่ขาดกันจริงๆ ตอนนั้นคุณทำยังไง
เมื่อรู้แล้วว่าเราต้องเลิกกันจริงๆ หลังจากที่ได้ทราบ ปฏิกิริยาแรกของเราเป็นไปได้หลายอย่าง ( แล้วแต่สถานการณ์ในเวลานั้นของแต่ละคู่ ) แน่นอนที่สุดว่า ลำดับแรกต้องช็อกก่อนแหละ
ไม่จริง.. ไม่ใช่ .. โกหกกันใช่ไหม ล้อเล่นหรือเปล่า
เป็นแบบนี้ไหมคะ ฉันก็เป็นค่ะ ไม่ประหลาดแต่อย่างใดเลย
สัญญาณของการเลิกร้างนั้นปรากฏให้เห็นได้หลายอย่างค่ะ หากลองสังเกตดู เหมือนสถานการณ์ของฉันในตอนนั้น
ประสบการณ์ของฉัน : หลังจากที่ฉันกับเธอปรับความเข้าใจกันและเราสัญญากันว่าเราจะลองปรับเข้าหากันดูสักครั้ง ระยะเวลาหลังจากนั้นเต็มไปด้วยการระแวดระวัง
ฉันรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของเราเหมือนแก้วที่เปราะบาง ไม่ว่าเราสองคนจะทำอะไร จะพูดอะไรดูเหมือนมันจะไม่ลงรอยกันมากขึ้น ทั้งที่เราระวังแล้ว
นี่อาจจะเป็นสัญญาณและคำยืนยันว่าแก้วที่ร้าวแล้วไม่อาจประสานกลับมาได้ดังเดิม
หลังจากนั้นในเดือนถัดมา เธอบอกกับฉันในวันหนึ่งหลังจากที่เราทะเลาะกันว่า เธอพยายามแล้วมันก็ยังไมได้ นั่นเป็นสัญญาณอันตรายที่เข้าสู่การนับถอยหลัง เมฆทะมึนที่ตั้งเค้ากลายเป็นฝนในชีวิตฉันเริ่มส่อเค้าแล้ว
ฉันเริ่มเห็นเค้าลางของการแตกหัก รู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากลว่าในความสัมพันธ์ของเราสองคนไม่ได้ประกอบด้วยเราสองคนอีกต่อไป
แม้เหตุผลที่เธอบอกฉันว่า เธอไม่มีความสุขที่จะอยู่ตรงนี้มันจะเกิดขึ้นเพราะฉันทำให้มันเกิดขึ้นเอง ไม่ใช่เพราะการเข้ามาของใครบางคน แต่ถึงอย่างนั้น โอกาสที่ฉันจะกลับไปแก้ตัวด้วยเหตุผลที่ว่าก็ไม่อาจเกิดขึ้นได้อีก
ความเสียใจ ความเจ็บปวด เป็นสิ่งที่ต้องเจออย่างหลีกเลี่ยงไมได้ โอกาสที่เราจะกลับมามีกันถูกปิดลงแล้วโดยสิ้นเชิง
ความจริงที่เราไม่อยากจะยอมรับเลย คือเราต้องเลิกกันแล้ว ทีนี้เมื่อมันถึงจุดนั้น หากใจเราไม่ยอมรับขึ้นมาล่ะ จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
คุณจะเลือก ยอม หรือเลือก ยื้อ ดีล่ะคะ
มีคนจำนวนมากทีเดียวที่คิดว่า การยื้อ คือวิธีที่ควรทำในยามที่เขาของคุณกำลังจะตัดคุณออกจากชีวิต เขาอยากจบ แต่คุณไม่ยอมจบ นี่ล่ะค่ะที่เขาเรียกว่ายื้อล่ะ
เคยได้ยินคำว่า เอาช้างมาฉุดก็ไม่อยู่ไหมคะ หากคนไม่มีใจ ยังไงๆเอาเชือกผูกขาไว้เขาก็ต้องหาทางไปอยู่ดี คุ้นๆไหมคะคำนี้
ฉันเคยปวดใจกับคำว่า หมดใจ แต่มันก็ปฏิเสธไม่ได้ใช่ไหมคะว่ามันมีจริงๆ เมี่อถึงจุดที่คนเราหมดใจกับอะไรสักอย่าง ใจมันก็ไม่เหลือให้กันแล้ว การยื้อยุดฉุดกระชากเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำจริงๆ เพราะมันเสีย แรงเปล่า คิดถึงเหตุผลข้างบนซีคะ
อย่าคิดไปโทษเขาหรือเธอของคุณเลยค่ะ ว่าเพราะอะไรจึงหมดใจแล้วคิดจะเดินจากไป เหตุผลมีมากมาย ( ซึ่งอาจจะเป็นเหตุผลที่มาจากเราจริงๆก็ได้ ) แต่การยอมรับก็ไม่ใช่เรื่องง่าย อาจจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งกว่าจะถึงจุดที่ยอมรับได้สนิทใจ
1.ยอมรับเถอะนะคะว่ามันเป็นเรื่องจริง ( ไม่เชื่อก็หยิกตัวเองแรงๆดู ) 2.ยอมรับเถอะว่า จากนี้ไปไม่มีเราสองคน ( ไม่ต้องโกหกตัวเองว่าเขาจะยังอยู่ข้างๆคุณเหมือนเดิม ) 3.ไม่ต้องตีอกชกตัวหรือคิดไปว่าเราไม่ดี ( เหตุผลของการเลิกรามีมากมายค่ะ เราอาจจะเป็นส่วนหนึ่ง ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ ) 4.ค่อยๆบอกตัวเองไปทีละน้อยว่าจะต้องใช้ชีวิตคนเดียวให้ได้จากนี้ ( คิดบวกเข้าไว้ค่ะ )
ประสบการณ์ของฉัน : เราสองคนยังอยู่ด้วยกันในเวลานั้น ลองคิดดูว่ามันยากอย่างไรกับคนๆหนึ่ง ฉันฟังเพลงรักๆไม่ได้เลย น้ำตามันพร้อมจะไหลลงมาทุกขณะ
เธอพยายามบอกฉันว่า ถึงแม้เราสองคนจะเลิกรากันไปแล้ว แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้ เราจะยังดูแลกันต่อไป เธอเชื่อว่ามันทำได้
เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลยกับฉัน ความรักของเธอหมดแล้วแต่ความรักของฉันยังอยู่เต็มหัวใจ ฉันหัวใจสลายทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้ และต้องพยายามทำใจทุกคืน
คิดถึงภาพที่มันจะไม่มีวันหวนกลับมาทั้งที่เรายังอยู่ด้วยกัน ไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่ยังอยู่ด้วยกัน แค่นั้นฉันก็ทำตัวไม่ถูกแล้ว ฉันจะจับมือเธออย่างไร ฉันจะกอดเธออย่างไร ระยะห่างของเราเท่าเดิมแต่ระยะใจของเรามันกว้างขึ้นทุกที
ฉันนั่งทานข้าวกับเธอที่บ้าน ทำกับข้าวทานกันสองคน ต้องนับถอยหลังในใจทุกนาที เราพากันร้องไห้ ฉันกินข้าวเคล้าน้ำตาหลายมื้อ เรานอนข้างๆกัน แต่ฉันไม่อาจจะขยับไปกอดเธอได้อีกแล้ว แทบทุกคืนที่ฉันต้องหนีลงมานอนข้างล่าง กว่าจะข่มตาหลับได้คือเกือบรุ่งเช้าของทุกวัน ยามขับรถไปทำงาน ฉันนั่งมองเธอน้ำตาไหล หลังจากนี้เราจะมีเวลาด้วยกันอีกกี่วันกี่เดือน ก่อนที่มันจะหมดลงจริงๆ
ช่วงเวลาที่ต้องยอมรับว่ามันจะต้องจบเป็นช่วงที่ฉันเหนื่อยและหนักมากกับการต่อสู้กับจิตใจตัวเอง ฉันเริ่ม fade ตัวเองออกมาจากเธอ มีบางอย่างที่เรายังทำให้กันเหมือนเดิม ( แต่ฉันก็รู้ในใจว่ามันไม่เหมือนเดิม )
พร้อมๆกับที่พยายามจะปรับใจให้รับกับสภาพที่เกิดขึ้น และด้วยความรู้สึกที่มีมากกว่าความโกรธแค้นฉันตัดสินใจที่จะยอมรับและเข้าใจ ด้วยการเปิดโอกาสให้เธอได้ไปมีชีวิตใหม่
ฉันไม่ยื้อให้เหตุการณ์เลวร้ายกว่าเดิม ตัดสินใจที่จะเรียนรู้ความรักอีกแบบหนึ่ง คือการรักโดยไม่หวังผลตอบแทน
มีคนถามฉันว่าทำไมจึงทำใจได้อย่างนั้น และทำไมจึงไม่เคืองโกรธเธอเลย หนำซ้ำยังทำในสิ่งดีๆต่อกันได้
ฉันไม่ได้เก่ง แต่เพราะฉันยอมรับและทำความเข้าใจว่าเรามีสิทธิ์ที่จะเลือกอยู่ในที่ที่ตัวเองมีความสุข ทำอย่างที่ตัวเองอยากทำ ฉันรักเธอ จึงอยากจะเห็นความสุขของเธอ
และเพราะความเคืองแค้นไม่อาจเยียวยาหัวใจของฉันได้ ความรักและความปรารถนาดีต่างหากที่จะปลดปล่อยทุกอย่าง
คำตอบของฉันจึงไม่ใช่การ ยื้อ
ที่สำคัญ เมื่อปลดปล่อยความเคืองโกรธออกซะ ก็ทำให้เราได้เรียนรู้ที่จะเปิดใจรับความสุขเข้ามาในชีวิต เป็นความสุขแบบที่ตัวเองก็เบาสบาย จากการให้อภัยต่อทุกอย่างที่เกิดขึ้น
แล้วเราจะยิ้มได้ในที่สุด !!!
Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2552 | | |
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2552 22:49:03 น. |
Counter : 468 Pageviews. |
| |
|
|
|