นานแค่ไหนหรือจึงไม่เสียดาย...
คำถามบางคำถาม มาในเวลาที่ไม่เหมาะเอาเลย
แม้ว่าจะเป็นคำถามคำถามดาษๆที่ต้องมาพร้อมกับสถานการณ์บางอย่าง บางคำถามชวนอึดอัด เมื่อคนตอบไม่รู้จะตอบคำถามนั้นอย่างไร
ครั้นคิดว่าจะไม่ตอบ ก็ให้อีหลักอีเหลื่อกับสายตาคาดคั้น และคำตอบที่ถูกคาดเดาไว้แล้วอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สังคมกลืนความเป็นส่วนตัว เมื่อเราไม่ได้อยู่เพียงคนเดียวในโลก หากยังต้องเกี่ยวข้องกับผู้คนอื่นๆจำนวนมาก เรี่องบางเรื่องที่ "ส่วนตัว" อาจกลายเป็นเรื่อง "ส่วนรวม" ที่สาธารณะเอาไปกลายเป็นประเด็น โดยเฉพาะเรื่องของคนสองคน ที่รักกัน แล้ววันหนึ่งไม่ได้รักกันเหมือนเดิม
เหตุผลบางเหตุผลที่ควรเข้าใจ กลับไม่เป็นที่เข้าใจ หากว่าคนฟังจะไม่มองด้วยอคติส่วนตน หากว่ามีความเป็นกลางไม่มากพอที่จะคิดว่า นั่นมันเรื่องของเขา เรื่องส่วนตัว
ความรักแยกคนสองคนเอาไว้ด้วยเหตุผลส่วนตัวของทั้งคู่ ไม่มีใครอื่นมาทำให้เขารักกัน หรือเลิกกันได้หากว่าสองคนไม่ตัดสินใจเลือกทางเดินของตนเอง
คนเราจะทำอะไรสักอย่าง ต้องมีเหตุผลของตัวเองทั้งนั้น ควรหรือที่ไปตัดสินว่าเขาทำถูก ทำผิดหากว่าไม่ได้ไปเดือดร้อนใคร แล้วไม่ได้มาให้ใครต้องเดือดร้อนด้วย
ใครไหนเล่าจะบอกได้ว่า การยุติทางเดินของแต่ละคน มันสมควร มันเพียงพอ นอกจากคนสองคนนั้นเอง และต้องนานแค่ไหนเล่าที่ควรจะเรียกความรู้สึกของคนรอบข้างให้เอ่ยคำว่า "เสียดาย" ออกมาได้ทั้งที่ไม่รู้จริงๆแล้วมันน่าเสียดายจริงหรือ
หนึ่งปี สองปี จนถึงห้าปี สิบปีและยี่สิบปี หากว่าการแยกจากไม่ได้มาจากการหมดลมหายใจ ด้วยเหตุอื่นๆ คำว่า "น่าเสียดาย" จะยังถูกใช้อีกหรือไม่
น่าเสียดายที่บางทีคนถามก็ไม่รู้ "เลิกกันทำไม" "ทำไมเลิกกัน" "อยู่กันมาตั้งนาน" น่าจะได้ถูกเก็บไว้มากกว่าจะปล่อยออกมาให้ทำร้ายความรู้สึกของคนสองคน ด้วยคนที่แวดล้อมทั้งในวงแคบ วงกว้าง น่าจะตอบคำถามเสียก่อนว่า รู้แล้วทำไมหรือ หรือจะรู้ไปทำไม ทำให้กินข้าวได้อร่อยขึ้นหรือเปล่า
ความเคยชินมัดคนสองคนไว้กับเหตุผลที่ต้องจำนน "ความน่าเสียดาย" ตรึงคนเราไว้กับที่เดิม ซึ่งไม่รู้เลยว่าข้างหน้าอาจมี "ที่ใหม่" ที่เหมาะสม เป็นที่ทางของเราเอง ที่รอคอยเราอยู่ หรืออาจเป็นที่ที่เปล่าเปลี่ยวร้างไร้ จนต้องห่มตัวเองด้วยอ้อมกอดของตัวเองจากความหนาว แต่มันก็คือที่ที่เราเลือกแล้ว
นานแค่ไหน คงไม่ใช่เหตุผลเดียว ที่ทำให้คนเราต้องยึดติดกับทุกอย่าง เวลาต่างทำให้ทุกอย่างเพิ่มและลด แต่เวลาก็เพียงเข็มนาฬิกาที่เคลื่อนไปเพื่อให้เราบันทึกทุกอย่างที่ผ่านและผัน เวลาไม่ใช่หลักผูกขาของใคร มันไม่อาจตรึงทุกอย่างไว้ได้ตลอดไป
ระยะเวลาของความรักที่ทอดยาวเหมือนต้นไม้หยั่งรากลึกลงดิน ก็ไม่อาจทานแรงมรสุมได้หากว่ารากและใบไม่พร้อมใจกันต่อต้าน ต้นไม้แห่งความรักนั้นแท้จริงเปราะบางพร้อมหักโค่น มันไม่อาจหยั่งรู้ได้ถึงวันปลดปลง
น่าเสียดาย ที่คำถามบางคำถาม กลับทำให้หัวใจทั้งสองดวงต้องบาดลึก โดยที่คนถามไม่เคยมองเห็นรอยเลือดที่ซึมออกมาจากหัวใจอันเปราะบางนั้น
หยุดถามเถิดเพราะบางคำถาม
ไม่มีคำตอบ.
นอกจากเขียนกลอนแล้ว คืนนี้ฉันยังถือโอกาสรื้อบันทึกที่เคยเขียนไว้ออกมาอ่านอีกด้วย ฉันพบความเรียงบทนี้ค่ะ คุณลองอ่านดูสิคะ
ฉันพบว่าเมื่อกลับมาอ่านอีกที กลับพบว่าตัวเองคิดอะไรได้เปลี่ยนไปทุกวินาที ทุกนาที ทุกชั่วโมง และทุกวัน
คืนนี้สำหรับฉันจึงราวกับการย้อนเวลากลับไปเมื่อหลายปีก่อนค่ะ
แต่ฉันสบายดีนะคะ , ไม่ต้องเป็นห่วงคะ
Create Date : 04 ตุลาคม 2550 | | |
Last Update : 4 ตุลาคม 2550 22:29:22 น. |
Counter : 495 Pageviews. |
| |
|
|
|