images by free.in.th images by free.in.th
Group Blog
 
All blogs
 

ความสุขคือการเลือกอย่างหนึ่ง..

ฉันชอบประโยคนี้ค่ะ

มันมาจากชื่อหนังสือที่ฉันเพิ่งซื้อมาเมื่อวาน
อ่านแล้วดีจัง

ความสุขคือการเลือกอย่างหนึ่ง
แล้วในวันหนึ่ง เราเลือกที่จะมีความสุขหรือเปล่า

หรือว่ามีแต่อะไรไม่รู้มากมายที่วิ่งเข้ามาประดังประเดใส่เรา
จนเราลืม ว่านาทีนั้น เราไม่มีความสุขเลย

ถ้าความสุขคือการเลือกอย่างหนึ่ง
แล้วทำไมเราเลือกจะมีความทุกข์มากกว่าความสุขอยู่ร่ำไป
ด้วยการไม่สงบ ด้วยการวุ่นวาย ด้วยการกักขังตัวเองอยู่ในความทุกข์
ความเศร้า ความโศก

ถ้าความสุขคือการเลือกอย่างหนึ่ง
ทำไมเราไม่เลือกที่จะมีความสุขในทุกเวลา นาที

ฉันคิดว่าเพราะเราลืม
เราลืมไปว่า เราควรจะสุขมากกว่าทุกข์

ฉันก็เป็นคนหนึ่งที่ลืม ลืมจริงๆค่ะ

ถ้าฉันลืมและคุณก็ลืม เรามาเตือนกันดีกว่าในเช้านี้
ว่าเราควรจะมีความสุขมากกว่าความทุกข์นะคะ

อย่าลืมค่ะ !!!

อ้อ อรุณสวัสดิ์ค่ะ เช้านี้โผล่มาเช้า ขอให้เป็นวันสุขทั้งวันนะคะ !!




 

Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2553 7:07:28 น.
Counter : 483 Pageviews.  

ภาษาดอกไม้...

เมื่อเย็นขณะอยู่บนรถไฟฟ้า ฉันเห็นนักเรียนหญิงคน ชายคน คุยกันด้วยภาษามือ

ไม่รู้ว่าเขาคุยกันรู้เรื่องได้ยังไงค่ะ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ภาษามือมันมีกี่ท่า ท่าไหนแปลว่าอะไร เกิดมาก็ไม่เคยเรียนรู้ภาษามือกับเขาสักที แต่ท่าทางของน้องสองคนที่คุยกัน สีหน้า ท่าทาง แววตา ราวกับเหมือนจะไม่รู้เรื่อง แต่ฉันว่าเขาคุยกันรู้เรื่องนะคะ

ก็เพราะเขาคุยภาษาเดียวกัน

ส่วนเราสิ คนมีมือ คุยกันด้วยภาษาคนปกติธรรมดาเดียวกันเช่นกัน แต่ทำไมมักจะคุยไม่รู้เรื่อง

แปลกไหมคะ

เพราะคำพูดที่ออกจากปากเรา มันแฝงนัยความหมายให้ตีความได้มากมายใช่ไหม

หนำซ้ำคนเราไม่ค่อยชอบพูดตรงๆ แต่การพูดของเราในบางครั้งยังเคลือบแฝงด้วยความรู้สึกนานาสารพัน ทั้งชมชอบ ทั้งตัดพ้อ ต่อว่า หนักสุดก็คือ แช่งชักหักกระดูกกันนี่แหละ

เรื่องการสื่อสารนี่สำคัญนะคะ ทำเป็นเล่นไป

..

สมัยก่อนที่ยังเป็นวัยรุ่นวัยคะนอง ฉันขับรถเหมือนแท็กซี่ค่ะ ปาดได้เป็นปาด แซงได้เป็นแซง เหยียบคันเร่งไม่คิดชีวิต สนุกจังเลยล่ะอยู่บนถนนเนี่ย

ฉัน คนเดียวกันนี่แหละ ที่เวลานั้น ปากจัดสุดๆเวลาขับรถ เชื่อไหมคะว่าเมื่อมองย้อนกลับไป ฉันพบว่าตัวเองเป็นคนนิสัยไม่ดีเอามากๆจริงๆนะ เวลาอยู่บนถนน

คุณก็รู้ว่า ขับรถในกรุงเทพต้องเจออะไรบ้าง คนมารยาทไม่ดีก็มาก คนมารยาทดีก็มี แล้วเมื่อเราเจอคนมารยาทไม่ดีใส่ อารมณ์ก็จะขึ้นทันที ไม่รู้สิคะ.. มันปี๊ดดดดดด น่ะ มันต้องว่า ต้องระบายอารมณ์

คำพูดแบบนี้แหละที่เวลามีคนนั่งข้างๆ เขาได้ยินหมด แล้วยังได้รับพายุอารมณ์ของเราไปเต็มๆ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นิสัยไม่ดีเหล่านี้มันหายไปไหนหมดแล้วเมื่อฉันเริ่มแก่ ( เริ่มอายุเยอะค่ะ .. ฮา )

ฉันยืนยันว่าฉันพูดจาภาษาคนแน่ๆ แต่คงไม่ทำให้คนที่นั่งด้วยรู้สึกดีนัก คำพูดที่เราปล่อยออกไปเพื่อด่าว่ารถคันหน้า คนในรถนั่นเขาไม่ได้ยินด้วย แต่คนที่นั่งข้างเรารับไปเต็มๆ

กรรมจริงๆค่ะ

เดี๋ยวนี้ฉันใช้ชีวิต slow แล้ว แม้กระทั่งอยู่บนถนน ฉันจะใจเย็น และพูดในสิ่งดีมากกว่าไม่ดีเสมอ เพราะเราโต นั่นอาจเป็นส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งมาจากจากธรรมะ ที่ได้ซึมซับมาจากการอ่านหนังสือหลายๆเล่ม

ชีวิตจะดีขึ้นมาก ถ้าเราคิดดี พูดดี และทำดี ค่ะ

...

ในที่ทำงานก็มีน้องไม่ถูกกัน นี่เป็นปัญหาใหญ่ของคนที่ต้องดูแลคนอื่น หรือจริงๆเขาให้เรามาจัดการกับงาน แต่ช่วยไม่ได้ที่มันพ่วงปัญหา 'คน' มาด้วยแบบเต็มๆ

คนไม่ถูกกันนี่แหละ บอกว่าคนนี้พูดไม่รู้เรื่อง คนนั้นพูดไม่รู้เรื่อง ไปๆมาๆ ก็ออกจะงงๆว่าที่พูดกันไม่รู้เรื่องนั้นมันพูดจาภาษาอะไรกันแน่ เขาพูดภาษาคนกันไหม

แล้วในที่สุดก็รู้ว่า ที่พูดกันไม่รู้เรื่อง ก็เพราะไม่พยายามทำความเข้าใจกัน คอยแต่จะโทษกัน ว่ากัน เลยไม่มีใครยอมใครค่ะ

นี่ขนาดน้องพูดภาษาคนนะคะ

การพูดจากันทำให้คนรักกันเกลียดกันได้ คิดดูก็แล้วกันว่า คำพูดนั้นสำคัญยังไง

มันคงไม่สำคัญที่เราพูดภาษาอะไรแล้วค่ะ เพราะภาษาที่แท้จริงไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้คนมากล่าวโทษ ก่นด่ากัน พระพุทธเจ้าสอนว่าให้เรามีปิยวาจา หรือวาจาเป็นมิตร แต่คนทุกวันนี้ชอบใช้วาจาเพื่อทำลายล้าง

เฮ้อ .. บางทีน่าจะใช้ภาษามือกันให้หมดนะคะ จะได้ไม่ต้องได้ยินเสียงกัน จะด่าจะว่าก็ได้ยินมันในใจของคนที่พูดนั่นแหละ

เขาว่ากันว่าเดือนนี้เป็นเดือนแห่งความรักไม่ใช่หรือคะ น่าจะลองพูดจาดีๆเพราะๆกันสักเดือน พูดจาภาษาดอกไม้ไงคะ บางทีเมื่อความรักเบ่งบานและงอกงาม โลกนี้คงน่าอยู่ขึ้นเป็นกองค่ะ

คุณว่าจริงไหม??




 

Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2553 22:03:56 น.
Counter : 2370 Pageviews.  

บ้านเล็กก็มีหัวใจ

บ้านข้างบ้าน เป็นบ้านของข้าราชการหนุ่มใหญ่ ครอบครัวนี้เป็นครอบครัวที่เรียกว่า ครอบครัวเล็ก ครบสูตรของการเป็นครอบครัวค่ะ

คือมีพ่อ แม่ และลูก

ลูกสาวก็โตแล้ว ปีหน้าแว่วว่าจะเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว

ตัวพ่อ ผู้ชายเป็นข้าราชการ ส่วนพี่ผู้หญิงไม่ได้ทำงาน คงอยู่กับบ้าน
เป็นแม่บ้านอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน อาชีพแม่บ้านของพี่เขา คือทำกับข้าว ดูแลบ้าน ดูแลลูกและสามี

บ้านนี้ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร

และเขาว่ากันว่า พี่ผู้หญิงมีสถานะเป็น 'บ้านเล็ก' ด้วยซ้ำไป

ว่ากันว่าพี่ผู้ชายมีสองบ้าน ทุกๆเย็นตรงเวลามากๆ พี่ผู้ชายจะขับรถออกไปข้างนอก ไม่รู้ไปไหนแต่ไปในเวลาเดียวกันทุกวัน

ครอบครัวนี้อยู่ข้างบ้านฉันมาสามปีกว่าแล้ว ตั้งแต่มาซื้อบ้านที่นี่ ครอบครัวนี้ก็ย้ายตามหลังมาติดๆ แต่เราเป็นเพื่อนบ้านกันเหมือนกับคนกรุงเทพอื่นๆ ที่ไม่ค่อยจะได้พูดคุยอะไรกันนักแม้ว่าจะอยู่ใกล้กัน
นิดเดียว

จะว่าไปการมีสถานะเป็น 'บ้านเล็ก' ของพี่เขา ก็ไม่ได้ไปรบกวนใครนะคะ และฉันยังรู้สึกว่าบ้านนี้ดูอบอุ่นด้วยซ้ำไป พี่ผู้ชายก็อยู่บ้านตามเวลาที่เขาอยู่ ตอนเช้าไปส่งลูกไปโรงเรียนทุกวัน ถ้าบ้านนี้เป็นบ้านเล็ก ก็คงเป็นบ้านเล็กตัวอย่างค่ะ เพราะพี่เขาอยู่กันแบบเงียบๆ เรียบร้อย และไม่เคยเห็นการมาราวีอาละวาดของบ้านใหญ่เลย

ฉันไม่ได้จะยกย่องผู้ชายนะคะ ในเคสนี้ เพราะการที่ผู้ชายมีเมียน้อยหรือมีบ้านเล็กบ้านใหญ่ เป็นเรื่องที่ฉันเข้าใจไม่ได้ หรือไม่ค่อยเข้าใจอยู่แล้ว แต่ในเคสนี้ ฉันแปลกใจที่เขาทำได้ นั่นแสดงว่าเขาต้องมีการบริหารจัดการที่ดีมากๆ กับทั้งสองบ้าน จึงอยู่กันได้อย่างสงบเงียบแบบนั้น

พี่ผู้หญิงดูเรียบร้อยมากค่ะ พี่เขาก็เหมือนแม่บ้านจริงๆ แม่บ้านที่อยู่บ้านทำงานบ้าน คอยปรนนิบัติทุกคนในบ้าน

จริงๆแล้ว การที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะรับหน้าที่แบบนี้ แล้วยังต้องรับสถานะที่ 'รองกว่า' ด้วย คงไม่มีใครสักกี่คนที่จะทำใจได้ ฉันรู้สึกว่ามันเหมือนละครมากกว่าชีวิตจริง

หรือเป็นเพราะเขาไม่มีทางเลือก หรือเป็นเพราะว่าที่จริงแล้วสถานะที่รองกว่าหรือด้อยกว่า ไม่ใช่ปัญหาของเขา และที่สำคัญ สถานะที่รองกว่าหรือด้อยกว่านี้ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะไม่เป็นคนดี

หรือความเป็นคนดี กับการเป็น 'บ้านเล็ก' นั้น มันคนละเรื่องกัน

หรือว่าทั้งหมดทั้งปวงนั้น เกิดจาก 'ความรัก' จนกลายเป็นความยินยอมพร้อมใจ

..

จำได้ว่า ครอบครัวของฉันก็เคยเกือบเกิดอาการร้าวฉาน ราวกับว่ามันจะแตกแล้ว

แต่ฉันโชคดีที่พ่อกับแม่ไม่ได้เลิกราจากกัน ทำให้ความคิดของแม่ในขณะนั้นที่จะหอบลูกหนีพ่อไป เพราะรำคาญ และ ระอาที่พ่อกับพวกอาๆตั้งวงดื่มเหล้าทุกเย็น

ครอบครัวเราเกือบจะไม่เป็นครอบครัว

โชคดีว่า พ่อถอนตัวจากเหล้าได้ก่อนที่บ้านเราจะแตก และโชคดีมาก ที่พ่อฉันไม่ได้คิดจะรักเหล้ามากกว่ารักครอบครัว และโชคดีกว่านั้นอีกที่พ่อฉันไม่ไปแอบมี 'บ้านเล็ก'

หากว่าพ่อหนีแอบไปมีบ้านเล็ก ครอบครัวเราก็คงไม่อบอุ่นแบบที่เป็นอยู่นี้ ฉันไม่เคยเห็นพ่อเจ้าชู้หรือไปยุ่งกับสาวที่ไหนเลย และแม่ก็ไม่เคยต้องแสดงบทบาทของการเป็นบ้านใหญ่ แม่เลยไม่ต้องวุ่นวายกับการจัดการเรื่องแบบนี้ คงมีแต่การทำงานเพื่อหาเลี้ยงลูกและดูแลทุกข์สุขของพ่อเท่านั้น

ก็ไม่แน่หรอกว่า หากพ่อไม่คิดจะเลิกเหล้าและแม่หอบลูกหนีไป พ่ออาจจะมีครอบครัวใหม่ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่า เราจะโตมาแบบไหนนะคะ แต่ในเมื่อมันไม่ได้มีอะไรที่เป็นอย่างนั้น ฉันจึงถือว่าตัวเองโชคดี

โชคดีที่พ่อไม่ต้องแชร์ความรักไปให้บ้านหลังไหนๆ และความรักของพ่อก็แสดงให้เห็นผ่านการทำงานหนัก ขยัน อดออม จนเลี้ยงลูกได้เติบโตมาจนป่านนี้

ฉันไม่รู้ว่าพ่อกับแม่รักกันหรือเปล่า หลังจากที่แต่งงานอยู่กินและมีลูกถึงสามคน เพราะก่อนที่ฉันกับพี่และน้องจะลืมตาดูโลก พ่อกับแม่ถูกจับให้แต่งงานโดยไม่ได้รู้จักมักจี่กันมาก่อน แม่เล่าว่าผู้ใหญ่สมัยนั้นยังใช้วิธีคลุมถุงชน แต่รูปถ่ายวันแต่งงานของพ่อกับแม่นั้น ทั้งคู่ก็ยิ้มแช่มชื่น ราวกับว่าการเป็นคนแปลกหน้าต่อกันมันหายไปไหนหมดแล้วตั้งแต่รู้ตัวว่าจะต้องร่วมชีวิตกัน

..

กลับมามองดูข้างๆบ้าน

จริงหรือว่า นี่คือ 'บ้านเล็ก'

เพราะฉันไม่รู้สึกเลยว่าครอบครัวนี้ไม่เต็ม หรือว่ามันมีอะไรพร่องตรงไหน นอกจากสถานะความเป็น 'น้อย' ที่ใครๆก็เรียกขานพี่เขา

บางทีการเป็นน้อยเป็นหลวง เป็นเล็ก เป็นใหญ่ มันก็สำคัญน้อยกว่า
การเป็นคนดี

ฉันไม่ได้ส่งเสริมให้ใครเป็นคนดีแล้วเป็นเล็กเป็นน้อยหรอกค่ะ เพราะยังรู้สึกเสมอว่า การเป็นครอบครัวที่เริ่มต้นจากความซื่อสัตย์ในความรักของคนเป็นพ่อเป็นแม่นั้น สำคัญที่สุด

เพียงแต่ฉันรู้สึกว่า หากการเป็นเล็กเป็นน้อยแล้วคอยแต่จะไปอาละวาดราวีบ้านใหญ่เพื่อแย่งความรักทั้งหมดมาเป็นของตัว จะยิ่งทำให้ค่าของความเป็นคนของคนๆนั้นลดลง

ฉันไม่เข้าใจเหตุผลของพี่เขาหรอก ว่าเขาเป็นคนดีแล้วเขามาเป็น 'น้อย' ทำไม

เพราะบางทีเหตุผลนั้นอาจลึกซึ้งมากกว่า และมากเกินกว่าที่เราจะเข้าใจได้ก็เป็นได้

ถ้าเขาตอบว่า เพราะความรักล่ะ คุณคงไม่ตัดสินว่าเขาโง่หรอกใช่ไหมคะ

ฉันคิดว่าเราควรเคารพกันที่ความเป็นคนดีมากกว่าค่ะ

ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม...




 

Create Date : 31 มกราคม 2553    
Last Update : 31 มกราคม 2553 16:14:15 น.
Counter : 441 Pageviews.  

ไม่มีแล้วมันจะตายไหม..

เมื่อเช้านอนฟังเสียงฝน มีคนบอกว่าฝนตกตั้งแต่ยังไม่ทันลืมตา..

ฉันเขียนถึงอารมณ์เมื่อเช้าเอาไว้แบบนั้นค่ะ
และนึกต่อในใจว่า ที่จริง ฝนไม่น่าตกเอาในเช้าวันเสาร์
เช้าซึ่งเป็นวันหยุดแบบนี้เลย ที่จริงมันควรจะเริ่มวันใหม่ด้วยความรื่นรมย์ หรือถ้าจะพูดให้ถูกอย่างใจฉันแล้วละก็ ต้องบอกว่ามันควรจะเริ่มต้นด้วยแดดในยามเช้า เสียงนกร้อง และฟ้าสีฟ้าละมุน
เหมือนในวันปกติของฤดูร้อน

เอ๊ะ แน่ใจหรือว่านี่คือฤดูร้อน

ฉันว่าไม่ เพราะเดี๋ยวนี้วันหนึ่งมีสามฤดูให้ฉงนฉงาย แถมยังเดาไม่ได้
ว่าควรจะถือร่มไปทำงานด้วยไหม เพราะมันเอาแน่เอานอนไม่ได้เลย

นี่คือเรื่องที่จริงที่เราประมาทไม่ได้อีกแล้วค่ะ

แม้ธรรมชาติจะขับเคลื่อน ปรวนแปร หรือเปลี่ยนแปลง คนเล็กๆอย่างเราไม่อาจจะไปหยุด หรือฝืนอะไรได้เลย เพราะเราเล็กกว่าธรรมชาติไม่รู้กี่เท่า เรา 'จ้อย' มาก เราเป็นคนตัวจ้อยเท่านั้น

ถามว่าคนเล็กๆอย่างเราๆ จะให้ทำอย่างไรกับความแปรปรวนของธรรมชาติ เรามีหน้าที่แค่รับมือ และอยู่ให้ได้อย่างดีที่สุดเท่านั้นไม่ใช่หรือ

ก็แค่การอยู่ให้ได้อย่างดีที่สุดนี่ล่ะค่ะ ก็ลำบากแล้ว การอยู่นี่ล่ะจะอยู่
อย่างไร จึงจะอยู่อย่างไม่เอาเปรียบโลก และสำคัญที่สุดก่อนจะไม่เอาเปรียบโลก

ก็ต้องไม่เอาเปรียบคนด้วยกันเอง เสียก่อน

..

เมื่อสักครู่ขณะคิดๆอะไรไป ฉันถามตัวเองว่า ชีวิตนี้ยังขาดอะไร
อยู่บ้าง ยังอยากจะได้อะไรอยู่ไหม

ในขณะที่ถามว่าตัวเองต้องการอะไร ฉันกลับไม่พบว่าตัวเองขาดอะไร
ที่เป็นสิ่งตอบสนองความต้องการทางกายเลยสักอย่างเดียว

เป็นเพราะความต้องการของฉันนั้น ฉันตอบสนองมันได้หมดแล้วใช่ไหม อาจจะใช่ส่วนหนึ่งค่ะ แต่อีกส่วน ฉันว่าเกิดจากการความต้องการของเราน้อยกว่าคนอื่น ยิ่งตอนนี้ วัยขนาดนี้เท่านี้ มีทุกอย่างหมดแล้ว ความต้องการที่จะอยากได้นั่นได้นี่ ยิ่งแทบไม่มี

คำว่าความต้องการนี่ล่ะค่ะ เรื่องใหญ่เลย

บางที การที่ความต้องการของเราน้อย เราก็จะเหนื่อยน้อยในการตะกายคว้า การไม่ต้องตะกายคว้าอะไรเลย ฉันว่ามันคือความโชคดีนะคะ

เราจะเอาอะไร น้ำ อาหาร อากาศ และเราโชคดีที่เรามี นอกเหนือจากนี้คือสิ่งที่เราปรุงแต่ง มันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นจริงๆที่ต้องมีก็ได้

เหนื่อยนะคะ กับการไขว่คว้าหาสิ่งนั้นสิ่งนี้อยู่ตลอดเวลา ทั้งที่จริง
ในชีวิตเราก็ต้องการแค่นี้แหละ ถ้ามีแค่นี้ก็ไม่ตายแล้ว แต่ไอ้สิ่งอื่นใดที่นอกเหนือจากนี้ ไม่มีแล้วมันจะตายไหม...

ในขณะที่ฉันมีกล้องดิจิตอลสองตัว ตัวหนึ่งซื้อเพราะจำเป็นต้องใช้ อีกตัวหนึ่งซื้อเพราะอยากได้ ในขณะที่มีโทรศัพท์สองเครื่อง คุณสมบัตืไม่เหมือนกันแล้วแต่กรณี มีโน๊ตบุ๊คสองเครื่อง เครื่องใหญ่ทนทาน แสนจะถึก อีกเครื่องหนึ่งเล็กกว่า มีเพราะเหตุผลเอาไว้เวลาเดินทาง มีหนังสือกองเท่าภูเขาแต่อ่านไม่หมดไม่รู้กี่กอง มีบ้านหลังนี้แล้วก็มีอีกหลังหนึ่ง ( ทำไมต้องมีสองหลัง ?? ) มีเสื้อเต็มตู้ ครึ่งตู้คือเสื้อที่ไม่ได้ใสหรือใส่แค่ครั้งสองครั้งแล้วลืมไปเลย อ้อ มีรถอีกคัน และเกือบจะมีอีกคัน ดีที่ยั้งใจไว้ ถามว่ามีทำไมมากมาย ทำไมต้องมีเกินอย่างละหนึ่ง ทั้งรู้สึกว่ามันเกินความต้องการ

นั่นแหละค่ะ เพราะไม่ได้ย้อนถามตัวเองก่อนว่าไม่มีแล้วมันจะตายไหม

บางทีก็คิดเผื่อไปเรื่องอื่นๆด้วยนะคะ ว่าไม่มีแล้วมันจะตายไหม...

อ้อ ฉันยังไม่มี บีบี เลย

แต่ฉันก็อยู่ได้ สบายดี ไม่ยักตายนี่คะ

เออ.. จริงด้วย !!!




 

Create Date : 30 มกราคม 2553    
Last Update : 30 มกราคม 2553 23:02:27 น.
Counter : 401 Pageviews.  

จันทร์เจ้าเอ๋ย...

ฉันไม่ได้เงยหน้าดูฟ้าเลย แต่ว่าได้ยินไนข่าวคืนนี้บอกว่า
คืนนี้พระจันทร์จะดวงใหญ่ที่สุดในรอบปี

ใครเห็นอย่างนั้นบ้างไหมคะ เล่าให้ฟังบ้างซี

คงจะดีกว่านี้นะคะถ้าจะอยู่ในที่ที่มองเห็นฟ้า เห็นดาว เห็นจันทร์
ได้กระจ่างตา

วันนี้ตัวเลขที่เวียนวนอยู่ในสมอง ตลอดจนคำพูดประดังประเด จะทำให้ขีดความเครียดพุ่งสูงจนทำให้ปวดหัวเหมือนจะระเบิด

แล้วก็พบว่า ใช่.. ที่แท้สิ่งแวดล้อมและระบบการทำงานที่เป็นอยู่
ทำให้ระดับความเครียดสูงขึ้นมาก การทำงานที่พร้อมจะสาดใส่วาจา
ถากถาง พร้อมจะบี้หรือโทษคนอื่นได้ตลอดเวลา มันเป็นการทำงาน
ที่ 'ไม่สร้างสรรค์' เอาเสียเลยในความคิดของฉัน

เมื่อเจอทางหนึ่งบีบ ทางหนึ่งชน มันก็เลยเกิดอาการแบบนี้ล่ะค่ะ

ถ้าคืนนี้ไม่อยู่ในเมือง ถ้าได้ออกไปข้างนอก มองฟ้าจากที่อื่นก็คงดี
คงดีถ้าเราย้ายตัวเองได้ง่ายๆ และถ้าเรามีประตูอัติโนมัติไปไหนก็ได้
เหมือนที่โดเรมอนมี

แหม .. ฝันแล้วนะเนี่ย

ฉันพูดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แต่ตอนนี้นึกอยากให้มันเป็นไปได้ค่ะ
ก็แค่นั้นแหละ

เหนื่อยนะคะ.. สารภาพว่า เหนื่อยเหลือเกิน เหนื่อยแบบไม่รู้จะหาอะไร
มาบรรเทาได้เลย

ฉันได้แต่หวังว่าสักวันจะได้หลุดออกจากวงโคจรนี้

จะมีวันไหน คืนไหนไหมนะ ที่ฉันจะมองดาว มองจันทร์แล้วยิ้มได้อย่างเต็มตาเต็มใจ ไม่ระโหยโรยแรง ไม่ยิ้มโรยรา เหมือนในคืนที่แทบจะหมดแรงเอาแล้วเช่นนี้

นึกถึงเพลงขอจันทร์ อยากให้พระจันทร์รับรู้จริงๆ...




 

Create Date : 29 มกราคม 2553    
Last Update : 29 มกราคม 2553 22:43:49 น.
Counter : 560 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  138  139  140  141  142  143  144  145  146  147  148  149  150  151  152  153  154  155  156  157  158  159  160  161  162  163  164  165  166  167  168  169  170  171  172  173  174  175  176  177  178  

bewae1001
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




***************
// อย่ารอให้ป่วยก่อนแล้วจึงคิดนะคะ

นวภัทร ( บี )
นักเขียนอิสระ และ ที่ปรึกษาแผนประกันชีวิตและการเงิน
โทรศัพท์มือถือ 089-1459977

ความรู้อื่นๆ :
ผ่านการอบรม basic skilsl in counselling psychology กับอาจารย์พงศ์ปกรณ์ พิชิตฉัตรธนา @ ชมรมจิตวิทยาสมาธิ

ขอฝากเว็บไซต์ของอาจารย์พงศ์ปกรณ์ค่ะ http://www.medihealing.com

EMail ของผู้เขียน : Mybusy2004@yahoo.com
Facebook ของผู้เขียน : Parawee Nasaree

สำนักพิมพ์สะพานจัดพิมพ์นิยายหญิงรักหญิงของฉัน ( ดวงดาวดอกไม้ 2 เล่มจบ และนิยายขนาดสั้น ดอกไม้กับดอกไม้ ( ปกหนังสือด้านบน ) สั่งซื้อได้ที่นี่ค่ะ คลิกเลย!!

จำนวนบล็อก ณ ขณะนี้ 1147 บล็อกค่ะ
เริ่มเขียน 6 กันยายน 2548 บล็อกเก่าๆค้นได้จากกรุ๊ปบล็อกผู้หญิงสีรุ้งปี 53 นะคะ

ยินดีแบ่งปันความรู้และสิ่งที่มีประโยชน์ผ่านข้อเขียนในบล็อกนี้ และหากต้องการนำไปใช้ต่อหรือลงเผยแพร่้ในที่ใดก็ตาม กรุณาแจ้งก่อนนำไปใช้ที่ email ด้านบน ขอบคุณค่ะ





Parawee Nasaree

Create Your Badge

New Comments
Friends' blogs
[Add bewae1001's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.