images by free.in.th images by free.in.th
Group Blog
 
All blogs
 

ใต้แสงจันทร์..ดวงเดียวกัน....

เสาร์ที่ฝนตกไม่ทั่วฟ้ามาอีกแล้วค่ะ
แถวบ้านครึ้มฟ้าครึ้มฝน ห่างจากบ้านไปสิบกว่ากิโลไปทางสนามบิน
สุวรรณภูมิ แหม.. แดดแจ๋เชียว

เมื่อวานกับเมื่อวานซืน ฉันหิ้วขนมไหว้พระจันทร์กลับบ้านสองวันติด
ขนมไหว้พระจันทร์อันกลมๆ น่ารัก ทั้งขนาดใหญ่ขนาดเล็ก
มองดูน่ากินจริงๆเลย

ขนมไหว้พระจันทร์มีความหมายของมันอยู่ แม้จะไม่ได้ไหว้พระจันทร์
กับเขาด้วย แต่ก็ได้เอี่ยวทานขนมไหว้พระจันทร์ทุกปี เพราะขนม
เหล่านี้ถูกส่งมากำนัลลูกค้าอย่างเราทุกปีค่ะ

ขนมไหว้พระจันทร์ที่ได้รับมามีการ์ดใบน้อยติดมาด้วย มีคำเก๋ๆ
บอกว่า ขอให้รักกันแน่นเหนียวใต้พระจันทร์ดวงเดียวกัน
แหม.. เก๋

ครีเอทีฟเขาช่างคิดจริงๆนะคะ อ่านแล้วอยากง่ำขนมทุกก้อนในกล่อง
ให้สมกับความเก๋ไก๋ที่มันถูกส่งมาจากเอเจนซี่ชั้นนำของประเทศนี้

ความอ้วนคงไม่ปราณีเรา แต่เราคงต้องปราณีท้อง
ขืนกินจนหมด โคเลสเตอรอลต้องพุ่งกระฉูดเป็นแน่

...

เอ่ยถึงขนมไหว้พระจันทร์ ต้องพูดถึงพระจันทร์บ้างสิ ในฐานะที่
เป็นอีกคนที่ชอบเอ่ยอ้างถึงพระจันทร์เป็นที่สุด ทั้งในบล็อกนี้ก็ตั้งหลายครั้ง

ใครๆเขาก็ว่า คนที่ชอบมองจันทร์ มองดาว มองฟ้านั้น เป็นคน
โรแมนติค ฉันก็ว่าอย่างนั้น แต่ไม่ได้คิดว่าตัวเองโรแมนติคหรอกนะคะ เพราะการเอ่ยอ้างมองจันทร์ของฉันนั้นไม่ได้ลึกซึ้งตรึงใจอะไรนัก อาจจะมีในบางคืนที่มีโอกาสได้มองฟ้า มองจันทร์ มองดาว
แล้วรู้สึกว่ามันสวยจนน่าเอามาเขียนถึง ก็เท่านั้นเอง

พระจันทร์เป็นแรงบันดาลใจให้คนมากมายบนโลกนี้ เพลงพระจันทร์
ก็มีตั้งมากมาย จำได้ว่าท่อง จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้ามาตั้งแต่เด็กแล้ว
ไม่รู้ว่าเด็กสมัยนี้ยังท่องกันหรือเปล่า

พระจันทร์สำหรับเรา เป็นอะไรตั้งเยอะแยะ เป็นมากกว่าปรากฏการณ์ธรรมชาติที่อยู่คู่โลกนี้ ฉันว่าพระจันทร์เป็นสัญลักษณ์ของทุกอย่าง
ทั้งความงาม ความหวัง ความนุ่มนวลอ่อนโยน ความงดงามหมดจด
เขาเปรียบพระจันทร์ราวกับหญิงสาวผู้อ่อนโยนสวยงาม

แต่แม้พระจันทร์จะมีความสวยงามน่ามอง น่าหลงใหล
มันก็ยังมีอีกด้านหนึ่งที่เรามองไม่เห็น ด้านที่เขาว่ากันว่าไม่น่าดู
เหมือนคนเราที่มีทั้งความน่ารักและน่าชัง

แต่ส่วนผสมเหล่านั้น ก็คือสิ่งที่ธรรมชาติมอบมาให้ เหมือนอีกหล่ายสิ่ง
ที่ดีงามเลวร้ายปะปน

ขอเพียงแต่เรามองด้วยใจ เราจะเห็นความสวยงามที่มากกว่าตาเห็น



ภายใต้แสงจันทร์ดวงเดียวกัน ฉันขอให้คุณเป็นสุข
และมองเห็นความรัก ความปรารถนาดีของฉัน แม้แสงจันทร์จะเดินทางไกลสักนิด แต่ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใดสักที่บนโลกนี้

เราจะมองจันทร์ดวงเดียวกันนะคะ !!




 

Create Date : 03 ตุลาคม 2552    
Last Update : 3 ตุลาคม 2552 21:11:49 น.
Counter : 463 Pageviews.  

ควรยิ้ม ควรหัวเราะ ควรร้องไห้ ควรทักทาย หรือควรเมินเฉย

วันก่อนเจอสถานการณ์ที่เก็บเอามาคิดค่ะ
ว่าจะเขียนเรื่องนี้หลายวันแล้ว แต่เก็บเอาไว้มาคิดต่อเรื่อยๆ
มีคำตอบให้ตัวเอง แต่ไม่แน่ใจว่าหากเจอสถานการณ์แบบเดียวกันนี้
จะทำยังไง

เล่าให้ฟังนะคะ

หากคุณเลิกรากับแฟนเก่าซึ่งรักกันมาตั้งเจ็ดแปดปี แล้ววันดีคืนนี้
เขาทิ้งคุณไป

วันหนึ่ง คุณเห็นเขา แม้เขาจะเดินอยู่คนเดียว และเขาเห็นคุณด้วย
แต่คุณแกล้งทำเป็นไม่เห็นและพยายามเดินหนี

แต่คุณก็เดินหนีไม่ทันเขา คุณรู้ว่าเขาอาจจะเดินมาจนทันคุณและเรียกคุณ...

คุณจะทำยังไงคะ

ฉันเห็นภาพนี้ เพราะมันเป็นภาพของน้องคนหนึ่งกับอดีตแฟนของเขาที่เลิกรากันไปโดยที่ผู้หญิงคนนี้ ทิ้งน้องไป

ความเจ็บยังฝังใจ แม้จะผ่านเวลามาเป็นปีแล้ว แต่ใครจะลืมอดีตนั้นได้ง่ายๆ

สิ่งที่น้องทำ ฉันไม่ขอเล่าต่อ

แต่ในความรู้สึกฉัน นี่คือสถานการณ์ที่ลำบากมาก

จริงใช่ไหมคะ ที่เมื่อคนหนึ่งเดินจากชีวิตเราไป เราจะลืมเขาไม่ได้ทันทีหรอก และที่สำคัญ สถานะที่มันเคยเป็นหรือมีอยู่ มันก็ต้องเปลี่ยนไปด้วย

จากคนเคยใกล้ กลายเป็นคนอื่น

ช่วยไม่ได้ใช่ไหมคะ หากมันจะเป็นอย่างนั้น เพราะระยะห่างที่เกิดขึ้น
มันได้แปรเปลี่ยนสถานะ หรือฐานะที่เคยเป็นมา ไปเรียบร้อยแล้ว

ควรยิ้ม ควรหัวเราะ ควรร้องไห้ ควรทักทาย หรือควรเมินเฉย

อยู่ที่ดีกรีความเจ็บปวด อยู่ที่วืธีคิด อยู่ที่เราจะเลือกใช้

เพราะสุดท้าย ไม่ว่าเราจะเลือกรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไร หากเรายังรับความเจ็บปวดไม่ได้ หรือรับความจริงไม่ได้ สถานการณ์แบบนี้ก็ยังเลวร้ายสำหรับเราอยู่ดี

เผชิญหน้า หรือ หลีกหนี ดูเหมือนจะมีให้เลือกแค่ทางเดียว

คุณ.. จะเลือกอะไร ??




 

Create Date : 29 กันยายน 2552    
Last Update : 29 กันยายน 2552 22:26:51 น.
Counter : 496 Pageviews.  

เจ๊โหดชวนชิม ล้างกะทะรอค่ะ !!!

แถวออฟฟิศมีร้านอาหารตามสั่งที่ภายนอกดูเหมือนจะไม่อร่อย แถมยังดูไม่ค่อยถูกสุขอนามัยเท่าไหร่สำหรับคนที่ชอบกินแบบดีๆและเรียบร้อย

ร้านนี้คือร้านเจ๊โหด ซึ่งตั้งชื่อร้านตามเรากันเองเพราะเจ้าของร้านดุมาก วันที่ไปกินใหม่ๆแทบไม่มีใครกล้าแอะ แม้จะทำผิดออเดอร์มาให้หรือจะทำไม่ครบตามสั่ง ทั้งที่เป็นร้านอาหารตามสั่ง

แต่ร้านนี้อร่อยจนคนต้องง้อ

อาหารตามสั่ง ดูเหมือนจะไม่ได้ยากต่อการทำ เพราะเมนูก็วนๆเวียนๆ
แต่จะหาร้านที่ทำอร่อยจริงๆ ไม่ได้ง่ายอย่างที่ใจคิด

เพราะแม้แต่เมนูยอดฮิตอย่างผัดกะเพรา บางร้านยังทำไม่อร่อยเลย
ผัดกะเพราใช้เป็นมาตรฐานในการวัดความอร่อยได้เพราะมันคือเมนู
เบสิคที่สุด และเป็นเมนูที่ง่ายที่สุดแล้ว หากอยากจะกินอาหารตามสั่ง
อันดับแรกที่นึกถึงคือ ผัดกะเพราโปะหน้าด้วยไข่ดาวนี่แหละค่ะ

ความกลมกล่อมของอาหารแต่ละจาน เวลาที่เราผัดหรือปรุง อยู่ที่น้ำหนักของเครื่องปรุงที่เราจะให้ แม้มันจะมีสูตรอยู่บ้างว่าต้องใส่อะไรเท่าไหร่จึงจะออกมาได้รสชาติแบบที่เรียกกันว่า 'อร่อย' ไม่ใช่แค่
'พอแหลกล่าย' เท่านั้น แต่พอเอาเข้าจริงๆแล้ว บางทีแค่โรยเกลือหนักไปนิด หรือใส่น้ำตาลน้อยไปหน่อย ก็พาลไม่อร่อยเสียแล้ว

ฉันว่าอาหารตามสั่งของบ้านเรานี่ เป็นอะไรที่ simple และ classic
ที่สุดแล้วค่ะ ฉันไม่แน่ใจว่าประเทศอื่นใดในโลกนี้จะมีร้านแบบนี้ไหม
ลองคิดดูว่า บางทีคิดอะไรไม่ออก แค่เราไปยืนๆดูเครื่องเคราที่เขาแช่เย็นไว้ในตู้ หรือวางโชว์เอาไว้ แม้ไม่ต้องดูเมนู แต่เราจะประมวลได้ว่าเราอยากกินไอ้นี่ผัดกับไอ้นั่น แล้วปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพ่อค้าแม่ค้าที่จะผัด หรือจะปรุงออกมาให้เรากิน สั่งแบบไหนก็ทำแบบนั้น

บางวันที่ฉันกับน้องๆไปทานร้านเจ๊โหด เราจะนอกเมนูกันบ้าง ก็เป็นลักษณะพิเศษของร้านอาหารตามสั่ง สั่งอะไรก็ทำได้ ( ตามเครื่องที่เขามี ) แต่ความอร่อยของเจ๊โหดก็อาจจะไม่เท่ากันทุกวันนะคะ บางวันผัดอร่อยมากๆ แต่บางวันหน้าตาจืดมาเลยก็มี แต่ยังไงร้านนี้ก็คนแน่น เพราะเท่าที่ตระเวณชิมร้านตามสั่งมาแล้ว เรายังประทับใจกับรสมืออันไม่แน่นอนของสามีเจ๊โหดมากกว่าร้านอื่นๆ

วันก่อนน้องลาพักร้อนไปเที่ยวบาหลีห้าวันเต็ม กลับมาบอกว่า คิดถึงอาหารไทยมากๆ กินร้านเจ๊โหดบางวันว่าไม่อร่อย ก็ยังอร่อยมากกว่าอาหารอินโดบนเกาะบาหลีไม่รู้กี่เท่า คิดถึงผัดกะเพรา คิดถึงต้มยำอย่างกับอะไรดี

บางวันที่เราบ่นว่าวันนี้เจ๊กับสามีต้องทะเลาะกันแหง เพราะผัดไม่อร่อยเอาซะเลย ไม่เหมือนวันอื่นๆที่เราเคยกิน แต่เราก็กลับไปตายรังที่เจ๊โหดอยู่ดี เพราะขนาดว่าไม่อร่อยของเจ๊โหด ข้าวราดผัดกะเพราของเจ๊กับสามีก็ยังดูหน้าตาดีด้วยความเข้มข้นของเครื่องปรุง มากกว่าร้านอื่นๆที่เราเคยกินมาจริงๆ

ยืนยันว่าอาหารไทยทีเรากินอยู่ทุกวัน แม้จะเป็นเมนูง่ายๆอย่างผัดกะเพรานี่ก็ตาม แต่มันก็คลาสสิคอยู่คู่คนไทย แถมยังครีเอทได้สารพัด แล้วยังอร่อยด้วย อย่าปฏิเสธนะคะว่าเบื่อ คิดอะไรไม่ออกก็กะเพรา เพราะถึงมันจะเรื่องจริง แต่แค่ผัดกะเพราโปะไข่ดาวราดน้ำปลาพริกนี่แหละเด็ดสุดแล้วในเวลาที่อยากกินอาหารตามสั่งง่ายๆสักจาน

ว่าแต่อาหารตามสั่ง เมนูยอดฮิตของคุณคืออะไรคะ บอกกันมั่งเผื่อฉันจะได้เอาไปสั่งเจ๊โหดค่ะ

เจ๊ล้างกะทะรอแล้ว อย่าช้าค่ะ !!!!




 

Create Date : 29 กันยายน 2552    
Last Update : 29 กันยายน 2552 21:37:07 น.
Counter : 456 Pageviews.  

มายเฟรนด์มา พาไข้ขึ้น !!!

ว่ากันว่าโลกนี้ปรวนแปรไปหมดแล้ว อะไรๆที่เคยอยู่อย่างนั้นก็เปลี่ยนไป อะไรๆที่เคยอยู่ในที่ทางของมันก็ไม่อยู่

ฉันว่าไม่ใช่แค่โลกหรอกที่ปรวนแปร แต่คนก็ปรวนแปรด้วย

วันก่อนที่มีการตรวจสุขภาพกันแบบเป็นหมู่มวล ตรวจยกบริษัท
ฉันถูกซักประวัติเรื่องโรคประจำตัว เมื่อก่อนฉันไม่คิดว่าตัวเองมีโรคประจำตัวนะคะ และไม่ใช่เรื่องเท่ที่จะต้องมี เพราะโรคมันไม่ใช่ของหวานที่ต้องพึงรับประทานแล้วจะอารมณ์ดีมีความสุข

ฉันกรอกในใบประวัติว่าตัวเองมีโรค IBS อยู่คู่กายมาเจ็ดแปดปีแล้ว
เดี๋ยวเป็นเดี๋ยวหาย ขึ้นอยู่กับความปรวนแปรของร่างกายและจิตใจ
เพราะไอ้โรคนี้มันชอบมากับความเครียด ซึ่งบางทีเราไม่รู้ตัว

หมอถามว่า ถามจริง คุณเครียดอะไร
ฉันจะไปรู้เหรอคะ ก็ทำงานทั้งวัน ทำนั่นทำนี่ ไอ้สิ่งที่มันไม่ชอบใจมันก็คงจะมี มันก็อาจมีส่วนทำให้ความเครียดเกิดขึ้นได้

พยายามแล้วนะ มันก็ยังมี

ระบบในร่างกายพากันรวน ทั้งที่เราก็คิดว่ามันไม่มีอะไรแล้วนะ

ยังมีอีก นอกจาก IBS ฉันยังมีอาการไมเกรน ฮ้า !! ทันสมัยจริงๆ
โรคที่ฉันเป็น เป็นโรคที่มากับความเครียดทั้งนั้นเลย

ไมเกรน ( หรือมายเฟรนด์ของฉัน ) มักจะขึ้นมาเวลาที่มีสิ่งเร้ามากระตุ้น เช่น เครียด ( อีกแล้ว ) ฟังเพลงเสียงดังเกินไป ตากแดดจัดจ้าเกินไป ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสาเหตุที่ทำให้ปวดกระบอกตา ร้าวไปที่ขมับ เหมือนใครเอาอะไรมาทุบหัว ปวดตุบๆๆๆๆ เดี๋ยวเป็นเดี๋ยวหาย
บางที เหมือนรู้สึกว่าตัวเองเดินอยู่บนเรือ ลอยไปลอยมา ซึ่งเป็นอาการที่ทรมานมาก

เป็นทีหนึ่ง ต้องอดทนค่ะ

วันสองวันนี้มายเฟรนด์มาหาฉัน ฉันปวดหัวแบบนี้สองวันติด แค่นั้นยังไม่พอ เมื่อบ่ายนี้ อยู่ดีๆก็รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว ปวดตัว ร้าวตัว และเป็นไข้

พระเจ้า !! ฉันไข้ขึ้น

ฉันซัดพาราไปหนึ่งเม็ด บวกกับ ยาที่ชื่อ นิวโรเบียน ที่จริงยาตัวนี้น่าจะเป็นวิตามิน B 12 ที่ช่วยรักษาอาการปลายประสาทอักเสบ จากนั้นก็นอนพัก แต่นอนไม่หลับเลย อากาศข้างนอกร้อนเปรี้ยงแต่ในตัวฉันหนาวสั่น ต้องนอนห่มผ้าเลยทีเดียว

หนึ่งชั่งโมงครึ่งผ่านไป อาการหนาวสั่นค่อยลดลง แต่อาการปวดร้าวตัวและมายเฟรนด์ของฉันยังไม่ไปไหน ทำไมมันรักฉันจังเลย รักแบบนี้ไม่เอานะคะ ไม่ชอบด้วยประการทั้งปวง

...

เมื่อเช้า ฉันได้หนังสือของพลอย จริยเวช มาค่ะ เป็นหนังสือเล่มโตชื่อ
HAPPY & HEALTHY หนังสือเล่มนี้มาจากการปฏิบัติจริงของเธอที่ใช้เวลากว่าสองปีในการฟื้นสุขภาพ จากที่ไม่ดีๆ และแย่ๆ เธอกลับมามีสุขภาพดี น้ำหนักลด และแข็งแรงขึ้นได้

ฉันอ่านผ่านๆก่อนแล้วพบว่าวิธีของเธอก็ไม่ได้พิสดารอะไรเลย ทั้งหมดอยู่ที่ความตั้งใจของเราที่จะปรับและเปลี่ยนวิถีชีวิตเสียใหม่

เมื่อเราพบว่าวิถีชีวิตเดิมของเราไม่ทำให้เราเป็นสุขแล้ว หรือพบว่ามันทำให้เราแย่ลงๆๆ ความสุขลดระดับลงอย่างน่าใจหาย สวนทางกับอายุที่มันมากขึ้นๆๆๆ

ฉันเชื่อว่าชีวิตที่มีคุณภาพนั้นเรื่องเงินไม่ได้เป็นองค์ประกอบหลัก แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าการมีเงินนำพาความสะดวกสบาย และความสุขมาให้ แต่การที่เราตะบี้ตะบันไขว่คว้าหาเงินเพื่อนำมาซื่อความสุขในภายหลังโดยที่เรามัวแต่รอเวลาว่า ฉันจะสุขในอีกสิบปีข้างหน้า แล้วปล่อยให้ตัวเองวิ่งวนหาเงินเป็นหนูถีบจักร ไม่รู้จักทำให้ตัวเองมีความสุขตั้งแต่วันนี้ การมีเงินมากๆจะมีความหมายสำหรับเราจริงๆหรือ

วิถีชีวิตที่เราจะมีความสุขไปพร้อมๆกับการมีสุขภาพดี น่าจะเป็นยอดปรารถนาของเราค่ะ แต่การจะทำอย่างนั้น หรือมีอย่างนั้นได้ คงจะต้องเริ่มจากตัวเราจริงๆ

..

วันก่อนฉันวางแพลนจะผลิตการ์ดปีใหม่ให้บริษัท ตอนที่นั่งเสิร์ชหาคำอวยพรในอินเตอร์เน็ตเพื่อที่จะเอาไปใช้ในการ์ดนั้น ฉันคิดว่าคำอวยพร
ที่เราปรารถนาที่สุด ก็คงหนีไม่พ้น ความสุข ความมั่งคั่ง ความ
สมหวังและความมีสุขภาพดี

แต่จะมีใครสักกี่คนรู้ว่าสิ่งที่อยู่ในคำอวยพรนั้นจะเป็นจริงขึ้นมาได้ ตัวเรานีแหละสามารถทำให้มันเกิดขึ้น

เทวดาหน้าไหนก็ไม่ช่วยเราจริงๆค่ะ เพราะเทวดาก็คงมีงานเยอะอยู่แล้ว อย่าผลักภาระนี้ไปให้ท่านอีกเลย ทำด้วยตัวเองนี่แหละ ทำก่อน

บอกตัวเองด้วยค่ะ และอยากฝากความปราถนาดีบอกคุณ

สุขสันต์วันอาทิตย์นะคะ !!




 

Create Date : 27 กันยายน 2552    
Last Update : 27 กันยายน 2552 15:27:47 น.
Counter : 574 Pageviews.  

มันเป็นเพียงแค่บทสรุปหนึ่งของความสัมพันธ์

วันก่อนเขียนบล็อกรักต้องสอนด้วยรัก
ยังนึกไปถึงความเรียงที่เคยเขียนและตีพิมพ์ใน Image เมื่อเดือน
กรกฏาคม 2548 ความเรียงนี้เขียนไว้นานหลายปีแล้วค่ะ

มีคนเคยถามฉันว่าทุกเรื่องที่ฉันเขียน แม้แต่ดวงดาวดอกไม้ที่กำลังเขียนอยู่ หรือความเรียง เรื่องสั้นเรื่องใดก็ตาม ฉันเอาตัวเองออกมาเขียนใช่หรือไม่ คนถามช่างสังเกตค่ะ

บางส่วนบางเสี้ยวที่อยู่ในนั้น ในตัวละครบางตัว มีความรู้สึกนึกคิดของฉันอยู่ด้วยแน่ๆ แม้จะไม่ทั้งหมด

ตัวละครของฉันก็ไม่ได้เป็นคนดีหรือเป็นสีขาว 100 % เพราะคนเราทุกคนล้วนมีสีดำและสีขาวอยู่ในตัว ฉันกับตัวหนังสือก็ไม่ได้ต่างกัน มีความน่ารักและไม่น่ารัก

เรื่องที่ฉันเขียนในบล็อกก็เหมือนกันนะคะ ฉันอาจจะหยิบส่วนหนึ่งของตัวเองที่ไม่น่ารักเอาเสียเลย มาบอกคุณว่าเนี่ย ฉันก็เป็นแบบนี้
ไม่น่ารักหรอก และบางครั้งฉันก็รู้สึกว่า สื่งที่คนรอบตัวทำบางอย่างก็ไม่น่ารักและบางเรื่องก็น่ารักดี

ฉันว่าเรื่องของความสัมพันธ์เป็นเรื่องที่พูดได้ไม่รู้จบค่ะ ตอนที่เขียนเรื่องนี้ในปี 2548 ฉันยังเรียนรู้บางเรื่องจากความสัมพันธ์ครั้งเก่าอยู่เลย
แต่บทสรุปของความสัมพันธ์ครั้งนั้นได้จบลงแล้วด้วยการเลิกรา

และยังทิ้งบางสิ่งค้างคาในหัวใจ

ฉันตอบคำถามไม่ได้ว่า เออ ทำไมมันจึงจบแบบนั้น จบไม่สวยเลย(เพราะไม่คิดว่ามันจะจบ) และทั้งที่เคยคิดว่ามันใช่แล้ว แต่หากเอาความคิดมาอยู่กับปัจจุบันตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ฉันควรจะคิดอีกมุมหนึ่งว่า จบแบบไหนก็ล้วนแล้วแต่ดี

เพราะนี่คือวิถีแห่งชีวิต ไม่ใช่แค่เพียงวิถีแห่ง 'เรา'

วิถีทางแห่งเธอ-ฉัน
ตีพิมพ์ครั้งแรก IMAGE กรกฏาคม 2548

เธอนั่งอยู่ตรงนั้น ส่วนฉันนั่งอยู่ตรงนี้ เรานั่งใกล้ๆกัน แต่ไม่มีใครพูดอะไร ในมือฉันมีหนังสือ ส่วนในมือเธอมีหนังสือเหมือนกัน เธอก้มหน้านิ่ง จดจ่อสมาธิอยู่กับตัวหนังสือตรงหน้า ส่วนฉันพลิกหนังสือไปมา พลางหันไปมองดูเธอ

ดูเผินๆ เหมือนเราโกรธกันใช่ไหม แต่เปล่าเลย แม้ว่าต่างฝ่ายต่างเงียบ ต่างคนไม่ได้พูดอะไร
เราแบ่งโลกส่วนหนึ่งของตัวเองออกมา ขณะที่โลกของ “สองเรา” ก็ถูกเกี่ยวไว้ใกล้ๆกันในบริเวณนั้นเอง

เธอชอบให้เราอยู่ใกล้ๆกัน ทำอะไรอย่างที่อยากทำ แต่ขอแค่มองเห็นกันเท่านั้น จริงๆมันคงไม่ได้มากไปหรือหนักหนาสำหรับคนรักที่จะทำให้กันได้

ความจริงฉันก็ชอบนะ ที่เราทำอย่างนี้ ไม่มีความจำเป็นต้องเรียกร้องให้ใครคนใดคนหนึ่งทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการตลอดเวลา หากทำอย่างนั้นนานเข้ามันคงเหนื่อยและหนัก ไม่มีใครทนแบกรับความคาดหวังของอีกฝ่ายหนึ่งได้ตลอดเป็นแน่ เพราะเจ้าความรู้สึกที่เราแบกไว้ตลอดเวลามันจะบีบรัดจนเราหายใจไม่ออก

แต่กับบางเวลา ฉันกลับรู้สึกว่า การที่เรามองเห็นกันมันไม่เป็นการดีสักเท่าไหร่ ฉันหมายถึงเวลาที่เราเห็นไม่ตรงกัน ขัดแย้งหรือไม่เข้าใจกัน จนบางครั้งเหตุผลก็พ่ายแพ้แก่อารมณ์ เวลาเช่นนี้เองที่ฉันอยากทำตัวให้หลุดจากวงโคจรของเธอ

เปล่าหรอก ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากเห็นหน้าเธอ ไม่อยากใกล้ชิดเธอ แต่ที่ทำอย่างนั้นเพราะฉันทำตาม “วิธีของฉัน” ต่างหากเล่า

สำหรับฉันแล้วในนาทีเช่นนั้น การนิ่งอยู่กับที่ไม่ได้มีผลดีอะไรหรอก เธอจำได้ไหมที่ฉันเคยบอกว่า นิสัยไม่ดีของฉันคือการชอบเอาชนะ ถ้าเราโต้เถียงกัน ฉันอาจจะทำให้เธอโมโหไปเลยเพราะฉันจะตะแบง หรือ เอาสีข้างถู ไม่ว่าเรื่องไหน และเมื่อนาทีของการโต้เถียงมาถึง ระบบอัตโนมัติของฉันก็ทำงานทันที ถึงตอนนั้นอะไรก็หยุดฉันไม่ได้แล้ว แม้แต่ความเงียบของเธอ

สิ่งที่ฉันเลือกทำคือการเดินหนีไปไกลจากที่ตรงนั้น มันก็เพื่อที่ฉันจะได้หยุดระบบความคิดของตัวเอง ทำให้ตัวเองเย็นลงให้ได้ บางครั้งสิ่งที่ฉันทำก็แค่ออกไปยืนมองฟ้าแล้วถอนหายใจแรงๆ ถ่ายความรู้สึกหนักอึ้งออกไป หรือแม้แต่นั่งมองอะไรไปเรื่อยๆ ได้ทบทวนความคิดเงียบๆลำพัง บางครั้งเมื่อคิดไปถึงที่สุด ฉันกลับพบว่าไม่มีอะไรเลวร้ายสักนิด ทุกอย่างอาจจบลงได้ด้วยคำ “ขอโทษ” คำเดียวเท่านั้น

เมื่อฉันเป็นฝ่ายเดินหนี แต่เธอเลือกที่จะอยู่ที่เดิม เธอเคยบอกฉันว่าไม่ชอบให้ฉันเดินออกไปไหน ถ้าเราทะเลาะกัน เธอไม่เข้าใจว่าการนั่งเงียบๆ โดยไม่ต้องพูดอะไรเป็นเรื่องง่ายๆ แต่ทำไมฉันทำไม่ได้

ฉันอยากให้เธอเข้าใจนะว่า มันเป็น ”วิธีของฉัน”ที่จะจัดการกับความพลุ่งพล่านในอารมณ์ที่กำลังปะทุอยู่เช่นเดียวกับที่เธอก็มี “วิธีของเธอ” ที่จะจัดการกับอารมณ์เดียวกันนั้น เพียงแต่เธอเลือกที่จะนิ่งและเงียบ เราต่างกันตรงนี้

ฉันไม่ได้บอกว่าวิธีของเธอผิด หรือ ถูก มันอาจจะดีสำหรับเธอก็ได้ แต่อย่าขอให้ฉันใช้วิธีเดียวกับเธอเลย เพราะฉันเชื่อว่า ตัวเราเองเท่านั้นที่ต้องรู้ว่าอะไรที่เหมาะกับตัวเราที่สุด แม้แต่การเลือกของนอกกายอย่าง เสื้อผ้า รองเท้า ยังต้องเลือกไซส์ที่พอดีตัว หากหลวมหรือคับเกินไป ย่อมใส่ไม่สบาย ไปจนถึงสิ่งที่ต้องเลือกและมองไม่เห็นเป็นรูปธรรมอย่าง “วิถีชีวิต” ที่ไม่มีใครเลือกแทนเราได้

เธอเคยบอกฉันว่า ถ้าหากโกรธกันแรงๆแล้วยังไม่ยอมสงบ วงของการพิพาทมันจะใหญ่ขึ้น สู้เงียบๆไป แล้วค่อยคิดทบทวน ความโกรธนั้นอาจสลายได้ง่ายกว่า แต่สำหรับคนบางประเภท โดยเฉพาะคนที่เถียงทุกอย่างแบบหัวชนฝา อย่างฉันแล้ว การไม่มีคำตอบ หรือคำตอบคือความเงียบ มันชวนให้ฉันอึดอัดใจมากขึ้นต่างหาก

จริงๆแล้ว ถ้ามองอย่างไม่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาล เราทุกคนก็คงมีสิทธิ์ที่จะทำอย่างไร คิดอย่างไรก็ได้ไม่ใช่หรือ การที่เธอแสดงความเป็นตัวของตัวเองอย่างที่เธอทำ กับการที่ฉันเองยืนยันว่าจะไม่อยู่ในอาณาบริเวณเดียวกับเธอ ก็ไม่ได้แปลว่าฉันจะหลุดออกจากวงโคจรของเธอเสียเมื่อไหร่

ชีวิตคู่ของเราอาจมีช่องว่างบ้างนะ ฉันอยากทำในสิ่งที่ฉันอยากทำ ขณะที่เธอเองก็ได้ทำในสิ่งที่ปรารถนา ฉันเลือกที่จะปฏิบัติต่อเหตุการณ์บางอย่างในแบบของฉัน มันคงไม่เลวร้ายเกินไปหรอก หากว่าบางทีฉันจะไม่ทำแบบเดียวกับเธอ ฉันรู้สึกว่าถ้าเราได้ทำในแบบที่เราอยากทำโดยปราศจากการชี้นำหรือบังคับของใคร ตัวของเราจะเบาสบายขึ้นมากทีเดียว

ในเมื่อไม่มีอะไรที่คนสองคนจะเหมือนกันได้โดยสมบูรณ์แบบ และเพราะเรามาจากคนละที่ คนละวิถีทาง หากอยากจะเดินไปด้วยกันไกลๆ คงต้องอาศัยความเข้าใจอีกมาก เหมือนที่ฉันเองก็ต้องเข้าใจในวิถีแห่งเธอ และเธอก็ต้องทำความเข้าใจในวิถีทางแห่งฉัน เราอาจเหมือนหรือต่างกันในบางเรื่อง ต่างเพื่อเรียนรู้ในวิถีแห่งเรา

เธอนั่งอยู่ตรงนั้น ส่วนฉันนั่งอยู่ตรงนี้ เรายิ้มให้กัน ในมือฉันมีหนังสือ ส่วนในมือเธอมีหนังสือเหมือนกัน และเป็นอย่างที่รู้กัน

ไม่มีใครพูดอะไร




 

Create Date : 27 กันยายน 2552    
Last Update : 27 กันยายน 2552 13:05:55 น.
Counter : 436 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  138  139  140  141  142  143  144  145  146  147  148  149  150  151  152  153  154  155  156  157  158  159  160  161  162  163  164  165  166  167  168  169  170  171  172  173  174  175  176  177  178  

bewae1001
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




***************
// อย่ารอให้ป่วยก่อนแล้วจึงคิดนะคะ

นวภัทร ( บี )
นักเขียนอิสระ และ ที่ปรึกษาแผนประกันชีวิตและการเงิน
โทรศัพท์มือถือ 089-1459977

ความรู้อื่นๆ :
ผ่านการอบรม basic skilsl in counselling psychology กับอาจารย์พงศ์ปกรณ์ พิชิตฉัตรธนา @ ชมรมจิตวิทยาสมาธิ

ขอฝากเว็บไซต์ของอาจารย์พงศ์ปกรณ์ค่ะ http://www.medihealing.com

EMail ของผู้เขียน : Mybusy2004@yahoo.com
Facebook ของผู้เขียน : Parawee Nasaree

สำนักพิมพ์สะพานจัดพิมพ์นิยายหญิงรักหญิงของฉัน ( ดวงดาวดอกไม้ 2 เล่มจบ และนิยายขนาดสั้น ดอกไม้กับดอกไม้ ( ปกหนังสือด้านบน ) สั่งซื้อได้ที่นี่ค่ะ คลิกเลย!!

จำนวนบล็อก ณ ขณะนี้ 1147 บล็อกค่ะ
เริ่มเขียน 6 กันยายน 2548 บล็อกเก่าๆค้นได้จากกรุ๊ปบล็อกผู้หญิงสีรุ้งปี 53 นะคะ

ยินดีแบ่งปันความรู้และสิ่งที่มีประโยชน์ผ่านข้อเขียนในบล็อกนี้ และหากต้องการนำไปใช้ต่อหรือลงเผยแพร่้ในที่ใดก็ตาม กรุณาแจ้งก่อนนำไปใช้ที่ email ด้านบน ขอบคุณค่ะ





Parawee Nasaree

Create Your Badge

New Comments
Friends' blogs
[Add bewae1001's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.