images by free.in.th images by free.in.th
Group Blog
 
All blogs
 

โทรศัพท์ฟันหลอของสาวโลว์เทค

หลายวันก่อนโทรศัพท์ที่ใช้มาหลายปี ร่วงหลุดจากมือลงพื้น
จนทำให้ปุ่มกดรับเข้าโทรออก ซึ่งเป็นปุ่มที่ใช้มากที่สุดหลุดออกจาก
ตัวเครื่อง

หาปุ่มที่ว่านี้ไม่เจอค่ะ แต่ว่าก็ยังสามารถใช้งานได้ เลยใช้มันต่อไป
แต่มันก็กลายเป็นโทรศัพท์ฟันหลอ น่าเกลียดพิลึก

โทรศัพท์เครื่องนี้อยู่กับฉันมาหลายปี เป็น sony ericson รุ่น K750i
ตลอดเวลาที่ใช้งาน เจ้าดำตัวนี้หล่นมาหลายสิบหนแล้วค่ะ ทุกทีที่หล่น
จะไม่เกิดอาการรวนใดๆเลย มันยังคงทรหด บึกบึน ใช้งานดี๊ ดี จนฉันนึกทึ่งเลยเชียวแหละ

คุณสังเกตสิคะ สมัยนี้อุปกรณ์อีเล็คทรอนิคส์พวกนี้ ราคาไม่แพง เราซื่อได้ง่าย แต่อายุการใช้งานของมันนั้น สั้นยิ่งนัก เขาถึงบอกกันว่า
ของสมัยใหม่ม้นสวยก็จริงแต่มันบอบบาง

ไหนเลยจะถึก จะบึกบึนเท่ากับของสมัยก่อนๆ

ที่บ้านฉันเคยมีทีวียี่ห้อ daewoo ( เหมือนยี่ห้อรถที่เคยเข้าทำตลาด
ในเมืองไทย ) ประหลาดดีไหมคะ จำได้ว่า พี่ชายฉันภูมิใจกับมันมาก
เพราะตอนที่ซื้อนั้น ได้จอใหญ่เบ้อเร่อแต่ราคาถูกกว่ายี่ห้อดังๆอีก
หลายยี่ห้อนะเออ

ถูกไม่พอ มันยังทน สิบห้าปีเห็นจะได้ที่มันอยู่กับเรา ในสิบห้าปียกออกไปซ่อมสองหนเท่านั้นเอง จากนั้นเมื่อรวนหนที่สาม ระยะเวลาการใช้งานที่คุ้มค่าแล้ว มันจึงถูกยกให้คนอื่นไปใช้งานต่อ ( ก็คือบริจาคไปนั่นเองค่ะ )

กลับมาที่มือถือตัวนี้ จัดว่าเป็นของรักของหวงของฉันเลยทีเดียวค่ะ
ตลอดเวลาที่ใช้งาน หล่นเป็นสิบๆครั้ง มีร่องรอยรอบเครื่อง สติ๊กเกอร์หลุดบ้าง อะไรบ้าง แต่การถือโทรศัพท์เยินๆเครื่องนี้ก็ไม่เป็นที่รังแครังคัดของฉันเลย แม้ใครจะมองว่า แหม เชยชะมัด ขนาดลูกน้องฉันบางคน ยังมี apple 3 G ใช้ บางคนก็ไปถอยรุ่น touchscreen เดิ้นๆมา ขณะที่หัวหน้ายังใช้เครื่องดำ K 750 เยิน นี้อยู่เลย

ฮ่าๆ เอากะ she สิ she โลว์เทคน่ะค่ะ

ฉันไม่ค่อยให้ความสำคัญกับโทรศัพท์มือถือว่ามันจะเดิ้นยังไง ต้องสวยเนี๊ยบขนาดไหน เพราะสำหรับฉันแล้วมือถือมีค่าเพียง โทรศัพท์ ใช้เพื่อการรับสายเข้าและโทรออกเท่านั้น นี่อาจเป็นความเชยของฉัน
แต่มันก็เป็นตัวเรานี่คะ

ในชีวิตไม่นิยมซื้อโทรศัพท์แพงๆ เพราะมองว่ามันก็แค่นั้นค่ะ

ตอนต้นปีที่ผ่านมา ฉันไปซื้อโทรศัพท์ให้เป็นรางวัลพิเศษในงานปีใหม่ ได้ยินพนักงานในห้างคุยกันเอง ว่าเขาใช้รุ่นไหนอะไรยังไงกันบ้าง โอ้โฮ เขาใช้ของแพงกว่าเราอีกนะ นี่ขนาดว่าเรามีเงินที่จะซื้อ
รุ่นแพงๆเหล่านั้นได้แต่เรายังไม่คิดว่ามันจำเป็น เรายังยินดีใช้รุ่นเก่าๆ
เยินๆ เพราะเราให้ค่าของมันแค่เป็นของใช้ที่ต้องมีไว้เพือความจำเป็น
ไม่ใช่เพื่ออวดอ้าง หรือเพื่อแสดงหน้าตา

หลายอย่างในชีวิตนี้ที่เราไปให้ค่ากับมันมาก แล้วมันทำให้เราเป็นสุข
จริงไหม น่าคิดนะคะ หากว่าเราต้องซื้อทุกอย่างมาประดับหน้าตา
ทั้งนี้สตางค์ในกระเป๋าของเราไม่ได้เป็นใจด้วยสักนิด แต่เพื่อให้ทัดเทียมกับคนอื่นเขา เราต้องจำยอมทำทุกอย่างเพื่อให้เรามี 'ตัวตน'
ขึ้นมาได้

โทรศัพท์มือถือก็อาจจะเหมือนกับ เสื้อผ้า ทีวี ตู้เย็น ยันไปจนกระทั่งรถยนต์ วัตถุเหล่านี้หากนักการตลาดไม่ปรุงแต่งให้เกิดคุณลักษณะด้านอื่นๆ ( นอกเหนือจากว่ามีไว้เพื่อให้ชีวิตอยู่รอด เฉกเช่นปัจจัยสี่ ) มันก็คงเป็นแค่ของใช้จำเป็น ที่เรามีไว้เพื่อใช้ก็พอแล้ว แต่เหตุผลทางการตลาดเป็นเรื่องของธุรกิจค่ะ เราจึงต้องเห็น ต้องรับรู้ ว่ามันมีอีกเหตุผลหนึ่งที่เราต้องยอมจ่ายแพง

เช่น เบนซ์ คือศักดิ์ศรีของคนมีเงิน เป็นต้น ไงคะ
ทั้งที่ รถเบนซ์ มันก็คือ รถ

จึงไม่แปลก ที่ฉันจะเห็นน้องเงินเดือนหมื่นกว่าๆ รูดบัตรเครดิตซื้อโทรศัพท์เครื่องละเกือบสองหมื่น หรือเห็นน้องใช้มือถือ I Phone
ด้วยเหตุผลที่ว่า มันเท่ดีพี่

เพราะเขามีเหตุผลอื่น ที่จะใช้เพื่อครอบครองของเหล่านั้นไงคะ

เอาล่ะ ไม่ว่ากันนะคะ ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะหาที่ยืนของตัวเอง พร้อมกับหาบางสิ่งบางอย่างที่จะส่งเสริมตัวตนของเขาให้เด่นขึ้นมา ฉันคิดว่าการที่คนเรายังต้องหาในบางสิ่งเหล่านี้ มันก็คงเพราะเขาไม่รู้สึกว่าเขาเต็ม
หรือเขาพอ

แต่หากว่าเขามีปัญหาทำ ไม่ได้เดือดร้อนใคร ก็คงไปว่ากันไม่ได้นะคะ

ส่วนตัวฉัน ขอพอเพียงและเป็นยายเชยต่อไป เพราะแก่แล้ว วิ่งตาม
เทคโนโลยีไม่ทันหรอก

แค่วิ่งก็เหนื่อยหอบแล้วค่ะคุณ 555 !!!




 

Create Date : 25 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 25 กรกฎาคม 2552 15:14:55 น.
Counter : 450 Pageviews.  

เล่าเรื่อยเรื่อย เหนื่อยก็หยุด

สัปดาห์นี้วุ่นวายสำหรับฉันค่ะ เลยไม่ได้เขียนอะไรสักอย่าง

เอาล่ะ ตั้งหลักนะคะ เห็นบล็อกที่แล้ว ซึ่งฉันไม่ได้ตั้งใจจะเขียนใน
ประเด็นไหนเลย เพียงแค่อึ้งๆๆๆ กับบางเรื่องเลยเกิดอาการประมาณ
ไปไม่เป็น

เอาล่ะ ผ่านไปแล้ว

บล็อกที่แล้วมีคุณคนหนึ่งเข้ามาเล่าเรื่องรักและความเจ็บปวด
อืมม ความเป็นจริงของชีวิตค่ะ ทุกคนต้องเคยเจอ ทุกคนต้องเคย
ผ่าน แต่ฉันก็เชื่อว่า ไม่มีใครที่จะล้มลงแล้วลุกขึ้นไม่ได้เพราะเรื่องนี้
ฉันเคยเชื่อมาตลอดว่า ถ้าใจเราไม่ยอม เราก็จะไม่ยอม
ใจเราใหญ่มากนะคะ ขอให้คุณเชือ หากคุณบอกตัวเองว่าคุณจะรอด
คุณก็จะรอดจริงๆ เว้นเสียแต่คุณจะยอม ยอมให้ความทุกข์ ความเจ็บปวดนั้นมารังแกคุณ

เอาความนับถือตัวเองกลับมา ความรักที่สูญเสียไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต
ยังมีอย่างอื่นอีก คุณยังรักใครได้อีก และที่สำคัญก็คือ คุณต้องรักตัวเองให้มากกว่านี้อีก แล้วคุณจะผ่านมันได้

หากไม่เชื่อว่าจะผ่านได้ คุณก็แพ้ตั้งแต่ยังไม่ทันจะก้าวแล้ว
หากอยากจะหายจากความเจ็บปวด คุณก็ต้องกัดฟันสู้มัน

ความรักไม่ใช่สิ่งเลวร้ายนะคะ และคนทีทำให้คุณเจ็บปวดก็ใช่ว่าเขาจะ
เป็นคนไม่ดี เขาอาจมีเหตุผลของเขา เขาอาจจะไม่ใช่คู่ของเราจริงๆ
ก็ได้นี่คะ การผ่านมาพบกันและรักกันในช่วงหนึ่งของชีวิตคือความสวยงามและเราโชคดีแล้วที่เราได้รู้จักกับความรู้สึกแบบนี้

คนที่ไม่เคยรักใครนี่สิ น่าสงสารกว่ามาก

ขอให้คุณเข้มแข็งเข้าไว้นะคะ เชื่อฉันเถอะค่ะ เมื่อใครสักคนต้องเอ่ยว่าเราเลิกกันเถอะ ใช่ว่าคนๆนั้นจะไม่เจ็บปวด และอย่าได้สนใจว่าใครจะเจ็บปวดกว่ากันเลย เพราะไม่มีใครที่จะหลีกเลี่ยงการสูญเสียได้ ไม่ว่าคนๆนั้นจะเกิดมาร่ำรวย ใช้เงินทองซื้อทุกอย่างได้ก็ตาม

จบไปเรื่องหนึ่ง

สัปดาห์ที่ผ่านมา ฉันได้ไปดูคอนเสิร์ตที่ต้องบันทึกไว้ว่าเป็นคอนเสิร์ตที่ดีมากครั้งหนึ่งเลยค่ะ นั่นคือ what woman worth เพราะโลกนี้ผู้หญิงมีค่า ที่ขนเอานักร้องประเภท 'หาดูยาก' จริงๆนะคะ มาร้องเพลงที่หาฟังยากๆอีกนั่นแหละ

เคยเห็น รัดเกล้า อามระดิษ เต้นทั้งๆที่เธออยู่ในชุดราตรีหรูไหมคะ ก็เห็นในงานนี้แหละ ไหนจะยังได้ฟังเพลงเพราะๆจาก อุ๊ หฤทัย
สุกัญญา มิเกล เคยเห้นหญฺงห้าวสองคนนี้ร้องเพลงด้วยกันในเวทีไหนบ้างไหม ไม่มีนะคะ ได้เจอในงานนี้แหละ แล้วไหนจะยังมี โรส อีก
โรสนี่ ฉันเคยทำงานกับแกนะคะ หลายๆปีที่ผ่านมารู้สึกว่า น้องจะพัฒนาไปมาก โดยเฉพาะมุขที่แพรวพราวขึ้น ขณะอยู่บนเวที

โรส ศิรินทิพย์ จะไม่ยอมห่างกีตาร์เลยไม่ว่าไปร้องเพลงในเวทีไหน
แต่เดี๋ยวนี้ ทั้งมั่นขึ้น สวยขึ้น แล้วก็แพรวพราวขึ้น

ฉันว่าคอนเสิร์ตนี้หาดูยากยิ่งกว่าแพนด้าน้อยโขเลย เปิดทีวีเจอแพนด้าน้อยแทบทุกวัน แต่การได้ฟังเพลงเพราะๆจากนักร้องหญิงคุณภาพเจ็ดแปดคนบนเวทีเดียวกัน ไม่ง่ายแบบนั้นค่ะ

ขอบคุณเพื่อนผู้น่ารักที่ FM 103.5 ที่อนุเคราะห์บัตรมาให้ ทำให้ได้สวมหน้ากากอนามัยดูคอนเสิร์ตด้วย

โอ้ พระเจ้า ! นึกว่ากำลังนั่งอยู่ท่ามกลางคุณหมอเสียอีก 555

อีกเรื่องนะคะ

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ประสบอุบ้ติเหตุรถชนที่แยกคลองเตย รถมอเตอร์ไซค์มาชนท้ายน้องแดงของฉันจนกันชนฉีก ยุบ ขาด ครูด ถลอก
ในรอบสองสามปีที่ฉันไม่เคยเจออุบัติเหตุชนิดมีคู่กรณีจังๆ แบบนี้เลย
ก็มาเจอเอาเช้าวันพุธที่ผ่านมานั่นเอง

เคราะห์ดี ที่เราไม่ได้ประมาทหรือทำผิดกฏจราจร แต่สงสารน้อง
มอไซค์คู่กรณี ท่าทางแกก็ไม่ได้เป็นคนไม่ดีนะคะ พูดจาดี ยกมือไหว้ขอโทษแล้วขอโทษอีก

นาทีที่ได้ยินเสียงชนนั้น ก็ไม่ได้ตกใจอะไรค่ะ คิดว่าอย่าให้เจอคู่กรณีแบบแย่ๆเลย เพราะไม่อย่างนั้นคงได้ขึ้นโรงพักแน่ แล้วจะยิ่งเสียเวลาไปกันใหญ่

โชคดีด้วยที่น้องเขาไม่เป็นอะไรมาก ไม่ได้ขาหัก แขนหัก แต่รถของเขาก็เสียหาย ปกติ มอเตอร์ไซค์เขาจะไม่ค่อยทำประกันเผื่อกรณีที่รถชนกันเหมือนที่เราทำ เขาน่าจะมีเพียง พรบ บุคคลที่สามตามกฏหมายบังคับ แต่กับกรณีนี้ ไม่มีใครเป็นอะไร ฉันบอกเขาว่า คงต้องเรียกประกันมาจัดการ เพราะเรามีประกันชั้นหนึ่งอยู่ น้องเขาก็ขอว่า ให้ช่วยเขาด้วย เขาคงรู้ว่า กรณีนี้ตัวเขาเองต้องชดใช้แน่ๆ เพราะสภาพตอนที่ชนนั้น เสียหายเยอะอยู่ค่ะ ฉันคะเนด้วยสายตาว่าต้องเปลี่ยนกันชนท้ายทั้งอันแน แล้วก็จริงๆด้วย

พอประกันมา ก็เปิดฉากเจรจาเลย ประกันก็เรียกร้องเงินจากคู่กรณีทันที งานนี้น้องเขายอมรับผิดโดยดี เพราะเขาเข้ามาชนเต็มๆค่ะ ก็เพิ่งเห็นนี่แหละว่าเขาเรียกค่าเสียหายแล้วจ่ายกันตรงนั้นได้เลย ตกลงกันไปมา น้องเขาต้องชดใช้ราวสามพันบาท นับว่าเยอะสำหรับคนทำงานระดับนี้นะคะ ใจเราก็สงสารเขาแหละ แต่เราก็ต้องว่ากันไปตามผิด จะไม่เอาเรื่องก็ไม่ได้ค่ะ เพราะรถเราเสียหายไม่น้อย

สามพันบาทสำหรับคนทำงานระดับล่างๆที่เงินเดือนหมื่นต้นๆ ไม่ใช่เงินน้อยๆนะคะ มันอาจจะใช้เพื่อกินได้ตั้งครึ่งเดือนหรือสิบวันเชียว

นี่คือราคาที่เราต้องจ่ายให้กับความประมาทใช่ไหมคะ

หากถอยหลังไปแค่เสี้ยววินาที หากเขาไม่ก้มมองว่าเบรคหลังของเขาหายไปไหน เขาก็คงเบรคทันหรืออย่างน้อยก็ชะลอ จนไม่ถึงจังหวะที่มันจะชน หากเขาช้ากว่านี้ หากเขา หรือ หากฉัน ช้ากว่านี้ ฯลฯ

เขาถึงว่าว่าอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ห้ามกันไม่ได้จริงๆ

ระวังกันด้วยนะคะ รู้ซึ้งจริงๆเมื่อเจอกรณีนี้ อย่าประมาท อย่าขาดสติไม่ว่าจะทำอะไร แล้วเราจะไม่ต้องมาคิดเสียดายทีหลังเลย

ฉันบอกน้องเขาว่า ไม่เป็นไรหรอก ถือเสียว่ามันถึงคราวที่ต้องเจอ
ต่อไปก็ให้ระวัง

ตอนนี้น้องแดงอยู่ในอู่ สามสี่วันแล้วที่เอาไปทิ้งไว้ พอไม่มีรถใช้ คราวนี้ก็รู้ซึ้งถึงความสำคัญของมัน เหมือนขาหายไปอย่างไรอย่างนั้นค่ะ
จะไปไหนทีก็ต้องคิดแล้วว่าจะขึ้นจากตรงไหน ไปอย่างไร

ฉันคิดเล่นๆว่าสำหรับคนกรุงเทพ รถยนต์นั้นเปรีบเสมือนขา ส่วนโทรศัพท์มือถือ ราวกับแขนก็ไม่ปาน ขาดไปสักอย่าง ก็แทบจะทำอะไรไม่ได้แล้ว

คนสมัยก่อนไม่เห็นจะยุ่งยากอย่างนี้เลย นี่ล่ะน้า เทคโนโลยีทำให้คนสบายจนเคยตัว จนลืมไปว่า เมื่อก่อนเราก็ไม่มีแต่เราก็อยู่มาได้
เฮ่อ ...

จังซี่มันต้องถอน หรือเปล่าคะเนี่ย ... คุณ !!!!




 

Create Date : 25 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 25 กรกฎาคม 2552 15:13:35 น.
Counter : 423 Pageviews.  

....

ความสุขของคนเราไม่เหมือนกัน

ใช่ไหมคะคุณ ?

ถ้าความสุขของคุณกับคนอื่นไม่เหมือนกัน
คุณจะไปตัดสินเขาไหม ว่าสิ่งที่เขาทำไม่ถูกต้อง

หากคุณบอกกับตัวเองได้ว่า
นี่คือความสุขของคุณ คุณมีจุดยืนของตัวเอง
และไม่ทำให้ใครเดือดร้อน

คุณจะเลือกทำในสิ่งที่คุณมีความสุขนั้นต่อไปไหม

ฉันคิดว่าเราน่าจะมีคำตอบให้ตัวเองได้

ใช่ไหมคะ ?




 

Create Date : 18 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 18 กรกฎาคม 2552 18:44:14 น.
Counter : 491 Pageviews.  

เหตุเกิดในโรงอาหาร !!

เมื่อวานไปตลาดนัดจุฬามาค่ะ มีของขายมากมายให้ซื้อกันสนุกเลยล่ะ
เมื่อเช้าก็แวะไปตลาดสวนหลวงอีก คราวนี้หนักกว่าเก่าเพราะแม่ค้า
ก็มาก คนซื้อก็มาก

เดินตลาดติดกันสองวันเลยค่ะ นี่ถ้าช่างซื้อมากๆ คงกระเป๋าฉีก
แต่ยั้งๆไว้ เอาแต่ของชอบๆและคาดว่าจะกินหมดมาเท่านั้น

ตลาดนัดในกรุงเทพ มักจะวนเวียนไปตามตึกต่างๆ
บ้างก็ในมหาวิทยาลัยอย่างนี้แหละค่ะ ก่อนหน้านี้เคยทำงานใกล้ๆ
มศว ประสานมิตร ก็มีตลาดนัดใน มศว ให้เดินเพลินๆทุกวันพุธ

ของในตลาดนัดคล้ายๆกันแทบทุกตลาด บางทีเจ้าเดียวกัน
ก็วนขายไปทุกตลาด

แต่สิ่งที่จะพูดไม่ได้อยู่ในตลาดค่ะ แต่อยู่ในโรงอาหารของมหาวิทยาลัยต่างหากล่ะ

จำได้ไหมคะ ว่าบรรยากาศโรงอาหารในมหาวิทยาลัยเป็นอย่างไร
จบมาหลายสิบปี จะจำอะไรได้บ้างไหม

เมื่อวานในโรงอาหารคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ฉันกับน้องสามคนต่อแถวกันซื้อก๋วยเตี๋ยวที่ว่ากันว่าต้องใช้ความอดทนสูงในการรอ น้องบอกว่า เขาเรียก ร้านก๋วยเตี๋ยวอดทน น่ะค่ะ ร้านนี้

อาหารในโรงอาหาร ราคาจะไม่แพงเท่าข้างนอก หรือถึงจะเท่า
แต่ปริมาณก็มากกว่าเห็นๆ ที่ดียิ่งกว่านั้น คือแม่ค้าในโรงอาหารของ
มหาวิทยาลัยจะกันเองกว่า โดยเฉพาะกับเหล่านิสิต นักศึกษา
บางเจ้าขายสิบทอดกันมาหลายรุ่นแล้วด้วยซ้ำ

โรงอาหารคณะรัฐศาสตร์ ก็มีบรรยากาศเช่นนั้น นักศึกษาเดินวนเวียนเข้าออกไม่ขาดสาย โรงอาหารเวลากลางวันคับแคบลงไป แต่รอยยิ้มท่ามกลางความหิวและกลิ่นหอมของอาหารก็เจือด้วยไมตรีระหว่างคนซื้อกับคนขาย

น้องนักศึกษาคนหนึ่งที่ต่อคิวร้านตามสั่งก่อนหน้าฉันกระซิบบอกว่า พี่ๆ
ร้านนี้เขาใจดี มีลดราคาให้ด้วยนะ หลังจากที่แกได้ข้าวไข่เจียวหอมกรุ่นมาอยู่ในมือแล้ว

บทสนทนาของแกกับพ่อค้ามีว่าอย่างนี้ค่ะ

พ่อค้า น้อง ข้าวไข่เจียวได้แล้ว
นักศึกษา เท่าไหร่อ่ะพี่
พ่อค้า 25 บาท
นักศึกษาแบมือออกนับเศษเหรียญที่เรียงกันอยู่บนฝ่ามือ
ขาดไปสองบาทอ่ะพี่ ยี่สิบสามบาทได้ป่ะ
พ่อค้า อือ ได้

ใจดีจริงๆค่ะ

นักศึกษาใช้เวลาเรียนสี่ปีในการศึกษา ไม่ใช่เวลาที่น้อยเลย สี่ปีที่เดิน
เข้าออกโรงอาหาร สี่ปีที่โต๊ะในโรงอาหารไม่ได้ทำหน้าที่แค่มีไว้ทานข้าว แต่ยังเป็นที่ที่มีไว้ติวก่อนสอบ เอาไว้เมาท์กัน เอาไว้นั่งรอกัน

คุณจะหาอะไรในโรงอาหาร ฉันก็ว่าได้ทั้งนั้น
หนำซ้ำบางทียังเป็นสถานที่ที่ทำให้คนมาเจอกันแล้วก็รักกันอีกด้วยนะคะ

...

นิดนึง

ก๋วยเตี๋ยวอดทนที่โรงอาหารคณะรัฐศาสตร์ก็อร่อยจริงๆนะคะ หนำซ้ำ
ยังเป็นก๋วยเตี๋ยวที่สั่งอะไรได้อย่างนั้น มีที่ไหน บะหมี่ปู ใส่ปูมาเยอะแยะ พ่วงด้วยเป็ดย่าง หมูแดง เกี๊ยวกรอบ ปลาหมึกระเบิด ปลาทอดอีกชิ้นหนึ่ง ทั้งหมดนี้หาไม่ได้จากก๋วยเตี๋ยวตามร้านใหญ่ๆ

กินซะขนาดนี้ ให้ชามละ 50 บาทยังยอมจ่าย

ปิดท้ายด้วยน้ำส้มแก้วละ 5 บาท ราคาแบบนี้มีที่ไหน

ก็มีที่โรงอาหารในมหาวิทยาลัยเท่านั้นค่ะ พ้นประตูมหาวิทยาลัยออกมา คุณก็ต้องจ่ายในราคาคนทำงานแล้วนะ

อยากกลับไปเป็นนักศึกษาอีกจังเลย อิอิ !!!!




 

Create Date : 18 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 18 กรกฎาคม 2552 18:36:59 น.
Counter : 446 Pageviews.  

ห ลุ ม ดำ และ สั ญ ช า ต ญ า ณ ข อ งการเอาตัวรอด

เมื่อดาวค้างฟ้า จินตหรา สุขพัฒน์ ให้สัมภาษณ์นิตยสาร woman and home ด้วยคำถามที่ว่า ในวัย 44 คุณใช้ชีวิตโสดอย่างไรให้มีความสุข?

ไม่น่าเชื่อว่า จินตหรา สุขพัฒน์อายุ 44 แล้วเหรอเนี่ย
ฉันยังจำเธอขณะเล่นหนัง 'บุญชู' ได้อย่างถนัดตา

คำตอบของเธอมีว่าอย่างนี้ค่ะ

ถ้าไม่มีใคร สิ่งสำคัญคือเราจะต้องดูแลตัวเองให้ได้ เพื่อที่จะดูแลคนหลายๆคนถ้ามัวแต่คิดว่า ตายแล้วถ้าฉันอยากได้กำลังใจจากใครสักคน เราจะแย่ จะหดหู่ ก่อนอื่นต้องรู้จักตัวเองก่อนว่า อะไรที่ทำให้เรามีความสุข และพึ่งพาตัวเองให้ได้ บางคนบอกว่าอยากได้กำลังใจจากคนนั้นคนนี้ ไมได้ เราต้องเป็นคนสร้างกำลังใจให้กับตัวเราเอง ผู้หญิงบางคนไปดูหนังคนเดียวไม่เป็น กินข้าวคนเดียว ช็อปปิ้งคนเดียวไม่ได้แต่สำหรับแหม่มไม่มีปัญหา จะทำอะไรก็ได้ ไปต่างจังหวัดนอนโรงแรมคนเดียวก็ทำได้เพราะว่าเรามีตัวเราเองเป็นเพื่อน วันหยุดเสาร์อาทิตย์ถ้าว่างไปเรียนทำอาหาร เรียนถ่ายรูป ยังมีอะไรให้ทำในชีวิตอีกเยอะ และอายุก็ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับการเริ่มทำอะไรใหม่ๆ

จากคำตอบของเธอ คุณพอจะเห็นอะไรบ้างไหมคะ ?

ฉันจะบอกว่า สิ่งที่เธอบอกนั่นน่ะ เรื่องจริงนะคะ ลองคิดดูว่าวัยขนาดนี้แล้ว ตกผลึกเรื่องชีวิตแล้วทำไมเธอจึงถ่องแท้เรื่องการใช้ชีวิตโดยเน้นคำว่าพึ่งพาตัวเอง ก็ในเมื่อหาดีๆไม่ได้ การอยู่คนเดียวให้มีความสุขจึงเป็นเรื่องที่ควรทำอย่างยิ่งค่ะ

ฉันคิดว่า ผู้หญิงทุกคนควรจะรู้จักรักและหวงความสุขของตัวเอง ตลอดจนดูแลตัวเองให้ได้ดีในทุกเรื่อง

ถ้าจินตหรา สุขพัฒน์ มีชีวิตแต่งงาน ไม่ได้เป็นโสดอย่างทุกวันนี้ คำตอบของเธอจะเป็นอย่างนี้หรือเปล่า ฉันก็ไม่แน่ใจ แต่ในเมื่อจินตหราก็เป็นเหมือนผู้หญิงโสดอีกตั้งเยอะบนโลกใบนี้ และผู้หญิงโสดจำนวนมากก็คิดเช่นเดียวกับจินตหรา เราจึงเห็นว่ามีผู้หญิงตั้งเยอะแยะที่ดูแลตัวเองได้ดีและประสบความสำเร็จในการงานด้วย

แต่ในขณะเดียวกัน มีผู้หญิงอีกจำนวนไม่น้อยที่อ่อนไหวกับเรื่องความรัก และต้องตกม้าตายเพราะเรื่องนี้ บางคนอาจลุกขึ้นได้เอง แต่ก็มีไม่น้อยที่กว่าจะตะกายขึ้นจากหุบเหวได้ก็แทบปางตาย

แต่เราสามารถจะช่วยตัวเองได้ ด้วยการรักตัวเอง และอย่างที่แหม่ม จินตหราบอก คือ เรามีตัวเองเป็นเพื่อน เราต้องให้กำลังใจตัวเองในการทำอะไรๆได้ จินตหราใช้คำว่า พึ่งพาตัวเองได้นะคะ โปรดสังเกต

ตัวเราเองนี่แหละสำคัญที่สุด !!!!

อยากจะบอกว่าคนเราทุกคนเกิดมาพร้อมกับสัญชาตญาณของการเอาชีวิตรอด เวลาหิวเราก็ต้องหาอะไรใส่ท้อง เวลากลัวเราก็ต้องหาที่พึ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจ ดังนั้นเวลาที่เราปางตายจากเรื่องรักหากสัญชาตญาณของการมีชีวิตรอดของเรายังดีอยู่ เราจะไม่จมนานค่ะ

แต่.. ช้าก่อน

คุณอาจจะเถียงฉันว่า ไม่จริงหรอก คนบางคนก็ยังไม่ยอมลุกขึ้น ยังปล่อยให้ความรักความหลังตามรังควาน จมอยู่กับอดีตที่หลอกหลอนจนตัวเองไร้ความสุข ปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยที่ไม่เกิดประโยชน์ต่อตัวเองเลย
อย่างน้อยฉันก็เคยเข้าข่ายนี้ และฉันก็เชื่อว่าคุณอาจจะเคยเป็นมาแล้วก็ได้

ทำไมจึงเป็นอย่างนั้น นั่นแปลว่าสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของคนๆนั้น
เสียศูนย์ไปแล้วหรืออย่างไร

ฉันคิดว่า เธอบางคนอาจจะลืมความรักที่ให้แก่ตัวเองไปค่ะ

ไม่มีใครพรากเอาความสุขไปจากเราได้นะคะคุณ อย่าลืมว่า จะสุขหรือทุกข์นั้น เราสามารถกำหนดได้เอง คนที่ทำให้ตัวเองทุกข์ทนหม่นหมอง ด้วยการขังตัวเองไว้กับความมืดมน หรือความล้มเหลว และความรักเน่าๆ
ที่พังไปแล้ว ไม่ยอมดึงตัวเองออกมา ยังคงยึดติดกับมัน ไม่มีทางจะพบความสุขได้เพราะคนๆนั้นไม่ยอมเปิดใจ

ฉันไม่เถียงว่า ระยะเวลาที่นานจะทำให้คนเราลืมอะไรได้ง่ายๆ บางคนมีอดีตที่ฝังใจเป็นสิบปี ครั้นจะให้มาลืมกันวันนี้ เดี๋ยวนี้ ใครก็ทำไม่ได้

จริงๆแล้วเราจำเป็นต้องลืมมันหรือคะ ไม่ค่ะ ไม่จำเป็น เพียงแค่เราต้องแยกแยะให้ออกว่าไหนคือความจริง (ปัจจุบัน) ไหนคือเรื่องเก่าที่ผ่านไปแล้ว (อดีต) เราจัดการกับอดีตได้ไหมคะ ไม่ได้ เพราะมันเลยไปแล้ว
ในเมื่อเราเรียกมันกลับมาไม่ได้ และความเป็นจริงคือตัวเรานี่แหละที่ต้องอยู่กับสิ่งที่เป็นปัจจุบัน แล้วเราเคยมองเห็นไหมว่าตัวเราเองบอบช้ำเกินไปแล้ว เราจะเปิดใจไหมว่า ข้างนอกยังมีสวยสวย ยังมีฟ้างาม ยังมีดอกไม้
ยังมีความหวัง ยังมีคนอื่นๆ ที่รอเราอยู่

ในฐานะที่ตกม้ามาแล้วหลายครั้ง พลาดกับความหวังมาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง แต่ฉันก็ไม่คิดว่าเราจะเริ่มต้นใหม่ไม่ได้ หากเราเริ่มกับคนอื่นยังไม่ได้ ( เพราะไม่ลืมเรื่องเก่าๆ ) อย่างน้อยก็ขอให้เริ่มรักและดูแลตัวเองให้ได้ก่อน

...

ฉันรู้สึกดีเสมอเมื่อได้เห็นหรือรับรู้ว่าคนๆหนึ่งสามารถตะกายจากหลุมดำกลับมายืนสง่าได้ดังเดิม โดยทิ้งอดีตไว้ข้างหลังและเดินไปข้างหน้า

เพราะนั่นหมายถึง ความรักตัวเองที่กำลังเพิ่มพูนขึ้น

ขอให้บล็อกนี้เป็นส่วนหนึ่งของกำลังใจแก่ผู้หญิงทุกคนนะคะ ฉันเชื่อว่า ไม่มีอะไรที่เราจะทำไม่ได้หากเราคิดจะทำอย่างจริงจัง

Cheer ka !!!!




 

Create Date : 16 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 16 กรกฎาคม 2552 23:04:02 น.
Counter : 441 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  138  139  140  141  142  143  144  145  146  147  148  149  150  151  152  153  154  155  156  157  158  159  160  161  162  163  164  165  166  167  168  169  170  171  172  173  174  175  176  177  178  

bewae1001
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




***************
// อย่ารอให้ป่วยก่อนแล้วจึงคิดนะคะ

นวภัทร ( บี )
นักเขียนอิสระ และ ที่ปรึกษาแผนประกันชีวิตและการเงิน
โทรศัพท์มือถือ 089-1459977

ความรู้อื่นๆ :
ผ่านการอบรม basic skilsl in counselling psychology กับอาจารย์พงศ์ปกรณ์ พิชิตฉัตรธนา @ ชมรมจิตวิทยาสมาธิ

ขอฝากเว็บไซต์ของอาจารย์พงศ์ปกรณ์ค่ะ http://www.medihealing.com

EMail ของผู้เขียน : Mybusy2004@yahoo.com
Facebook ของผู้เขียน : Parawee Nasaree

สำนักพิมพ์สะพานจัดพิมพ์นิยายหญิงรักหญิงของฉัน ( ดวงดาวดอกไม้ 2 เล่มจบ และนิยายขนาดสั้น ดอกไม้กับดอกไม้ ( ปกหนังสือด้านบน ) สั่งซื้อได้ที่นี่ค่ะ คลิกเลย!!

จำนวนบล็อก ณ ขณะนี้ 1147 บล็อกค่ะ
เริ่มเขียน 6 กันยายน 2548 บล็อกเก่าๆค้นได้จากกรุ๊ปบล็อกผู้หญิงสีรุ้งปี 53 นะคะ

ยินดีแบ่งปันความรู้และสิ่งที่มีประโยชน์ผ่านข้อเขียนในบล็อกนี้ และหากต้องการนำไปใช้ต่อหรือลงเผยแพร่้ในที่ใดก็ตาม กรุณาแจ้งก่อนนำไปใช้ที่ email ด้านบน ขอบคุณค่ะ





Parawee Nasaree

Create Your Badge

New Comments
Friends' blogs
[Add bewae1001's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.