images by free.in.th images by free.in.th
Group Blog
 
All blogs
 

ชีวิต ใ น บั้ น ป ล า ย ... แบบ ชายชาย และ หญิงหญิง ..

เมื่อวานมีโอกาสได้เข้าไปดูเว็บบอร์ดคอนโดแห่งหนึ่ง
อุ๊บ !! g(A)y space น่ะค่ะ

ขำๆดีค่ะมีกระทู้หนึ่งซึ่งเกย์หนุ่ม(ท่าทางจะหน้าตาดีและเป็นหมอ) เขียนข้อความอย่างเปิดเผยว่า เขาเป็นเกย์และอยู่ตึกนี้ นี้ นี้ อารมณ์ประมาณ หาเพื่อนพวกเดียวกัน

กระทู้ยาวเชียว ได้รับความสนใจจากเพื่อนพวกเดียวกันเยอะ น่ารักดีค่ะ

คุณคิดเหมือนฉันไหม ว่าประชากรเกย์และประชากรหญิงหญิง นี่นับวันจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สังเกตสิคะ รุ่นใหญ่ก็เยอะ รุ่นเด็กก็มาก

ที่น่าสนใจกว่าคึอ จำนวนประชากรที่มากขึ้นเหล่านี้ มันจะฟ้องว่า มีคนยินดีและเต็มใจจะเป็นโสดมากขึ้น ไม่ใช่เพราะไม่อยากแต่งงานหรือกลัวการแต่งงาน แต่มันโสดเพราะมันแต่งงานไม่ได้ เนื่องจากรักเพศเดียวกัน 555

หากจะมีการรายงานข่าวว่าทำไม คนสมัยนี้จึงนิยมครองตัวเป็นโสด
ควรจะระบุเหตุนี้เข้าไปด้วย แต่น่าสังเกตว่าไม่ค่อยจะระบุกันตรงๆนะคะ
ไม่รู้ว่า จะเป็นเพราะกลัวว่าจะเป็นการไปชี้นำ หรือ เพราะไม่อยากให้น้ำหนักกับเหตุผลนี้ก็ไม่ทราบ ทั้งที่มันก็คือความจริงส่วนหนึ่ง ( ที่
มักจะต้องแอบๆไว้ )

แต่ที่น่าสนใจสำหรับฉันและน่าคิดก็คือ เคยคิดกันไหมคะ ว่าแล้วหากพวกเราแก่ๆกันไป เราจะมีชีวิตอย่างไร

ในทางสังคม เราและกลุ่มคนที่เหมือนเรา ถูกมองว่าเราเป็นโสด
แต่ในทางพฤตินัย เราอาจจะไม่โสด เราสร้างครอบครัวได้เหมือนคนทั่วไป เพียงแต่มันไม่ได้รับการรับรองจากสังคม เพราะเป็นรูปแบบของครอบครัวที่อยู่นอกเหนือ pattern ปกติ

แน่นอนค่ะ มีลูกไม่ได้

คนปกติมักจะบอกว่า รีบแต่งงานให้ทันใช้จะได้มีลูกไว้เลี้ยงตอนแก่ ความเชื่อนี้ยังอยู่นะคะ เพียงแต่ในยุคนี้อาจจะน้อยลงแล้วแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่ามันยังมีความคาดหวังอย่างนั้นจากคนรุ่นก่อนๆ

อย่างฉัน อย่างคุณ ที่เป็นคนรักเพศเดียวกัน อาจจะมีคู่รักแต่เราก็มีลูกไม่ได้ เราจึงไปหวังอย่างนั้นไม่ได้ การครองคู่ของคู่รักเพศเดียวกันจึงไม่ขึ้นอยู่กับการมีลูกไว้ดูแลตอนแก่ เราต้องดูแลกันเอง

นี่ล่ะค่ะ น่าคิดไหมว่าแล้วแก่ๆไปเราจะอยู่อย่างไร

ที่จริงมันก็ดีที่ว่าเราจะไม่มีห่วง (ลูก) ให้ต้องกังวล แต่หากคิดไปอีกที
การมีลูกก็ให้ความรู้สึกอีกแบบที่เราหาไม่ได้ แต่ในเมื่อไม่มี คนสองคนก็คงต้องหาแนวทางให้ตัวเอง ให้แก่อย่างมีคุณภาพ

ฉันเคยพูดกับเพื่อนว่า แก่ๆไปสักหน่อยเราน่าจะไปปลูกบ้านอยู่ใกล้ๆกัน จะได้ดูแลกันได้ เพราะถึงยามชราขนาดนั้นแล้ว แฟนเราอาจจะไม่อยู่แล้วก็ได้ ฉันก็ไม่อยากแก่ตายอย่างเดียวดายเหมือนกันแหละ (ฮา)

เพื่อนเคยบอกไปไกลกว่านั้นว่า มันน่าจะมี community ที่พวกเราหญิงรักหญิงอยู่ร่วมกัน เพื่อช่วยเหลือกัน เพื่อให้ความอบอุ่นแก่กัน มันอาจจะคล้ายๆชุมชนทางศาสนาบางแห่งที่เข้มแข็งแบบนั้น สมัยนี้ยังมีผับหญิงหญิงให้ไปสนุกกันได้ตั้งหลายแห่ง น่าจะมีใครคิดสร้างคอนโด
เกย์ชาย หรือคอนโดเกย์หญิงมั่งนะคะ 55

เอ๊า ถ้ามีจริงก็จะไปซื้อค่ะ

นึกภาพตัวเองยามชราในยามนี้ก็ยังนึกไม่ออก คงมีจะแก่โดยมีแมวอวบอยู่ด้วย ส่วนคนข้างกายนั้นไม่รู้ค่ะ จะเปลี่ยนใจหนีไปแก่ที่ไหนหรือจะอยู่กันไปเรื่อยๆจนกว่าจะตายจากกันก็ไม่สามารถรู้ได้ ก็ไม่มีใครรู้อนาคตได้นี่คะ จริงไหม

แต่ที่แน่ๆ ฉันว่าเราควรใช้ชีวิตให้มีความสุขตั้งแต่นาทีนี้ ไม่ว่าจะเป็นหญิงรักหญิง หรือชายรักชาย นอกจากนั้นก็เตรียมปัจจัยทุกอย่างเอาไว้บ้างเพื่ออนาคตยามชราภาพ แล้วก็แก่อย่างมีความสุขไปเรื่อยๆจนกว่าจะลาโลก

เมื่อวันนั้นมาถึง เราก็ใช้ชีวิตมาอย่างคุ้มแล้วล่ะ ถึงจะตายก็ไม่ต้องมาเสียดายลมหายใจ

ว่าอย่างนั้นไหมคะคุณ ??




 

Create Date : 09 กุมภาพันธ์ 2552    
Last Update : 9 กุมภาพันธ์ 2552 8:47:07 น.
Counter : 497 Pageviews.  

For the good time เธอจ๋า.. ช่วงเวลาดีๆไม่ได้อยู่กับเรานาน...

เธอจ๋า

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันที่ผันผ่าน
ไม่ว่าความรักของฉันกับเธอจะเป็นไปอย่างไร

เราก็ไม่ควรเศร้า

เพราะว่าอย่างน้อย เราก็เคยมีช่วงเวลาดีๆร่วมกัน



ฉันคิดว่า เราควรดีใจมากกว่า ที่ในระหว่างวันเวลานั้น
เราได้ทำในสิ่งที่ดีๆแก่กันมากมาย และเราได้ทำดี่ที่สุดแล้วในทุกอย่าง
ในทุกวัน

ชีวิตมีเรื่องเศร้ามากพอแล้ว

เราจดจำกันด้วยความสวยงามดีกว่านะ ฟังเพลงนี้สิจ๊ะ
เพลงที่อาจจะสะกิดเธอ ด้วยท่วงทำนองหวานๆ กับน้ำเสียงของ
ผู้ชายที่ฉันคิดว่าเท่ห์จังเลย เสียงเขาทุ้ม ใหญ่ ฟังดูอ่อนโยน
และสุภาพ

มันไม่เศร้าแล้วนะ

ฉันไม่เศร้าแล้ว.. เธออย่าโศกไปเลยนะจ๊ะ

เขาบอกให้เราจำช่วงเวลาดีๆ ไม่ใช่หรือ

Don't look so sad
I know it's over
But life goes on
And this old world
Will keep on turning
Let's just be glad
We had some time to spend together
There's no need to watch the bridges
That we're burning

Lay your head,
Upon my pillow
Hold your warm and tender body
Close to mine
Hear the whisper of the raindrops
Blowing soft, against the window
And make believe you love me,
One more time,
For the good times

I'll get along
You'll find another
And I'll be here
If you should find,
You ever need me
Don't say a word
About tomorrow, or forever
There'll be time enough for sadness
When you leave me

Lay your head
Upon my pillow
Hold your warm and tender body
Close to mine
Hear the whisper of the raindrops
Blowing soft against the window
And make believe you love me
One more time
For the good times

ฉันฟังเพลงนี้ตั้งแต่สมัยสาวๆแล้ว ตอนนั้นฉันคิดว่า เพลงอะไร เพราะจัง ฟังตั้งแต่ยังไม่ทันรู้สึกรู้สาอะไรกับ 'ความรัก' และไม่รู้ ว่าช่วงเวลาดีๆที่เกิดขึ้นในชีวิตเรา มันอาจจะไม่อยู่กับเรานาน

แต่มันจะคงอยู่ในใจตลอดไป

อืมม ชีวิตเหมือนฟิลม์หนัง มันเดินผ่านเครื่องฉายไปเรื่อยๆจนจบ
เรื่องราว

ไม่ต่างอะไรสักหน่อย กับทุกเรื่องในชีวิตเรา

ฉันคิดว่า เธอน่าจะยิ้มสักหน่อยนะ ฟังเพลงนี้กับฉันนะ แล้วเราจะ
ได้หวนรำลึกถึงช่วงเวลาดีๆด้วยกัน

อือ เพลงนี้เศร้าแต่มันสวยงาม ทำให้ฉันรู้สึกว่า บางทีน้ำตาก็ไมได้หมายความถึงความหม่นเศร้าเสมอไป

เธอเห็นด้วยกับฉันไหม....




 

Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2552    
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2552 18:56:12 น.
Counter : 473 Pageviews.  

เ ห ลี่ ย ม แม่ค้าที่ เจ เจ !!! ( เฮ้อ... แต่ก็ฮาๆดี )

วันนี้บังเอิญว่าไปได้ตลาดนัดจตุจักร เป็นการไปครั้งแรกในรอบห้าปี ไม่น่าเชื่อว่าใกล้ปลายจมูก แต่ฉันไม่ค่อยมีความรู้สึกอยากไปเดินหรือสนุกที่จะไปเดิน

แหม มันร้อนค่ะคุณ

และปกติ ฉันมักจะไม่ค่อยชอบไปเดินโดยไร้จุดหมาย คุณก็คงทราบว่าที่สวนจคุจักร เป็นแหล่งหาซื้อของดีราคาถูกชั้นดีของกรุงเทพ ออกจะดูดีมีเทสต์กว่าสำเพ็ง 555 เพราะข้าวของในสวนฯแห่งนี้ จำนวนไม่น้อยที่เป็นงานไอเดีย และแฮนด์เมด ไม่ใช่ข้าวของแนวโหลเหมือนที่สำเพ็ง

อืม มันคนละอารมณ์กันน่ะ ใช่ไหมคะ

อย่างไรก็ตามในรอบห้าปีที่ฉันไม่เคยไปเดิน ( ทั้งเดินซื้อของและเดินเล่น ) การไปจตุจักรในวันนี้ก็ให้ความรู้สึกหลายๆอย่าง

อากาศยังร้อนเหมือนเดิมไม่แปรเปลี่ยนค่ะ แต่ที่ร้อนมากๆคือใจคน และที่ไม่ดีเลยคือการเอารัดเอาเปรียบคนซื้อของบรรดาแม่ค้าที่สักแต่ว่าอยากจะขายของ

ขอออกตัวว่า ไม่ได้หมายถึงแม่ค้าทุกราย แต่มันก็มีแม่ค้าบางรายที่ขายของแบบไม่คำนึงถึงความรู้สึกของลูกค้า เช่นสตรอเบอรี่คลุกน้ำตาลที่แผงค้าแห่งหนึ่งแถวโครงการแปด ติดราคาไว้ที่ยี่สิบบาท แต่ถ้าคุณหลวมตัวไปซื้อจะต้องเสร็จแม่ค้าเหมือนกับที่ฉันเจอในวันนี้

ตัวเลขยี่สิบที่เขาติดไว้ มันไมได้หมายความถึงสตรอเบอรี่สีสดในแก้วที่เรียงรายอยู่น่ะสิคะ พอไปหยิบขึ้นมาจะจ่ายเงิน เราก็เห็นๆอยู่ว่าป้ายตรงด้านหน้าเขียนไว้ว่า ยี่สิบบาท

เด็กคนขาย ซึ่งน่าจะเป็นลูกแม่ค้ากลับบอกเราว่า หกสิบบาท ( จ๊ากกก )

ฉันเกิดอาการงงขึ้นมาทันที หกสิบบาทได้ไง ก็ด้านหน้าติดป้ายว่ายี่สิบ เด็กบอกว่ายี่สิบต้องแก้วเล็ก ( เล็กกว่ากันเยอะ ) ซึ่งตั้งอยู่แถวในและมีอยู่แค่แก้วเดียว

กรี๊ดดดด สิคะ ยอมไมได้ค่ะแบบนี้ เลยบอกเด็กไปว่า งั้นไม่เอา ก็ฉันจะเอาแก้วใหญ่และเธอเล่นติดราคาชวนให้เข้าใจผิดแบบนี้นี่ เด็กบอกอีกว่า ไม่ได้ ราดน้ำตาลลงไปแล้ว

เอ่อ ไม่ยอมเหมือนกันค่ะ ไม่ใช่เหตุผลที่จะโกงลูกค้าและบังคับให้เราซื้อ เลยบอกไปว่า ราดไปแล้วก็ราดไปสิ เดี๋ยวก็ขายได้ จะจ่ายยี่สิบ งั้นเอาแก้วเล็กมา คิดดูนะคะ หากเรายอม เท่ากับว่างานนี้แม่ค้าก็ยิ่งได้ใจ ลูกค้าก็เสียเปรียบอีกด้วย

ทีแรกเด็กก็ทำท่ายึกยักจะไม่ให้ แต่เราก็แข็งใส่ และในที่สุดก็ส่งแก้วเล็กให้โดยดี ยังไงๆฉันก็ยืนกรานจะจ่ายยี่สิบ

ขณะจ่ายสตางค์ฉันบอกกับเขาว่าค้าขายอย่างนี้มาเฟียชัดๆ 555 เด็กไม่ทันจะอ้าปากโต้อะไรฉัน เพราะฉันก็รีบชิ่งออกมาก่อน น่ากลัวเหมือนกันนะคะ

สตรอเบอรี่ในแก้วมีอยู่ไม่กี่ลูกแถมยังผ่าซีกอีกต่างหาก ฉันบอกกับน้องสาวที่ไปด้วยว่า ขนาดซื้อแถวสีลมที่ทำงานในราคาเดียวกัน ยังได้เพิ่มอีกตั้งครึ่งหนึ่ง คนค้าขายเขาไม่ควรจะทำกับลูกค้าแบบนี้ และแม่ค้าที่ขายของแบบนี้ถือว่าแย่มาก เอาเปรียบลูกค้ากันเห็นๆ

ด้วยความที่เติบโตมากับครอบครัวที่ค้าขายเหมือนกัน แม่กับพ่อเคยสอนเสมอว่า บางทีกับลูกค้าเราต้องยอมให้เขาบ้าง เราก็ได้กำไรแล้ว พ่อกับแม่ไม่เคยโลภมากคิดแต่จะเอาแต่ได้ เพราะค้าขายแบบนั้นจะได้แค่ระยะสั้น หากเราอยากให้เขาอยู่กับเรานานๆ เราต้องมีศิลปะในการผูกใจเขาไว้กับเรา

ปรัชญาของพ่อกับแม่ ทำให้ฉันเห็นใจคนค้าขายเสมอ เมื่ออยู่ในฐานะลูกค้าเราก็ซื้ออย่างสมเหตุสมผล และเห็นใจคนขาย ไม่ว่าจะซื้ออะไรก็ต่อราคาแต่พองาม ไม่ตะบี้ตะบันต่อเสียจนน่าเกลียด คนขายเขาก็ต้องอยากมีกำไร เราเองก็จะได้ซื้อของในราคาที่เราพอใจด้วย

ฉันคิดว่าหากทั้งแม่ค้าและเราซึ่งเป็นลูกค้า คิดถึงใจเขาใจเรา มันคงดีกว่านี้มาก

อย่างไรก็แล้วแต่ เรื่องที่เจอวันนี้ก็ทำให้ฉันได้คิดอะไรขำขำ และกลายเป็นเรื่องสนุกเรื่องหนึ่งจากการไปเดินตลาดสวนจตุจักรในรอบห้าปี แม่ค้าน่ารักก็มีนะคะ ไม่ใช่ไม่มี ฉันไมได้มองโลกในแง่ร้ายถึงขนาดว่าจะต้องสาปส่งไม่ไปอีกแล้ว เพราะสวนฯ ก็ยังมีอะไรดีอีกมากที่หาไมได้จากที่อื่น

ที่จะไม่ขอไปอีกก็โน่น ตลาด อตก. ที่เคยเจอทุเรียนลูกละพันห้า อันนั้นจ๊ากกก หนักกว่านี้อีก ทุเรียนบ้าอะไร อ้อ ทุเรียนสวนนนท์ ปลูกยากมากหรือไรคะ ฉันไม่รู้จริงๆ รู้แต่ว่าราคาแบบนี้ ซื้อไม่ลง

ไม่ไปอีกแล้ว ขอลาเป็นการถาวรค่ะ !!!




 

Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2552    
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2552 18:22:39 น.
Counter : 529 Pageviews.  

ผมของคุณสีอะไร ??

ฉันเป็นคนที่มีผม 'ดำ' มากๆ ค่ะคุณ

แล้วคุณล่ะคะ ผมของคุณสีอะไร

สังเกตกันไหมคะว่า สมัยนี้ จะหาคนที่ผมดำๆจริงๆ ยากอยู่นะ
ส่วนใหญ่แล้ว จะเปลี่ยนจากดำเป็นสีอื่นๆ ซะเยอะเลย

ฉันคงจะโบราณไปหน่อย เพราะไม่นิยมที่จะให้หัวตัวเองเป็นสีอื่น
นอกจากสีดำ

เมื่อก่อนเราเห็นฝรั่งผมทอง เรารู้ว่า เออ ก็เนี่ยแหละฝรั่ง
ผมทองๆนั่นก็เป็นเอกลักษณ์ของเขา เป็นเชื้อชาติพันธ์ของเขา
ฝรั่งส่วนใหญ่ก็ผมทองๆแทบทั้งนั้น

แต่สมัยนี้ไม่ใช่แล้วนะคะ ผมทองๆมาอยู่บนหัวสาวไทย เผลอๆก็หนุ่มไทย (ไม่แท้) ด้วย

ลูกน้องสาวของฉันคนหนึ่ง แกผมทองทั้งหัวเลย แต่แกก็มั่นใจของแกนะ ดีที่ว่าแกหน้าตาดี ผมทองของแกก็เลยดูไม่ประดักประเดิด
เท่าไหร่

ฉันเคยถูกใครต่อใครทักว่า ผมของฉันดำสนิทมาก มันอาจจะเป็นเรื่อง
ที่ทั้งประหลาดและน่าทึ่ง เพราะสมัยนี้จะหาได้น้อยมาก ที่ใครจะไม่
เปลี่ยนสีผมของตัวเอง ยังคงเป็นสีดำสนิท ดำจริงๆโดยไม่ได้ผ่าน
การปรับแต่งอะไรเลย

ฉันคิดว่าการที่คนเรามีผมสีดำตามธรรมชาติเป็นเรื่องไม่ปกติแล้วล่ะค่ะ
สำหรับในยุคสมัยนี้ เพราะเรา treat ให้เรื่องผมบนหัวเราเป็นเรื่องของแฟชั่น ซึ่งเมื่อมันเป็นแฟชั่น ก็ต้องคอยตาม trend ทำให้การเปลี่ยน
สีผมเป็นเรื่องปกติที่ทำกันง่าย บางคนเปลี่ยนสีบ่อยๆ สองอาทิตย์ก่อน
สีนี้ อีกสองอาทิตย์อีกสีหนึ่งก็มี

อืมม ฉันเลยคิดว่าตัวเอง 'ไม่ปกติ' (ฮา)

ไม่หรอกค่ะ นี่เป็นเรื่องเล็กๆเท่านั้นจากการสังเกต และรู้สึกขำที่ตัวเอง
ไม่ค่อยนิยมชมชอบที่จะเปลี่ยนในบางสิ่ง ยังคงชอบอะไรที่โบราณๆ
และไม่ซับซ้อน

หากคิดว่าเป็นเรื่องสนุกก็ทำกันได้ค่ะ เพราะมันอยู่บนหัวเรานี่
มันเป็นของของเราจริงๆ

แต่อย่าเปลี่ยนอย่างอื่นๆบ่อยๆ มันไม่ดี

เช่น เปลี่ยนใจ ไม่ดีนะจะบอกให้ ( ฮา ) !!!




 

Create Date : 07 กุมภาพันธ์ 2552    
Last Update : 7 กุมภาพันธ์ 2552 20:04:09 น.
Counter : 417 Pageviews.  

อกหักอย่าไปทะเล ( เรียนรู้ที่จะอยู่กับรัก 5 )

เมื่อบ่ายมีโทรศัพท์มาแซวว่าอยู่ติดบ้านได้ด้วยหรือ
555 เอาแล้ว จู่ๆเคยเที่ยวระเบิดระเบ้อ ตอนนี้อยู่ติดบ้านได้ด้วย
เอ่อ สำหรับฉัน 'บ้านมันร้อน' ในบางเวลาค่ะ

หยุดสามวัน จริงๆไปใกล้ๆได้ค่ะ นึกถึงเสม็ด อืมม ไมได้ไปมาสองสามปีแล้ว ห่างทะเลไปอย่างไม่น่าเชื่อทีเดียวนะคะ

เมื่อวานได้ยินน้องๆเปรยว่าจะไปเสม็ด แต่น่ากลัวว่าป่านนี้ที่พักจะไม่เหลือ เดี๋ยวนี้ไปไหนต้องวางแผนนะคะคุณ ทุกคนคิดเหมือนกันหมด
พอหยุดสามวันต้องออกต่างจังหวัด

สวนผึ้ง หรือ วังน้ำเขียว หรือ อัมพวา หรือปากช่อง หรือเสม็ด
หัวหิน ชะอำ ไม่ใช่จู่ๆนึกจะไปก็ไปได้ ไม่มีที่นอนละก็ ได้เก้อกันมั่งล่ะ

...

ฉันพูดถึงทะเล และเล่าไว้ในตอนที่แล้วว่า ฉันออกเดินทางเพื่อเยียวยาตัวเองในทริปแรกที่ไปคนเดียว คือที่เชียงใหม่

ทำไมคนเราเวลาอกหักแล้วไม่ควรอยู่คนเดียว เออ..นั่นสิ

นี่เป็นข้อห้ามของคนอกหักนะคะ ตำราไหนก็บอกแบบนี้หมด
เพราะเขาเกรงว่าการอยู่คนเดียวจะยิ่งทำให้ฟุ้งซ่าน ต้องหาอะไรทำไว้ให้มากๆเข้า

แต่จะเชื่อตำราหมดได้ไงละคะ เขาบอกว่าอย่าอยู่คนเดียว แต่จริงๆแล้วใครจะมาอยู่กับเราได้ทุกเวลา มันก็ต้องอยู่คนเดียวกันมั่งแหละ
ในชีวิตจริง เราก็ต้องอยู่คนเดียวอยู่แล้วนี่ จะหันไปทางซ้ายหรือหันไปทางขวา เพื่อนไม่ได้อกหักพร้อมกัน มันก็ไม่ว่างนะซีคะ

ที่เขาบอกกันไว้อย่างนั้นคือหลักการ แต่ในเมื่อหลักการช่วยเราได้แค่ระดับหนึ่ง ที่เหลือต้องอาศัยหลัก(ตู) ค่ะ 555

เขาบอกอย่างนั้นใช่ไหม ในเวลานั้นเมื่อทุกคนทราบว่าฉันต้องไปเชียงใหม่คนเดียว จึงพากันตกใจและเป็นห่วง ทุกคนกลัวว่าฉันยังอยู่ในภาวะไม่ปกติ อาการไม่ค่อยดี จะไปคนเดียวแบบนั้นได้ไง

ได้สิ ฉันบอกตัวเองว่าต้องไปได้ มันจะเป็นการพิสูจน์ตัวเองของฉัน
เพื่อก้าวผ่านขีดจำกัดของตัวเองให้ได้ด้วย ในเมื่อฉันต้องใช้ชีวิตคนเดียวแล้ว

ประสบการณ์ของฉัน : ช่วงเวลาที่ฉันต้องผ่านอย่างยากลำบากเป็นช่วงที่เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตฉันมากมาย หนึ่งในนั้นคือการเดินทางไปเชียงใหม่ซึ่งฉันต้องไปคนเดียว หลังจากที่ทราบว่าปลายทางไม่อาจอยู่รอรับและพาฉันเที่ยวได้

มีคนแนะนำให้ฉัน cancel แล้วก็เลือกไปจุดหมายปลายทางอื่น
เพราะทุกคนกลัว

ฉันคิดแล้วว่า หาก cancel แน่นอนว่า ฉันปลอดภัยแน่ แต่ฉันจะไม่ไปจริงหรือ โอกาสที่จะได้ทำอะไรแบบนี้หาง่ายๆหรือ

เคยคิดอยู่บ้างว่า อยากออกเดินทางลำพังคนเดียวให้ได้สักครั้งในชีวิต แต่ไม่เคยมีโอกาสไหนเอื้อให้ทำได้แบบนี้

แต่ถึงกระนั้น ความเป็นห่วงของทุกคนทำให้ฉันกึ่งลังเลกึ่งมั่นใจ แต่เมื่อทบทวนแล้วว่าสิ่งที่ฉันสูญเสียมันก็มากพอแล้ว คงจะไม่มีอะไรที่ฉันจะต้องกลัวอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตัดสินใจครั้งนี้ ฉันคิดเองทำเองคนเดียวด้วย มันยิ่งง่ายเข้าไปใหญ๋

ประกอบกับจุดหมายปลายทางอื่นไม่มีในหัวฉันเลย การไปทะเลคนเดียวยิ่งแย่กว่านี้อีก แม้ฉันจะชอบทะเลปานจะกลืนกิน แต่หากให้ไปนั่งฟังเสียงคลื่นดูพระอาทิตย์ตกดิน น้ำทะเลกับน้ำตาของฉันคงจะกลืนกันเป็นเนื้อเดียวอย่างไม่ต้องสงสัย

ฉันจินตนาการออกว่าตัวเองจะต้องอยู่อย่างไรเงียบๆ ริมทะเล เวลามากมายในหนึ่งวันจะต้องหมดไปกับการทอดอาลัย คิดถึงความหลังเก่าๆ
อันตรายกับความรู้สึกของฉันมากไปกว่าการไปอยู่ในเมืองใหญ่เป็นไหนๆ

แล้วในที่สุด ฉันก็ได้ทำอย่างที่คิดไว้จริงๆ

สามวันสองคืนที่อยู่ลำพังคนเดียวในเมืองใหญ่ ท่ามกลางคนแปลกหน้ามากมาย บนถนนหลายสายที่เดินย่ำ ไอแดดร้อนๆและลมหนาวที่ยังคงอยู่ได้ทำให้หัวใจที่สลายไปแล้วกลับพองฟูขึ้นมาได้อีกครั้ง



ฉันจึงเชื่อว่าการอยู่คนเดียวในช่วงเวลาที่จิตใจย่ำแย่นั้นไม่ได้จะเป็นเรื่องเลวร้ายหรือต้องห้ามเสมอไป เราทำได้นะคะ แต่เราต้องดูแลจิตใจตัวเองให้ดีๆเท่านั้นเอง

ช่วงที่ได้อยู่คนเดียว ได้คิดอะไรมากมาย ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างที่ไม่เคยทำสมัยที่มีชีวิตคู่ บางทีข้อจำกัดของการมีชีวิตคู่ก็คือมันจะทำให้เราติดและเคยชินเกินไป ไม่ว่าจะหันซ้ายหรือหันขวามีคนรักอยู่เป็นคู่คิด

แต่พออยู่ลำพังคนเดียว เราต้องอยู่กับตัวเองมากขึ้น เราจะรู้จักอ่อนโยนกับตัวเองมากขึ้น ดูแลตัวเองดีๆมากขึ้น ( เพราะไม่มีใครมาดูแลแล้วไง 55 )

มันก็ทำให้ฉันคิดได้เหมือนกันค่ะว่า เราละเลยที่จะ 'ดูใจ' ตัวเองมาตลอดนี่นา และมันอาจจะถึงเวลาที่เราจะได้หันมามองตัวเองบ้างแล้ว
รวมถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเราสองคน ที่เราอาจจะไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้เลยว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไร และทำไม

จากประสบการณ์ของฉันคงบอกคุณได้ว่า บางทีการอยู่คนเดียวก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย และหากคุณอยากทำอะไร ก็ทำเสียเถอะค่ะ อย่าลังเลเลย เรามีชีวิตที่เกิดมาเพื่อเรียนรู้จริงๆนะคะ

ฉันได้ลองแล้ว และคุณเองก็ทำได้ค่ะ !!




 

Create Date : 07 กุมภาพันธ์ 2552    
Last Update : 7 กุมภาพันธ์ 2552 16:52:08 น.
Counter : 498 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  138  139  140  141  142  143  144  145  146  147  148  149  150  151  152  153  154  155  156  157  158  159  160  161  162  163  164  165  166  167  168  169  170  171  172  173  174  175  176  177  178  

bewae1001
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




***************
// อย่ารอให้ป่วยก่อนแล้วจึงคิดนะคะ

นวภัทร ( บี )
นักเขียนอิสระ และ ที่ปรึกษาแผนประกันชีวิตและการเงิน
โทรศัพท์มือถือ 089-1459977

ความรู้อื่นๆ :
ผ่านการอบรม basic skilsl in counselling psychology กับอาจารย์พงศ์ปกรณ์ พิชิตฉัตรธนา @ ชมรมจิตวิทยาสมาธิ

ขอฝากเว็บไซต์ของอาจารย์พงศ์ปกรณ์ค่ะ http://www.medihealing.com

EMail ของผู้เขียน : Mybusy2004@yahoo.com
Facebook ของผู้เขียน : Parawee Nasaree

สำนักพิมพ์สะพานจัดพิมพ์นิยายหญิงรักหญิงของฉัน ( ดวงดาวดอกไม้ 2 เล่มจบ และนิยายขนาดสั้น ดอกไม้กับดอกไม้ ( ปกหนังสือด้านบน ) สั่งซื้อได้ที่นี่ค่ะ คลิกเลย!!

จำนวนบล็อก ณ ขณะนี้ 1147 บล็อกค่ะ
เริ่มเขียน 6 กันยายน 2548 บล็อกเก่าๆค้นได้จากกรุ๊ปบล็อกผู้หญิงสีรุ้งปี 53 นะคะ

ยินดีแบ่งปันความรู้และสิ่งที่มีประโยชน์ผ่านข้อเขียนในบล็อกนี้ และหากต้องการนำไปใช้ต่อหรือลงเผยแพร่้ในที่ใดก็ตาม กรุณาแจ้งก่อนนำไปใช้ที่ email ด้านบน ขอบคุณค่ะ





Parawee Nasaree

Create Your Badge

New Comments
Friends' blogs
[Add bewae1001's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.