images by free.in.th images by free.in.th
Group Blog
 
All blogs
 

มันเป็นเพียงร่องรอยหรือ....

คุณคะ

อะไรหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตเรามันเป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่าคะ


การที่คนสองคนจากคนละที ได้มาเจอกัน ทั้งที่ไม่น่าเป็นไปได้ มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่คะ

ในความรู้สึกของฉันรู้เพียงว่า หากจะบังเอิญ
มันก็เป็นความบังเอิญที่ฉันรัก อยากจะให้มันเกิดขึ้นในชีวิต
ฉันชอบความรู้สึกที่สวยงามนั้นค่ะ

ทำให้คืนวันที่ผ่านไป มีเรื่องราวแสนหวานที่น่าจดจำและระลึกถึง

จริงใช่ไหมคะที่ว่า การผ่านมาแล้วผ่านไปมักจะเหลือร่องรอยอะไร
เอาไว้ให้จดจำเสมอ ไม่ว่าช่วงชีวิตที่ใครสักคนผ่านมาแล้วผ่านออกไป
จะทิ้งความทรงจำชนิดไหนเอาไว้ให้

ความรักที่อบอวลอยู่ในดวงใจระหว่างกัน
ความอบอุ่นที่ส่งผ่านทุกสัมผัส ความคิดถึงที่ข้ามน้ำข้ามทะเล ข้ามขอบฟ้า
ข้ามภูเขาสูงชัน แม้กระทั่งความปวดปร่าที่เกิดขึ้นจากความไม่เข้าใจ

ร่องรอยทุกอย่างจากการผ่านเข้าและออกในช่วงชีวิตของใครสักคน
ทั้งหวานและขม คือความสวยงามของชีวิตเราค่ะ

แม้ว่าในหัวใจของฉันจะระส่ำระสายเพียงใดในขณะนี้
แต่ความสุขจากการได้นั่งมองและทบทวน ไม่เคยทำให้นึกเสียใจเลยสักครั้ง

กับการเดินเข้ามาและจากไปของใครบางคน

มันอาจจะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนหมดสิ้นคำถามแล้วว่า ทำไม....

เพราะเราเองก็เกิดมาเพียงเพื่อจะเป็นทางผ่าน
และเป็นร่องรอยที่อยู่ในใจใครบางคนเช่นกัน

ไม่ว่าฉัน หรือ คุณ

ล้วนไม่ต่างกันเลย








 

Create Date : 14 พฤศจิกายน 2550    
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2550 21:50:53 น.
Counter : 451 Pageviews.  

like attract like เกลียดอะไรได้อย่างนั้น !!

ประโยคคลาสสิคนี้ได้ยินกันมานานแล้วใช่ไหมคะ
คุณว่ามันจริงไหม


ไม่นานมานี้ได้อ่านหนังสือของคุณบัณฑิต อึ้งรักษี และอีกเล่ม
secret ที่อมรินทร์พิมพ์

เขาพูดถึงกฏแห่งการดึงดูด ว่าคนเราจะดึงดูดในสิ่งที่เราคิด
ครั้งหนึ่ง ฉันเคยอ่านหนังสือผู้หญิงฉลาดรัก ของคุณมณฑานี ตันติสุข
พูดถึงเรื่อง like attract like เหมือนกันค่ะว่า คนเราจะดึงดูดในสิ่งที่เราคิด

หากเราคิดอะไรในแง่ลบ จะมีเหตุการณ์ลบๆ เกิดขึ้นในชีวิตเราราวกับ
ใครมาจับวางไว้ให้

ฉันว่า Like attract like ของฝรั่ง กับ เกลียดอะไรได้อย่างนั้น แบบไทยๆนี่
เหมือนกันราวกับนัดกันมา พออ่านหนังสือสองเล่มบนที่ว่า ฉันก็เก็ตเลย

สงสัยจะจริงนะคะที่ว่าเกลียดอะไรได้อย่างนั้น หากยิ่งฝังความเกลียด ความไม่ชอบไว้ตรงไหน สิ่งนั้นก็จะเดินมาหาเราทั้งๆที่เราไม่อยากได้

หนังสือทั้งสามเล่มบอกว่าให้เปลี่ยนความคิดเสียใหม่ค่ะ
หากเราคิดแต่สิ่งดีๆ เราก็จะดึงดูดแต่เรื่องดีๆ

ตัวอย่างของการเอาความเกลียดมาสุมหัวใจมีให้เห็นอย่างใกล้ตัวค่ะ
คนสองคนเกลียดกัน ชิงดีชิงเด่นกัน คอยแต่จะหาเรื่องกัน พอคนใดคนหนึ่งพลาด อีกคนก็คอยสมน้ำหน้า

ฉันไม่เคยเห็นว่าคนสองคนนี้มีความสุขเลย หน้าตาของเขาหมองๆ เหมือนคนคิดร้ายๆ

ฉันเคยเล่าให้คุณฟังแล้วนะคะว่าฉันเกลียดคนขี้หงุดหงิด ขี้วีนนักหนา
แต่ฉันกลับเจอแต่คนประเภทนี้รอบๆตัว จนฉันนึกสงสัยว่าทำไม

ฉันคิดว่าเพราะตัวเองฝังความไม่ชอบนี้เอาไว้ในใจค่ะ
สงสัยฉันต้องทำความสะอาดบ้าน ทำความสะอาดใจอย่างหนัก

ความรู้สึกเกลียดเป็นพลังงานด้านลบ มันไม่ควรถ่วงชีวิตเราให้หนักให้รกค่ะ
หากกฏ like attract like หรือเกลียดอะไรได้อย่างนั้น เป็นเรื่องจริงแล้วละก็
น่าคิดนะคะว่าหากเริ่มต้นแต่ละวันด้วยการเกลียดอะไรสักอย่าง หรือ ไม่ชอบอะไรสักอย่าง วันนั้นทั้งวันจะจบลงอย่างไร

มาลองกันไหมคะ..วันนี้
คิดเรื่องดีๆตั้งแต่เช้าเลย

อย่าเกลียดอะไรนะคะ เดี๋ยวได้อะไรอย่างนั้น ฉันไม่รู้ด้วยนะ !!




 

Create Date : 13 พฤศจิกายน 2550    
Last Update : 13 พฤศจิกายน 2550 6:35:18 น.
Counter : 1258 Pageviews.  

ความทรงจำที่แสนพิเศษ

คุณคะ

บล็อกคืนนี้อาจจะยาวไปนิด
ฉันเอาเรื่องสั้นมาฝากคุณ โปรดแน่ใจว่าคุณจะมีความอดทนอ่านนะคะ
เนื่องจากคืนนี้ ฉันแก้เรื่องยาวในเว็บปิงฟ้าจนโฟสท์ได้แล้ว จึงไม่ได้เขียนบล็อก
อะไรเพิ่มเติมเลย

โปรดรู้ว่านี่คือ รักครั้งแรกของฉันค่ะ และฉันเขียนเรื่องนี้จากเรื่องจริง
เพื่อบันทึกความทรงจำที่แสนพิเศษระหว่างฉันกับเธอ

คิดถึงคุณทุกคนนะคะ

----------------------------------------------------------------------------------

ความทรงจำที่แสนพิเศษ

แม้ค่ำวันนั้นในสนามบินจะคลาคล่ำไปด้วยผู้คน แต่นดามองเห็นเธอแต่ไกล หญิงสาวร่างบางวัยต้นสามสิบ เดินตรงมาที่ผู้คนกลุ่มหนึ่งด้วยรอยยิ้มเปิดเผยแจ่มใส แม้สีหน้าจะเหนื่อยล้า อิดโรยด้วยการผ่านระยะเวลาในการเดินทางข้ามทวีปหลายต่อหลายชั่วโมง

เจ็ดปีแล้ว ที่ไม่ได้พบเจอกัน นดาคลี่ยิ้มให้กับภาพตรงหน้า

เธอขอตัวจากคนกลุ่มนั้น เดินตรงมาหานดา ภาพของหญิงสาวตรงหน้าชัดเจนขึ้น ไม่มีอะไรเปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย นดาพึมพำ โดยเฉพาะรอยยิ้มนั่น

“นดา…” เธอยิ้มให้

“ยินดีต้อนรับกลับบ้านจ้ะ” นดาสบสายตาที่ทอดมองมายังเธออย่างอ่อนโยน พร้อมกับส่งช่อลิลลี่ปากแตรสีขาวนวลให้ หยดน้ำพราวบนดอกไม้ช่อสวยเหมือนดวงตาคู่นั้น

“ขอบคุณจ้ะ” เธอหัวเราะเบาๆ

“อ้วนขึ้นไหม” นดายิ้ม ถอยออกมามองฝ่ายตรงข้าม

เธอส่ายหน้า แววตาอิ่มเอิบ “นิดหน่อยจ้ะ” หญิงสาวอมยิ้ม “นดาไม่เห็นอ้วนขึ้นเลย กี่ปีๆก็เป็นแบบนี้”

นดายักไหล่ ก้าวไวเข้ามายืนประชิด “ไม่เจริญอาหารเหมือนปานหรอก”

ปานวาดหัวเราะร่วน นดาชอบนัก ยามที่ได้เห็นภาพใสๆเช่นนี้ของปานวาด ใครจะรู้ว่าภายใต้สีหน้าท่าทางที่ยังดูอ่อนเยาว์ของหญิงสาวจะมีคำนำหน้าว่าดอกเตอร์ เป็นดีกรีที่เพิ่งใช้ความมุมานะไปคว้าเอามาจนสำเร็จ

“ไว้นดาจะแวะไปหาที่มหาวิทยาลัย รับปานไปทานข้าวนะ” นดาบอก

หญิงสาวตรงหน้ายิ้มบางๆให้ “ปานคงต้องรีบไปวันนี้ พ่อกับแม่คงอยากให้อยู่ด้วยนานๆ”

“ไปเถอะ ปาน..” นดาพูดเบาๆ “ไว้เจอกัน”

ปานวาดยิ้มให้ นดามองร่างเล็กๆเบียดเสียดผู้คนกลับไปยังคนกลุ่มนั้นที่ค่อยๆทยอยเดินออกจากสนามบิน หลังจากคืนนี้ปานวาดคงได้ยิ้มไปตลอดทาง แต่นดายิ้มก่อนปานวาดมาหลายวันแล้ว

+ + + + + + + +

กล่องสีน้ำตาลนั้นเต็มไปด้วยกระดาษและซองจดหมายเก่าๆ นดารื้อมันออกมาจากตู้หลายวันก่อน ตั้งแต่รู้จากอีเมลที่ปานวาดส่งมาถึงบอกว่าจะกลับเมืองไทยในสามสี่วันนี้

บนโต๊ะของนดามีอีเมลของปานวาดที่ปริ้นท์ออกมาจากคอมพิวเตอร์ อีเมลเพียงไม่กี่ฉบับกับจดหมายที่ส่งมาทางไปรษณีย์เพียงฉบับเดียวของปานวาดตลอดระยะเวลาห้าปี

แค่นั้นแหละ นดาก็นึกดีใจจะตายอยู่แล้ว นดารู้ว่าปานวาดไม่ชอบเขียนจดหมาย ตลอดห้าปีที่ปานวาดไปร่ำเรียน นดาทราบข่าวจากอีเมลเป็นระยะๆ นานๆ จึงจะมีมาให้ยิ้มสักทีหนึ่ง บางครั้งมีมาแค่สองบรรทัดสั้นๆ แต่นดาก็ไม่ถือสาหาความกับปานวาด ไม่นึกน้อยใจ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเกือบสิบปี นดาเคยเสียน้ำตาให้กับความเฉยชาของปานวาดตั้งไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่

ตั้งแต่ปานวาดรู้สึกว่าสายตาของนดาที่ทอดมาทุกครั้งมีความรู้สึกบางอย่างซ่อนอยู่ด้วย ปานวาดก็เริ่มถอยห่าง แต่นดาเข้าใจดี เวลานั้นนดาอาจเหมือนคนคว้างเคว้งที่หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้กับความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นในใจต่อปานวาด

นดาอยู่ที่เดิม ขณะที่ปานวาดเดินออกห่างไปไกล หลายปี..จนวันหนึ่งที่ได้กลับมาคุยกันด้วยความบังเอิญ จากการ์ดอวยพรวันเกิดที่ส่งไปยังที่อยู่เดิมของปานวาด นดาจึงได้ทราบความรู้สึกที่เก็บงำมาตลอดหลายปีของฝ่ายนั้น

ปานวาดเลือกที่จะหนี ไม่ต้องการเผชิญหน้ากับความรู้สึกจริงจังของนดา

แปลกที่นดาไม่รู้สึกโกรธปานวาดเลยแม้แต่น้อย อาจเป็นเพราะวันเวลาทำให้นดาโตขึ้น เข้าใจถึงความรู้สึกที่มีต่อปานวาดได้แจ่มชัดขึ้น

“ปานเข้าใจนดานะ แต่ปานคงรักนดาแบบนี้ไม่ได้” ปานวาดพูดเบาๆมาจากปลายสายโทรศัพท์คราวนั้น นดาจำได้ดี “ปานอยากให้เราเป็นเพื่อนกัน ..นดา”

“ไม่เป็นไรหรอกปาน นดาเข้าใจ” นดาปาดน้ำตาทิ้ง กลืนก้อนสะอื้นลงคอ

“ปานขอโทษ…นดา” เสียงของปานวาดเศร้าสร้อยจนนดารู้สึกได้ถึงความไม่สบายใจของอีกฝ่าย

“ปาน….นดาอยากรักปานมากกว่านี้ แต่นดารู้ว่ามันไม่ได้ นดาโตพอที่จะเข้าใจปาน และเข้าใจตัวเองด้วย คนเรามีความรู้สึกดีให้กันได้เสมอ แม้ว่าจะไม่ได้เป็นคนรักกัน”

“นดาโกรธปานไหม”

“ไม่หรอกปาน สบายใจเถอะ เราเป็นเพื่อนกันเสมอ” นดายืนยัน แต่ทว่าลึกในใจนั้นเศร้านัก

คำขอโทษของปานวาดเหมือนประตูที่ปิดตาย นดารู้ดี ไม่มีทางที่ปานวาดจะเปลี่ยนใจ แต่ก็ช่างเถอะ นดาเคยคิดอย่างรู้สึกเสียใจว่าการกระทำของตัวเองทำให้นดาต้องเสียปานวาดไป

บางทีความสัมพันธ์ระหว่างคนเราก็เป็นเรื่องแปลก นดานึกถึงครั้งแรกที่พบปานวาด รอยยิ้มสว่างใสของผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งตรึงนดาไว้กับที่

ความรู้สึกที่มีต่อปานวาดมันคลุมเครือในคราแรก นดาไม่รู้แม้แต่ว่าทำไมจึงเกิดความรู้สึกพิเศษขึ้นกับปานวาดในลักษณะเช่นนี้ แต่เมื่อผ่านวันเวลามาเรื่อยๆ นดาก็แจ่มชัด

นดารักปานวาดอย่างคนรัก แต่ก็รู้ ว่าปานวาดไม่ได้มีความรู้สึกเช่นนั้นด้วย

นดายังเด็กนัก จึงไม่รู้ว่า การถูกปฏิเสธมันสาหัสในความรู้สึกขนาดไหน แต่ก็เถอะ หลังจากนั้นแล้ว นดาก็ยังมั่นคงในความรู้สึกที่มีต่อปานวาด อยู่อย่างเงียบๆ อย่างนั้น ทั้งที่นดาก็มีคนรักอื่นเป็นตัวเป็นตน รัก ๆ เลิกๆ แล้วก็รัก ๆ เลิก ๆ อยู่อย่างนี้

แต่นดาก็มีเพียงปานวาดในใจ อยู่อย่างพิเศษ ที่ลึกที่สุด นดาเองก็ไม่รู้จะเรียกความรู้สึกนี้ว่าอะไร เพียงแค่นดาไม่ได้รู้สึกทรมานใจเหมือนที่ผ่านมา

นดายังคงบอกเล่าทุกข์สุขของตัวเองให้ปานวาดทราบ ขณะที่ความเป็นไปของปานวาด นดาเพียงรู้แค่ห่างๆ ปานวาดเก็บความรู้สึกของตัวเองอย่างมิดชิด นดาเคยคิดว่า เธอก็เป็นแค่คนนอกวงกลมของปานวาด

ถ้าคนเรามีวงกลมหลายวงซ้อนเรียงรายกันอยู่ชีวิต แล้วต้องเลือกให้ใครอยู่ตรงไหนตามความสำคัญ นดาก็คงอยู่นอกวงกลม ที่ไกลเสียเหลือเกิน

สิบกว่าปีที่ผ่านมานดาเจอกับปานวาด พูดคุยและไปไหนมาไหนกันนับครั้งได้ เวลาในแต่ละครั้งไม่ได้มาก หากแต่สายสัมพันธ์นั้นไม่ได้ขาด

“ เก็บเธอไว้ข้างในจนลึกสุดใจ ได้คิดถึงเธอทุกคราว เมื่อวันที่เหงาจับใจ ....”

นดานึกถึงเพลงนั้นเสมอ

+ + + + + + +

ลมอื้ออึงจากด้านนอกทำให้นดารู้สึกอิ่มและสดชื่น กิ่งไผ่เสียดสีไปมา ระลอกน้ำในบึงพริ้วไปไหวตามแรงลม นดาเอามือไปแตะใบไผ่อย่างแผ่วเบา รู้สึกถึงความร่วงโรยของมันจากคราวนั้น

นดานั่งลงมองภาพเบื้องหน้า เห็นอดีตในภาพขาวดำทับซ้อน นดาเคยมาที่นี่เมื่อเจ็ดปีก่อน นั่งคุยกับปานวาดในสภาพแวดล้อมที่นดาไม่เคยชิน

ปานวาดสอนหนังสือที่นี่ มหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงที่ตั้งอยู่ในจังหวัดใกล้กับกรุงเทพฯ ปานวาดมีชีวิตที่ต่างกับนดาราวเส้นขนาน ด้วยความเป็นคนเรียนเก่งและชอบเรียน ทำให้ปานวาดเรียนจบแล้วก็เรียนอีก เรียนจนนดาไม่เคยมองเห็นว่าความสุขในชีวิตของคนช่างเรียนอย่างปานวาดอยู่ตรงไหน

นดาเคยเขียนอีเมลไปหาปานวาดและถามว่า มีเวลามองฟ้าบ้างไหมอย่างนึกห่วง แต่คำตอบของปานวาดที่บอกกับนดาตรงๆ ก็เหมือนเคย ปานวาดก็คือปานวาด แข็งอย่างไรก็อย่างนั้น

นดานึกเห็นภาพของปานวาดกับกองตำราใหญ่โตแต่อิ่มเอมราวกับกำลังทำเรื่องแสนดีในชีวิต เหมือนหนอนหนังสือที่มีกระดาษกองโตเป็นอาหาร ปานวาดมีความสุขในแบบของเธอที่นดาเองก็ยังไม่เข้าใจ

“นดา.” เสียงที่มาจากด้านหลัง ทำให้นดาต้องกันกลับไปมอง “มาเร็วจริง”

“อยากมาดูบึงน่ะปาน” นดาตอบเบาๆ แล้วผันหน้าไปที่เวิ้งน้ำกว้างนั้น

“นดาช่างฝันไม่เลิก” ปานวาดพูดยิ้มๆ แล้วนั่งลงที่ม้าหินตรงกันข้าม นดาสังเกตเห็นรอยยิ้มอิ่มเอมของปานวาดที่ยังไม่จางไป เหมือนว่าจะยังคงอยู่นับแต่คืนที่กลับมา สามวันผ่านไป นดาจึงโทรมาบอกปานวาดว่าจะมาหา

“ปานก็เป็นนักวิชาการไม่เลิกเหมือนกันนี่” นดาเย้า “เอ้า วันนี้นดาจะเลี้ยงรับดอกเตอร์คนใหม่ ปานอยากทานอะไร”

“อือ ตามใจนดาเถอะ ปานทานได้หมดแหละ”

“เย็นๆแล้วปานคงไม่รีบใช่ไหม เดี๋ยวนดามาส่งที่หอแล้วกัน”

นดาว่าพลางเดินน้ำหน้าปานวาดไปที่รถ แม้จะมาที่นี่แบบนับครั้งได้ แต่เมื่อกี้นดาเห็นร้านอาหารน่านั่งอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย

นดาอยากนั่งคุยกับปานวาดเงียบๆที่นั่น อยากถามไถ่ทุกข์สุขต่างๆเหมือนที่เคยถามทางตัวหนังสือ ผิดกันแต่ปานวาดตัวจริงๆมีลมหายใจนั่งอยู่ตรงหน้า อยากถามถึงหลายเรื่องที่นดาไม่เคยได้คำตอบ เพราะเจ้าตัวมักจะเฉไฉออกนอกเรื่องจนทำให้นดานึกฉุนทุกครั้ง

นดาไม่เข้าใจตัวเองว่าอยากจะรู้ถึง “ที่ว่าง” ในใจของปานวาดไปเพื่ออะไรในบางครั้ง เพราะรู้อยู่แก่ใจว่า ที่ว่างนั้นอย่างไรก็ไม่ใช่ของนดา

“ร้านเปิดใหม่เยอะแยะเลย” ปานวาดว่าเมื่อลงจากรถ สีหน้าแช่มชื่น

นดาสั่งอาหารสองสามอย่าง ปานวาดยิ้มสดใส ยิ้มที่นดาเคยรู้สึกว่ามันเป็นยิ้มที่สว่างเหมือนทำให้โลกทั้งใบสดใสขึ้นฉับพลัน นดารู้สึกอย่างนี้มาตั้งแต่ครั้งแรกที่พบปานวาด สมัยยังเรียนชั้นมัธยมด้วยซ้ำไป

“เริ่มสอนแล้วหรือปาน เหนื่อยไหม” นดาถามพลางขยับแก้วน้ำไปให้ปานวาด

“ไม่หรอกจ้ะ ปานอยู่กับงานแบบนี้มาตลอด” ปานวาดกวาดสายตามองไปรอบๆร้าน

“และก็คงจะตลอดชีวิต” นดาอมยิ้ม ปานวาดไม่ทันได้พูดอะไร ก็เป็นจังหวะที่บริกรนำอาหารมาเสิร์ฟ

“นดา ปานมีความสุขดี” ปานวาดพูดเน้นแต่ละคำอย่างฉุนๆ จนทำให้นดาหัวเราะกิ๊กกั๊ก

“แล้วหนุ่มๆละปาน มีมั๊ย” นดาแหย่

นดาจำได้ว่าเคยถามปานวาดเรื่องนี้ แต่คำตอบที่ได้รับจากปานวาดคือ ชีวิตยังมีหลายสิ่งให้ เรียนรู้อีกเยอะ นดาเคยนึกขวางๆกับคำตอบนั้น ถามอีกอย่างไปตอบอีกอย่างและมันก็ทำให้นดาไม่เข้าใจเสียทุกครั้งนั่นแหละ ว่าทำไมปานวาดจะต้องปิดบังในเรื่องบางเรื่องที่ดูเหมือนไม่น่าจะต้องปิดบังเลย

แม้จะกว่าสิบปี แต่ระยะห่างในความสัมพันธ์ระหว่างนดากับปานวาดกลับเหมือนสายลมที่นดารู้สึกว่าบางทีมันก็จับต้องไม่ได้เอาเสียเลย แต่บางครั้งกลับพราวพัดอยู่ในใจตลอดเวลา

ปานวาดไม่ตอบ นดาเลิกคิ้ว

“โอเคไม่ถามก็ได้” นดาลดเสียงลง

“ทำไม นดาอยากให้ปานมีแฟนนักหรือ” ปานวาดเสียงเข้ม

“นดาอยากรู้จริงๆ ว่าปานรักจะใครได้บ้างในชีวิตนี้”

ปานวาดนั่งเงียบมาในรถ

นดาเหลียวกลับไปมองอย่างไม่เข้าใจ บางทีนดาก็ไม่เข้าใจปานวาดเลย ปานวาดปิดประตูตายใส่นดา แต่ไม่เคยเปิดใจให้ใครเลยจนนดานึกฉงน

แสงไฟข้างถนนลอดไบไม้ลงมากระทบพื้น คืนนี้พระจันทร์ดวงโตจนนดานึกอยากสอยลงมาเก็บไว้

“คุยกันก่อนสิ ได้ไหมปาน” นดาบอกเบาๆเมื่อดับเครื่องรถ แววตาที่มองปานวาดแฝงแววเว้าวอน “นดา….เอ้อ คิดถึงปานน่ะ”

ปานวาดมองหน้านดา แล้วพยักหน้าให้

“ไปสิ” ปานวาดเดินนำหน้านดาไปที่ม้าหินใต้ต้นหูกวางใหญ่

“นดาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้มาหาปานอีก” นดามองพระจันทร์ดวงโต

“คิดถึงก็มาสิ นดา” ปานวาดพูดเรียบๆ

สายลมคืนนี้พร่างพรู นดารู้สึกอบอุ่นอยู่ในใจลึกๆ

“ปาน ปานเคยเข้าใจไหมว่าทำไมระหว่างเรา มันจึงยังคงอยู่” นดาหันไปมองหน้าปานวาด นี่คือบางสิ่งที่นดาเคยอยากนึกถามปานวาดบ้าง เพราะนดารู้คำตอบนั้นดี

“ปานก็ไม่รู้เหมือนกัน” ปานวาดหัวเราะเบาๆ “เหมือนพระจันทร์รึเปล่านดา ขึ้นทุกคืน ไม่เคยหาย บางคืนเต็มดวง บางคืนครึ่งดวง บางคืนเสี้ยวเดียว แต่มันก็อยู่ของมัน”

“ปานมองอะไรแบบนี้เป็นด้วย” นดาเลิกคิ้วแล้วหัวเราะขันๆ “นดาคงจะรู้สึกแปลกๆ ถ้าปีไหนไม่ได้ส่งการ์ดอวยพรวันเกิดให้ปาน รู้ไหม บางทีนดาก็นึกอยากจะทำแบบนั้น ให้ปานหาว่านดายังอยู่ไหม”

“นดาจะทำอย่างนั้นไปทำไม ปานก็ห่วงนดา“ น้ำเสียงของปานวาดอ่อนลง “อย่าเห็นปานเป็นคนใจดำนักเลย”

นดาหัวเราะร่วน

“นดาชอบพูดเรื่องเก่าๆ แต่ปานไม่ชอบฟัง” ปานวาดว่า “นดาก็น่าจะรู้ว่าทำไม”

“ความสุขของนดาคือความทรงจำนี่ปาน” นดาบอก แววตานั้นเหมือนมีน้ำใสๆรื้นอยู่

“แม้ว่ามันจะทำร้ายนดานะหรือ” ปานวาดถอนใจ

“นดาเป็นคนแปลกสำหรับปานเสมอ คงเหมือนที่วิถีชีวิตของปานก็คงสวนทางกับนดา แต่นดาก็พอใจที่จะมีปานในชีวิต ง่ายๆเหมือนพระจันทร์อย่างที่ปานบอก”

นดาถอนใจ

“บางทีเราก็ไม่จำเป็นต้องไปเข้าใจอะไรทุกเรื่องหรอกจริงไหมปาน”

“ปานเป็นความทรงจำที่ดีสำหรับนดาเสมอเลยนะ” ปานวาดเม้มริมฝีปากแน่น “รู้ไหมบางทีปานเคยนึกเสียใจเวลาย้อนกลับไปคิดเรื่องเก่าๆ ปานไม่อยากให้นดาเจ็บเลย นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมปานถึงไม่อยากให้นดาพูดถึงอดีต เพราะปานรู้สึกผิดทุกครั้ง ปานเสียใจ”

“นดารู้” นดาพูดเบาๆ “คนเรามีความทรงจำเอาไว้นึกถึงนี่ปาน สำหรับนดา มันก็คือแรงขับเคลื่อนชีวิต นดาสุขใจทุกครั้งที่ได้นึกถึงมัน”

“นดาไม่เคยเปลี่ยน..” ปานวาดรำพึงเบาๆ

นดายิ้มให้ปานวาด มองวงหน้าที่อยู่ใต้แสงจันทร์นวลอย่างอิ่มเอมใจ สายลมเย็นเยียบพัดพรูมาตะผิว นดานั่งชันเขาเอาแขนจับกันไว้หลวมๆ

“วันนี้นดามาตามหาความทรงจำน่ะปาน” นดายิ้มตาหยี

ปานวาดมาส่งนดาที่รถ

หญิงสาวยิ้มอ่อนโยนให้นดาเป็นเชิงอำลา นดายืนนิ่งเงียบ นึกอยากจะเข้าไปใกล้ปานวาดมากกว่านี้ เข้าไปสัมผัสความรู้สึกที่ซ่อนเร้นในใจที่นดาไม่เคยค้นหามันเจอเลย

สายลมเย็นพร่างพรูพัดผมที่ยาวเคลียไหล่ของปานวาดเข้ามาป่ายที่ริมแก้ม นดาอยากจะเอื้อมมือไปเกลี่ย แต่อะไรบางอย่างก็ทำให้นดาชะงักอยู่แค่นั้น

“นดาจะคิดถึงปาน” นดาพูดเบาๆ

“นดาทำเป็นประจำอยู่แล้วนี่” ปานวาดเย้า ผู้มาเยือนเปิดประตูทรุดตัวลงนั่งที่คนขับ ปานวาดเอื้อมมือมาผิดประตูให้ หญิงสาวก้มหน้าลงมายิ้มให้นดา

“ ขับรถดีๆนะ นดา”

นดาพยักหน้ารับ ปานวาดขยับตัวออกมาแล้วโบกมือให้ นดามองภาพของปานวาดที่ค่อยๆเคลื่อนห่างออกไป รับรู้ถึงหัวใจที่สั่นไหว และน้ำในตาที่รื้นออกมาจากความรู้สึกบางอย่าง

คงด้วยความอิ่มใจแท้ๆ ที่ทำให้นดาเผลอร้องไห้

….ดีใจที่ได้พบเธออีกครั้ง ดีใจจังที่เธอกลับมา รู้ไหมว่าเฝ้ารอ รอเธออยู่ คิดถึงเหลือเกิน…. *

นดาเปิดเพลงนี้คลอมาตลอดทางที่ขับรถถึงกรุงเทพ.

*เพลงดีใจ อัลบั้มแดนศิวิไลซ์ ของ ธเนศ วรากุลนุเคราะห์






 

Create Date : 12 พฤศจิกายน 2550    
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2550 23:21:00 น.
Counter : 513 Pageviews.  

ผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งไม่เคยหนีไปไหนเลย... รอที่จะคุยกับคุณ

คุณคะ

ชอบคุยกับแม่ไหมคะ

เมื่อเย็นฉันได้คุยกับแม่ ด้วยความที่เราไกล
โทรศัพท์จึงเป็นสื่อที่เราจะคุยกันได้ง่ายที่สุด

แม่ใช้คอมไม่ได้ เล่น msn ไม่เป็น เราจึงไม่เคยเขียน email กันหรอกค่ะ
ให้กดโทรศัพท์ยังง่ายกว่า แต่แม่โทรมาหาฉันนับครั้งได้ หากอยากได้ยินเสียง
ฉันต้องเป็นฝ่ายโทรหาเอง

แม่บอกว่านั่นไม่ใช่นิสัยแม่ แม่ไม่ชอบตาม อยากคุยก็โทรมาเองสิ
ก็อยู่ตรงนี้.. หยิ่งดีนะคะ แม่ฉัน

ตลอดเวลาสิบแปดปีที่ผ่านมา ฉันห่างบ้าน มาอยู่ไกลถึงนี่
แต่ฉันยังชอบคุยกับแม่ ชอบเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้แม่ฟัง
บางทีแม่ก็ไม่เข้าใจเรื่องที่ฉันเล่าหรอก แต่แม่จะตั้งใจฟังจนฉันรู้สึกได้
แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรมากหรอกค่ะ นอกจากเออออ ..ก็ดีลูก

บางครั้งฉันจะมีความคิดประหลาดๆ ไปคุยกับแม่ แม่ก็จะ เหรอ.. จะดีเหรอ
คิดดีแล้วหรือ แต่แม่ไม่เคยห้ามในเรื่องการตัดสินใจจะทำอะไรของฉัน
มีเพียงบางเรื่องเท่านั้นทีแม่จะห้าม หรือ บอกตรงๆ

แม่ห่วงเรื่องความปลอดภัย เหนืออื่นใดแม่จะไม่ยุ่งเลย

ตอนนี้แม่ก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน แม่ก็ยังเป็นแม่ที่ห่วงลูก
แม่ถามว่า ฉันทำใจได้หรือยัง เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดาโลกนะลูก
ฉันเข้าใจ..


ฉันคุยกับแม่ทุกเรื่องค่ะ ยกเว้นเรื่องเดียว
เรื่องความรัก

ฉันไม่คิดจะปิดบังแม่ แต่ก็ไม่คิดว่าแม่จะอยากรู้ แม่ไม่เคยเอ่ยถามว่าฉันมีใคร
เป็นอะไร อย่างไร

สิ่งที่แม่รู้มีอย่างเดียว ไม่ว่าฉันจะเป็นอะไรก็ตาม ฉันก็เป็นลูกสาวแม่นั่นแหละ

เสียงของแม่เมื่อเย็นนี้ปลุกปลอบใจฉันค่ะ ฉันคิดว่านี่คือความรักบริสุทธิ์ ไม่มีการ
คาดคั้นเอาอะไรจากกัน เมื่อฉันเหนื่อยล้า ทุกข์ร้อน คนๆนี้คือคนที่ฉันจะหันไปพึ่งพิงได้เสมอ ... ไม่ว่าเมื่อใด

คุณล่ะคะ ชอบคุยกับแม่ไหม..
คืนนี้ไม่มีโอกาสอื่นใดที่ฉันเขียนถึงแม่ นอกจากอยากจะบอกว่า
ฉันซึ้งที่ฉันยังมีเขาอยู่

รักแม่ค่ะ...

แด่ .. ลูกสาวเกเรของฉันที่อยู่บนฟ้า
รักหนูนะลูก..





 

Create Date : 11 พฤศจิกายน 2550    
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2550 21:59:30 น.
Counter : 388 Pageviews.  

วันนี้เอง.. ที่ฉันได้เข้าใจว่าการทำใจเป็นเรื่องยากมาก

คุณคะ

ไม่มีสิ่งใดในโลกที่จะทำให้เราเสียหลักได้มากไปกว่า การพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ในความรู้สึกของฉัน


สารภาพว่าจิตใจฉันไม่ปกติตั้งแต่เมื่อคืนนี้ และในขณะนี้

เมื่อเช้านี้ฉันต่ออินเตอร์เน็ต เพื่อที่จะบันทึกเรื่องราวของ
ชีวิตเล็กๆชีวิตหนึ่ง ที่เค้าจากฉันไปแล้วเมื่อคืน ด้วยอุบัติเหตุอันไม่คาดฝัน

ฉันนอนไม่หลับ

แต่แล้วเมื่อฉันเขียนและอัพทุกอย่างขึ้นในบล็อก
ฉันก็น้ำตาร่วง

ร่วงจนไม่สามารถทำใจให้เห็นภาพและตัวหนังสือที่ฉันเขียนถึงเค้าได้
ในที่สุด ฉันจึงลบบล็อกนั้นออก

มีคุณบางคนได้อ่าน ได้เห็น

ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเสียแขน เสียขา ไปข้างหนึ่ง
ใจหายอย่างบอกไม่ถูก...
และทำให้รู้จริงๆว่า ไม่มีอะไรที่แน่นอนสักนิดในโลกนี้
ทุกอย่างพร้อมจากเราไป ไม่เราจากไป ก็ต้องมีสิ่งหนึ่งจากไป

ฉันรู้ค่ะว่าที่สุดแล้วทุกอย่างจะผ่านไป เค้าจะอยู่กับฉันไปนิรันดร์ในความทรงจำนี้
แปดปีที่ฉันได้เห็น ได้สัมผัส ได้ดูแล ให้เค้าได้อิ่ม ได้นอน ได้มีความรู้สึกว่ามีคนรักเค้า

ฉันได้ให้เค้าถึงที่สุดแล้ว

ฉันไม่อยากเขียนอะไรเศร้าๆเลย แต่ความรู้สึกของฉันเป็นอย่างนี้จริงๆ
ฉันยิ้มไม่ออก ฉันใจหาย...

ถ้าเพียงแต่.. ทำไมไม่... คือคำพูดซ้ำซากที่วนเวียนในหัวฉันตลอดเวลา
ฉันไม่รู้เลยจริงๆว่า มันเกิดขึ้นได้อย่างไร
แต่ถึงรู้ ฉันก็คงไม่อาจรั้ง what ever will be , will be ใช่ไหมคะ

ฉันเพียงแต่เสียใจที่เค้าจากฉันไปกะทันหันเหลือเกิน
แต่ฉันไม่เสียใจเลยที่ได้รักและดูแลเค้าเหมือนกับลูกสาวเกเรคนหนึ่ง
ตีบ้าง ดุบ้าง อ้อนกันบ้าง แต่เราก็รักกัน

พรุ่งนี้ฉันจะพยายามยิ้ม ฉันจะยิ้มให้กับทุกอย่าง
ฉันรู้ว่ามันยาก แต่ที่สุดแล้วมันจะผ่านไป

ทำทุกอย่างให้เต็มที่นะคะ เมื่อคุณรักใครสักคน
มันจะกลายเป็นความทรงจำที่มีค่า ในวันที่ไม่มีกันและกันแล้ว

วันนี้เอง.. ที่ฉันได้เข้าใจว่าการทำใจเป็นเรื่องยากมาก

แต่ฉันจะพยายามค่ะ

ฉันอยากจะให้คุณเห็นลูกสาวเกเรของฉัน
แต่เมื่อเช้านี้ฉันน้ำตาร่วงไปหลายรอบแล้ว
อีกหน่อย ฉันคงดูรูปเก่าๆของเค้าได้โดยไม่เสียน้ำตาอีก




 

Create Date : 10 พฤศจิกายน 2550    
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2550 14:48:09 น.
Counter : 437 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  138  139  140  141  142  143  144  145  146  147  148  149  150  151  152  153  154  155  156  157  158  159  160  161  162  163  164  165  166  167  168  169  170  171  172  173  174  175  176  177  178  

bewae1001
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




***************
// อย่ารอให้ป่วยก่อนแล้วจึงคิดนะคะ

นวภัทร ( บี )
นักเขียนอิสระ และ ที่ปรึกษาแผนประกันชีวิตและการเงิน
โทรศัพท์มือถือ 089-1459977

ความรู้อื่นๆ :
ผ่านการอบรม basic skilsl in counselling psychology กับอาจารย์พงศ์ปกรณ์ พิชิตฉัตรธนา @ ชมรมจิตวิทยาสมาธิ

ขอฝากเว็บไซต์ของอาจารย์พงศ์ปกรณ์ค่ะ http://www.medihealing.com

EMail ของผู้เขียน : Mybusy2004@yahoo.com
Facebook ของผู้เขียน : Parawee Nasaree

สำนักพิมพ์สะพานจัดพิมพ์นิยายหญิงรักหญิงของฉัน ( ดวงดาวดอกไม้ 2 เล่มจบ และนิยายขนาดสั้น ดอกไม้กับดอกไม้ ( ปกหนังสือด้านบน ) สั่งซื้อได้ที่นี่ค่ะ คลิกเลย!!

จำนวนบล็อก ณ ขณะนี้ 1147 บล็อกค่ะ
เริ่มเขียน 6 กันยายน 2548 บล็อกเก่าๆค้นได้จากกรุ๊ปบล็อกผู้หญิงสีรุ้งปี 53 นะคะ

ยินดีแบ่งปันความรู้และสิ่งที่มีประโยชน์ผ่านข้อเขียนในบล็อกนี้ และหากต้องการนำไปใช้ต่อหรือลงเผยแพร่้ในที่ใดก็ตาม กรุณาแจ้งก่อนนำไปใช้ที่ email ด้านบน ขอบคุณค่ะ





Parawee Nasaree

Create Your Badge

New Comments
Friends' blogs
[Add bewae1001's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.