:: ศึกชิงบัลลังก์ยุทธ์ มังกรพยัคฆ์บูรพา ตอนที่ 12 ::
:: ศึกชิงบัลลังก์ยุทธ์ มังกรพยัคฆ์บูรพา ตอนที่ 12 ::เรื่องและภาพ : กะว่าก๋า
เตมูบูจินยิ้มอย่างพึงพอใจ เมื่อแม่ทัพนายกองทยอยเข้ามารายงานความคืบหน้า ผลของการรุกคืบเข้าไปในดินแดนต้าซ่งได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ยุทธวิธีที่เลือกใช้ ประสบความสำเร็จและได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านชาวนาในแผ่นดินซ่งทางภาคเหนือเป็นอย่างดี เตมูบูจินนึกถึงวันประลองกับไป่จิงเหวินตัวต่อตัวที่ผาดับพยัคฆ์ เขานึกชื่นชมฝีมือของไป่จิงเหวินอยู่ไม่น้อย ชายผู้นั้นทะนงองอาจ แววตาดุดันมาดร้าย ฝีมือเพลงยุทธ์หาได้เป็นรองใคร แต่สิ่งที่เขาเหนือกว่านั่นคือ “กลยุทธ์” เตมูบูจินปะทะกับไป่จิงเหวินหลายประบวนท่า แต่ในเสี้ยววินาทีนั้นเขาแสร้งทำเป็นเพลี่ยงพล้ำ หลอกล่อให้ไป่จิงเหวินถลำลึกตามรุกตีเข้ามาใกล้กองทัพจิน จากนั้นจึงส่งสัญญาณให้ลูกน้องบนยอดเขาโจมตีด้วยเกาทัณฑ์ แม้ใจจะไม่อยากใช้เล่ห์กลในการดวล แต่วิธีนี้เท่านั้นที่จะสร้างชัยชนะอันเบ็ดเสร็จเด็ดขาดให้กับกองทัพจิน และผลของมันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ กองพลม้าขาวทะลวงโลกันต์อันเกรียงไกรในอดีต พ่ายแพ้ย่อยยับให้กับกองทัพจิน !!! เตมูบูจินสั่งลูกน้องไล่กวดตามเข่นฆ่าทหารซ่งทั้งหมดไม่เหลือซาก แต่แล้วคนที่รอดไปได้เพียงหนึ่งเดียวกลับเป็นไป่จิงเหวินที่ถึงกับยอมทอดทิ้งลูกน้องทุกคน เพื่อเอาตัวรอดอย่างสิ้นศักดิ์ศรี
เตมูบูจินสั่งระดมทุกสรรพกำลังไล่ล่าค้นหาไป่จิงเหวินอยู่นานหลายวัน จนแน่ใจแล้วว่าไม่อาจค้นตัวได้พบ จึงเปลี่ยนเป้าหมายเป็นการรุกคืบเข้าไปในดินแดนซ่ง โดยเน้นนโยบายไม่ทำร้าย ไม่ทำลายชีวิตและทรัพย์สินของชาวบ้าน เนื่องจากการข่าวซึ่งได้รับมาก่อนหน้านั้น ทุกฝ่ายพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าองค์จักรพรรดิต้าซ่ง รวมทั้งข้าราชการใหญ่น้อย ต่างมีความแตกแยกไร้สามัคคี เจ้าหน้าที่บ้านเมืองกินสินบาทคาดสินบน ตัดสินคดีความอย่างอยุติธรรม คนดีถูกข่มเหงรังแก ฐานเศรษฐกิจของบ้านเมืองผุกร่อนง่อนแง่น คนรวยมีเพียงกระจุก ส่วนคนจนนั้นกระจายทั่วทั้งแผ่นดิน ภัยพิบัติธรรมชาติเกิดขึ้นไม่หยุดหย่อน ทั้งน้ำท่วม น้ำแล้ง พายุหิมะพัดหนักยาวนาน ศัตรูพืชกัดกินผลิตผลการเกษตรจนเสียหายย่อยยับ บางหมู่บ้านประชาชนยากจนข้นแค้น ถึงขนาดต้องเก็บเปลือกไม้มาต้มกิน ผู้คนอดอยากล้มตายเรือนแสน แต่ทางราชสำนักต่างเสพสุขอยู่สบายโดยไม่เคยเหลียวแลประชาชน
เตมูบูจินดำเนินนโยบายยืดหยุ่นผ่อนปรน ใช้การทูตนำการทหาร ใช้การเมืองนำการรบ เข้าพบเจรจากับชาวบ้านอย่างละมุนละม่อม มอบของกินของใช้ปลอบขวัญ แม้ทหารของทางการบ้านเมือง หากยอมจำนนแต่โดยดี ทหารจินยังมอบเบี้ยหวัดให้เป็นขวัญกำลังใจ ทำให้ทหารบางส่วนถึงกับยอมแปรพักตร์เข้าร่วมเป็นทหารในกองทัพจิน ด้วยนโยบายก้าวล้ำเช่นนี้ พวกจินจึงครองใจชาวซ่งได้ไม่ยาก ค่อย ๆ รุกคืบไปทีละเมือง ทีละแคว้นอย่างช้า ๆ แต่มั่นคง ไร้การต่อต้าน ไร้การขัดขืน เนื่องจากประชาชนของอาณาจักรซ่งเองหมดสิ้นศรัทธาในตัวชนชั้นปกครองของตนเองเสียแล้ว
สิ่งหนึ่งที่ท่านข่านพระราชบิดาได้กำชับให้เตมูบูจินค้นหาและยึดครองมาให้ได้ คือ คัมภีร์มังกรพยัคฆ์บูรพาและพิชัยสงครามต้าซ่ง สายสืบถูกส่งกระจายออกไปเพื่อหาข้อมูล จนในที่สุดจึงรู้ว่าคัมภีร์ทั้งสองน่าจะถูกเก็บรักษาไว้ที่อารามหมื่นลี้ ซึ่งตั้งอยู่บนเทือกเขาคุนลุ้น เตมูบูจินแบ่งกองกำลังออกมาราว 2 พันคน คัดเลือกทหารหาญผู้เก่งกล้าสามารถ นำทัพด้วยตัวเองบุกขึ้นเขาเพื่อแย่งชิงคัมภีร์ตามคำสั่งของพระราชบิดา เนื่องจากได้ส่งตัวแทนเข้าเจรจาและถูกปัดปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย เตมูบูจินจึงเลือกบุกเข้าไปภายในวัดทันที พระลูกวัดประมาณ 20 คนต่อสู้อย่างทรหดอดทน ฝีมือแต่ละคนย่อมไม่ธรรมดา เตมูบูจินมองดูลูกน้องของตนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก แต่ฉันใดน้ำน้อยย่อมพ่ายแพ้ให้กับเพลิงไฟฉันนั้น ทหารจินใช้อาวุธฟาดฟันห้ำหั่นจนพระเณรในวัดบาดเจ็บบอบช้ำไปทีละนิดทีละคน เมื่อสู้กันนานเข้าเรี่ยวแรงก็หมดสิ้น ถูกสังหารไปทีละคน ๆ ทหารจินกว่า 2 พันคนบัดนี้เหลืออยู่ในราว 1700 คน นับเป็นการสูญเสียเกินคาดคิด พระเณร 20 คนกลับสังหารทหารกล้าได้ถึง 300 คน !!! ร่างสิ้นลมหายใจของทหารและพระเณรนอนตายเกลื่อนวัด ทหารบางส่วนเข้ารื้อค้นห้องหับภายในอารามหมายค้นหาคัมภีร์สำคัญ แต่หาอย่างไรก็หาไม่เจอ ค้นอย่างไรก็ค้นไม่พบ เมื่อแน่ใจว่าไม่มีคัมภีร์ซุกซ่อนอยู่ ทหารเหล่านั้นไล่วางเพลิงเผาอาคารตามคำสั่งของเตมูบูจิน
เตมูบูจินมองไปด้านในสุดของอาราม ห้องเล็ก ๆ ห้องนั้น ทหารจินบุกเข้าไปคราใด ก็กระเด็นกระดอนกลับออกมาครานั้น แต่ละคนที่กระเด็นออกมา หากไม่บาดเจ็บสาหัสนอนร้องครวญคราง ก็สิ้นชีพในทันที เตมูบูจินไม่อาจปล่อยให้ลูกน้องแดดิ้นสิ้นใจโดยที่ตัวเองยืนนิ่งเฉย เขารีบรุดไปยังห้องแห่งนั้น พระเฒ่ารูปหนึ่งยันกายกับผนังห้อง สู้ศึกอย่างหยัดยืน โดยมีบาดแผลใหญ่น้อยทั่วร่าง เลือดไหลโทรมกาย เตมูบูจินตะโกนสั่งให้ทหารทั้งหมดถอยออกมา เนื่องจากรู้ดีว่าทหารทุกคนย่อมไม่อาจเป็นคู่มือของพระชรารูปนี้ได้ พระเฒ่ายืนหอบตัวโยน ด้วยความชราและโรคภัยไข้เจ็บภายในกาย ลำพังยืนหยัดรับศึกทหารกล้าได้เกือบร้อยคน นับว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อแล้ว แต่ไคหมิงต้าซือมิได้ถอดใจยอมพ่ายแพ้ แม้ขณะนี้จะเหน็ดเหนื่อยแสนสาหัสจนแทบทรงกายไว้ไม่ไหวแล้วก็ตาม เตมูบูจินชักดาบคู่กายออกมา ในขณะที่ไคหมิงต้าซือยันกายกับผนังไว้ตลอดเวลาด้วยความอ่อนล้าโรยแรง
“ข้าหวังเพียงคัมภีร์ทั้งสอง หากได้รับสมดั่งใจปอง ก็จะออกจากวัดแห่งนี้แล้ว มิใยต้าซือจึงขัดขืนดึงดันเช่นนี้เล่า” เตมูบูจินกล่าว
ไคหมิงต้าซือจ้องมองบุรุษหนุ่มเบื้องหน้า แม้เป็นศัตรู แต่ท่านยังอดนึกชื่นชมในความทระนงองอาจของเตมูบูจินอยู่ไม่น้อย
“เจ้าคงเป็นเตมูบูจินที่เขาเลื่องลือกันสินะ วัดแห่งนี้มิได้มีคัมภีร์ใดใดทั้งสิ้น มีแต่บทสวด และพระสูตรเท่านั้นถ้าเจ้าอยากจะได้”
เตมูบูจินขบกรามแน่น
“พระเณรในวัดต่างล้มตายไปจนหมดสิ้นแล้ว ห้องหออารามต่าง ๆ ถูกวางเพลิงจนวอดวาย แม้นข้าไม่ได้สิ่งใดไปจากที่นี่ ก็อย่าหวังว่าข้าจะเหลือสิ่งใดไว้ !”
............................................
ไคหมิงต้าซือสะท้อนใจ ลูกศิษย์ทุกคนต่างต้องตายเพื่อรักษาคัมภีร์ทั้งสอง แต่เรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว ย่อมมิอาจถอยหลังกลับไปยังจุดเดิมได้อีก ท่านนึกถึงไป่จิงเหวินซึ่งขณะนี้คงจะอยู่ในโถงถ้ำลับภายในหุบเขาแล้ว ไคหมิงต้าซือถ่ายทอดคำสั่งให้เหลียนหู่รับรู้เรื่องสำคัญนี้เพียงคนเดียว กำชับแล้วกำชับอีก ทั้งเรื่องประตูลับซึ่งอยู่ใต้เตียงนอน และการเตรียมหย่อนเสบียงลงไปในห้องลับซึ่งต้องกระทำอย่างเป็นความลับนานกว่าสามเดือนจึงเสร็จสิ้น ภายในวัดไม่มีศิษย์คนใดล่วงรู้เลยว่าตนเองได้ถูกถ่ายทอดวิชามังกรพยัคฆ์บูรพาให้ แม้จะเพียงกระบวนท่าเดียวแต่นั่นก็เพียงพอต่อการฝึกฝนเพื่อไว้ป้องกันตัวเองแล้ว มีเพียงเหลียนหู่คนเดียวเท่านั้นที่ได้ฝึกฝนต่อไปจนถึงกระบวนท่าที่ 5 เนื่องจากไคหมิงต้าซือต้องการให้เขาเป็นผู้ช่วยในการถ่ายทอดพลังภายในให้กับไป่จิงเหวิน
สวรรค์ลิขิตทุกอย่างไว้ แต่มีเพียงไป่จิงเหวินคนเดียวเท่านั้นซึ่งจะบอกได้ว่า ฝ่ามือมังกรพยัคฆ์บูรพานั้นสมควรจะถูกสืบทอดรักษาไว้ด้วยมือของเขาหรือไม่ 10 กระบวนท่าอันร้ายกาจยิ่งยวดซึ่งไคหมิงต้าซือคิดค้นขึ้นและฝึกฝนจนสำเร็จวิชา ไม่เคยมีศิษย์คนใดสามารถฝึกฝนได้เกิน 5 กระบวนท่า เนื่องจากความพลิกแพลงของท่วงท่าเพลงยุทธ์ อีกทั้งต้องใช้พลังภายในมหาศาล กว่าไคหมิงต้าซือจะสำเร็จเพลงยุทธ์ก็ต้องใช้เวลาฝึกฝนนานหลายสิบปี
ไคหมิงต้าซือย้อนนึกถึงวันแรกที่ได้พบกับไป่จิงเหวิน เมื่อครั้งมานอนสลบเหมือดอยู่หน้าวัด ด้วยร่างกายหิวโหยซูบโทรม แต่นรลักษณ์ของเด็กน้อยคนนี้กลับเปล่งประกายเจิดจ้ายิ่งนัก ไคหมิงต้าซือรู้ได้ด้วยญาณทัศนะของตนเองว่าเด็กคนนี้ชะตาชีวิตไม่ธรรมดา หากเติบใหญ่และได้รับการฟูมฟักอย่างดี ย่อมสามารถกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดิน หากไม่เป็นไปเช่นนี้ชะตาชีวิตของเขาอาจกลายเป็นจอมมารร้ายแห่งยุคสมัยได้ทันที !!!
ไคหมิงต้าซือดูแลไป่จิงเหวินเป็นอย่างดี อบรมบ่มนิสัยอย่างเข้มงวด แต่มอบความรักความเมตตาให้มากเป็นพิเศษ ด้วยเห็นแววว่าเด็กคนนี้มีความพิเศษในตน เพลงยุทธ์ที่ว่ายากเพียงใด ใช้เวลาไม่นานนัก ไป่จิงเหวินก็ฝึกฝนจนสำเร็จ ฝีมือรุดหน้ากว่าพี่น้องร่วมวัดทุกคน
น่าเสียดาย...เมื่อครบอายุ 17 ปีเต็ม เกิดเรื่องราวพลิกผันขึ้นเสียก่อน ไป่จิงเหวินถูกจิตมารครอบงำใจ เข่นฆ่าทำร้ายพี่น้องร่วมวัดเพื่อหวังช่วงชิงคัมภีร์ทั้งสอง แต่เมื่อกระทำการไม่สำเร็จจึงได้หลีกลี้หนีหายจากวัดไปนานหลายปี ระหว่างนั้นไคหมิงต้าซือทราบข่าวคราวของไป่จิงเหวินเป็นระยะ เห็นความก้าวหน้าในชีวิตของเขา เพียงแต่ใจยังเป็นห่วงเป็นใยศิษย์รักคนนี้อยู่เสมอ เนื่องจากรู้ดีว่าไป่จิงเหวินจะต้องประสบพบชะตากรรมอันโหดร้ายอีกหลายครั้งหลายคราในชีวิตอย่างแน่นอน
..................................................
เตมูบูจินจ้องมองไคหมิงต้าซือด้วยความเคารพ
“ท่านอาจารย์คงเป็นไคหมิงต้าซือใช่หรือไม่ ?”
ท่าทีเปลี่ยนไปของเตมูบูจินทำให้ไคหมิงต้าซือประหลาดใจ
“ใช่...เป็นข้าเอง” ท่านตอบ
“ข้าดีใจยิ่งนักที่วันนี้จะได้ประมือกับท่าน ข้ารอวันนี้มานานนัก เนื่องจากได้ยินกิตติศัพท์ของท่านต้าซือมานาน ขอให้ท่านลงมือโดยมิต้องยั้งมือหรือรั้งไมตรี”
พูดจบเตมูบูจินก็โยนดาบในมือให้ทหารเอกรับไว้
“ขอข้าเปิดหูเปิดตากับท่านต้าซือด้วยเพลงหมัดนี้”
เตมูบูจินเกร็งฝ่ามือโคจรพลังเต็มที่ พุ่งเข้าหาไคหมิงต้าซืออย่างรวดเร็ว !!!
หมัดซ้ายพุ่งตรงเข้าหาใบหน้าไคหมิงต้าซืออย่างรุนแรงรวดเร็ว แต่ท่านเอียงคอหลบได้อย่างหวุดหวิด แม้พลาดเป้า แต่นั่นก็ทำให้เห็นพลังหมัดอันรุนแรงเกินคาด ผนังไม้ด้านหลังแตกกระจุย ! ศอกสั้นตามมาเป็นชุดทั้งซ้ายขวา ไคหมิงต้าซือใช้ฝ่ามือรับไว้อย่างเหนียวแน่นแม่นยำ เตมูบูจินโจมตีด้วยการกระโดดเข่าลอย ไคหมิงต้าซือฉากหลบ เมื่อพลาดเป้า ผนังห้องจึงพังทลายทั้งผืน ไคหมิงต้าซือใช้ฝ่ามือพยัคฆ์ไต่ผากางนิ้วจิกเข้าไปที่แผ่นหลังของเตมูบูจินเต็มแรง น่าประหลาดใจที่กงเล็บของท่านมิอาจสร้างความระคายเคืองใดใดได้ เสื้อของเตมูบูจินขาดวิ่นเป็นริ้ว เผยให้เห็นลวดลายสีดำซึ่งสักไว้กลางแผ่นหลัง เล็บทั้ง 5 นิ้วของไคหมิงต้าซือถึงกับเปิดอ้าออก เลือดไหลออกมาจากปลายนิ้ว
“นี่เจ้าสักยันต์เกราะเพชรด้วยรึเนี่ย !!!” ไคหมิงต้าซืออุทาน
ดูเหมือนท่านจะเหน็ดเหนื่อยมากยิ่งขึ้นไปอีก ไม่มีใครล่วงรู้ว่าท่านได้ถ่ายทอดกำลังภายในทั้งหมดของท่านให้กับไป่จิงเหวินไปแล้วเมื่อก่อนหน้านี้ ลำพังเพียงหยัดยืนต่อสู้กับทหารนับร้อยได้ ต้องนับว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อเกินคาด
“ท่านต้าซือไฉนจึงรู้จักยันต์นี้ด้วย”
เตมูบูจินประหลาดใจไม่แพ้กัน เพราะนี่คือความลับของอาณาจักรจิน หลายปีก่อนมีคณะพระสงฆ์จากอาณาจักรจินหลินเดินทางมาเผยแพร่ธรรมยังอาณาจักรจิน แม้ไม่ได้นับถือพุทธศาสนาอย่างจริงจัง แต่เพลงยุทธ์และความอยู่ยงคงกระพันในตัวพระสงฆ์จากแดนไกล ทำให้จินข่านรั้งตัวพระสงฆ์กลุ่มนี้ไว้ เพื่อให้ถ่ายทอดเพลงมวยการต่อสู้และสักยันต์ให้กับรัชทายาทของท่านข่าน ซึ่งก็คือ เตมูบูจินนั่นเอง
“น่าประหลาดใจนักที่เจ้าเองก็มีวาสนาได้พบพานกับพระสงฆ์จากอาณาจักรจินหลิน”
ไคหมิงต้าซือจ้องมองดูใบหน้าของเตมูบูจินช้า ๆ ชัด ๆ อย่างตั้งใจ และพบว่านรลักษณ์ของชายผู้นี้เปล่งประกายเจิดจ้าไม่แพ้ไป่จิงเหวินเลย จมูก คาง คิ้ว ปาก และแววตานั่น บ่งบอกว่าเจ้าดวงชะตาย่อมเจิดจรัส กลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ครอบครองใต้หล้าในภายภาคหน้าได้อย่างแน่นอน
“อย่ามัวเสียเวลาสนทนาอีกต่อไปเลย ขออภัยที่ข้าต้องลงมือ”
จบคำ เตมูบูจินกระโจนเข้าใส่ไคหมิงต้าซืออีกครั้งด้วยกระบวนท่าชุดต่อเนื่อง เริ่มต้นจากท่าปักษาแหวกรัง ชวาซัดหอก ยกเขาพระสุเมรุ หักงวงไอยรา เพลงหมัดมวยจู่โจมไม่หยุด ตามรุกต่อเนื่องด้วยท่านาคาบิดหาง วิรุณหกกลับ ดับชวาลา ขุนยักษ์จับลิง หักคอเอราวัณ ไคหมิงต้าซือได้แต่ตั้งรับเนื่องจากหมดพลังจนสิ้น ท่านยอมไม่ใช้กระบวนท่าไม้ตายของวิชามังกรพยัคฆ์บูรพา เนื่องจากไม่อยากเผยให้เตมูบูจินเห็นความร้ายกาจของกระบวนท่านี้ ท่านรู้ดีว่าชะตาชีวิตของตนถึงคราวสิ้นสุดลงแล้วในวันนี้ ความตายหาได้น่ากลัวไม่ คนเราเกิดมาล้วนต้องตาย แต่ความหมายของการมีชีวิตอยู่ต่างหาก จะบ่งบอกว่าคน ๆ นั้นมีคุณค่าความหมายเพียงใดในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง
แล้วหมัดตรงของเตมูบูจินก็หลุดรอดการป้องกันได้ในที่สุด หมัดนั้นซัดเข้ากลางหน้าอกของไคหมิงต้าซืออย่างรุนแรง ท่านกระอักเลือดออกมาลิ่มใหญ่ ไคหมิงต้าซือทรุดร่างลงนั่งในท่าขัดตะหมาดทันที ลมหายใจรวยริน เลือดไหลออกจาก 9 ทวาร ความหวังสุดท้ายของไคหมิงต้าซือได้แต่ฝากไว้ในมือของไป่จิงเหวิน ท่านหมดโอกาสจะช่วยเหลือชี้แนะใดใดได้อีกแล้ว
ลมหายใจสุดท้ายของไคหมิงต้าซือดับลงอย่างสงบ เตมูบูจินก้มคุกเข่าลงโค้งคำนับ ไคหมิงต้าซือด้วยความเคารพยกย่อง ก่อนลุกขึ้นยืนและสั่งให้ทหารจุดไฟเผาทำลายอารามหมื่นลี้จนหมดสิ้น รวมทั้งสรีระร่างของท่านไคหมิงต้าซือด้วยความเดิมจากตอนที่แล้วตอนที่ 1 ตอนที่ 2 ตอนที่ 3 ตอนที่ 4 ตอนที่ 5
ตอนที่ 6 ตอนที่ 7 ตอนที่ 8 ตอนที่ 9 ตอนที่ 10
ตอนที่ 11
Create Date : 25 สิงหาคม 2562 |
Last Update : 25 สิงหาคม 2562 6:14:03 น. |
|
18 comments
|
Counter : 2864 Pageviews. |
|
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณmultiple, คุณเริงฤดีนะ, คุณTui Laksi, คุณหอมกร, คุณJinnyTent, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณเนินน้ำ, คุณmcayenne94, คุณสองแผ่นดิน, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณธนูคือลุงแอ็ด, คุณSai Eeuu |
โดย: multiple วันที่: 25 สิงหาคม 2562 เวลา:6:48:17 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 25 สิงหาคม 2562 เวลา:8:27:50 น. |
|
|
|
โดย: Tui Laksi วันที่: 25 สิงหาคม 2562 เวลา:9:18:36 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 25 สิงหาคม 2562 เวลา:9:21:39 น. |
|
|
|
โดย: Tui Laksi วันที่: 25 สิงหาคม 2562 เวลา:9:22:30 น. |
|
|
|
โดย: VELEZ วันที่: 25 สิงหาคม 2562 เวลา:11:06:35 น. |
|
|
|
โดย: JinnyTent วันที่: 25 สิงหาคม 2562 เวลา:11:12:57 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 25 สิงหาคม 2562 เวลา:12:19:03 น. |
|
|
|
โดย: เนินน้ำ วันที่: 25 สิงหาคม 2562 เวลา:17:14:26 น. |
|
|
|
โดย: mcayenne94 วันที่: 25 สิงหาคม 2562 เวลา:18:37:07 น. |
|
|
|
โดย: JinnyTent วันที่: 25 สิงหาคม 2562 เวลา:19:59:49 น. |
|
|
|
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 25 สิงหาคม 2562 เวลา:22:16:40 น. |
|
|
|
โดย: Sai Eeuu วันที่: 26 สิงหาคม 2562 เวลา:16:40:47 น. |
|
|
|
| |
ดูแล้วคู่ปรับของไป่จิงเหวินนี่ เป็นวิชา แม่ไม้มวยไทยเหมือนกันซะอีก
ชักหนักใจแทน นะครับนี่ แต่ยังไง อ.เต๊ะ ก็เอาใจช่วย คุณก๋า เอ๊ย ไป่จิงเหวิน นะครับ ทั้งเรื่องรบ แล้วก้เรื่อง รัก แฮ่ๆ555