:: ศึกชิงบัลลังก์ยุทธ์ มังกรพยัคฆ์บูรพา ตอนที่ 16 ::
:: ศึกชิงบัลลังก์ยุทธ์ มังกรพยัคฆ์บูรพา ตอนที่ 16 ::เรื่องและภาพ : กะว่าก๋า
กว่าสองชั่วยามแล้วที่ไป่จิงเหวินต้องยืนตัวแข็งอยู่อย่างนั้น หลังจากกงเป่ยต้าซือแบกเขาขึ้นบ่าแล้วกระโดดไต่หน้าผาน้ำตกขึ้นมาจนถึงยอดเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดสุ่ยตี้ พระชราวางเขาไว้กลางลานวัด จากนั้นหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่ว่าไป่จิงเหวินจะพยายามออกแรงหรือโคจรพลังเพียงใดก็ไม่อาจขยับเขยื้อนกายได้แม้แต่น้อย ยิ่งคิดยิ่งสับสนในพฤติกรรมของอาจารย์เฒ่า ว่ามีจุดประสงค์ใดกันแน่กับการทำเช่นนี้
เสียงหัวเราะอย่างไร้เหตุผลดังก้องเข้ามาใกล้ พริบตาเดียวหลวงจีนชรายืนอยู่เบื้องหน้าโดยไป่จิงเหวินแทบไม่ทันรู้สึกตัว วิชาตัวเบาของกงเป่ยต้าซือนั้นเยี่ยมยอดที่สุดเท่าที่ไป่จิงเหวินเคยเห็นมาในชีวิต ดูแล้วเหนือกว่าวิชาตัวเบาของไคหมิงต้าซือราวกับมวยคนละชั้นวิทยายุทธ์คนละเชิง
กงเป่ยต้าซือใช้นิ้วชี้จี้ไปที่ 5 จุดตามร่างกายของไป่จิงเหวิน เมื่อจุดถูกคลายออก เขาจึงกลับมาขยับเขยื้อนเคลื่อนกายและพูดได้ตามปกติ
“ท่านอาจารย์มีเพลงยุทธ์ลึกล้ำและวิชาตัวเบานั้นก็ล้ำเลิศเป็นอย่างยิ่ง ข้ามิเคยเห็นวิทยายุทธ์ยอดเยี่ยมเช่นนี้มาก่อนเลยขอรับ” ไป่จิงเหวินกล่าวชมจากน้ำใสใจจริง
“ยอดเยี่ยมแล้วยังไง เก่งกาจแล้วยังไง อาจารย์เฒ่าของเจ้าเองนับว่าเป็นสุดยอดคนในแผ่นดิน แล้วยังไง สุดท้ายก็หนีไม่พ้นตายหรอกเจ้าลาโง่”
กงเป่ยต้าซือกล่าวอย่างตรงไปตรงมา ไป่จิงเหวินฟังแล้วออกจะขัดหูเคืองใจอยู่ไม่น้อย เมื่อได้ยินคำกล่าวพาดพิงถึงอาจารย์ซึ่งเขาเคารพรัก เหมือนกงเป่ยต้าซือจะรู้ทันความคิดของเขา พระเฒ่าหัวเราะดังกึกก้องก่อนใช้หมัดขวาชกเข้าที่ใบหน้าของไป่จิงเหวินเต็มแรง ดีที่ไป่จิงเหวินไหวตัวทันเอี้ยวตัวฉากหลบ หมัดของพระเฒ่าจึงพุ่งตรงไปยังต้นไม้ใหญ่ขนาดหนึ่งคนโอบซึ่งอยู่ด้านหลัง กิ่งไม้ขนาดใหญ่เท่าท่อนขาของผู้ใหญ่หักสะบั้นในหมัดเดียว !
ไป่จิงเหวินหันไปมองพระเฒ่า ก่อนจะทันได้พูดอะไร เท้าขวาก็ถีบจู่โจมมาอย่างรวดเร็วเต็มแรง ไป่จิงเหวินเห็นจวนตัวสมควรตอบโต้บ้าง จึงซัดหมัดขวาต่อยสวนเข้าไปเต็มแรงที่ฝ่าเท้า อาจารย์เฒ่ากระเด็นไปตามแรงส่ง ร่างถลาร่อนกลางอากาศ ดูราวนกกำลังบินอยู่กลางเวหา สู้ไปยิ้มไปอย่างสนุกสนาน
“ดี..ดีมาก ข้าไม่ได้ยืดเส้นยืดสายแบบนี้มานานหลายสิบปีแล้ว วันนี้ข้าจะประลองกับเจ้าให้ฉ่ำปอดไปเลย”
พูดจบกงเป่ยต้าซือโหมรุกโจมตีอย่างต่อเนื่อง กระบวนท่าแล้วกระบวนท่าเล่า ยิ่งมายิ่งรุนแรง โจมตีจุดตายแทบทุกจุด แต่ไป่จิงเหวินหาได้กลัวเกรงไม่ ยิ่งสู้ยิ่งสนุก เขาไม่เกรงใจหรือออมมืออีกแล้ว ใช้ทั้งเพลงหมัดเท้าเข่าศอก ใช้กระบวนท่าในคัมภีร์มังกรพยัคฆ์บูรพาทั้งหมด มีแรงเท่าไหร่ใส่ไม่ยั้ง เมื่อเสือพบสิงห์ ยิ่งสู้ยิ่งเข้าใจในจิตใจของกันและกันโดยมิต้องใช้คำพูดหรือถ้อยคำใดมาอธิบาย
ผ่านไป 100 กว่ากระบวนท่ายังหาผู้ชนะเด็ดขาดไม่ได้ จู่ ๆ กงเป่ยต้าซือฉากหลบ กระโดดถอยหลัง เหินลอยขึ้นไปยืนอยู่บนก้อนหินขนาดใหญ่ตรงลานวัด ท่านหัวเราะลั่นด้วยความพึงพอใจ
“ยอดเยี่ยมมากเจ้าหนุ่ม มิเสียแรงเป็นศิษย์เอกของไคหมิงต้าซือ”
ท่านมองขึ้นไปบนฟ้าประหนึ่งเหมือนพูดกับใครคนหนึ่ง
“ไคหมิงต้าซือเจ้าโชคดีเหลือเกิน ที่ได้ถ่ายทอดเพลงยุทธ์อันยอดเยี่ยมเช่นนี้ไว้ในยุทธภพ ข้าไม่นึกไม่ฝันว่ามันจะเป็นวรยุทธ์ลึกล้ำถึงเพียงนี้ ข้าเคยใฝ่ฝันว่าจะได้ประมือประลองกับเจ้าสักครั้งก่อนจะสิ้นชีวิต มิคาดคิดแม้วันนี้เจ้าจากไปแล้ว แต่ฝันของข้าก็กลายเป็นจริง เจ้าไม่ต้องห่วงนะ สิ่งที่เขาขาดเหลือ ข้าจะเป็นคนเติมให้เอง”
ไป่จิงเหวินยืนมองดูอากัปกิริยาของกงเป่ยต้าซือด้วยความงุนงง หลวงจีนเฒ่าผู้นี้ดูคุ้มดีคุ้มร้าย มีแต่สร้างเรื่องน่าประหลาดใจ คาดเดาอะไรไม่ได้เลย
กงเป่ยต้าซือเดินเข้ามาหาไป่จิงเหวิน พร้อมเอ่ยขึ้นว่า
“ยังไม่กราบคารวะข้าเป็นอาจารย์อีกรึเจ้าศิษย์โง่”
ไป่จิงเหวินมิคาดคิดว่าจะได้ยินคำนี้ ด้วยความตื้นตันดีใจ เขารีบคุกเข่าก้มคารวะกงเป่ยต้าซือทันที เสียงหัวเราะดังกึกก้องขึ้นอีกครั้ง
“ดีมาก ๆ --- นับต่อแต่นี้ไป เจ้ากลายเป็นศิษย์ของข้า วิชาใดที่ข้ารู้ เจ้าจะรู้ วิชาใดที่ข้าทำได้ เจ้าจะต้องทำให้ดีกว่า จงเอาชนะชะตากรรมให้ได้ แล้วเจ้าจะเป็นยอดคนในแผ่นดิน !”
จบคำ --- กงเป่ยต้าซือโจนทะยานด้วยวิชาตัวเบาล้ำลึก เหาะหายไปอย่างรวดเร็ว
..............................................
วัดป่าแห่งนี้มีขนาดเล็กกว่าอารามหมื่นลี้ ทั้งวัดมีแค่กงเป่ยต้าซือกับเด็กวัดเพียงคนเดียว ไป่จิงเหวินสนิทสนมกับเสี่ยวเป่าเด็กชายตัวน้อยอย่างรวดเร็ว เสี่ยวเป่าเล่าให้ฟังว่าตนเองนั้นกำพร้าพ่อแม่ เนื่องจากหลายปีก่อนทหารซ่งบุกเข้าปล้นหมู่บ้าน ฆ่าคนในหมู่บ้านตายเกือบหมด เสี่ยวเป่ารอดตายมาได้เพราะท่านป้าซึ่งเป็นน้องสาวของจิ้นเซียงกง พาหลบหนีไปซ่อนตัวบนภูเขาได้ทัน แต่พ่อแม่ถูกฆ่าตายอย่างโหดร้ายทารุณทั้งคู่ สุดท้ายจึงได้มาอยู่เป็นศิษย์วัด ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขประสาเด็ก 9 ขวบ
ระหว่างวันเสี่ยวเป่ามีหน้าที่ดูแลเรื่องอาหารการกิน ตักน้ำไว้ใช้สอยภายในวัด ไป่จิงเหวินได้เห็นเสี่ยวเป่าใช้วิชาตัวเบาโดดขึ้นโดดลงไปตักน้ำจากน้ำตกด้านล่างขึ้นมาไว้บนวัดก็อดทึ่งไม่ได้ ว่าเด็กตัวน้อยแต่กลับมีวิชาตัวเบาชั้นเลิศ
เมื่อกราบคารวะกงเป่ยต้าซือเป็นอาจารย์ ท่าทีของอาจารย์เฒ่าก็เปลี่ยนไป กลายเป็นครูผู้ดุร้ายเข้มงวด แต่นั่นหาได้ทำให้ไป่จิงเหวินเคร่งเครียดไม่ ไม่ว่าพระชราจะสั่งหรือสอนอะไร ไป่จิงเหวินสามารถเรียนรู้และทำตามได้อย่างรวดเร็ว ถึงขนาดกงเป่ยต้าซือยังออกปากชม
“มหัศจรรย์มากเจ้าลาโง่ วิชาตัวเบานี้ข้ายังต้องฝึกฝนถึงสามสิบปีกว่าจะบรรลุ นี่เจ้าฝึกอยู่กับข้าเพียงสามวันกลับบรรลุทุกกระบวนท่าแล้ว พลังวัตรที่ไคหมิงต้าซือเพื่อนรักของข้ามอบให้กับเจ้านั้น ส่งเสริมให้เพลงยุทธ์ก้าวล้ำนำหน้าผู้คนทั้งใต้หล้าไปไกลลิบลับ ไหนเจ้าลองทบทวนบทเรียนสุดท้ายซึ่งข้าเพิ่งสอนเจ้าไปสิ”
ไป่จิงเหวินสงบใจตั้งสติ ผ่อนลมหายใจช้า ๆ แล้วกระโจนทะยานโผนขึ้นไปยืนอยู่บนยอดไผ่สูง ราวกับนกนางแอ่นเหินลม จากนั้นก้าวเท้ากระโดดเหยียบยอดไผ่ไปทีละต้น ทีละกอ ประหนึ่งเดินเหินอยู่บนพื้นดิน กงเป่ยต้าซือยืนลูบเคราสีขาวมองดูอย่างพึงพอใจ
“ดี...ดี...ทำได้ดี”
......................................................
10 วันผ่านไปอย่างรวดเร็วปานลมพัด บัดนี้ไป่จิงเหวินบรรลุวิชาตัวเบาโดยสมบูรณ์แบบ กงเป่ยต้าซือไม่ได้สอนเพลงยุทธ์อะไรเพิ่มเติมให้อีก เนื่องจาก 10 กระบวนท่าของไคหมิงต้าซือนั้นนับเป็นสุดยอดวิชาแห่งใต้หล้าอยู่แล้ว ไป่จิงเหวินแสดงสุดยอดท่าไม้ตายทั้งหมดให้อาจารย์เฒ่าได้ดูโดยไม่ปิดบังอำพราง ฝ่ามือพันกร มังกรเขย่าสวรรค์ พยัคฆ์ซ่อนเมฆ มังกรคาบเหยื่อ พยัคฆ์ไต่ผา มังกรเทวะ พยัคฆ์เพลิงสีชาด มังกรดับวิญญาณ พยัคฆ์สะท้านภพ และ กระบวนท่าสุดท้ายมังกรสะท้านโลกันต์ ทุกกระบวนท่าล้วนโจมตีอย่างพิสดารพันลึก ทั้งอ่อนแข็งแกร่งกร้าว ทั้งยืดหยุ่นโอนอ่อนผ่อนปรน ทั้งจู่โจมรวดเร็วและตั้งรับมั่นคง แทบจะไม่มีจุดอ่อนตรงไหนให้พิชิตได้เลย นับเป็นความอัจฉริยะของไคหมิงต้าซือที่สามารถคิดค้นเพลงยุทธ์อันยอดเยี่ยมสมบูรณ์แบบเช่นนี้ออกมาได้
เมื่อซ้อมเพลงหมัดจินหลินต่ออีกครึ่งชั่วยามเสร็จ ไป่จิงเหวินเดินมานั่งพักตรงหน้าต้นไม้ใหญ่ กงเป่ยต้าซือมองดูอย่างชื่นชม ไม่มีเพลงยุทธ์อะไรจะต้องสอนไป่จิงเหวินอีกแล้ว ถ้าจะมีก็เหลือแต่เพลงยุทธ์ไร้ใจที่พระเฒ่าไม่เคยคิดจะสอนให้ใครมาก่อน
“เจ้าลาโง่” พระเฒ่าร้องเรียกไป่จิงเหวินด้วยชื่อนี้ตลอด
“ครับ ท่านอาจารย์”
“มานี่สิ” อาจารย์ร้องเรียกให้เดินเข้ามา ไป่จิงเหวินเดินมาด้วยอาการสำรวม
“ข้ารู้ดีว่าเจ้ามีวิชาประหลาด หนังเหนียวจนศาสตราวุธทุกชนิดไม่อาจแทงทะลุผ่านผิวกายได้ แต่ข้าจะทดลองให้เจ้าเห็นอะไรบางอย่าง --- เอ้า....ยืนนิ่ง ๆ นะ”
พูดจบกงเป่ยต้าซือเอื้อมมือไปเด็ดดอกหญ้าดอกหนึ่งขึ้นมาถือไว้ ท่านเดินพลังภายในชั่วอึดใจ ก่อนซัดก้านดอกหญ้าให้พุ่งตรงไปที่ไป่จิงเหวินอย่างรวดเร็วและรุนแรง ก้านดอกหญ้าปักเข้าไปตรงต้นแขนของไป่จิงเหวิน จมลึกเข้าไปเพียงเล็กน้อย นั่นแสดงว่าผิวกายของเขาหมดความเหนียวความแข็งแกร่งแล้วอย่างนั้นหรือ !!!
กงเป่ยต้าซือเอ่ยถามไป่จิงเหวิน
“เจ้ารู้ไหมว่าทำไมดอกหญ้าจึงกลายเป็นอาวุธทิ่มแทงผิวกายของเจ้าได้?”
“ข้ามิอาจล่วงรู้ได้เลยขอรับอาจารย์” ไป่จิงเหวินตอบตามความจริง
กงเป่ยต้าซือหัวเราะลั่นด้วยความชอบอกชอบใจ
“แล้วเจ้าจะได้รู้เองเจ้าลาโง่ !!!”
.....................................................
รูปแบบการฝึกฝนเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง จากการฝึกวิชาตัวเบา วิชาจี้จุด ไป่จิงเหวินต้องฝึกนั่งสมาธิตั้งแต่เช้าจรดเย็น ช่วงเช้าจนถึงเที่ยงนั่งสมาธิภายในวิหาร ช่วงบ่ายถึงเย็นนั่งสมาธิใต้น้ำตกซึ่งไหลบ่าลงมาจากยอดเขา กงเป่ยต้าซือมิได้อธิบายเหตุผลอะไรให้ทราบเลย เพียงสั่งให้ทำแล้วหายตัวไปนานนับสัปดาห์ เสี่ยวเป่ามีหน้าที่นำอาหารเที่ยงมาให้กินวันละมื้อ ส่วนใหญ่เป็นผลไม้ป่าหรือไม่ก็อาหารเจซึ่งทำขึ้นอย่างง่าย ๆ ไร้รสชาติ เมื่อนำอาหารมาวางไว้เสร็จก็เดินจากไปเงียบ ๆ มิได้อยู่พูดคุยรบกวนการฝึกฝนสมาธิของไป่จิงเหวินแต่อย่างใด
ไป่จิงเหวินไม่รู้เหตุผลว่าทำไมจึงต้องนั่งหลับตาทำสมาธิทั้งวัน ยิ่งนั่งยิ่งเมื่อยขบไปทั้งตัว ไม่เห็นประโยชน์โพดผลอันใดเลย เขาเริ่มเบื่อ แต่ด้วยความอยากรู้ในความลับว่าเหตุใดยันต์เกราะเพชรจึงเสื่อมมนตร์ขลัง ทำให้เขายังคงนั่งต่อไปเรื่อย ๆ พร้อมความสงสัยในใจที่ทบทวีมากขึ้นทุกวัน
การนั่งแช่น้ำตกในช่วงบ่ายนับว่าเป็นเรื่องรื่นรมย์อยู่บ้าง อากาศเริ่มร้อนขึ้นตามฤดูกาลที่เปลี่ยนผัน น้ำตกไหลแรงลงมากระทบศีรษะทำให้รู้สึกเย็นสบายคลายตัว เมื่อนั่งเสร็จจนถึงช่วงเย็นย่ำเขาก็กลับขึ้นไปพักผ่อนที่อารามด้านบน ตอนนี้ไป่จิงเหวินสามารถใช้วิชาตัวเบาเหาะเหินเดินเหยียบก้อนหินใหญ่น้อย ขึ้นไปยังหน้าผาด้านบนได้อย่างรวดเร็วคล่องแคล่วทัดเทียมกันกับกงเป่ยต้าซือแล้ว
บ่ายวันนั้น ขณะนั่งพิจารณาความเป็นไปในเรื่องราวต่าง ๆ จู่ ๆ ข้อความเดิมก็แวบผ่านเข้ามาในห้วงความคิดของไป่จิงเหวินอีกครั้ง
รูปคือความว่าง ความว่างคือรูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ก็เป็นเช่นนี้ สรรพธรรมทั้งปวงล้วนมีความว่างเป็นลักษณะ โดยมิได้มีทั้งการเกิดขึ้นและการดับสูญไป มิได้มีทั้งความแปดเปื้อนและความบริสุทธิ์ มิได้มีทั้งการเพิ่มขึ้นและลดลง ด้วยเหตุฉะนี้ ในความว่างนั้น จึงไร้รูป ไร้เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ
เมื่อทบทวนข้อความนี้ซ้ำไปซ้ำมาไปเรื่อย ๆ นับร้อยนับพันครั้ง เขารู้สึกเหมือนได้ยินเสียงน้ำตกซึ่งกำลังไหลลงมาชัดเจนขึ้นทุกสรรพเสียง เมื่อลืมตาขึ้นมาพบว่าตนเองมองเห็นหยดน้ำทุกหยดค่อย ๆ เคลื่อนตัวผ่านลงมาทีละหยด ๆ อย่างช้า ๆ เห็นเป็นเม็ดกลมใสแวววาวอย่างเห็นได้ชัดทุกรายละเอียด เสียงหัวเราะของกงเป่ยต้าซือดังกึกก้องลั่นป่า ท่านตะโกนลงมาว่า
“หยดน้ำสามหยดรวมเป็นหนึ่ง !”
พูดจบถ้อยคำ ปรากฏเสียงดังกึงกังโครมครามลั่นมาจากด้านบน ไป่จิงเหวินแหงนหน้ามองดู เห็นก้อนหินใหญ่น้อยร่วงกรูกราวหล่นลงมาเป็นจำนวนมาก ก้อนหินก้อนใหญ่ขนาดหนึ่งคนโอบไม่รอบพุ่งตรงลงมาที่ไป่จิงเหวิน เขาใช้ฝ่ามือกระแทกเต็มแรง ก้อนหินแตกระเบิดกระจายเป็นเสี่ยง ๆ อย่างไม่น่าเชื่อ ไป่จิงเหวินลุกขึ้นยืนใต้น้ำตกที่กำลังไหลเชี่ยวลงมาพร้อมก้อนหินเป็นจำนวนมาก เขาหลับตาโคจรกำลังภายใน แล้วใช้วิชาตัวเบากระโดดเหยียบหินที่ลอยละล่องอยู่กลางอากาศ ไต่ขึ้นไปบนหน้าผาอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ นี่ย่อมเป็นหลักฐานชี้ชัดได้ว่า เขาบรรลุเพลงยุทธ์ของกงเป่ยต้าซือได้ทั้งหมดแล้ว
“คารวะท่านอาจารย์ ศิษย์ได้พบคำตอบแล้วขอรับ ว่าเหตุใดก้านดอกหญ้าจึงแทงทะลุผ่านยันต์เกราะเพชรของข้าได้”
“ประเสริฐแล้ว ประเสริฐแล้ว มิเสียทีที่ไคหมิงต้าซือฝากปณิธานยิ่งใหญ่ไว้กับตัวเจ้า”
พูดจบกงเป่ยต้าซือแหงนหน้าอ้าปากหัวเราะเสียงดังสะใจ ก่อนใช้วิชาตัวเบาเหาะเหินหายไปอย่างรวดเร็ว !!!ความเดิมจากตอนที่แล้วตอนที่ 1 ตอนที่ 2 ตอนที่ 3 ตอนที่ 4
ตอนที่ 5 ตอนที่ 6 ตอนที่ 7 ตอนที่ 8
ตอนที่ 9 ตอนที่ 10 ตอนที่ 11 ตอนที่ 12
ตอนที่ 13 ตอนที่ 14 ตอนที่ 15
Create Date : 30 สิงหาคม 2562 |
|
21 comments |
Last Update : 30 สิงหาคม 2562 6:12:45 น. |
Counter : 2870 Pageviews. |
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณmcayenne94, คุณmultiple, คุณสองแผ่นดิน, คุณkae+aoe, คุณหอมกร, คุณSweet_pills, คุณสาวไกด์ใจซื่อ, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณเนินน้ำ, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณmariabamboo, คุณตะลีกีปัส, คุณธนูคือลุงแอ็ด, คุณJinnyTent, คุณSai Eeuu |
| |
โดย: multiple 30 สิงหาคม 2562 8:08:42 น. |
|
|
|
| |
โดย: kae+aoe 30 สิงหาคม 2562 8:19:11 น. |
|
|
|
| |
โดย: หอมกร 30 สิงหาคม 2562 8:27:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนินน้ำ 30 สิงหาคม 2562 12:04:35 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณต่อ (toor36 ) 30 สิงหาคม 2562 23:38:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: Sai Eeuu 31 สิงหาคม 2562 1:35:36 น. |
|
|
|
| |
เดินไปแต่ละช่วง มีออกอาการ เหาะเหินเดินอากาศตามมั้ยค่ะ
แบบมือไม้ฟาดเป็นกระบี่ แล้วเคยแบบตัวละครแซงคิวกันมั้ยค่ะ
เพราะช่วงเขียน บางที่ตัวละครโผล่มาในความคิดทะลุออกมา
สวัสดีวันศุกร์อีกแล้วค่ะ
ขอตัวไปฝึกวิชาตัวหนักก่อนนะคะ ท้องร้องจ๊อกๆ แล้ว