: กะว่าก๋าแนะนำหนังสือ - แก่นคำสอน อาทรี ซกเชน :
: แก่นคำสอน อาทรี ซกเชน :เขียน : ดรู เกียลวา ยุงดรุง แปล : ศุทธนา วิจิตรานนท์
“ซกเชน” ในภาษาธิเบต หมายถึง ความสมบูรณ์อันประเสริฐของสมาธิ หมายถึง จิตเดิมแท้ หมายถึง วิธีปฏิบัติอันนำไปสู่การเข้าถึงพุทธภาวะที่สมบูรณ์ หมายถึง สภาวะจิตเดิมแท้ ; สภาวะจิตตื่นรู้ หมายถึง การปฏิบัติธรรมเพื่อพบกับปัญญาญาณในตน“อาทรี ซกเชน”เป็นสายธรรมซกเชนของพุทธเพิน ใช้อักษรธิเบต “อา” ในการนิมิตเจริญสมาธิภาวนา
หนทางแห่ง “อาทรี ซกเชน” คือ
1. นำกระแสจิตที่ยังไม่สุกงอมไปสู่ความสุกงอม 2.นำกระแสจิตที่สุกงอมไปสู่ความหลุดพ้น 3.นำกระแสจิตที่หลุดพ้นแล้วไปสู่พุทธภาวะ
หนทางทั้งหมดอยู่ที่การทำภาวนาสมาธิ และวิปัสสนาปัญญา
“อาทรี ซกเชน” เป็นแนวทางการฝึกฝนตนเพื่อนำไปสู่หนทางแห่งการพ้นทุกข์ ถูกคิดค้น ทดลองขึ้นโดยคุรุผู้มีปัญญาชาวธิเบต ถ่ายทอดองค์ความรู้ผ่านการสอนศิษย์ แบบปากเปล่าและจิตสู่จิต ในภายหลังจึงมีผู้รวบรวมหลักธรรมคำสอนเล่านี้ให้เป็นหมวดหมู่ เรียงลำดับขั้นตอน แจงแจงรายละเอียดเอาไว้ ให้เป็นแนวทางที่ศิษย์และคนรุ่นหลัง จะได้ใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติธรรม
“การเวียนว่ายตายเกิด” ยังคงเป็นปริศนาลึกลับดำมืดของคนทุกชาติศาสนา “การเวียนว่ายตายเกิด” ยังคงเป็นต้นธารแห่งความทุกข์ “การเวียนว่ายตายเกิด” คือ ต้นทางแห่งการเกิด และปลายทางแห่งความตาย
ทุกชีวิตที่เกิดมาล้วนไม่อาจหลบเลี่ยงชะตากรรมของตน สุขทุกข์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตก่อเกิดความสั่นไหวในใจ ทุกข์อันเกิดจากการปรุงแต่งของจิตหรือความคิด ทำอย่างไรจึงจะกำราบจิตอันแส่ส่ายนี้ได้ ทำอย่างไรจึงจะรับมือกับกิเลสซึ่งคอยยั่วเย้าในหลงผิด ทำอย่างไรจึงจะจัดการกับอวิชชาที่ผ่านเข้ามาเพื่อลากเราเข้าสู่หนทางที่ผิดพลาดหมองมัว ทำอย่างไรจะพ้นไปจากการยึดติดในตัวตนซึ่งเป็นโซ่ตรวนหน่วงเหนี่ยวเราไว้กับชาติภพ ทำอย่างไรจึงจะไม่เกิดอีก ; ไม่เกิด - ไม่ตาย ; ไม่ตาย - ไม่เกิด“อาทรี ซกเชน”คือ คู่มือในการปฏิบัติธรรมอย่างมีรูปแบบและขั้นตอน ตั้งแต่ในระดับผู้เริ่มต้น ผู้ฝึกฝนตน และไปจนถึงขั้นผู้รู้แจ้ง รายละเอียดภายในคัมภีร์ได้ทำให้เราพบกับแนวทางที่จะใช้ฝึกฝนตน จนถึงวาระที่สิ่งที่ควรกำจัดก็ได้รับการกำจัดไปจนหมดสิ้น สิ่งที่ควรตระหนักรู้ก็ได้ตระหนักรู้จนหมดสิ้น
ดังท่านบรมครูริเทรอได้กล่าวคำสอนอันล้ำค่าเอาไว้ว่า“โดยทั่วไปแล้ว ในการที่สรรพสัตว์ทั้งหลายจักได้เข้าถึง ‘พุทธภาวะ’ นั้นมีความจำเป็นที่จะต้องบำเพ็ญสมาธิ ในการทำสมาธินั้นก็จำเป็นที่จะต้องตระหนักถึงทรรศนะ ในการตระหนักถึงทรรศนะ ก็มีความจำเป็นที่จะต้องได้รับการชี้นำหนทางให้เข้าใจแก่นคำสอน แต่เพียงการชี้นำหนทางอาจไม่เพียงพอ จำเป็นที่จะต้องปฏิบัติภาวนาสมาธิ แต่เพียงการปฏิบัติภาวนาสมาธิก็ยังไม่เพียงพอ จำเป็นที่จะต้องนำประสบการณ์นั้นเข้าไปในกระแสจิต แต่เพียงการนำประสบการณ์เข้าไปในกระแสจิตก็ยังไม่เพียงพอ จำเป็นที่สัญญาณของความก้าวหน้าในการปฏิบัติจะปรากฏขึ้น แต่เพียงสัญญาณปรากฏขึ้นก็ยังไม่เพียงพอ จำเป็นที่จะต้องปรากฏเป็นผล แต่เพียงการปรากฏเป็นผลก็ยังไม่เพียงพอ จำเป็นที่จะต้องยังประโยชน์ต่อสรรพสัตว์ อย่างไม่มีประมาณในการประพฤติปฏิบัติตน”เราปฏิบัติธรรมไปทำไม ? ก็เพื่อจะได้พ้นไปจากทวิภาวะ ไร้สิ่งที่ถูกรู้และผู้รู้ ไร้สิ่งที่ถูกเห็นและผู้เห็น ปราศจากความคิด ไร้เหตุไร้ผลเพื่อใช้ในการรับรู้ ว่างจากการมีอยู่ทั้งปวง ‘ตัวตน’ เป็นเพียงเงาสะท้อนของการมีอยู่ในชั่วขณะ ชีวิตปรากฏขึ้นคล้ายภาพฝันลวงตา ปรากฏการณ์แห่งการตื่นรู้เท่านั้น ที่จะทำให้ภาพมายานี้หายไป !!!!











Create Date : 08 มกราคม 2568 |
Last Update : 8 มกราคม 2568 5:21:43 น. |
|
16 comments
|
Counter : 567 Pageviews. |
|
 |
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณหอมกร, คุณtuk-tuk@korat, คุณtanjira, คุณmultiple, คุณhaiku, คุณThe Kop Civil, คุณnonnoiGiwGiw, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณอุ้มสี, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณปรศุราม, คุณRananrin, คุณปัญญา Dh, คุณnewyorknurse, คุณกะริโตะคุง, คุณสองแผ่นดิน |
โดย: หอมกร วันที่: 8 มกราคม 2568 เวลา:6:44:34 น. |
|
|
|
โดย: tanjira วันที่: 8 มกราคม 2568 เวลา:8:55:27 น. |
|
|
|
โดย: multiple วันที่: 8 มกราคม 2568 เวลา:8:58:45 น. |
|
|
|
โดย: haiku วันที่: 8 มกราคม 2568 เวลา:9:45:20 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 8 มกราคม 2568 เวลา:10:32:52 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 8 มกราคม 2568 เวลา:11:36:29 น. |
|
|
|
โดย: ปัญญา Dh วันที่: 8 มกราคม 2568 เวลา:14:39:44 น. |
|
|
|
โดย: กะริโตะคุง วันที่: 8 มกราคม 2568 เวลา:15:58:12 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 8 มกราคม 2568 เวลา:22:00:53 น. |
|
|
|
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 8 มกราคม 2568 เวลา:23:06:54 น. |
|
|
|
| |
วันนี้น่าจะมาก่อนคุณธัญแน่ๆ จ้า