108 เรื่องกินของหนู ก็แนะนำอาหารที่เหมาะกับหนูวัยขวบแรกไปแล้วหลายต่อหลายครั้ง หนนี้จึงมีบัญชี อาหารที่หนูๆ วัยขวบแรกควรเลี่ยงที่จะหม่ำมาบอกกันค่ะ * น้ำผึ้ง เพราะอาจแพ้เกสรที่มีอยู่ในน้ำผึ้งได้ และน้ำผึ้งก็มีคุณสมบัติช่วยระบายด้วยหาก ให้ในปริมาณที่ไม่เหมาะสม ก็อาจจะส่งผลถึงระบบการขับถ่ายของลูกได้ เว้นเสียแต่คุณหมอแนะนำ ให้รับประทานเพื่อลด ปัญหาท้องผูกของลูก ซึ่งคุณแม่ก็ควรให้ด้วยความระมัดระวัง ในปริมาณน้อยๆ ก่อนเพื่อสังเกต อาการของลูก และไม่ควรผสม น้ำผึ้งลงในนม หรือน้ำดื่มของลูกค่ะ * นมวัว เช่น นมยูเอชที พาสเจอร์ไรซ์ รวมถึงนมเปรี้ยวพร้อมดื่มด้วยค่ะ เพราะนมเหล่านี้มีความเข้มข้น โปรตีนค่อน ข้างมาก เมื่อเทียบกับนมผงดัดแปลงสำหรับทารกและนมผงสูตรต่อเนื่อง ซึ่งไม่เหมาะกับการทำงานของลำไส้ในตอนนี้ อีกทั้งเจ้าตัวเล็กยังมีโอกาสแพ้โปรตีนจากนมนั้นได้อีก ฉะนั้นรอไว้ให้ลูกดื่มเมื่อครบขวบจะเหมาะกว่า * ไข่(ที่ปรุงไม่สุกดี) ประเภทไข่ลวก ไข่ต้มยางมะตูม เพราะการย่อยโปรตีนเหล่านี้เป็นงานหนัก เกินไปสำหรับระบบย่อย ของน้องน้อยที่ยังไม่พร้อมสมบูรณ์ และสำหรับคุณหนูที่อยู่ในครอบครัวซึ่งมีประวัติภูมิแพ้ ควรเริ่มไข่ขาว เมื่อครบขวบ ไปแล้วจะดีกว่าค่ะ * ถั่ว เป็นโปรตีนคุณภาพที่มีประโยชน์ไม่น้อย แต่ก็เป็นชนิดอาหารที่เสี่ยงต่อการเกิดการแพ้สูง โดยเฉพาะหนูวัยเบบี๋ และสำหรับหนูๆ ที่อยู่ในครอบครัวที่มีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้ควรรอให้ครบขวบก่อนค่อยเริ่มหม่ำ ที่สำคัญควรเริ่ม ให้ใน ปริมาณน้อยก่อน เพื่อสังเกตว่าลูกมีการแพ้หรือไม่ และหากจะให้อาหารถั่วกับลูกควรต้มให้เปื่อย ไม่ควรให้ลูกหม่ำเป็นเม็ด เพราะโอกาสที่ถั่วจะลื่นหลุดติดคอมีไม่น้อยเลยค่ะ (ปกติ จะมีการแนะนำให้เนื้อปลาและผักต้มเปื่อย และถั่วต้มเปื่อยตั้ง แต่อายุประมาณ 5 เดือน ช่วยพิจารณาปรับเพื่อไม่ให้เกิดความสับสน) * น้ำอัดลม ไม่เหมาะทั้งวัยเบบี๋หรือคุณหนูวัยซนเลยเชียว เพราะไม่มีคุณค่าอาหารที่เป็นประโยชน์กับร่างกายแม้แต่น้อย แล้วยังมีแก๊สทำให้ท้องอืด ไหนจะน้ำตาลที่ทำให้เจ้าหนูติดรสหวานและเกิดฟันผุได้อีก โดยเฉพาะกับวัย เบบี๋ที่การทำความ สะอาดฟันดูจะยังเป็นเรื่องยากอยู่ นอกจากนั้นน้ำอัดลมยังทำให้ลูกไม่รู้สึกอยากอาหาร ถ้ากินมากเกินไปก็อาจ เกิดปัญหา น้ำตาลสะสมในร่างกายได้ แถมยังปลูกฝังนิสัยการกินที่ไม่ถูกต้องอีกต่างหาก น้ำอัดลมบางประเภทมีส่วนผสมของคาเฟอีน ซึ่งไม่เหมาะกับเด็กเล็กๆ เลย เพราะคาเฟอีนมีฤทธิ์ทำให้เกิดการเสพติดและกระตุ้นประสาททำให้ไม่ง่วง มีผลต่อการ นอนของลูก แล้วเมื่อเจ้าตัวเล็กหลับไม่สนิทแล้ว ร่างกายก็จะหลั่งฮอร์โมนการเติบโต (growth hormone) ไม่ได้เต็มที่ คราวนี้การเจริญเติบโตของลูกก็มีอุปสรรคแน่ๆค่ะ * ขนมขบเคี้ยว น้องน้อยวัยเบบี๋มักได้ลิ้มลองอาหารชนิดนี้ก็เวลาที่ผู้ใหญ่กำลังกินอยู่นั่นแหละค่ะ โดยอาจจะลืมไปว่า ขนมขบเคี้ยวนั้นอุดมไปด้วยแป้ง ไขมันและเกลือเป็นส่วนใหญ่ แต่แร่ธาตุ วิตามินมีน้อย เวลาหนูๆ หม่ำก็จะดื่มน้ำมาก ไม่อยากอาหาร ทีนี้ล่ะแทนที่ร่างกายจะได้อาหารที่มีประโยชน์และหลากหลายก็มาอิ่มที่แป้งและไขมันไปซะก่อน แถมไตยังต้องรับบทหนักในการขับถ่ายอีกด้วย * ช็อคโกแลต เป็นของโปรดของใครต่อใครก็จริง แต่กับลูกเล็กอย่างนี้ยังไม่ควรให้หม่ำค่ะ เพราะนอกจากความหวานแล้ว ช็อคโกแลตยังมีส่วนผสมของคาเฟอีนด้วย ลูกก็จะติดรสชาติหวานพร้อมๆ กับติดคาเฟอีน ซึ่งไม่เป็นผลดีกับสุขภาพฟัน และการเจริญเติบโตของลูกเลยค่ะ * อาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก กุนเชียง เพราะเหล่านี้มักมีสารปรุงแต่งประเภทต่างๆ ทั้งสี กลิ่น รส เพื่อให้อาหารดูน่ากิน การให้ลูกรับประทานอาหารเหล่านี้ก็เท่ากับเพิ่มโอกาสให้ลูกได้รับสารปนเปื้อนที่มีอยู่ในอาหาร * เกลือหรือเครื่องปรุงรสอื่นๆ อย่าทำให้ลูกติดในรสอาหารด้วยการเติมเกลือ น้ำปลา ซีอิ้วหรือน้ำตาลลง ในอาหารของ ลูกเลยค่ะ เพราะเมื่อเจ้าตัวเล็กเกิดติดใจรสชาติใดรสชาติหนึ่งตั้งแต่ตอนนี้แล้วก็จะกลายเป็นนิสัยการกินที่ติดตัวไปจนโต ซึ่งอาจก่อปัญหาสุขภาพให้กับลูกได้ในอนาคต เช่น ถ้าติดรสเค็มมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นความดันโลหิตสูง ติดหวาน ก็เสี่ยงกับเบาหวาน และโรคอ้วน นอกจากนี้เจ้าตัวเล็กของคุณแม่จะกลายเป็นเด็กเลือกกิน กินยาก การจะฝึกให้เรียนรู้ อาหารที่หลากหลายก็ทำได้ยากขึ้นอีกด้วยค่ะ ฉะนั้นปฏิบัติการชวนกินด้วยการปรุงแต่งรสชาติเอาไว้ ค่อยเริ่มตอน ลูกครบ ขวบก็ยังไม่สาย * โจ๊กซองชนิดสำเร็จรูป แบบที่ผู้ใหญ่เรากินกันแม้จะมีลักษณะอาหารเนียนและเหลว เหมาะจะเป็นอาหารของหนูวัยนี้ แต่ส่วนผสมที่ปรุงแต่งรสชาติอยู่ในนั้นก็ไม่เหมาะกับน้องน้อยเลย ถ้าอยากใช้แบบสำเร็จรูปควรเลือก ที่ระบุว่าเป็นอาหาร สำหรับทารกและเด็กเล็กจะดีกว่า * น้ำผลไม้พร้อมดื่มที่มีสารกันบูด ถ้าคุณแม่ที่อยากให้ลูกหม่ำน้ำผลไม้หรือส้มคั้น แล้วขอสะดวกด้วยการให้น้ำผลไม้ พร้อมดื่มอย่างผู้ใหญ่เราก็สังเกตฉลากข้างกล่องให้ดี เลือกแบบที่มี อย. รับรองช่วยเบาใจได้อีกแรง แต่จะยิ่งดีที่สุดถ้า น้ำผลไม้นั้นคั้นสดๆ ด้วยฝีมือคุณแม่เองค่ะ [ที่มา: นิตยสารดวงใจพ่อแม่ ฉบับที่ 83 เดือนกันยายน พ.ศ.2545] |