เด็กๆ ในปัจจุบันมักเป็นเด็กที่มีภาวะทางอารมณ์ค่อนข้างสูง โมโหง่าย มีความเป็นตัวของตัวเองค่อนข้างสูง คุณพ่อคุณแม่จึงมักกังวลว่าลูกจะเป็นเด็กที่ก้าวร้าว สิ่งเหล่านี้เราสามารถปรับเปลี่ยนได้โดยการปลูกฝังและการเสริมสร้าง EQ ตั้งแต่เล็กๆ ให้มีความฉลาดทางอารมณ์ เพื่อเตรียมพร้อมที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีต่อไป
ทางไลฟ์เซ็นเตอร์ คิวเฮ้าส์ ลุมพินี จึงได้จัดสัมมนาเกี่ยวกับโปรแกรมดูแลลูกน้อย และได้เชิญ นพ.กิจจา ฤดีขจร จาก ศูนย์การแพทย์นวบุตรสตรีและเด็ก มาให้ความรู้และได้พูดถึงประเด็นเกี่ยวกับเรื่องการเลี้ยงลูกให้เด็กมีความฉลาดทางอารมณ์ต้องทำอย่างไรบ้าง โดยให้ข้อมูลถึงองค์ประกอบของความฉลาดทางอารมณ์ ว่าประกอบไปด้วย 3 ปัจจัย คือ ดี เก่ง และ สุข
ดี ในความฉลาดทางอารมณ์ หมายถึง
1. ความสามารถในการควบคุมอารมณ์และความต้องการของตนเอง ได้แก่ การรู้อารมณ์และความต้องการของตนเอง การควบคุมอารมณ์และความต้องการได้ และการแสดงออกอย่างเหมาะสม
2. ความสามารถในการเห็นใจผู้อื่น ได้แก่ การใส่ใจผู้อื่น การเข้าใจและยอมรับผู้อื่น และการแสดงความเห็นใจอย่างเหมาะสม
3. ความสามารถในการรับผิดชอบ ได้แก่ รู้จักการให้และการรับ รู้จักรับผิดและให้อภัย และเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม
เก่ง ในความฉลาดทางอารมณ์ หมายถึง
1. ความสามารถในการรู้จักและสร้างแรงจูงใจให้ตนเอง ได้แก่ การรู้ศักยภาพของตนเอง สร้างกำลังใจให้ตนเองได้ และมีความมุ่งมั่นที่จะไปให้ถึงเป้าหมาย
2. ความสามารถในการตัดสินใจและแก้ปัญหา ได้แก่ การรับรู้และเข้าใจปัญหา มีขั้นตอนในการแก้ไขปัญหาอย่างเหมาะสม และมีความยืดหยุ่นในการแก้ปัญหา
3. ความสามารถในการมีสัมพันธภาพกับผู้อื่น ได้แก่ การสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่น กล้าแสดงออกอย่างเหมาะสม และแสดงความเห็นขัดแย้งอย่างสร้างสรรค์
สุข ในความฉลาดทางอารมณ์ หมายถึง
1. ความภูมิใจในตนเอง ได้แก่ การเห็นคุณค่าในตนเอง และการเชื่อมั่นในตนเอง
2. ความพึงพอใจในชีวิต ได้แก่ การมองโลกในแง่ดี มีอารมณ์ขัน และพอใจในสิ่งที่มีอยู่
3. ความสุขสงบทางใจ ได้แก่ มีกิจกรรมสร้างความสุข รู้จักผ่อนคลาย และมีความสงบทางจิตใจ
สำหรับวิธีการเสริมสร้าง EQ ให้กับเด็กๆ จะมีทั้งทางตรงและทางอ้อม แบบทางตรง คือ การอบรมสั่งสอน โดยใช้วิธีบอกกล่าวโดยตรง เน้นความเข้าใจและเหตุผล มากกว่า ใช้อารมณ์ มีการชมเชยเมื่อทำสิ่งที่ถูกต้อง และลงโทษ ที่เหมาะสมกับวัย สำหรับทางอ้อม จะสอนโดยใช้วิธีการเลียนแบบพฤติกรรม เช่นพ่อแม่ คนใกล้ชิด มีพฤติกรรมและแบบอย่างที่ดี มีการทำกิจกรรมร่วมกันเพื่อถ่ายทอดแนวคิด ค่านิยมที่ถูกต้องเหมาะสม และเพิ่มโอกาสในการเรียนรู้ ศิลปะ ดนตรี กีฬา เป็นตัวช่วยสอน
นพ.กิจจา ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกด้วยว่า นอกจากการปลูกฝังและเสริมสร้าง EQ แล้ว การเลี้ยงดูก็มีผลต่ออารมณ์ของเด็กด้วยเช่นกัน คือ
การเลี้ยงดูแบบดูแลเอาใจใส่หรือประชาธิปไตย
• ให้ความรักความอบอุ่นแก่เด็ก
• ใช้เหตุผลในการเรียกร้องให้เด็กเชื่อฟังและปฏิบัติตามความต้องการของพ่อแม่
• ยอมรับและตอบสนองความต้องการของเด็ก รับฟังความเห็นหรือข้อโต้แย้งของเด็ก
• สนับสนุนให้เด็กเป็นตัวของตัวเอง เปิดโอกาสให้เด็กมีส่วนร่วมในการตัดสินและ เคารพการตัดสินใจ
• กระตุ้นให้เด็กมีพัฒนาการที่เหมาะสมกับวุฒิภาวะ
ผลที่ตามมา
เด็กจะสามารถปรับตัวในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ดี เห็นคุณค่าในตนเอง ควบคุมตนเองได้ดี มีวินัย มีวุฒิภาวะ มีความอดทน มั่นใจในตนเอง มีความคิดสร้างสรรค์ มีความรับผิดชอบ และมองโลกในแง่ดี
การเลี้ยงดูแบบใช้อำนาจควบคุม
• พ่อแม่เป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์ ใช้อำนาจสั่งให้เด็กทำตาม
• ให้ความอบอุ่นน้อย ไม่ตอบสนองความต้องการของเด็ก ไม่รับฟังความเห็น ไม่อธิบายเหตุผล
• ลงโทษเมื่อเด็กไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง
ผลที่ตามมา
เด็กจะมีความภูมิใจต่ำ ไม่ค่อยมั่นใจในตนเอง อารมณ์ไม่มั่นคง วุฒิภาวะ ทักษะทางสังคมต่ำ ปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนไม่ดี มีปัญหาในการปรับตัวเข้ากับสิ่งต่าง ๆ
แต่จะมีลักษณะทางบวก 3 ประการ คือ มีการควบคุมตนเองสูง มีวินัยสูง และมีความซื่อสัตย์สูง
การเลี้ยงดูแบบรักตามใจ
• พ่อแม่ไม่ควบคุมหรือบังคับเด็กเลย ปล่อยให้เด็กทำตามความต้องการโดยไม่กำหนดขอบเขต
ผลที่ตามมา
เด็กจะเอาแต่ใจตัวเอง ดื้อรั้น ไม่เชื่อฟัง ขาดการควบคุมตนเอง ขาดระเบียบวินัย ความรับผิดชอบต่ำ มีแนวโน้มก้าวร้าว ขาดวุฒิภาวะ และมีปัญหาในการปรับตัว แต่ลักษณะนิสัยด้านบวกก็คือ เด็กเห็นคุณค่าในตนเอง และมีทักษะทางสังคม
การเลี้ยงดูแบบทอดทิ้งหรือปล่อยปละละเลย
• พ่อแม่เพิกเฉย ไม่สนใจ ไม่เอาใจใส่เด็ก ไม่ควบคุม ไม่ตอบสนองความต้องการของเด็ก
ผลที่ตามมา
เด็กจะขาดความสามารถในการปรับตัวขาดวุฒิภาวะ ไม่เห็นคุณค่าในตนเอง ขาด แรงจูงใจ มองโลกในแง่ร้าย ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง และมักต่อต้านสังคม
ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าเด็กที่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างเอาใจใส่ จะมีความฉลาดทางอารมณ์สูงกว่าเด็กที่ถูกอบรมเลี้ยงดูรูปแบบอื่น ส่วนการเลี้ยงดูแบบทอดทิ้งหรือปล่อยปละละเลย จะบั่นทอนคุณภาพทางอารมณ์ของเด็กอย่างชัดเจน สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า ปฏิสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่กับเด็ก จะส่งผลต่อพฤติกรรมของเด็กทั้งด้านบวกและลบ พ่อแม่จึงต้องเป็นแบบอย่างที่ดีของลูก และเลือกวิธีการอบรมเลี้ยงดูที่เหมาะสม เพื่อให้เด็กเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีความฉลาดทางอารมณ์สูง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก ศูนย์การแพทย์นวบุตรสตรีและเด็ก โทร. 0-2677-7374-6
รูปภาพจาก : internet