เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          ในยุคสมัยก่อน หน้าที่ที่ชัดเจนของผู้หญิงคือการอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน เป็นแม่บ้านและคอยดูแลลูก และผู้ชายคือฝ่ายหารายได้เลี้ยงครอบครัว แต่ปัจจุบันสังคมได้เปลี่ยนไป ผู้หญิงไม่ได้มีบทบาทเป็นแค่ช้างเท้าหลังอีกต่อไป ไม่ต้องรอรายได้ของสามีแต่ฝ่ายเดียว เธอเองก็มีศักยภาพมากพอที่จะทำงาน และหลาย ๆ คนก็สามารถทำได้ดีเสียด้วย แต่ก็ยังมีอีกความรู้สึกหนึ่งที่คอยฉุดให้ผู้หญิงไม่สามารถเต็มที่กับการทำงานได้ทั้ง 100% นั่นก็คือ ความรู้สึกผิดที่ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นแม่ที่ดี อย่างที่ผู้หญิงรุ่นก่อน ๆ ปฏิบัติกันมา พอรู้สึกเช่นนี้งานก็ชะงัก ความสามารถที่มีก็ถูกกั๊กไว้ใช้ได้ไม่เต็มที่ เพราะยังมีลูกที่ต้องคอยห่วงพะวง

ขณะที่เว็บไซต์เดลิเมลรายงานว่า ศาสตราจารย์หญิงยูท่า ฟริธ เวิร์กกิ้งมัมผู้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในหน้าที่การงาน ในฐานะผู้เชี่ยวชาญเรื่องประสาทและจิตวิทยาของอังกฤษ ได้ให้คำแนะนำกับเวิร์กกิ้งมัมคนอื่น ๆ ว่า "ขออย่าได้ลังเลใจที่จะทุ่มเงินเพื่อจ้างผู้ดูแลเด็กที่ดีที่สุด" ซึ่งจะทำให้คุณแม่เบาใจเรื่องลูกไปได้ และสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่

"ผู้หญิงไม่จำเป็นต้องจมจ่อมอยู่กับการเป็นแม่บ้าน และสามารถหาทางออกที่ลงตัว เพื่อที่จะบริหารการงานในบ้านในฐานะแม่บ้านได้ รวมทั้งยังก้าวหน้าในงานที่ตนรักและถนัดได้ดี แค่คุณต้องรู้จักสรรหาและเลือกใช้บริการพี่เลี้ยงเด็ก หรือโรงเรียนเด็กเล็กเพื่อดูแลลูกน้อยของคุณให้ดีที่สุด ... ฉะนั้นขออย่าได้ลังเลเลยหากต้องทุ่มเงินที่คุณหามาได้เพื่อการนี้" ศาสตราจารย์หญิงกล่าว อย่างไรก็ตาม เมื่อเลือกสถาบันที่มีมาตรฐาน เชื่อถือได้ เข้าใจธรรมชาติของเด็ก ก็ไม่น่าเป็นกังวลเกี่ยวกับลูก เพราะแม้จะต้องฝากดูแลไว้ที่โรงเรียนเด็กเล็ก แต่เขาก็จะได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี และมีพัฒนาการที่เหมาะสมกับวัยได้

แม้ว่าเวิร์กกิ้งมัมหลาย ๆ คน จะรู้สึกผิด ที่ไม่ได้ดูแลลูกใกล้ชิดด้วยตัวเอง แต่ก็ขอให้สลัดความรู้สึกนั้นทิ้งไป หรือเก็บเอาไว้ให้มันเป็นกำลังใจว่า นอกเหนือจากเวลางาน คุณจะอุทิศช่วงเวลาทั้งหมดให้กับการดูแลลูก เพื่อทดแทนกับช่วงเวลาที่ลูกน้อยไม่ได้อยู่กับแม่

เมื่อเทียบกับสังคมไทยแล้ว เรื่องการดูแลลูกเล็ก ๆ ของคนไทยเรายังถือว่าโชคดีกว่ามากนัก เพราะความสัมพันธ์ฉันเครือญาติ ทำให้ในขณะที่คุณแม่ต้องออกไปทำงาน ก็ยังสามารถฝากลูกไว้ให้คุณย่าคุณยาย หรือญาติผู้ใหญ่คนอื่น ๆ ช่วยเลี้ยงได้ จึงให้เบาใจไปได้หลายส่วน ว่าอย่างน้อยลูกก็อยู่กับญาติใกล้ชิดที่รักและเอ็นดูเขาจริง ๆ แต่อย่างไรก็ตาม เวิร์กกิ้งมัมที่ดีต้องเก่งทั้งเรื่องงาน (ไม่ใช่ "บ้างาน") และไม่ทิ้งเรื่องการดูแลครอบครัวไปด้วยนะคะ .. เพราะไม่ว่าอย่างไร สำหรับลูกน้อยแล้วก็ย่อมอยากอยู่ใกล้ชิดแม่เป็นที่สุดแน่นอนค่ะ