Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2554
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
19 พฤษภาคม 2554
 
All Blogs
 
เสก สรรค์ ปั้น 'สมอง' ตั้งแต่ในครรภ์

หลายคนเข้าใจว่ารอยหยักและจุดเชื่อมต่อของสมองลูกนั้นธรรมชาติเป็นผู้สร้าง ส่วนพ่อแม่จะส่งเสริมได้อีกครั้งก็หลังคลอด แต่จริงๆ แล้วสมองของทารกนั้นถูกสร้างขึ้นและมีการทำงานของระบบการเชื่อมต่อแล้ว ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ค่ะ

สมอง ของลูกจะมีการพัฒนาหลังการปฏิสนธิภายใน 8 สัปดาห์ ขณะที่อยู่ในครรภ์ของแม่นิวรอน (Neuron) หรือเซลล์ประสาทของทารกจะเพิ่มขึ้น 250,000 เซลล์ต่อนาที และวันที่ลูกคลอดจะมีเซลล์สมองถึงหนึ่งร้อยพันล้านเซลล์ เพราะฉะนั้นทุกนาทีจึงมีความหมายในการพัฒนาศักยภาพสมองของลูกซึ่งสามารถทำ ได้ตั้งแต่ลูกอยู่ในท้องเลยค่ะ

0-2 เดือน
คุณแม่
คุณแม่ควรกินโฟลิกแอซิก แต่ถ้าจะให้ดีควรเริ่มกินตั้งแต่ 3 เดือนก่อนตั้งครรภ์ และกินต่อเนื่องอีก 3 เดือนหลังตั้งครรภ์ เพราะโฟลิกแอซิคจะช่วยป้องกัน Ectoderm ให้โค้งเข้ามาหากันเป็น Neuron Group ได้อย่างสมบูรณ์
ลูกน้อยในท้อง

เป็น ช่วงสำคัญของการเพิ่มจำนวนของเซลล์สมอง เพราะหลังการปฏิสนธิแล้วส่วนที่จะกลายมาเป็นสมองเรียกว่า Ectoderm ซึ่งมีลักษณะเป็นแผ่นแบนๆ (ช่วง 17 วันแรก) หลังจากนั้นก็จะเริ่มโค้งมาชนกันคล้ายอุโมงค์เรียกว่า Neuron Group และจะติดกันเรียกว่า Neuron Tube หรือหลอดประสาทเมื่อครบ 21 วัน

หลัง จากนั้นหลอดประสาทส่วนหน้าสุดจะกลายเป็นสมอง แล้วค่อยแยกออกไปเป็นสมองส่วนหน้า สมองส่วนกลางจะกลายเป็นไขสันหลัง และส่วนปลายจะกลายเป็นเส้นประสาทและพัฒนาเป็นอวัยวะอื่นๆ ต่อไป



2-3 เดือน
คุณแม่
ช่วงนี้การพัฒนาสมองของ ลูกขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตัวของแม่ค่ะ ฉะนั้นคุณแม่ควรมีสุขภาพจิตที่ดี กินอาหารดี ไม่กินยาที่รบกวนการพัฒนาของสมองลูก ไม่อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เต็มไปด้วยมลภาวะ เลี่ยงสเปรย์ สี หรือน้ำยาย้อมผมดัดผม เพราะสมองของลูกกำลังอยู่ในช่วงพัฒนา
ลูกน้อยในท้อง

เซลล์สมองจะเริ่มเพิ่มมากขึ้น และทารกในครรภ์จะเริ่มรับรสของน้ำคร่ำได้ 4 รส คือ ขม หวาน เค็ม และเปรี้ยว



3-4 เดือน
คุณแม่
คุณแม่ต้องดูแลร่างกายให้ แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ เพราะช่วงนี้การกระตุ้นจากภายนอกอาจจะยังไม่มีผลต่อสมองลูกสักเท่าไหร่ แต่ถ้าคุณแม่อยากฟังเพลงคลาสสิกก็ทำได้ค่ะ เพราะเพลงทำให้ผ่อนคลาย เมื่อแม่สบายใจก็ส่งผลดีไปยังลูกด้วย
ลูกน้อยในท้อง

สมอง จะมีการสร้างไขมันมาล้อมรอบ ตาและหูของลูกเริ่มทำงาน เริ่มมีปฏิกิริยากับเสียงแต่จะเป็นเพียงการได้ยินเฉยๆ ไม่สามารถจำหรือแยกแยะได้ว่าเสียงใคร

4-6 เดือน
คุณแม่
ช่วงนี้คุณแม่เริ่มการ กระตุ้นจากภายนอกได้แล้วค่ะ เริ่มด้วยการฟังเสียง คุณพ่อคุณแม่ควรหมั่นพูดคุยกับลูก ซึ่งเสียงของคุณแม่ลูกจะได้ยินอยู่แล้ว ส่วนคุณพ่อนั้นอาจจะเข้ามาคุยใกล้ๆ ท้องคุณแม่ ระยะห่างประมาณ 1 ฟุต หรือใกล้กว่านั้น แต่ถ้าไกลกว่า 1 ฟุตลูกจะไม่ได้ยิน คุยกับลูกเป็นจังหวะ พูดซ้ำๆ โทนเสียงกลางๆ ในเวลาเดิม คุณแม่จะสังเกตได้ว่าเวลาที่เราพูดคุยกับลูก เขาจะโต้ตอบด้วยการดิ้น นอกจากพูดแล้วคุณแม่ก็ฟังเพลงคลาสสิก หรือเพลงอื่นๆ ที่ท่วงทำนองไม่เร็วเกินไปด้วยนะคะ
ลูกน้อยในท้อง

ลูก จะไวต่อการสัมผัสและมีการควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อได้ เริ่มดิ้นอย่างมีพลังงานมากขึ้น ซึ่งการดิ้นหรือการขยับก็เป็นการทำงานของสมอง ช่วงนี้ลูกจะเรียนรู้และแยกแยะรสชาติอาหารได้ดี ซึ่งการรู้รสชาติที่แตกต่างกันช่วยพัฒนาเซลล์สมองและการเชื่อมต่อของสมองค่ะ

6-7 เดือน
คุณแม่
คุณแม่ควรเริ่มกระตุ้นการ มองเห็นของลูก ด้วยการใช้ไฟฉายส่องท้องห่างประมาณ 1 ฟุต และเคลื่อนที่ไปมาช้าๆ จะช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ประสาทให้มีการแตกแขนงและเชื่อมต่ออย่างมี ประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งการแตกแขนงเหล่านี้จะทำให้เด็กเรียนรู้และเข้าใจได้อย่างรวดเร็วเมื่อโต ขึ้นค่ะ แต่ต้องระวังอย่าให้แสงที่จ้าเกินไปนะคะ เพราะอาจจะเป็นอันตรายกับจอประสาทตาของลูกค่ะ
ลูกน้อยในท้อง

สมองลูกยังคงเรียบและไม่มีรอยหยัก แต่จะมีการสร้างเซลล์สมองเพิ่มมากขึ้น พร้อมทั้งประสาทตาจะเริ่มทำงานอย่างจริงจัง

และตอบสนองของแสงมากที่สุดคือในช่วง 28 สัปดาห์ขึ้นไป คุณแม่ก็จะช่วยโดยการเอาไฟส่อง แต่ว่าส่องห่างประมาณสักฟุตหนึ่งก็พอ

7-9 เดือน
คุณแม่
ช่วงนี้การกระตุ้นด้วยแสง และเสียงยังคงต้องทำต่อเนื่อง แต่อาจจะปรับเปลี่ยนบ้างเล็กน้อย เพราะเมื่อลูกได้ยินเสียงเหมือนกับเด็กแรกเกิดแล้ว คุณแม่ควรฮัมเพลงหรือเปิดเพลงเดิมๆ วันละแค่ 1-2 ชั่วโมง ในช่วงเวลาเดิมจะทำให้ลูกจำเสียงเหล่านั้นได้ และหลังคลอดถ้าลูกร้อง คุณแม่ก็ฮัมเพลงหรือร้องเพลงนั้น ลูกก็จะเงียบฟังค่ะ
ลูกน้อยในท้อง

ช่วง นี้สมองของลูกจะเริ่มมีรอยหยัก เพื่อเพิ่มพื้นที่ผิวของสมอง เพิ่มพื้นที่ในการเก็บข้อมูลให้มากขึ้น และการได้ยินของทารกวัยนี้จะมีประสิทธิภาพเท่าเด็กแรกเกิด และลูกจะจำเสียงของพ่อแม่ได้แล้วล่ะ

ช่วง ที่ตั้งครรภ์มักจะหงุดหงิดง่าย ตัวช่วยสำคัญอย่างคุณพ่อจำเป็นต้องเข้ามามีบทบาทในการดูแลทั้งสุขภาพกายและ สุขภาพใจของคุณแม่นะคะ เพราะอารมณ์และสภาพแวดล้อมรอบตัวล้วนมีผลต่อพัฒนาการของลูกค่ะ





ขอขอบคุณข้อมูลวิชาการและภาพประกอบจาก : พญ.กันดาภา ฐานบัญชา สูติแพทย์





จาก: นิตยสาร Modern Mom

ลิงค์ : //guru.thaibizcenter.com/articledetail.asp?kid=4683
เนื้อหา :เสก สรรค์ ปั้น 'สมอง' ตั้งแต่ในครรภ์


Create Date : 19 พฤษภาคม 2554
Last Update : 19 พฤษภาคม 2554 2:29:20 น. 0 comments
Counter : 1093 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ลูกน้ำกว๊าน
Location :
พะเยา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ยินดีต้อนรับทุกท่าน นะคะ




อยากมีและอยากรู้จัก เพื่อนที่มีที่มาต่างกัน และอยากร่วมแชร์ ประสบการณ์ให้คนอื่น ได้รับรู้บ้าง เพื่อนๆชาว บลอคแกงค์เป็นอะไรที่ ใช่เลย ที่คอยอยู่ด้วยกัน ตลอดเวลา พอเรา เปิดดูครั้งใดก็จะมีคน นั่งเขียนบลอก นั่งอยู่ที่ หน้าจอ คอยเป็นเพื่อน กันเสมอ รัก ทุกคนใน บลอกแกงค์ ค่ะ
: Users Online
Friends' blogs
[Add ลูกน้ำกว๊าน's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.