ธันวาคม 2554
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
13 ธันวาคม 2554

:: การศึกษาเพื่อความพ่ายแพ้ ::





:: การศึกษาเพื่อความพ่ายแพ้ ::



เรื่องและภาพ : กะว่าก๋า


















ผมไม่ชอบระบบการศึกษาแบบ “แพ้คัดออก”
เมื่อสมัยเรียนอยู่ในระดับมัธยม 3
ผมจึงปฏิเสธการเรียนต่อในสายสามัญ
ด้วยการไปเลือกเรียนสายอาชีพ
เหตุผลที่คิดได้ตอนนั้นคือ


“ไม่อยากเอนทรานซ์”


ตั้งแต่เด็กจนเรียนจบระดับอุดมศึกษา
ผมไม่เคยเรียนพิเศษ ไม่เคยเรียนกวดวิชาแม้แต่ครั้งเดียว


นับจากมัธยม 3 ผมสอบแข่งขันเรียนต่อเพียงแค่ครั้งเดียว
คือการสอบเข้าเรียนต่อในระดับ ปวช.

จากปวช. เข้าเรียนต่อ ปวส.
ผมได้สิทธิพิเศษเรียนต่อเนื่องโดยไม่ต้องสอบเนื่องจากผลการเรียนดี

และจากระดับ ปวส. ไประดับปริญญาตรี (ต่อเนื่อง)
ผมก็ได้สิทธินั้นอีกครั้งด้วยคะแนนสูงที่สุดของรุ่น




ผมจึงไม่เคยกดดันในการเตรียมตัวสอบ
ไม่เคยเครียดเรื่องการสอบแข่งขัน
ไม่ว่าจะเป็นการสอบปลายภาค สอบกลางภาค

ผมมอง “การสอบ” เป็นแค่เพียงการ “วัดจำนวนความรู้”
แต่ไม่ได้วัด “คุณภาพของความรู้”


การสอบเอนทรานซ์เป็นเพียงสนามสอบวัด “ปริมาณสิ่งที่เรารู้”
แต่ไม่ได้วัด “คุณภาพทางความคิด”
หรือ “คุณภาพในการใช้ชีวิต” แต่อย่างใด


คนที่สอบเอนทรานซ์ผ่าน
อาจหมายถึงการที่คุณรู้เยอะ จำได้เยอะกว่าคนอื่น
จริงจัง มุ่งมั่นกว่าคนอื่น (ในช่วงเวลาที่สอบ)
มีโอกาสในการเข้าถึงความรู้มากกว่าคนอื่น
(เช่นสามารถเรียนกวดวิชา)

แต่มันไม่ได้เป็นตัวชี้วัดว่า คุณรู้แจ้งหรือรู้จริงในสิ่งที่คุณรู้....



หลายคนสอบผ่านได้
แต่ไม่สามารถเรียนจนจบได้
เหมือนคนเดินขึ้นเขาด้วยความเหน็ดเหนื่อย
พอถึงยอดเขา (สอบผ่าน)
แล้วหมดไฟที่จะเดินต่อไปยังเขาลูกอื่น....


เช่นเดียวกัน....
ผมไม่เคยให้ค่ากับปริญญาบัตรเลย
ผมสนใจว่าผมได้เรียนรู้อะไรบ้าง
หลังเรียนจบกระบวนการเรียนรู้ในห้องเรียน
มากกว่าจะสนใจว่าตัวเองจะจบการศึกษาด้วยเกรดเท่าไหร่

ขณะเป็นนักศึกษาผมจึงสนใจกิจกรรมนักศึกษา
และให้น้ำหนักในการทำกิจกรรมนักศึกษา
มากพอๆกับการเรียนในห้องเรียนด้วยซ้ำ



ชีวิตคือการเรียนรู้…
จึงไม่ควรจบแค่ในห้องเรียนและการสอบแข่งขัน
แต่ควรเรียนรู้ชีวิตในด้านมุมต่างๆ
และออกไปสนุกกับการใช้ชีวิต....













การเรียนรู้ไม่ใช่การแข่งขัน
แม้มันจะมีการแข่งขันอยู่บ้าง
แต่ควรเป็นการแข่งขันเพื่อที่จะ “รู้จักตัวเอง”

ผมไม่ใช้คำว่า “แข่งกับตัวเอง” ด้วยซ้ำ
ความรู้ไม่ได้เป็นเรื่องของการเอาชนะ
แต่เป็นเรื่องของความเข้าใจ

เข้าใจเนื้อหาวิชาไปเรื่อยๆ
จากพื้นฐานไปสู่การประยุกต์และใช้งานจริง
ไม่ว่าวิชาใด ศาสตร์ใด สาขาใด
ถ้าเราคิดแบบนี้ได้ เราจะไม่เครียดเวลาเรียนเลย
เราจะสนุกกับการคิดค้นและหาคำตอบด้วยวิธีการต่างๆ
จนรู้ เข้าใจและถ่องแท้ในเนื้อหาวิชานั้นๆอย่างแท้จริง


การศึกษา การเล่าเรียน
จึงเป็นเพียงการได้รู้ในสิ่งที่คนอื่นรู้แล้ว แล้วนำบอกสอนเรา
อย่างเป็นขั้นเป็นตอน
แต่ความรู้ที่แท้จริงต้องไม่หยุดอยู่เพียงคำว่ารู้
แต่ต้องนำ “ความรู้” ที่ได้รู้นั้น
ไปพัฒนาต่อยอดและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆให้เกิดขึ้น














การศึกษาในระบบแพ้คัดออก
คัดเลือกคนที่มีโอกาสและความพร้อมมากกว่าเข้าเรียน
แต่กลับสะท้อนออกมาเป็นปัญหาการว่างงาน
ของบัณฑิตที่จบการศึกษาออกมามากมายในแต่ละปี

เรามีคนที่มีความรู้สูงเต็มประเทศ
แต่ทำไมเราถึงออกจากวงจรปัญหาซ้ำซากที่มีอยู่ไม่ได้เสียที


ผมกำลังพูดถึง “คุณภาพ” ของบัณฑิต
โดยไม่ได้สนใจ “ปริมาณ” ตัวเลขบัณฑิตที่ถูกผลิตออกมาในแต่ละปี



ใช่หรือไม่ว่า...
การคัดกรองคนเข้าสู่ระบบการศึกษาแล้วป้อนวิชาความรู้
ใส่เข้าไปด้วยวิธีการเดิมๆ
ทำให้คนของเรามีคุณภาพที่ด้อยลง
คิดมักง่ายมากขึ้น เรียกร้องตัวช่วยมากขึ้น
อ่อนแอ คิดน้อย และไม่ค่อยสนใจสิ่งต่างๆนอกจากตัวเอง




วันนี้เรามีปัญหาในสังคมมากมายที่รอการแก้ไข
สุดท้ายเราก็แก้ปัญหาเหล่านั้นไม่ได้
ตราบใดที่เรายังไม่เปลี่ยนแปลงระบบการเรียนการสอน
และวิธีการแสวงหาความรู้


“วิธีคิด” เป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุด
ทำอย่างไรเราจะพัฒนาวิธีคิด
และติดอาวุธทางปัญญาให้กับนักเรียนนักศึกษาของเราได้

ทำอย่างไรเราจึงจะได้ปัญญาชนผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ
ในแบบที่ตลาดแรงงานต้องการ
และสามารถพัฒนาตนเองเพื่อความก้าวหน้าอย่างยั่งยืน



ใครคนใดคนหนึ่งไม่สามารถคิดเรื่องแบบนี้ได้หรอกครับ
ต้องช่วยกัน
ต้องเริ่มต้นที่ “ครอบครัว” ก่อนเป็นอันดับแรก

ผมเชื่อในการเรียนรู้อย่างสนุกและมีความสุข

ผมไม่เชื่อในระบบการแข่งขันแบบแพ้คัดออก
ที่คนเก่งกว่าเท่านั้นถึงจะมีที่ยืนอยู่บนแท่นของความสำเร็จ

ผมเชื่อในการทำงานหนัก มีวินัย รักในการเรียนรู้


ดังนั้น.... “การศึกษา” ในความหมายของผม
ต้องเป็นการศึกษาที่ทำให้ผู้เรียน “รู้จัก” ตัวเอง
รู้จุดอ่อน จุดแข็งของตนเอง
รู้ว่าตัวเองชอบอะไร รักอะไร
แล้วจะเรียนรู้ในสิ่งที่ตนเองสนใจได้อย่างไร
โดยมีผู้ปกครองและคุณครูเป็นแรงสนับสนุน.....
















“การศึกษา” ก็เหมือนเกมฟุตบอลนะครับ
ต่อให้นักฟุตบอลที่เก่งที่สุดในโลกอย่าง โรนัลโด หรือเมสซี่
หากถูกจับมาเล่นในทีม อบต.
เขาก็ไม่สามารถแสดงความสามารถที่มีอยู่ในตัวออกมาได้
หรือเลวร้ายกว่านั้น... หากผู้จัดการทีมซื่อบื้อ
จับกองหน้าระดับโลกไปเฝ้าเสาประตู
ทีมก็มีแต่แพ้กับแพ้ ทั้งๆที่นักเตะมีศักยภาพระดับโลก....


การศึกษาไทยกำลังเป็นเช่นนี้หรือเปล่า
ฝากไว้เป็นคำถามและช่วยกันคิดนะครับ.






















 

Create Date : 13 ธันวาคม 2554
124 comments
Last Update : 13 ธันวาคม 2554 5:18:58 น.
Counter : 2290 Pageviews.

 


สว้สดีค่ะ คุณน้องก๋า

การศีกษาเมืองไทย แข่งกันจริงๆ เด็กๆไม่ได้พ้กเลย เสาร์ อาทิตย์ ก็ต้องกวดวิชา สงสารเด็กๆ ไม่มีเวลาเป็นเด็กเลย

น้อง หมิง หมิง มีความสุขจัง


newyorknurse


 

โดย: newyorknurse 13 ธันวาคม 2554 5:57:44 น.  

 


.
..
...
เรียนรู้
...
..
.
ฉันเรียนรู้ เธอเรียนรู้ เราเรียนรู้
โลกคือครู เราล้วนศิษย์ คิดค้นหา
สรรพสิ่ง สรรพสัตว์ ล้วนตำรา
มีปัญญา ย่อมเรียนได้ ไร้กีดกัน

พึงนอบน้อม ค้อมจิต เยี่ยงศิษย์น้อย
เฝ้าติดต้อย ครูบา อย่าย่านยั่น
ทุกทุกสิ่ง ล้วนตำรา สารพัน
หลงว่าฉัน รู้หมด อดรู้จริง.

 

โดย: ลุงแว่น 13 ธันวาคม 2554 6:03:15 น.  

 

สวัสดีค่ะ พี่ก๋า มาดาม และ หมิงหมิง

สังคมไทยถูกสอนให้แข่งขัน
เริ่มต้นก็แพ้ ชนะ ซะแล้ว
เวลาสอบก็ต้องได้ที่ 1 หรือ 2
ใครเก่งกว่า

เด็กก็เลยกดดันตั้งแต่เล็ก
ไม่มีความคิดสร้างสรรค์

เพราะ จะระบายสีฟ้าบนใบไม้ก็ไม่ได้ ต้องสีเขียวน่ะ
เด็กเลยไม่กล้าคิดนอกกรอบ

ท่อง ๆ ๆ ลอก ๆ ๆ อย่างเดียว
ถ้าเราจะคิดนอกกรอบ ตามโรงเรียน ตามสังคมที่มีกรอบ
ก็ทำให้ลูกกลายไปเป็นเด็กโง่ หรือ ตัวตลกของสังคมไหม
นั่นซิน่ะ

คิดไม่ออกจริง ๆ ๆ
แต่พอโตขึ้น แล้วจะรู้ว่าการที่เขารู้จักคิดเอง
มันจะช่วยให้เข้าอยู่ในสังคมได้ดีกว่า

 

โดย: Gunpung 13 ธันวาคม 2554 6:12:00 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่ก๋า
เปิดมาเจอภาพแรกด้วยท่าทางมุ่งมั่นและตั้งใจเรียนรู้..
ด้วยสมาธิอันแน่วแน่ของหมิงหมิงเลยนะคะเนี่ย หุหุหุ

วันนี้ภาพประกอบเนื้อหาที่เขียนเข้ากันดีทุกภาพเลยนะคะ

สุขสดชื่นตลอดทั้งวันนะคะ

 

โดย: ดอกหญ้าหน้าบ้าน 13 ธันวาคม 2554 6:18:03 น.  

 


เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ไปประชุมผู้ปกครองให้เจ้าน้องอุ้ม
ผ.อ.จะพูดถึงเรื่องการเรียน การศึกษา
และสรุปถึงเรื่องการเรียนซ่อมเสริม
ที่ผจญกับน้ำท่วม 1 เดือน
ที่จะมีขึ้นในตอนเย็นและวันเสาร์
แล้วก็ให้คิดว่าอัดเรียนแบบนี้นักเรียนจะไหวเหรอ
ก็ได้แต่สงสารเด็กๆ
ว่าแล้วค่อยยังชั่วจากอาการป่วยหรือยังน้องก๋า
วันนี้อากาศเย็นกว่าเมื่อวานเน้อ
เทคแคร์จ้า

 

โดย: อุ้มสี 13 ธันวาคม 2554 6:26:38 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณก๋า

เห็นกิจกรรมของน้องหมิงหมิง
และภาพถ่ายที่เอามาฝาก
เห็นแต่รอยยิ้มและความร่าเริง
กล้าแสดงออกของน้องนักเรียนนะคะ

เมื่อวานอ่านข่าว
สรุปไว้ว่าเด็กเรียนไทยเรียนหนักที่สุด
สงสารตัวเราในอดีตที่อยู่ในระบบ
และรุ่นลูกรุ่นหลาน
ทำได้แค่จุดประกายให้รักการเรียนรู้
และคงการเรียนรู้ไปตลอดโดยแข่งกับตัวเองค่ะ

ขอบคุณที่แบ่งปันแนวคิดและเรื่องราววันนี้นะคะ

 

โดย: A IP: 113.53.56.149 13 ธันวาคม 2554 6:31:41 น.  

 

แพ้คัดออกครับ อิอิ


อรุณซาหวัดนะคับ

 

โดย: อืม...ครับ เชิญตามสบาย 13 ธันวาคม 2554 6:35:41 น.  

 

สวัสดียามเช้าค่ะ

 

โดย: kobnon 13 ธันวาคม 2554 6:46:00 น.  

 

ระบบแพ้คัดออก คงเปลี่ยนยากในบ้านเรานะคะ ยิ่งเห็นเด็กสมัยนี้ต้องติวเข้มตั้งแต่อนุบาลก็เหนื่อยแทน มันแข่งขันสูงมากๆขนาดนั้นเลย แต่ก็เข้าใจพ่อแม่คงอยากให้ลูกได้เรียนที่ดีๆ สังคมเป็นแบบนี้ เด็กก็เหนื่อยหน่อย หวังว่าค่านิยมจะค่อยๆเปลี่ยนไปนะคะ

ปล. เอารูปอนัตตาตอนจ้องรูปพู่กันเดียวมาให้ลุงก๋าดู จริงๆเธอจ้องบ่อยมาก แต่ไม่สามารถถ่ายได้เพราะเด็กเล็ก แถมอยู่ซบไหล่ โชคดีได้มาสองครั้งค่ะ

 

โดย: KOok_k 13 ธันวาคม 2554 6:46:29 น.  

 



สวัสดีครับพี่ A


เมื่อวานผมก็ถามเธอครับ
ว่าเด็กประเทศเรียนหนักที่สุดในโลก

เธอก็ตอบถูกจริงๆ
ว่าคือเด็กไทย

เขาตั้งคำถามต่อว่า
ทำไมเด็กที่เรียนหนักที่สุดในโลก

ประเทสถึงมีปัญหาเต็มไปหมด
ทั้งปัญหาด้านสังคม การเมือง
การตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร ฯลฯ


ผมว่ามันส่งคำถามนี้ไปยังผู้ที่รับผิดชอบด้านการศึกษาทั้งหมด
ไม่ว่าจะเป็นครู กระทรวงศึกษา ศาสนา
ตัวเด็กนักเรียนและพ่อแม่

ว่า "การศึกษา" ที่เรากำลังเรียนรู้อยู่นั้น
นำเราไปสู่คำตอบแบบไหน ?












 

โดย: กะว่าก๋า 13 ธันวาคม 2554 6:56:50 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ค่ะ น้องก๋า...

เราถนัดสอนให้รู้..ด้วยการเรียนแบบป้อนให้...

ตั้งแต่เด็กจนโต เลยคิดเอง ทำเอง เรียนรู้เอง..ไม่เป็น..

บางคน รู้..แต่ไม่เคยเรียนรู้.. ไม่เคยทำอะไรให้ดีขึ้น พัฒนาขึ้นจากสิ่งที่รู้..

แต่ที่แย่กว่า คือ ไม่รู้.. แล้วอวดทำ..ว่าเป็นรู้..เสียหายมาหลายแสน..

 

โดย: poongie 13 ธันวาคม 2554 7:09:22 น.  

 

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

สวัสดียามเช้าครับคุณก๋า
ผมก็เชื่อว่า การสอบคือการวัดจำนวนความรู้จริงๆ
รู้มาก...อาจไม่รู้จริงประมาณนั้นใช่ไหมครับ

 

โดย: panwat 13 ธันวาคม 2554 7:18:54 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับก๋า ชอบเรื่องนี้มากครับ ถูกใจเต็มๆครับ รักษาสุขภาพนะครับ หายไวๆนะครับ

 

โดย: นักเดินทางพเนจร (นักเดินทางพเนจร ) 13 ธันวาคม 2554 7:21:33 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ค่ะ แวะมาทักทายค่ะ

 

โดย: amonrat27 13 ธันวาคม 2554 7:24:38 น.  

 

ทักทายสวัสดีกับคุณก๋า ในยามเช้าๆ ครับ
การเรียนและสอบแข่งขันเพื่อคัดคนเรียนเพื่อการศึกษาต่อ
ในประเทศของเรายังคงต้องเป็นไปแบบนี้อยู่ต่อไปนะครับ
หลายๆ คนต้องขวนขวายเพื่อร่ำเรียนทั้งเรียนจริงเรียนพิเศษ เพื่อให้ได้มาในจำนวนที่ผ่านการคัดเลือกในแต่ละสถาบัน ต่อไปนะครับ
คงจะมีเพียงไม่กี่คนที่ไม่ต้องเรียนพิเศษ เพียงแต่มีวินัยในการร่ำเรียนการศึกษา และคงต้องบวกกับความรู้ความสามารถพิเศษของตัวเองด้วยนะครับ

 

โดย: ถปรร 13 ธันวาคม 2554 7:24:52 น.  

 


สวัสดีเช้าวันอังคารค่ะพี่กะก๋า

อากาศหนาวมาก ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ

 

โดย: TheKPP 13 ธันวาคม 2554 7:28:25 น.  

 

ชอบรูปสุดท้ายค่ะ


ทำให้คนของเรามีคุณภาพที่ด้อยลง
คิดมักง่ายมากขึ้น เรียกร้องตัวช่วยมากขึ้น
อ่อนแอ คิดน้อย และไม่ค่อยสนใจสิ่งต่างๆนอกจากตัวเอง

เห็นด้วยมาก ทำงานในวงการนี้นี่ เห็นชัดจริงๆ


เราก็เชื่อในการทำงานหนัก มีวินัย และรักในการเรียนรู้เช่นกันค่ะ


หายไวๆ แข็งแรงไวๆ นะคะคุณก๋า

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 13 ธันวาคม 2554 7:46:44 น.  

 

ตอนนี้ทิศทางการศึกษาพยายามปรับเปลี่ยนให้เป็นแบบที่น้องก๋าเล่ามานี้แหละจ้ะ แต่ต้องใช้เวลาเราจึงจะเห็นการเปลี่ยนแปลงในภาพรวม

แต่พี่ว่าดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน ทุกคนเข้าถึงความรู้มากขึ้น แต่ยังจำกัดในกลุ่มเล็ก ๆ แต่จะขยายวงออกไปแน่นอนจ้ะ

ที่พี่เห็นชัดเจนคือ ชุมชนต่าง ๆ ลุกขึ้นมาดูแลตัวเอง จัดการสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเอง และมีสื่อที่ทรงพลังคอยสนับสนุน เช่น ไทยพีบีเอส มีรายการทีวีหลากหลายในระดับชุมชนคิดเอง ทำเอง นำเสนอในมุมมองของเราเอง

ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น ภาษาถิ่น ภูมิปัญญาท้องถิ่น ความหลากหลายคือความงดงาม ที่เราละเลยไปช่วงหนึ่งเพราะพยายามรวมศูนย์ แล้วยกภาษาและวัฒนธรรมถิ่นบางแห่งว่าดีกว่า สูงกว่าที่อื่น

พี่ก็บ่นยืดยาว

 

โดย: redclick 13 ธันวาคม 2554 7:47:57 น.  

 

โรนัลโด หรือเมสซี่ หากถูกจับมาเล่นในทีม อบต.

emo

อบต. ... เลือกทีมที่ดูไฮโซเหมาะกะระดับโลกกว่านี้ได้ป่ะอ้าย


emo



ลมหนาวมา คิดถึงใครสักคน..

emo

 

โดย: คนไม่เจียม.. 13 ธันวาคม 2554 7:55:10 น.  

 

ชอบเนวคิดของพี่ก๋ามากๆ ค่ะ
เด๋วนี้อะไรๆ ก้อแข่งๆๆ บทจะไม่แข่งก็วัดผลแบบว่า...ไม่ค่อยจะเข้าใจอ่ะ

ขอเอาไปแชร์ที่กลุ่มเรานะคะ
น้องหมิงหมิงหล่อมากๆ ใส่หมวกอะไรก้อน่ารักค่ะ

 

โดย: ณ ปลายฉัตร 13 ธันวาคม 2554 7:59:57 น.  

 

บ้านเรา ... มันจะต้องเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้กันบ้างค่ะ
ถ้าต้องการให้ การศึกษาพัฒนาคนจริงๆ เพราะต้องเปลี่ยน
กันเยอะเลยเชียว ... อยากให้เด็กได้คิดมากขึ้น
เพิ่มทักษะไปพร้อมกับจริยธรรม เพราะตอนนี้สังคมไทย
เราขาดเหลือเกินค่ะ
....................


อากาศวันนี้ของลำปางหมอกลงหนาเลยค่ะ
แถมหนาวอีกต่างหากทางเชียงใหม่คาดว่าน่าจะ
เหมือนกันนะค่ะ

 

โดย: JewNid 13 ธันวาคม 2554 8:06:45 น.  

 

 

หวัดดีค่ะพี่ พูดเรื่องการศึกษาแล้วเครียด เด็กอนุบาลหลายที่ยังต้องสอบเข้าเลยค่ะ

 

โดย: Summer Flower 13 ธันวาคม 2554 8:19:48 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับพี่ก๋า อากาศหนาวๆระวัง หมิง หมิง ไม่สบายครับ ผมว่าการศึกษาไทยปัจจุบันมันเป็นอย่างนี้แหละครับ ไม่ใช่แค่การศึกษาเท่านั้นในสังคมเมืองก็เป็นอย่างนี้เช่นกันครับ คนชนะเท่านั้นครับที่จะอยู่รอด

 

โดย: raknakubkondee 13 ธันวาคม 2554 8:20:16 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ค่ะลุงก๋า

การเรียนรู้เริ่มต้นจากครอบครัวจริงๆนะ
...รู้ที่จะมีชีวิตอย่างมีความสุข
...รู้ที่จะใช้ชีวิตอย่างมีประโยชน์
...รู้ที่จะร่วมชีวิตกับผู้คนและสิ่งรอบตัวอย่างเกื้อกูล

อยากให้คนในครอบครัวเห็นการรดน้ำพรวนดินในชีวิตน้อยๆ มีความสำคัญอย่างยิ่ง
เพราะอีกไม่กี่ปีหลังจากนั้น... เด็กคนหนึ่งจะเรียนรู้ต่อด้วยวิถีของตนเอง

 

โดย: D*U*A*N (thisisduan ) 13 ธันวาคม 2554 8:25:16 น.  

 

สวัสดีตอนเช้าค่ะน้องก๋า


 

โดย: jamaica 13 ธันวาคม 2554 8:35:07 น.  

 

การเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาเป๋นเฮื่องตี้ดี

แต่เป๋นเฮื่องดีตี้ทำยากหนา

คนไทยเฮาเฮียนระบบนกแก้วนกขุนทองมาจ๊าดเมิน

จะหื้อเปี๋ยนไปได้จะใด 555555+

ผู้บริหารบ้านเมืองไทยเฮาคงบ่าจ๊อบเป๋นแน่

คนตี้เก่งล้ำไปนั้นปกครองยากแม่นก่อเจ้า

กระทรวงศึกษาธิการเปิ้นตระหนักเฮื่องนี้ดี

เปิ้นจึงต้องใจ้ระบบควบคุมเฮาตั้งแต่ยังเป๋นละอ่อนน้อยไงเจ้า 5555+

ไปแระ...แวะมาแหย่้ายก๋า






 

โดย: คนที่ใช่ ในวันที่ผิด 13 ธันวาคม 2554 8:39:53 น.  

 

สวัสดีค่ะพี่ก๋า
เห็นด้วยเลยที่ว่าคนที่เอนทรานซ์ติดไม่่ใช่ว่าจะเรียนได้
เพราะเพื่อนนาห์ก็เป็น อัดเรียนพิเศษตั้งแต่ม.3
สอบติดวิศวะมอ.
แต่เรียนได้แค่เทอมเดียวก็ดรอปสุดท้ายก็เอนฯใหม่

แต่ระบบสอบสัมภาษณ์คัดเลือกนี่สำหรับการทำงานก็เหมือนกันนะคะ
น่าเบื่อที่สุด จนถือว่าค่อนไปทางเกลียดเลยค่ะ
หลังๆมานี่ไม่คิดอยากจะสอบอะไรอีกแล้ว
เสียดายเงินค่าสมัครที่จ่ายไป
ไม่ใช่ว่าสอบไม่ติดแล้วพาล
แต่เบื่อกับการที่ต้องมาคัดเลือกแต่คนที่ได้ส่วนหนึ่งกลับเป็นเส้นสายแถมด้วยไม่รู้อะไรเลยอีกด้วย
โดยเฉพาะจรรยาบรรณและความซื่อสัตย์ในอาชีพ

...อิอิอิ พูดมากไปแระไปดีก่า

 

โดย: มัยดีนาห์ 13 ธันวาคม 2554 8:43:07 น.  

 



emo

 

โดย: คนไม่เจียม.. 13 ธันวาคม 2554 8:48:35 น.  

 

หวัดดีคับ.. หมิงหมิง.. อากาศหนาวก่อคับ..

ที่ระยอง สองสามวันมานี้ ตอนเช้าๆ กับกลางคืน หนาวขนาดเลย..

ชอบบบ... มีความสุข สุดๆ เลยค๊าบบบ... บ่อฮู้ว่าจะหนาวแบบนี้ซักกี่วัน..

วันนี้ก็กำลังจะยะเค้กหื้ออ้ายเพิร์ธ ไปเป่ากับเพื่อนที่โรงเรียนอยู่คับ ..

สงสัยหน้าเค้กต้องมีพัดลมตวย ...อิอิ..

 

โดย: Nongpurch 13 ธันวาคม 2554 9:18:00 น.  

 

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

 

โดย: bbmit 13 ธันวาคม 2554 9:24:27 น.  

 

อ่านแล้วอิจฉาหมิงหมิงค่ะ ^^"

 

โดย: gluhp IP: 121.6.202.123, 220.255.1.123 13 ธันวาคม 2554 9:49:17 น.  

 

ตสฺส สํหิรปญฺญสฺส วิวโร ชายเต มหา
เมื่ออ่อนปัญญา ช่องทางวิบัติก็เกิดได้มหันต์

มีความสุขกับการเจริญสติปัญญา ตลอดไป...นะคะ



สวัสดีค่ะ คุณก๋า...

วันนี้ขอให้อาการป่วยดีขึ้นเป็น ๙๙.๙๙๙๙%...นะคะ

ชอบภาพเจ้าสัวอ้ายภาพแรกมาก..ค่ะ
มาดสุขุม ลุ่มลึก ปานประหนึ่งกำลังคิดแผนการอะไรอยู่..อิ อิ

พูดถึงเรื่องการศึกษาในบ้านเราแล้วเหนื่อยใจ..ค่ะ
เป็นเรื่องที่มีโอกาสเมื่อไร พี่ก็จะบ่นทุกที
บ่นมาตั้งแต่สาวจนแก่ สงสัยจะได้บ่นไปจนเข้าโลงเลยล่ะ
เพราะมองดูแล้ว ผู้มีอำนาจในประเทศก็มัวแต่เล่นการเมือง
เล่นกันเสียจนเละตุ้มเป๊ะ คือประเทศชาติและประชาชน..เละ
ยุคใด สมัยใด ก็ไม่แตกต่าง.........

 

โดย: พรหมญาณี 13 ธันวาคม 2554 9:52:24 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณก๋า วันนี้มาอ่านเรื่องการศึกษาไทย ในฐานะที่กิ่งเป็นครูคนหนึ่งก็อยากจะบอกให้รู้เหมือนกันว่าหลักสูตรการศึกษาไทยเหมือนจับฉ่ายอยากจะจับอะไรใส่ลงไปก็จับใส่ลงไปอยากเอาอะไรออกไปก็เอาออกไป และเปลี่ยนหลักสูตรจนแทบจะตามไม่ทัน เรื่องของการสอบแข่งขันก็เช่นกันมีเรื่องของการทุจริตออกมาให้เห็นอย่างน่าเกลียดมีเรื่องของเส้นสายเข้ามามากมายจนตีออกมาเป็นราคาในการสอบแต่ละครั้งแต่ก็ไม่มีใครจัดการเรื่องนี้ลงได้ประเทศไทยจึงอ่อนแอลงเพราะการศึกษาเป็นเหตุ คุณก๋าว่าจริงมั๊ยคะ

วันนี้น้องหมิงหมิงน่ารักมากค่ะ อ้วนขึ้นหรือเปล่าคะ สดใสร่าเริงจริงๆ กิ่งโหวตให้คุณก๋าเลยนะคะ คงเป็นหัวข้อธรรมมะ





More Morning Break Comments

 

โดย: กิ่งฟ้า 13 ธันวาคม 2554 9:55:32 น.  

 

ตอนนี้หลายโรงเรียนบรรจุภูมิปัญญาท้องถิ่นไว้ในหลักสูตรจ้ะ
ครูพัฒนาบทเรียนเองตามความเหมาะสมของท้องถิ่น
และให้ปราชญ์ชาวบ้านเข้ามาช่วยสอนเด็ก ๆ อีกแรงหนึ่ง

แต่การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เป็นไปอย่างช้า ๆ เพราะครูจำนวนมากถูกครอบมานาน พอเป็นอิสระจึงยังไม่กล้าคิดกล้าทำมากนัก

และการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นหน้าที่ของทุกคนนะพี่ว่า ไม่ใช่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เพราะหนึ่งพลังแต่จำนวนมากรวมกันเข้า ย่อมดีกว่ารอให้ใครคนใดคนหนึ่งลงแรงทำ

 

โดย: redclick 13 ธันวาคม 2554 10:00:04 น.  

 

เดี๋ยวนี้เห็นเด็กๆเรียนแล้วน่าสงสารค่ะ
กวดวิชาตั้งแต่เข้าอนุบาล งงมากค่ะ

 

โดย: blueberryblossom 13 ธันวาคม 2554 10:00:54 น.  

 

กะว่าก๋า Dharma Blog ดู Blog

ลืมแปะค่ะ

 

โดย: กิ่งฟ้า 13 ธันวาคม 2554 10:05:17 น.  

 

เพื่อชนะไม่ได้หรือครับ?
แต่จะแพ้หรือชนะ ก็วนในวัฏสงสารอยู่ดี
การศึกษาเพื่อการหลุดพ้นน่าจะดีกว่านะครับ

 

โดย: คนขับช้า 13 ธันวาคม 2554 10:10:25 น.  

 

ตอบเม้นท์นี้ไว้ในบล็อกพี่คนขับช้าครับ


.
.
.





พระพุทธเจ้าท่านหลุดพ้นได้ด้วยวิธีของท่าน
ผมก็เชื่อว่าเราทุกคนมีศักยภาพที่จะหลุดพ้น
ในแนววิธีและวิถีแบบของเรา
โดยไม่ต้องเดินตามรอยท่านก็ได้


เหมือนกับคำถามที่พี่ถามว่า
การศึกษา
ศึกษาเพื่อชนะไม่ได้หรือ
เพราะแพ้ชนะก็วนเวียนอยู่ในวัฏสงสารเหมือนเดิม


ผมกลับคิดว่าการศึกษาเพื่อ "ไม่ชนะและไม่แพ้"
เป็นสิ่งที่สำคัญกว่าผลแห่งการเรียนรู้และผลการแข่งขัน



บางคนบอกว่าเวลาเราลงแข่งขันวิ่ง
จงวิ่งเพื่อเอาชนะ
ไม่เอาชนะคู่แข่่งขันเพื่อเป็นผู้ชนะ
ก็ต้องเอาชนะตัวเองเพื่อทำลายสถิติของตัวเอง
หรือที่สุดแล้วก็ต้องเรียนรู้ที่จะเป็นผู้แพ้ที่ดี


แต่น้อยครั้งนะครับ
ที่การศึกษาของเรา
จะสอนให้คน



"วิ่งเพื่อวิ่ง"



เหมือนกับการปฏิบัติธรรม
เราสอนแต่ให้คนปฏิบัติธรรม
เพื่อเอาชนะกิเลส
เอาชนะตัณหา
เพื่อจะได้พาตัวเองหลุดพ้น
มีความอยากและปรารถนาในนิพพาน


ที่สุดแล้ว
เราก็ลืมตัว

ลืมไปว่าแท้จริงแล้ว


เราควร "ปฏิบัติธรรมเพื่อปฏิบัติธรรม"


เราควรปฏิบัติธรรมเพื่อให้เข้าใจ
และยอมรับในการอยู่ร่วมกับความเป็นจริง
อยุ่กับกิเลสอย่างรู้ทัน ไม่ใช่เอาชนะกิเลส

อยู่กับธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงอย่างรู้ทัน
มิใช่การปฏิเสธหรือท้าทายธรรมชาติ

และในการศึกษาที่เ่ป็นอยู่
ไม่เคยสอนให้่เราได้ตระหนักรู้ในความจริงข้อนี้เลยครับ






 

โดย: กะว่าก๋า 13 ธันวาคม 2554 10:35:42 น.  

 

อ้ายก๋าเป๋น รมต.ศึกษาเมื่อใด

ละอ่อนไทยโกอินเตอร์แน่

ต่อไปอาจจะมีเงาของโมสาร์ท อัจริยะทางดนตรี

หรือมีเงาของวินเซนท์ แวนโก๊ะ จิตกรก้องโลก

หรืออาจมีเงาของลิโอเนล เมสซี่ เจ้าหนูตีนระเบิดจากอาร์เจนตินาก็เป๋นได้เน้อเจ้า

ฝากความหวังไว้ตี้อ้ายก๋าตวยเน้อเจ้า 555555+

 

โดย: คนที่ใช่ ในวันที่ผิด 13 ธันวาคม 2554 10:36:41 น.  

 

บางทีชอบคิดว่าการศึกษาในระบบทำให้เราเน้นการแข่งขันมากจนเกินไปจน อยากจะเป็นที่ 1 จนไปเบียดเบียนคนอื่นหรือเปล่า คิดตัวอย่างง่าย ๆ เวลาใช้บริการสิ่งสาธารณะ เช่น บีทีเอส แล้วเห็นคนบางคนขอแซงคนอื่นที่ยืนเข้าคิดอย่างถูกต้อง โดยคน ๆ นั้นหลายครั้งที่เห็นเป็นคนบุคลิกดี ซึ่งน่าจะจบการศึกษาดี ๆ หรือหลายครั้งเห็นเด็กนักเรียน นักศึกษาในสถาบันที่หลาย ๆ คนก็อยากเข้าไปเรียนเป็นผู้ทำ

ตัวเองชอบคิดว่าเหมือนเกมส์เก้าอี้ดนตรี ที่คนต้องแย่งเก้าอี้ซึ่งมีจำนวนน้อยหรือเปล่า

หมิงหมิงโชคดีที่มีพ่อแม่เข้าใจและพร้อมจะผลักดันเขาไปในทางที่เหมาะกับเขา หลายครั้งที่พบว่าพ่อแม่อยากให้ลูกเรียนอะไร ซึ่งเป็นสิ่งที่ลูกไม่อยากเรียน แต่พ่อแม่จะได้หน้าตาเวลาคุยกับคนอื่นว่าลูกเรียนอะไร

 

โดย: รัชชี่ IP: 210.86.182.238 13 ธันวาคม 2554 10:42:18 น.  

 


สวัสดีค่ะน้องกิจ

อ่านบทความวันนี้แล้ว อยากให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษามีความคิดแบบนี้บ้าง

ไม่เห็นด้วยกับระบบแพ้คัดออกเหมือนกัน มีเพื่อนสมัยเรียนมัธยมสอบตกต้องเรียนซำ้ชั้น พี่ว่ามันเป็นอะไรที่ฝังใจเขาอยู่โดยเฉพาะเมื่อมีงานศิษย์เก่า
แต่ปัจจุบันเพื่อนคนนี้สามารถเป็นที่พึ่งให้กับเพื่อนๆได้ในยามเดือดร้อน มากกว่าเพื่อนบางคนที่เรียนเก่งมากๆแต่ไม่มีแม้กระทั่งเวลาที่จะมาพบปะพูดคุยกับเพื่อนๆ

 

โดย: พี่หมู IP: 125.27.1.85 13 ธันวาคม 2554 10:43:42 น.  

 

b_bee คิดว่าการแข่งแบบแพ้คัดออกเป็นการเพาะนิสัยความเห็นแก่ตัวค่ะทำให้การช่วยเหลือกันหายไปค่ะ
ดีใจแทนหมิงหมิงด้วยนะคะที่มีปะป๋า แบบพี่ก๋า emo

 

โดย: b_bee (bee_บี ) 13 ธันวาคม 2554 10:56:13 น.  

 

สวัสดีครับพี่หมู


สิ่งแรกที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาทำ
น่าจะเป็นการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเรื่องเขตการศึกษา

ผมเพิ่งอ่านรายงานฉบับนี้มา....

แล้วก็แอบคิดว่า

นี่เป็นสิ่งสำคัญเร่งด่วนจริงๆรึเปล่าของการศึกษาไทย ?


แน่นอนผู้บริหารมองไปที่การจัดการและการบริหารงานในภาพรวม
ก็นับเป็นเรื่องที่ถูกต้อง

แต่ผมมองว่ามันเป็นงานที่ไม่เร่งด่วนและไม่สำคัญ
เท่ากับการมองไปที่เรื่องของการพัฒนา "หลักสูตร"
"พัฒนาคุณภาพของบุคคลากรด้านการศึกษา"
"พัฒนาคุณภาพของสถานศึกษาและสิ่งแวดล้อม"

ฯลฯ


นี่ยังไม่นับวิธีในการสอน รูปแบบในการสอน
เทคนิคในการสอน ฯลฯ

ซึ่งผมมองว่ามันเร่งด่วนและสำคัญมาก
ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

ถ้าสิ่งเหล่านี้จะไม่สำคัญ
ก็คงเพราะงบมันน้อยมากเสียจนท่านรัฐมนตรีไม่อยากเหลือบแลนะครับ 555

การหางบมาถลุงกับโครงการแท๊บเลต
น่าจะสนุกสนานกว่าโครงการกำหนดยุทธศาสตร์ระยะยาวด้านการศึกษา

เพราะทำแล้วได้เงินทันที
ไม่เหมือนโครงการระยะยาวที่ำคิดและทำแล้ว
ตัวเองและพวกพ้องก็ไม่ได้เสวยผลนั้นน่ะครับ แหะๆๆๆ



ปล. โดยส่วนตัวผมจึงวังเวงกับรายชื่อ รมต.ศึกษา
มาตั้งแต่รัฐบาลชุดที่แล้วแล้วล่ะครับ
บวกกับ รมต.ศึกษาในชุดนี้ก็วังเวงจิตกันต่อไป 555

(วังเวงมากที่สุดก็รมต.ท่องเที่ยวและกีฬาด้วยครับ
ไหนๆก็บ่นแล้ว ขอบ่นครบชุดเลยล่ะกันครับ 555)



 

โดย: กะว่าก๋า 13 ธันวาคม 2554 11:04:42 น.  

 

เป็นฟุตบอลเลยนะคะ
การแพ้คัดออกเนี่ยะ
Fair play หรือเปล่าก็ไม่รู้

 

โดย: เริงฤดีนะ 13 ธันวาคม 2554 11:12:09 น.  

 

สวัสดีคะก๋า
หายไข้แล้ว...ดีจัง
แต่ตอนนี้เราเป็นต่อจากก๋าคะ รับช่วง
แถมเพิ่มมาอีกหน่อยจากไข้ นั้นคือปวดท้องกระเพาะ



การศึกษาแบบแพ้คัดออก
พี่ยังไม่ทันได้แพ้ก็โดนคัดออกซะแล้ว
มีอยู่วิชาหนึ่งที่ไปสอบไม่ทัน
ยังไม่รู้แพ้ชนะ ก็โดนคัดออกคนแรกเลย

 

โดย: aenew 13 ธันวาคม 2554 11:15:55 น.  

 

หายดีแล้วสินะคะคุณก๋า

สวัสดีค่ะ

น่าไปเล็กเชอร์ ผู้หย่าย ในกระทรวงศึกษาฯ นะคะ
จะได้เห็นมิติใหม่ของ กศ.ไทย บ้าง

 

โดย: PhueJa 13 ธันวาคม 2554 11:20:26 น.  

 

สวัสดีตอนสายๆค่ะคุณก๋า
เด็กไทยสมัยนี้เหนื่อยกับการเรียนเหลือเกินค่ะ

 

โดย: phunsud 13 ธันวาคม 2554 11:23:50 น.  

 

เป็นคำถามทิ้งท้ายที่น่าคิดมากคุณก๋า ผู้ใหญ่ทางการศึกษาของบ้านเราน่าจะได้เข้ามาอ่าน อิอิ

พี่เห็นด้วยนะว่าการที่คุณจบมหาวิทยาลัยดัง ๆ ดีกรีสูง ๆ บางทีก็ไม่ได้ช่วยอะไร
ได้มากมาย เพราะเห็นคนที่จบโรงเรียนธรรมดา ๆ ทำงานได้ดี มีคุณภาพกว่า
มีความเข้าในงานกว่าก็มีอีกมาก

 

โดย: Tristy 13 ธันวาคม 2554 11:26:40 น.  

 

จริงของพี่ก๋าทุกอย่างเลยจ้า

หนูแอบย่องเข้าบล๊อกเวลางาน อิอิ

 

โดย: Megeroo 13 ธันวาคม 2554 11:39:59 น.  

 

หมิงหมิงลูกมาดามเจงเจง

มองมุมไหนเหลี่ยมไหนก้อมาดามมม

ได้พ่อมาหน๊อยนึง หุหุ

 

โดย: ป้าแหม๋วแหม๋วของหมิงหมิง (ฟ้าคงสั่งมา ) 13 ธันวาคม 2554 11:41:46 น.  

 

พี่ก๋่า สวัสดีค่ะ

น้องอุ๊ว่าการศึกษาของเมืองไทย

คือการแก่งแย่งชิงดี ชิงเด่นกันนั่นล่ะค่ะ

การศึกษาของเมืองไทย ไม่ได้ยกระดับจิตใจให้สูงได้เท่าการศึกษาเลยค่ะ

 

โดย: maitip@kettip 13 ธันวาคม 2554 11:42:20 น.  

 

บ่อหื้อเข้าไปเหมือนกั๋นเจ้า.. ฝากหื้อครูเปิ้นจัดก๋าน

ดีหนาเปิ้นยังหื้อเอาเค้ก ไปเป่า โรงเรียนบางทีเปิ้นห้ามเน้อ ..

เป๋นก๋านครู เปิ้นเจ้า..

แต่คงบ่อฝากไปถ่ายฮูปเจ้า ฮ่าๆๆ กั๋วบ่อชัดเหมือนของหมิงหมิง..

 

โดย: Nongpurch 13 ธันวาคม 2554 11:57:43 น.  

 

รมต.อู้ปะกิ๋ดบ่จ้างนี่...เบรคเอาปายหัวทิ่มเลยนะอ้ายก๋า

...

ไปกิ๋นข้าวตอนกันเต๊อะอ้าย ^^

 

โดย: คนที่ใช่ ในวันที่ผิด 13 ธันวาคม 2554 11:59:25 น.  

 

สำหรับพี่ การศึกษาควรหมายถึง เรียนเพื่อให้รู้ในสิ่งที่เรียน
แล้วนำสิ่งนั้นมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันและหน้าที่การงาน

แต่มันกลายเป็นว่า เรียนเพื่อให้สอบได้คะแนนดีๆ แล้วลืมหมด เวลาทำงานต้องมานับหนึ่งใหม่

เรียนแค่ป.4 แล้วก็กระโดดไปมหาวิทยาลัยเลยน่าจะดี

 

โดย: พจมารร้าย 13 ธันวาคม 2554 12:08:39 น.  

 

บ่าเดี่ยวป้อแม่บางคนลุ้นลูกสอบเข้าเฮียนตั้งแต่อนุบาล
แถมจั้นอนุบาลกะเริ่มเฮียนพิเศษแล้ว
ปี้เป็นคนนึ่งตี้สอบเอนทร้านแล้วบ่าติด อิอิ
เพราะบ่าใด้อ่านหนังสือเลย บ่าขยันนั่นเอง
เปิ้ลไปสอบกะไปสอบตวยเปิ้ล 5555

 

โดย: BongKet 13 ธันวาคม 2554 12:20:17 น.  

 

พ่อแม่ คือ คนสำคัญในกระบวนการจัดการศึกษาให้ลูก เป็นส่วนสำคัญในการจัดการศึกษาในโรงเรียน ในอดีตเราปล่อยให้ครูจัดการเองมาตลอด ปัจจุบันคนในชุมชนลุกขึ้นมาจัดการศึกษาสำหรับลูกหลานมากขึ้น พี่คิดว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ

 

โดย: redclick 13 ธันวาคม 2554 12:22:00 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณก๋า มาดาม และน้องหมิงหมิง ตอนนี้ที่ชลอากาศหนาวแล้วล่ะค่ะ ที่เชียงใหม่คงจะหนาวมากกว่า อย่าลืมดูแลสุขภาพด้วยนะคะ

 

โดย: หญิงแก่น 13 ธันวาคม 2554 12:24:58 น.  

 



นอกจากฝากพี่ไมตรีไวน์กะสายน้ำแล้ว ฝากคุณก๋าด้วยดีก่า ฮิ ฮิ

 

โดย: ปลายแป้นพิมพ์ 13 ธันวาคม 2554 12:50:37 น.  

 




หมิง หมิง ช่างเป็นเด็กที่โชคดี ที่มีพ่อแบบคุณก๋า

พ่อแม่บางคน ยังยึดติดกับผลการสอบ

เอามาพูดเยาะเย้ย เพื่อนบ้าน

ถ้าลูกตัวเองสอบได้ลำดับที่เหนือกว่า

ที่แย่ไปกว่านั้น พ่อแม่ กลับดุด่าลูก ที่สอบได้คะแนนไม่ดี

ทำให้โดนถากถาง จากคนรอบข้าง

ความกดดันตกอยู่กับเด็ก

 

โดย: อสูรกายไทฟอน 13 ธันวาคม 2554 12:52:03 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับ

การศึกษาเป็นการคุยเท่าไหร่ก็ไม่จบสิ้นนะครับ 555
สมัยก่อนก่อตั้งโรงเรียนหรือมหาลัยใหม่ๆ มักอยู่ในส่วนกลาง ทำให้คนที่อยากเรียนเข้ามาในส่วนกลางเพื่อศึกษา
จำนวนที่เรียนน้อย แต่ คนต้องการเรียนมาก
ความจำกัดของที่เรียน ทำให้มีระบบการสอบแข็งขันเพื่อจำกัดจำนวนคน

แม้หลังๆ จะมีโรงเรียนตามท้องถิ่นมากขึ้น แต่ความคิดว่า
โรงเรียนในส่วนกลางดีกว่า เทคโนโลยี่ที่ดีกว่า หลายๆ คนจึงผลักดันให้ลูกตัวเองเข้าโรงเรียนเหล่านั้น...

สำหรับดอยไม่รู้สึกว่าการสอบแข่งขันเป็นเรื่องแย่หรือทำให้ระบบการศึกษาล้มเหลว เพราะจริงๆ การสอบเองก็เป็นการศึกษา ^^ ศึกษาว่า ชีวิต ไม่ใช่ว่าจะสอบผ่านเสมอไป ศึกษาว่า ให้เรารู้จักมีความพยายามอย่างเต็มที่
ศึกษาให้เราทำใจ หากผลที่ได้มันไม่เป็นดั่งหวัง

ครอบครัวผมสอนเสมอเลย ทำให้เต็มที่นะลูกแต่ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ยังไงครอบครัวก็รักลูก ^^

ระบบการศึกษาจะเป็นอย่างไรก็ไม่สำคัญเท่า เราเข้าใจหรือเปล่า ว่าประเด็นที่เราศึกษา เราศึกษาเพื่ออะไร
เพื่อการทำงาน หรือ เพื่อ จะได้เข้าใจชีวิต หรือ เพื่ออะไร
เราในที่นี้ หมายถึง พ่อแม่ เป็นหลัก
เด็กๆ ก็เรียนรู้จากสิ่งพ่อแม่ปลูกฝังมา...

แต่ความเข้าใจแบบเก่าๆ มันฝังรากลึกในสังคมเรามานาน
ถ้าไม่มั่นใจว่าลูกจบมามีงานแน่ๆ คือมีกิจการของที่บ้านรองรับแล้ว การมาโบยบินในสังคมที่ยังยึดแค่เกรด และ สถานที่เรียน จะให้ได้งานก็ต้องเหนื่อยหน่อย เพราะหลายๆ ที่บอกไม่จบเกรด 3 ขึ้นไม่รับ บางที่ระบุเลย ต้องจากมหาลัยอะไร เท่านั้น ของผมยังเคยเลย ไปสมัครบอกว่าคุณไม่จบมาจากญี่ปุ่นไม่รับ



เด็กสมัยนี่ตกงานเยอะ ไม่ใช่ไม่มีงาน
แต่เพราะเลือกงานมากกว่า
เวลารับเด็กแล้วสัมภาษณ์นี่ ถามเรื่องเงินกับสวัสดิการก่อนเลย... เรื่องลักษณะงานแทบจะไม่มีคำถามนี้มาจากเด็กๆ


ไม่รู้ว่าเป็นสังคม กำหนด การศึกษา
หรือ การศึกษา กำหนด สังคม กันแน่นะครับ
สำหรับบ้านเราในตอนนี้


ถ้าผมมีลูกและไม่ว่าจะมีศักยภาพพอหรือไม่
ก็คงจะสอนเหมือนที่ครอบครัวผมสอนไว้เลยครับ
แม้จะสวนกระแสไม่ได้ แต่ก็อยู่กับกระแสนั้นได้อย่างสบายใจ การสอบจริงๆ ก็ดีนะครับ แต่หลักสูตรในการสอบ เพื่อให้ทราบคุณภาพ ของ การศึกษา นั่นคือสิ่งที่เราควรใส่ใจ

แต่ 555 เขียนไปงั๊นหล่ะพี่ เพราะไม่มีลูกให้ต้องเลี้ยง อิอิ สบายใจแฮ

 

โดย: กลิ่นดอย 13 ธันวาคม 2554 13:22:38 น.  

 

เป็นบล๊อกที่สะท้อนมุมมองของระบบการศึกษาไทยไ้ด้ดีทีเดียวครับผม

สวัสดียามบ่ายวันที่ลมหนาวมาเยีือนครับ

ปล.หมิงหมิงหน้าตาสดใสจัง สงสัยชอบอากาศหนาว อิอิ

 

โดย: peeradol33189 13 ธันวาคม 2554 13:25:10 น.  

 

พูดอีกก็ถูกอีก จิงๆ 555+
ปริญญามิได้ช่วยอะไรเราเล้ยยยยย....

 

โดย: jaikojung (jaikojung ) 13 ธันวาคม 2554 13:26:59 น.  

 

ขอบคุณนะครับสำหรับความคิดเห็น
ผมว่าเฮอร์มานน์ เฮสเส เขาเก่งจังนะครับ
ที่เขาว่าพุทธศาสนาจะเจริญในโลกตะวันตก ท่าจะจริง เพราะคนเขามีความคิดดีๆ กันจัง
หลังจากปล่อยให้ชาวตะวันออกหลุดพ้นกันมาระยะหนึ่งแล้ว

 

โดย: คนขับช้า 13 ธันวาคม 2554 13:38:30 น.  

 

ผมเคยพูดคำพูดคำพูดหนึ่งไว้ว่า "ม.ปักกิ่ง" ไม่ใช่ผมมีอคติหรอก แต่คนไทยรู้จักแต่ม.ปักกิ่ง จะเป็นม.XXX ปักกิ่งก็ได้ขอแค่มีคำว่าปักกิ่งก็พอ

ในขณะที่พอพูดคำว่า "ม.ชิงหัว" บางครั้งเราจะได้ยินว่า "มหาวิทยาลัยอะไรวะ" คนไทยสนใจแค่นั้นจริงๆ ไม่สนด้วยว่าจะเก่งแค่ไหนอย่างไร สนแต่ชื่อเสียงเท่านัน

ทั้งที่บางคนเขียนจดหมายลาป่วยด้วยตัวเองยังทำไม่เป็นด้วยซ้ำ (เรียนมาตังแต่ประถมแล้วไม่ใช่เหรอ)

ประเด็นนี้ยาวแน่นอนไว้มาอีกที

ป.ล. ม.ชิงหัวเป็นม.อันดับหนึ่งอันดับสองของจีนที่แข่งกับม.ปักกิ่ง

 

โดย: คุณต่อ (toor36 ) 13 ธันวาคม 2554 13:49:20 น.  

 

คุณก๋าหายไข้แล้วเน้อ วันนี้ความคิดเห็นยาววววว

มีความคิดเห็นคล้ายคุณก๋าหลายๆเรื่องเลยค่ะ
แต่ไม่อยากวิจาร์ณ เพราะวิจาร์ณไป มันก้อจะเหมือน
กงล้อ ที่วนไปเรื่อยๆ และก้อมาถึงจุดเริ่มต้นที่เหมือนเดิม
ทุกๆคนรู้อยู่ แต่คนที่จะทำจะแก้ มีอยู่ไม่มาก
ถึงมีมากก้อไม่มีอำนาจอะไร ก้อต้องปล่อยไป
จนกว่าจะมีอัศวินมาแก้ไข ซึ่งไม่รู้อีกเหมือนกันว่าเมื่อไหร่...

 

โดย: ดาวริมทะเล 13 ธันวาคม 2554 13:50:04 น.  

 

สวัสดีค่ะ นู๋เห็นกับเม้นท์แรกเลยค่ะ เด็กๆ แทบจะไม่ค่อยมีเวลาเป็นเด็กกันแล้วค่ะ
...
มีความสุขมากมากนะคะ

 

โดย: Nissan_n 13 ธันวาคม 2554 14:04:48 น.  

 

สวัสดีเจ๊าอ้ายก๋า

เห็นภาพน้องหมิงหมิง ดูมีความสุขอยู่เสมอ ๆ ก็เพราะมีพ่อและแม่ที่เข้าใจชีวิต และรู้ว่าคนเราควรมีชีวิตอยู่อย่างไร อยู่เพีื่ออะไร
จึงส่งเสริมลูกให้ได้เรียนรู้ และใช้ชีวิตอย่างนั้นด้วย

เพราะฉะนั้นถ้าจะให้เด็ก ๆ ได้เรียน ได้รู้อะไร มีชีวิตอย่างไร คงต้องขึ้นอยู่กับพ่อแม่ หรือครอบครัวเป็นหลักแล้วนะเจ๊า
ถ้าจะหวังพึ่ง รมต. แล้วล่ะก็คงต้องคอยเก้อรึเปล่า ?
ก็ รมต. ก็มาจาก การเมือง
การเมือง ก็คือ อำนาจ และเงินตรา
นักการเมืองส่วนใหญ่เข้าไปทำงานเพื่ออะำไร เพื่อใคร ก็คงทราบกันอยู่ คนที่ได้เป็น รมต. ส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากผู้ที่มีความรู้ ความเข้าใจในกระทรวงนั้น ๆ แต่เป็นไปตามกลไกของระบบการเมือง แล้วเราจะหวังพึ่งเขาได้อย่างไร

ครอบครัว พ่อกับแม่คงต้องเป็นหลักแล้ว
ถ้าพ่อกับแม่เข้าใจเรื่องของการเรียน ว่าเรียนรู้เพื่ออะไร และส่งเสริมลูกให้ได้เรียนอย่างมีความสุข ลูกก็เป็นเด็กที่มีโอกาสที่จะมีความสุขได้มากกว่า เพราะเกิดในครอบครัวที่เข้าใจ

แต่หากพ่อกับแม่ ก็ยังอยู่ในวังวนของการแข่งขันเช่นกัน
ก็ต้องปล่อยให้เด็กเติบโต และหาทางออกในการใช้ชีวิตที่ถูกต้องด้วยตัวเอง (แต่ไม่โทษพ่อกับแม่นะ)

 

โดย: อาเมิ่ง IP: 118.175.19.66 13 ธันวาคม 2554 14:06:32 น.  

 

ไม่ชอบระบบการศึกษาไทยเหมือนกัน ถ้าหนูมีลูกจะส่งเรียน รร อินเตอร์อะ

 

โดย: น้องผิง 13 ธันวาคม 2554 14:13:45 น.  

 

ระบบการศึกษาไม่ได้สอนให้เราเอาความรู้มาใช้ในชีวิตประจำวันหรอก
ส่วนใหญ่เรามาศึกษาเอาใหม่จากงานที่ทำนี่แหละ

คนเราต้องเรียนตลอดชีวิตอยู่แล้ว

 

โดย: พจมารร้าย 13 ธันวาคม 2554 14:16:30 น.  

 

คุณก๋าเห็นเหมือนผมหลายอย่างเลยครับเกี่ยวกับระบบการศึกษาของไทย

อย่างเช่นคุณก๋ามอง “การสอบ” เป็นแค่เพียงการ “วัดจำนวนความรู้” แต่ไม่ได้วัด “คุณภาพของความรู้”

การสอบเอนทรานซ์เป็นเพียงสนามสอบวัด “ปริมาณสิ่งที่เรารู้”

แต่ไม่ได้วัด “คุณภาพทางความคิด”

หรือ “คุณภาพในการใช้ชีวิต” แต่อย่างใด

อันนี้จริงแท้แน่นอน

ผมจบมานานแล้ว เดี๋ยวนี้ระบบการศึกษาเปลี่ยนไปอีกเยอะ ลูกชายกำลังจะจบ ม. 3 ก็ให้เขาเลือกทางเดินเขาเอง จะไม่กีดกันขัดขวางให้เรียนสิ่งที่เขาอยากเรียน จบอะไรก็ช่าง ออกมาทำงานสุจริต เป็นคนดีของสังคมก็พอใจสุดแล้วครับ

 

โดย: ปลายแป้นพิมพ์ 13 ธันวาคม 2554 14:19:52 น.  

 

เราต้องเน้นให้เด็กเรียนให้น้อยลง
แต่เข้าใจให้มากขึ้น
แต่ปัญหา
อาจจะอยู่ที่ครูและระบบ
ที่น่าจะแก้ยากอยู่

 

โดย: disciple21 13 ธันวาคม 2554 14:23:58 น.  

 

ชีวิตคือการเรียนรู้…
จึงไม่ควรจบแค่ในห้องเรียนและการสอบแข่งขัน
แต่ควรเรียนรู้ชีวิตในด้านมุมต่างๆ
และออกไปสนุกกับการใช้ชีวิต....

ใช่เลย... ชีวิตคือการเรียนรู้ตลอดชีวิต

 

โดย: the mynas 13 ธันวาคม 2554 14:27:09 น.  

 

สวัสดีค่ะ คุณก๋า
ไม่ได้แวะมา แทบจำหมิงหมิง ไม่ได้แน่ะ
แบบว่าโตขึ้นมากมายก่ายกอง มาดเจ้าสัวจริงๆ ด้วย
ไม่อยากเชื่อว่าเห็นแต่อยู่ในท้องแม่ อิอิ
ตอนนี้เรียนหนังสือแล้วใช่ป่าวคะ อีกไม่นานก็เป็นหนุ่มไล่ตามคุณพ่อแล้วเนาะ

ผ่านมาแว๊บๆ ค่ะ เลยเข้ามาทักทาย คุณก๋า สบายดีนะคะ
เห็นเม้นท์ของเพื่อนๆ มากมายเหมือนเดิม ไล่อ่านไม่หวาดไม่ไหว

ขอให้ทั้งครอบครัวมีความสุขทั้งกายทั้งใจนะคะ ^^

 

โดย: พ่อระนาด IP: 125.24.118.10 13 ธันวาคม 2554 14:47:12 น.  

 

บทความตังบน...ตรงใจ๋ตี้ซู้ด
น่าแปลกที่ว่าระบบการศึกษาของไทยนับวันจะถอยหลังเข้าซอยตันเข้าทุกวัน ๆ แล้ว
ถ้าดูจากการที่เด็ก ๆ ทุกวันนี้ต้องเรียนหนักขึ้น แต่อีคิวเบาลง ๆ (ไม่อยากใช้คำว่าต่ำอ่ะ...เอาเป็นว่า ความอดทน ความเข้มแข็ง โดยเฉพาะทางอารมณ์น้อยลงนะ...)

หมิงหมิงโขคดีนักหนาที่มีป๊ะป๋ามี"วิธีคิด"ที่แตกต่างเยี่ยงนี้

ลำปางหนาวขนาดแล้วเจ้า ชักจะเริ่ม ๆ มีอาการมั่งแล้ว...ฮัดเช้ย...emo

 

โดย: แม่ไก่ 13 ธันวาคม 2554 15:48:28 น.  

 

คนที่เรียนเก่ง สอบได้ ได้เกรดดีๆ
กับคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต
อาจจะไม่ใช่คนเดียวกัน

การรับปริญญาก็ไม่ใช่ความสำเร็จสูงสุดของชีวิต
พูเลยไม่ไปรับปริญญา
แต่เคารพในปริญญานะ
ขอบคุณสถาบันและอาจารย์ที่สอนเรามา
ท่านไม่ได้ให้กระดาษเพียงแผ่นเดียวหรอก
ทุกเรื่องคือการเรียนรู้
ปริญญาเป็นใบเบิกทาง
แต่ความสำเร็จอยู่ตัวเรา

การศึกษาไทยจะสอนคนให้คิดเป็นไหม และทำอย่างไร
อันนี้ตอบยาก
ชีวิตคือการเรียนรู้
บางครั้งความล้มเหลวของการศึกษาก็เป็นการเรียนรู้เหมือนกัน

เราไปเปลี่ยนแปลงคนอื่นไม่ได้ ถึงได้ก็ยากมาก
เราเปลี่ยนได้แต่ตัวเราเอง เริ่มที่ครอบครัวของเรา
มีความสุขในแบบของเรา

 

โดย: pumpond 13 ธันวาคม 2554 15:58:53 น.  

 

ประเทศเราหวังแต่กระดาษครับ ผมตะลึงกับการศึกษาไทย อย่างภาษาจีน ผมไม่ได้บอกให้จ้างครูจีน หรือครูไทย เพราะทั้ง 2 อย่างมันมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน ถ้าจะให้ดี มีทั้ง 2 อย่างจะดีที่สุด ผมอึ้งกับคำพูดของ "คนคนหนึ่ง" ที่พูดว่า

ขีดในภาษาจีนไม่สำคัญ ฉันอ่านได้เด็กก็ต้องอ่านได้ แฟนพี่ก๋ารู้ภาษาจีน พี่ก๋าลองถามเลยครับว่า มันสำคัญหรือไม่ ผมพยายามอธิบายถึงความสำคัญของมันให้ฟัง แต่สุดท้ายก็ไร้ค่าและกลายเป็นไปงัดข้อกับเขาอีก

未 末 สองตัวนี้แทบจะไม่ต่างกันเลย เหรอ? ตัวแรกอ่านว่า wèi อีกตัวอ่านว่า mò ความหมายคนละเรื่องเลย และที่สำคัญคุณอ่านได้ใช่ว่าเด็กจะอ่านได้ ในขณะที่เด็กอ่านได้คุณอาจจะอ่านไม่ได้ก็เป็นไปได้

ผมอึ้งอันดับที่สองคือมีคนมาถามว่า เขาจะสอนภาษาจีนให้เด็กอย่างไร โดยที่เขาก็ไม่เคยเรียนภาษาจีนมากก่อน...!? โดนโยกจากครูสอนภาษาอังกฤษมาสอนภาษาจีน แล้วมันจะเป็นยังไงต่อ

ผมอึ้งสามตรงที่ หลายคนถามคำถามว่า มหาวิทยาลัยที่ผมไปเรียน ดังมั้ย? ไม่ดังหรอกก็แค่ประธานเหมาเคยมาเยือนเท่านั้นเอง

ประเทศเราเป็นแบบนี้ หลายๆ ส่วนมันเน่า

คุณค่าของคนที่เขาวัดกันในสังคมไทยแห่งนี้มักจะวัดกันที่สถาบัน แปลกดีครับ แต่เป็นเรื่องจริง ไม่งั้นคงไม่มีคำว่า เงินเดือนมหาวิทยาลัยเกรด เอ บี ซี หรอก (ทั้งที่มันก็ตำแหน่งเดียวกัน) เคยได้ยินมั้ยคำว่า สิงห์ (สี) ทั้งหลายน่ะ

เป็นไปได้หรือไม่ที่คนไทยชอบดูถูกเหยียดหยามผู้อื่น เพื่อให้ตนเองดูเหนือกว่า เคยมีการพูดคุยกันว่า "ที่บ้านทำอะไร" หมายถึงคุณพ่อคุณแม่ทำงานอะไร มีคนหนึ่งคนตอบว่า "กวาดถนน" ทุกคนเงียบกันหมด กวาดถนน...เอาว่าคนทั่วๆ ไปทำไม่ได้ละกัน ถ้าไม่ใช่คนที่มีทักษะ แต่สิ่งที่น่าคิดคือ สังคมมองอย่างไร

ผมมีประเด็นน่าสนใจที่สังเกตมานานมากแล้ว ถามเลยว่าเด็กไทยเก่งหรือไม่? เก่งครับ มากเลยด้วย ไม่ว่าจะเป็นในทางวิชาการ คณิตศาสตร์โอลิปิก ฟิสิกส์โอลิมปิก แม้แต่กีฬาฟุตบอล ฟุตบอลเยาวชนของไทยซัดออสเตเรียหมอบเลยนะครับ แต่โตขึ้นมาทำไมไม่เก่งแล้วฦ เป็นไปได้หรือไม่ที่ถูกกลืน?

ปัจจุบันการเรียนรู้ทำได้ง่าย ข้อมูลมีเยอะ อยากทราบอะไรหาจากอินเทอร์เน็ตมีแทบทุกอย่าง แต่ปัญหาสำคัญที่น่าสนใจคือ คนที่รับสาร (อาจหมายถึงตัวเด็ก) จะใช้อะไรในการวิเคราะห์ข้อมูล

ยาวไปแล้วเดี๋ยวจบไม่ลงพอดีกว่านะ (ความจริงเริ่มขี้เกียจพิมพ์แล้ว)

 

โดย: คุณต่อ (toor36 ) 13 ธันวาคม 2554 16:00:55 น.  

 

วันนี้ออกไปซื้อกับข้าวยังอู้กับแฟนเลยว่าหยังมามีก๊ะโฮงเฮียนกวดวิชา หล่ะอ่อนปอบะมี๋เวลาเล่นเวลาแอ่ว เวลาผ่อนคลายพ่อง
แสดงว่าโฮงเฮียนใจ้บ่ได้แม่นก่
แสดงว่าครูหากิ๋นนักไปแม่นก่

 

โดย: tuk-tuk@korat 13 ธันวาคม 2554 16:01:38 น.  

 

จำได้ขึ้นใจคะ ตอนเรียนมีอาจารย์ท่านหนึ่งบอกกับพวกเราว่า
การสอบเป็นวิธีการที่เลวร้ายที่สุด แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ จำต้องทำ
ตอนนั้นยังเด๊กเด็กคะคุณก๋า

วันนี้แวะมาซะเกือบเย็นเลยคะ พึ่งจะเคลียร์เวลาได้ สวัสดียามเย็นเลยนะคะ

 

โดย: บ้านสีขาว 13 ธันวาคม 2554 16:02:00 น.  

 

หลานสาวในวัยกำลังอยากสวย








สวัสดีค่ะพี่ก๋า
ดีขึ้นหรือยังคะ ที่นี่หนาวแล้วค่ะ เห้ฯกรมอุตุบอกว่าเมื่อเช่้าที่กทม.19 องศา และจะราวๆ 19-20 องศา ในวันที่ 16-19 ธค.นี้ค่ะ แล้วที่ เชียงใหม่มีแม่คะนิ้งยังคะ กี่องศาแล้วคะพี่ก๋า

เพื่อนไปเที่ยวเขาใหญ่มาเมื่อวันหยุดที่ผ่านมากลับมาเป็นไข้เลยค่ะ อากาศเย็นแล้วจริงๆค่ะ

รักษาสุขภาพด้วยนะคะ

 

โดย: ภายใต้ 13 ธันวาคม 2554 16:03:43 น.  

 

น้องหมิงหล่อนะเนี่ย

ผมเชื่อว่าทุกคน มีคุณสมบัติพรสวรรค์แตกต่างกัน
การศึกษาโดยเฉพาะการศึกษาไทย มันเรียนแบบทำลายความสามารถเด็ก
ถ้าเราสามารถเรียนตามพรสวรรค์เด็กแต่ละคนได้
นั่นคือ ความเจริญก้าวหน้าใหญ่หลวง
แต่ผมไม่เชื่อ เพราะมันต้องทุ่มเท เวลาและงบประมาณมากมาย
ไม่สามารถเห็นผลในวันนี้ ไม่รู้จะเอาเกณท์อะไรมาวัด
....และที่สำคัญ เรื่องแบบนี้ไม่มีในสมองนักการเมือง แน่นอน

 

โดย: REX-REX 13 ธันวาคม 2554 16:05:57 น.  

 

แต่ละท่านมีแต่สาระทั้งนั้น...

emo



ไม่ค่อยเหมาะกะเรา .. อย่างเราต้อง
ป่ะ..หมิงหมิงที่เลิฟไปเที่ยวกันเถอะ

emo

 

โดย: คนไม่เจียม.. 13 ธันวาคม 2554 16:06:10 น.  

 

เสริมอีกนิดประเทศไทยมีกรณี 大材小用 แบบนี้เยอะมาก (เอาคนมีความรู้ความสามารถ ไปทำงานที่ไม่สมกับความรู้ความสามารถ)

 

โดย: คุณต่อ (toor36 ) 13 ธันวาคม 2554 16:08:38 น.  

 

ทุกวันนี้พี่ผจญกับนักศึกษาที่สอบเข้าเก่งมาก
แต่สอบออกโคดยาก ระหว่างเรียนก็เหมือน
ไม่มีพื้นเท่าที่สอบเข้ามาเลย ต้องบอกว่า
สถานกวดวิชาเก่ง เค้าเดาใจคนออกข้อสอบเก่ง
หรือเปล่าหวา 55 เพราะเค้าว่าบางสถาบัน
กวดวิชามีคอนเน็คชั่นกับอาจารย์ในสาขานั้นๆ
พี่อยากเชื่อว่าจริงนะครับ แม้ว่ามันไม่ควรจะจริง


 

โดย: คนบ้า(น)ป่า (nulaw.m ) 13 ธันวาคม 2554 16:40:02 น.  

 

หวัดดีครับน้องก๋า...

ระบบการศึกษาที่ไม่ต้องแข่งขันนะ่พอมีครับ

ที่แข่งกันหนักๆก็เพื่อจะแย่งเอา...ของ(ที่เค้าว่า)ดี+ราคาถูก

ซึ่งก็คือของรัฐที่ประกันคุณภาพ(ว่าดี)

ดีมานด์มากเกินซัพพลายก็ลำบากกันละ...ทั้งเด็กทั้งผู้ปกครอง

เป็นอะรัยที่น่าสงสาร+สังเวช+สมเพท...แต่ไม่รู้เค้าจะแก้ไขกันยังงัย

กรรมก็ตกอยู่กับคนด้อยโอกาส...ตามเคย

ลูกคนจน สอบเอ็นไม่ติด ต้องเข้าเรียนของรัฐที่แย่กว่าหรือเอกชนแพงๆ

วงจรอุบาทว์ของ จน-เจ็บ-โง่ จึงหมุนจี๋ในระบบตลอดเวลา

กำลังกลัวอยู่อีกอย่างคือความเชื่่อว่า...โกงแล้วแบ่งบ้าง...เป็นสิ่งถูกต้อง

 

โดย: Dingtech 13 ธันวาคม 2554 17:14:29 น.  

 

ชอบตรงที่คุณก๋าพูดว่า
"การสอบเอนทรานซ์เป็นเพียงสนามสอบวัด “ปริมาณสิ่งที่เรารู้”
แต่ไม่ได้วัด “คุณภาพทางความคิด”
หรือ “คุณภาพในการใช้ชีวิต” แต่อย่างใด"

คุณก๋าคิดดีจังค่ะ เราว่าการศึกษาบ้านเรามีปํญหามานานแล้ว เป็นปัญหาที่ซ้ำซากอย่างคุณก๋าว่าเลย การศึกษาไม่ได้ส่งเสริมคุณภาพของเด็กอย่างที่ควรจะเป็น แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องแก้ไขยังไงอ่ะนะ ได้แต่หวังว่าคุณภาพการศึกษาของเมืองไทยจะดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ไม่รู้ว่าจมีวันได้เห็นหรือเปล่า

อากาศที่กทม.เย็นลงเยอะ เย็นตลอดวันเลยค่ะ ทุกทีจะหนาวแค่ช่วงเช้า พอกลางวันแล้วก็ร้อนเหมือนเดิม ดูท่าปีนี้จะหนาวมากแล้วก็นานด้วย กทม.หนาวแบบนี้ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าที่เชียงใหม่ต้องหนาวมากแน่ ๆ คุณก๋า มาดามกับหมิง ๆ ระวังจะเป็นหวัดนะคะ

 

โดย: haiku 13 ธันวาคม 2554 17:29:56 น.  

 

สวัสดีครับอาเมิ่ง

วิธีเลือกโรงเรียน ครู
และระบบการศึกษาให้ลูก

พี่ก๋ามีเคล็ดลับง่ายๆ แต่ทำได้ยากมากคือ

"อะไรที่เราเกลียดและไม่ชอบในสมัยเด็ก
อย่าไปทำสิ่งนั้นให้กับลูก"


ฟังดูง่ายนะครับ
แต่พ่อแม่มกามายก็ทำไม่ได้ครับ

ยังคิดว่าจะต้องปั้นให้ลูกเก่ง ฉลาด
และเป็นอัจฉริยะ
โดยไม่เคยถามลุกเลยว่าลูกอยากเป็นหรือเปล่า
หรือทำแล้วมีความสุขหรือไม่

โดยไปคิดแทนว่า

"ก็เด็กน่ะ มันจะไปรู้อะไร"

เราใช้คำนี้ทำร้ายเด็กมานักต่อนักแล้วล่ะครับ




 

โดย: กะว่าก๋า 13 ธันวาคม 2554 17:50:22 น.  

 

ผมเชื่อในการทำงานหนัก มีวินัย รักในการเรียนรู้
ชอบ ชอบ

เด็กเกลียดโรงเรียนอย่างตูนไม่มีอะไรจะพูดเลยค่ะ
มัน....
ติดอยู่ที่ปาก
และก็ติดอยู่ที่ใจ

คิดถึงชีวิตในวัยเด็กนะคะ แต่ไม่เคยคิดถึงชีวิตในโรงเรียนเลย
ตอนเป็นผู้ใหญ่เรียนอะไรสนุกกว่าตอนเป็นเด็กเยอะ

จำได้ว่าอยากเรียนเล่นกีต้าร์ เพราะอยากหาความบันเทิงเริงใจ
แต่ครูผู้สอนพยายามผลักดันให้เป็นมือกีต้าร์ระดับโลก

ต้องโดนบังคับให้เรียนปิงปอง ตีให้เก่งขั้นเทพ อาจารย์บอกว่าจะได้ติดทีมชาติ

การเรียนแบบจริงจัง ทั้งๆ ที่เราไม่ได้ฝัน
ไม่สนุกเลย

ปล.ภาพของเด็กชายแสงสว่างดูแล้วเขามีความสุขมากทุกรูปเลยค่ะemoemoemo

 

โดย: เหมือนพระจันทร์ 13 ธันวาคม 2554 18:40:58 น.  

 

สวัสดีตอนค่ำค่ะพี่ก๋า วันนี้ย่องมาตอนมืด ๆ คริๆ

ตอนไผ่กับพี่ชายเรียนก็เงี๊ยะ เจอแพ้คัดออกเหมือนกันเลย รู้สึกเหมือนออกรายการกำจัดจุดอ่อนพิกล 555 ตอนนี้พี่ชายดันเอาหลาน ๆ เข้าระบบแพ้คัดออกเหมือนตัวเองซะงั้น (แอบม่ายเข้าใจ)

 

โดย: คมไผ่ 13 ธันวาคม 2554 18:52:07 น.  

 

ทักทายยามเย็น เตรียมอาบน้ำนอนกันยังจ๊ะ ของพี่รู้สึกเย็นมา 3 วันแล้ว เชียงใหม่ไม่เหงาแล้วนะ ขอให้ขายดีๆ เฮงๆๆๆๆ

 

โดย: madame_vann 13 ธันวาคม 2554 18:53:22 น.  

 

ปล.ลืมถามว่ากลับมาฟิตปั๋งเหมือนเดิมยังพี่ ตกลงจ้าไผ่ไปเช็ดตัวให้ม่ะ แถมกล่อมเข้านอนด้วยนา

 

โดย: คมไผ่ 13 ธันวาคม 2554 18:53:27 น.  

 

ต้องเริ่มต้นที่ “ครอบครัว” ก่อนเป็นอันดับแรก

อยากให้คนไทยทุกคนคิดได้เหมือนคุณพ่อน้องหมิง หมิง
จังเลยค่ะ เดี๋ยวนี้เด็กๆโตแต่ตัว ทำอะไรก็ไม่เป็น
พ่อแม่ก็ทูลเกล้าทุกสิ่งอย่าง เหมือนกับพ่อแม่รังแกลูก


หมิงหมิงโตขึ้นต้องเป็นสุภาพบุรุษที่ดีพร้อมแน่นอนค่ะ

 

โดย: bbmit 13 ธันวาคม 2554 19:00:27 น.  

 

คือ ที่ท่านกำหนดไว้อย่างนั้น

เป็นเพราะไม่ต้องการให้พระภิกษุไปกินสิ่งที่จะยังมีชีวิต (แพร่พันธุ์) ต่อไปได้น่ะค่ะ

ไม่เบียดเบียนชีวิตผู้อื่น เราคิดว่าน่าจะประมาณนั้นน่ะนะคะ

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 13 ธันวาคม 2554 19:27:33 น.  

 

อยากกด Like ข้อความคุณก๋าที่บล็อกตูนจังเลยค่ะ

---มีข้อความหลังไมค์ส่งไปให้นะคะ--

 

โดย: เหมือนพระจันทร์ 13 ธันวาคม 2554 19:42:00 น.  

 

ขอแชร์มุมมองจากเด็กที่เคยบ้าเรียน (แต่โตมาดันบ้าการ์ตูน) ครับ

สมัยเรียนผมตะบี้ตะบันเรียนครับ พยายามผ่านการทดสอบโดยไม่สนใจว่าการทดสอบมันสามารถวัดอะไรได้จริงหรือเปล่า เพื่อเข้าไปในสังคมที่ถือเป็นจุดหมายปลายทางที่เราจะไม่เสียใจภายหลัง ตอนนี้ย้อนกลับไปมองก็รู้สึกว่าตัวเองตอนนั้นมันขยันเกินไปด้วยซ้ำ ผมอ่านหนังสือจบ ม.6 ตั้งแต่อยู่ ม.5 เทอม 1 สอบ pre-entrance ได้อันดับ 40 ของประเทศ และได้เป็นตัวแทนโรงเรียนไปแข่งตอบปัญหาวิชาการแข่งกับเด็ก ม.6 โรงเรียนอื่นทุกครั้ง ก็ภูมิใจนะครับ พ่อแม่ก็ไม่ได้บังคับให้เรียน และตอนนั้นผมก็สนุกกับการเรียนจนไม่รู้สึกว่าเดือดร้อนหรือเหนื่อยเกินไปด้วย กิจกรรมก็ทำครบคอร์ส ได้เป็นศิษย์เก่าดีเด่นไปเลย
เพื่อนคนนึงถูกอาจารย์ดูถูกว่าจะไม่ประสบความสำเร็จ มันเลยท้าอาจารย์ว่าสอบมิดเทอมฟิิสิกส์หนนี้จะทำคะแนนให้ได้มากกว่าผม (แล้วผมไปเกี่ยวอะไรด้วย?) แล้วมันก็ทำได้จริงๆ มีการมาโม้อีกว่าถ้ามันเอาจริงอย่างผมก็ขี้ๆ ผมบอกให้มันเอาจริงเอ็นท์ให้ติดวิศวะจุฬาด้วยกันเลยสิ แต่มันไม่เอา มันไม่สอบเอ็นทรานซ์และเต็มใจเรียนรามเพราะเลือกที่จะเข้ารามตั้งแต่แรก มันบอกว่าขี้เกียจแข่งกับชาวบ้านเขา

ไม่มีประเทศไหนมีการคัดเลือกคนได้เต็มประสิทธิภาพ 100% ไม่ว่าที่ไหนก็มีทั้งคนเก่งไปอยู่ในที่ๆไม่เก่ง และมีน้อยคนที่ไม่เก่งแต่ไปอยู่ในที่ๆเก่ง แบบหลังโดยมากจะถูกระบบคัดทิ้งออกไปกลางคันเอง แต่แบบแรกนั้นถ้าเป็นความต้องการของเจ้าตัวที่ไม่ได้ต้องการโอกาสอะไรที่สถาบันหยิบยื่นให้ก็เรื่องหนึ่ง แต่ถ้าเป็นเพราะแนวทางการคัดเลือกมันไม่ถูกไม่ดีก็ต้องรีบแก้ไข

เราจัดสรรสัดส่วนบัณฑิตตามตลาดแรงงาน แล้วใช้การสอบเพื่อให้โอกาสกับคนที่มีความสามารถให้ได้เรียนคณะที่คนแข่งกันเข้ามาก ซึ่งสาขาพวกนั้นมักให้ผลตอบแทนมากกว่า แต่กลไกนั้นถูกบิดเบือนด้วยสถาบันที่ป้อนคนเข้าตลาดแรงงานที่เปิดหลักสูตรที่เคยแข่งขันกันเยอะให้เข้ากันได้ง่ายๆ เมื่อไม่สามารถผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพแบบที่ผู้จ้างต้องการได้ คนพวกนี้ก็กลายเป็นแรงงานส่วนเกิน ส่วนมากก็ไม่ได้ทำงานเกี่ยวข้องกับสาขาที่จบมา คงโทษบริษัทที่รับเด็กแบบเลือกสถาบันไม่ได้เพราะไม่มีใครอยากเสี่ยงวัดความสามารถเด็กด้วยการทดสอบที่ฉาบฉวยมากไปกว่าผลการศึกษาจากสถาบันที่ได้รับความเชื่อถือหรือประสบการณ์ทำงานที่สั่งสมมาหลายปี

สำหรับการสอบเข้านั้นระบบแข่งขันจะมีประสิทธิภาพเมื่อการทดสอบนั้นสามารถคัดคนตามเกณฑ์คุณภาพที่ต้องการได้
แต่ประเทศไทยนั้นยิ่งพยายามเปลี่ยนแปลงไปจากสิ่งที่เคยทำก็ยิ่งให้ผลเลวร้ายไปเรื่อยๆ ดังปรากฏในระบบสอบเข้าปีหลังๆที่พยายามออกข้อสอบให้เด็กแสดงความสามารถในการคิด แต่กึ๋นคนออกดันมีไม่พอ เลยกลายเป็นโจทย์ปัญญาอ่อนให้คนเอามาด่ากันทั่วประเทศ (เช่นเอ๋มีเพื่อนเยอะ อีนิดตีลูกเทนนิส หรือโจทย์นับถั่วเขียวอันลือลั่น) แล้วเกิดปัญหาเรื่องคุณภาพบัณฑิตในสาขาที่ต้องการความรู้ความชำนาญเยอะมาก หลายสาขาก็เพิ่มสัดส่วนการรับตรงเพราะการสอบกลางมันไม่ได้เรื่อง เด็กเข้ามาคุณภาพสู้เมื่อก่อนไม่ได้

เด็กรุ่นหลังมีการฝึกวิธีการคิดต่างๆนานาตั้งแต่เด็ก เช่นจินตคณิตหรือการสอนภาษาและดนตรีให้กับเด็กเล็ก ซึ่งเป็นพัฒนาการด้านการศึกษาที่ดีขึ้น แต่เมื่อโตไปเจอกับระบบคัดเลือกที่ด้อยลงแล้วพอไปทำงานก็เจอปัญหาเดิมๆ เห็นได้ว่าเด็กรุ่นใหม่มีพื้นฐานความคิดดีขึ้น แต่ความรู้ในสาขาเฉพาะทางแย่ลง คงเกิดจากการได้เรียนสิ่งที่ไม่เหมาะกับความรู้ความสามารถตัวเอง

อีกปัญหาคือตลาดแรงงานส่วนใหญ่ให้ค่าตอบแทนตามวุฒิสูงสุดที่ไ่ด้รับโดยไม่สนใจพื้นฐานการศึกษาที่ผ่านมา จนเกิดปรากฏการณ์แห่กันจบ ป.เอกเอาวุฒิ แล้วไปทำงานใน field specialist ที่ต้องการความรู้ระดับ ป.เอกจริงๆ ก็พากันล้มครืน

 

โดย: ชีริว 13 ธันวาคม 2554 19:59:03 น.  

 

อ่านแต่ละเม้นท์แล้ว

emo

 

โดย: คนไม่เจียม.. 13 ธันวาคม 2554 20:08:37 น.  

 

คนที่สอบเอนทรานซ์ผ่าน
อาจหมายถึงการที่คุณรู้เยอะ จำได้เยอะกว่าคนอื่น
จริงจัง มุ่งมั่นกว่าคนอื่น (ในช่วงเวลาที่สอบ)
มีโอกาสในการเข้าถึงความรู้มากกว่าคนอื่น
(เช่นสามารถเรียนกวดวิชา)

แต่มันไม่ได้เป็นตัวชี้วัดว่า คุณรู้แจ้งหรือรู้จริงในสิ่งที่คุณรู้....
----------------------------------------------------
โดนใจที่สุดเลยค่ะ
ในชีวิตการเรียนของปอย
ปอยไม่เคยคิดที่จะเอนทรานเลยค่ะ
ที่ผ่านมามุ่งมั่นเรียนในสถานศึกษาของเอกชนมาโดยตลอด กร๊ากกกก
สอบไปก็แค่นั้นอ่าน๊า สอบไปก็ไม่ติด กร๊ากกกกก
ขอเป็นคนเก่งในกลุ่มเล็กๆ ก็พอแระ
ในห้องเรียนปอยเป็นต้นฉบับของห้องนะค่ะพี่ก๋าไม่อยากจะคุย หุหุ
การบ้านในวิชาเอกปอยเป็นต้นฉบับของห้องค่ะ
และไม่เคยทำให้เพื่อนๆ และอาจารย์ผิดหวังเลย อิอิ

ขนาดไม่คุยนะเนี่ย เอิ๊กๆๆๆ
ไปล่ะค่ะ วันนี้เหนื่อยโพดดดด เลย

 

โดย: แค่ได้รู้จัก_ก็เพียงพอ 13 ธันวาคม 2554 20:09:36 น.  

 

กรรมแร่ะพี่ก๋า อุตส่าห์สร้างภาพเป็นแม่ชีในคอนแวนต์ซะหน่อย ดันนึกภาพไปยังแม่ชีสโนว์วูแมนซะงั้น เซ็งเป็ดเลย แต่ก็โอเคนะคะ หายเครียดดี

เอ...ว่าแต่..ตกลงให้ไผ่ไปเป็นพยามาร เอ๊ย!! พยาบาลส่วนตัวเปล่าเนี๊ยะ คริ ๆ เดี๋ยวหอบเสื้อผ้าไปเลย จะได้หายเปื่อยซะที

 

โดย: คมไผ่ 13 ธันวาคม 2554 20:23:59 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณกิจ&ming ming&มาดาม&ทุกๆท่านค่ะ

อ่านแล้วผงกหัวหงึกๆตามแล้วก็เห็นด้วยค่ะ อิอิอิ
พี่กับแฟนเป็นประเภททวนกระแส ตามใจลูกมากกว่า
เราแค่ให้ชีวิต มีคำแนะนำนิดหน่อยและสนับสนุนเต็มที่
ในสิ่งที่ลูกใฝ่ฝันและเขารักที่จะทำ ปล่อยให้มีอิสระเต็มที่

อาทิตย์ที่แล้วไปส่งเขาที่มหาวิทยาลัย เพื่อดูการเรียนการสอนของรุ่นพี่ๆ ลูกพี่ก็ไปดูยังงั้นแหละ ตามที่อาจารย์สั่งให้ไป
แต่น้องซีบอกว่า...ยังไงหนูก็ไม่เรียน ได้โควต้าก็ไม่เรียน
เพราะมันไม่ได้อยู่ในหัวใจที่เค้าใฝ่ฝัน
ที่เขาฝันก็เหมือนที่พี่เคยเล่าให้คุณกิจฟัง เขาไม่เปลี่ยนใจ

พี่ว่าทำอะไรก็ได้ขอให้เรามีความสุข เมื่อเราทำด้วยความสุข สิ่งอื่นๆจะตามมาเอง เช่น ชื่อเสียง เงินทอง
ถ้าเราไม่มีความสุข งานออกมามันย่อมไม่ดี อย่าว่าแต่ชื่อเสียงเลยค่ะ ตัวเองยังไม่รู้จักตัวเองด้วยซํ้า 555
ทำงานไปก็คิดว่าเมื่อไหร่จะสิ้นเดือนน้อ งานน่าเบื่อจัง
อะไรแบบนี้ แล้วมันก็เลยไม่ก้าวหน้า

มีเรื่องเพื่อนน้องซีจะมาเล่าให้ฟัง เป็นเด็กที่ค่อนข้างกดดันมากๆเพราะพ่อแม่คาดหวังกับเธอสูงเหลือเกิน
พ่อแม่อยากให้เป็นหมอประมาณนั้น แต่ว่าคะแนนที่สอบออกมาตกทั้งหมด 9 วิชาแล้วตอนนี้
พ่อแม่รังแกขนาดว่าบอกยกเลิกการเรียนเปียโนแบบไม่ปรึกษาลูกเลย
แถมด้วยบอกยกเลิกการเรียนขี่ม้าและกีฬาฮอกกี้
อันนี้เธอเป็นลูกคนโตแล้วพ่อแม่รวยมากๆลูกพี่เล่าว่า
บ้านเพื่อนใหญ่โตมากคือโตกว่าบ้านพวกเรา3-4 เท่า
พี่ไม่อิจฉาหรอกนะ เพราะหลังเล็กๆก็ทำความสะอาดจนเหนื่อยเหมือนกัน555

แค่นี้ยังไม่พอนะ ตอนวันแจกของขวัญเทศกาลsantaklaas มีการเขียนคำเหน็บแนมลูกเจ็บๆด้วย
ลูกก็น้อยใจมาเล่าให้เพื่อนฟัง แบบอยากระบายความในใจ
ที่เก็บกด กดดันใจต่างๆน่าสงสารมากๆเลยค่ะ
เธอโกรธก็ไปเจาะหูเพิ่มเป็นข้างละ 2รู ซึ่งแม่เคยขู่เอาไว้ว่า
ห้ามไม่ให้เจาะเกินหนึ่งรู ถ้าเจาะสองเมื่อไหร่
ในพินัยกรรมจะไม่ได้สมบัติอะไรเลย เธอบอกว่าอยากหนีไปให้ไกลๆ อยากโตๆเป็นอิสระ เบื่อพ่อกับแม่ที่สุด
สมบัติบ้าบออะไรฉันไม่อยากได้หรืออยากจะมีเลย อยากไปไกลๆที่ไหนก้ได้ที่ไม่มีพ่อกับแม่
เธอบอกว่าน้องซีช่างโชคดีเหลือเกินที่พ่อแม่ไม่บังคับ
ขู่เข็ญให้เรียนโน่น เรียนนี่ หรือมาเขียนโปรแกรมชีวิตให้
พี่ได้ยินแล้วรู้สึกสงสารและนํ้าตามันก็ไหลออกมาแบบไม่รู้ตัว พอลูกทำไม่ดีก็ซํ้าเติม ด่าแบบเจ็บๆด้วยยังกับลูกไม่ใช่คนหรือไม่มีจิตใจ

เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ไม่อยากให้พ่อแม่เห็นลูกเป็นหุ่นยนต์
เด็กผอมมากๆกินเยอะนะแต่ไม่อ้วน เพราะเค้าเครียดมากๆ

พี่คิดว่าพ่อเธอก็คงดูถูกครอบครัวพี่นะคะ ขนาดวันเกิดลูกพี่เขายังไม่จับมือแสดงความยินดีด้วยเลย
คงรังเกียจกลัวเชื้อโรคจากคนจนติดมั้ง555
แฟนพี่เห็นสองครั้ง แกดูออกว่าผู้ชายคนนี้ไม่ปกติแน่ๆ
ก็เป็นอย่างที่แฟนพี่คิดทุกอย่าง

ที่ฮอลแลนด์เขามีกฏหมายห้ามเหยียดสีผิว แต่บางครั้งก็มีคนแสดงท่าทางไม่น่ารักบ้างเหมือนกัน แต่พี่ยังไม่เคยเจอ
มีแต่น้องซีตอนอยู่ป.1 เพื่อนเรียกอีดำ 555 ครูจัดการคุยให้หมดมีการขอโทษแล้วพ่อแม่ซื้อดอกไม้มาขอโทษด้วย

อ่านที่คุณต่อเขียนแล้วอยากเล่าเรื่องคนทำงานขนขยะให้ฟังค่ะ ที่นี่คนทำงานเก็บขยะกับรถเทศบาลได้เงินเดือนเยอะนะคะ ได้โบนัสดีอีกต่างหาก
มีคนหนึ่งแกเป็นลูกค้าของแฟนพี่ มาสักจะเต็มตัวแล้ว
ก็เป็นพนักงานเก็บขยะ แต่แกนิสัยดี เงินดีด้วยค่ะ

บางครั้งเวลานั่งรถไปกับแฟนแล้วเจอคนเก็บขยะข้างนอก
เก็บพวกใบไม้ ถุง ขวดนํ้าและอื่นๆ แฟนพี่ยังบอกว่าอิจฉา
อยากจะมาทำงานแบบนี้บ้าง ได้เห็นแดด เห็นนก เห็นท้องฟ้า ไม่อยากอยู่ในออฟฟิต ว่าไปโน่น
พี่บอกว่าไปอยู่เมืองไทยเดี๋ยวจะพาไปสมัครเป็นคนกวาดขยะ อิอิอิ
วันนี้มีเวลาว่างนิดหน่อย ทำงานเสร็จแล้วค่ะ อู้ได้ไม่มีบอส..

เมื่อเช้าโทรฯคุยกับแม่พี่ แม่บอกว่าลูกคนข้างบ้านอาทิตย์หน้าจะรับปริญญาที่ม.สารคาม ตอนนี้ทำงานได้เงินเดือน
ตั้งหมื่นบาทแน่ะ เขาก็ว่ามีเกียรติมากๆ ได้ปริญญาบัตร
และเงินเดือนสูง ลูกพี่เพิ่งม.3 ก็ทำงานได้หมื่นกว่าๆเกือบสองหมื่นบาท
อันนี้ทำไม่ทุกวันแล้วแต่จะว่าง(โม้ทับซะเลย)
พี่คงไม่คาดหวังให้ลูกจบมหาลัย ให้เขามีเกียรติยศ ฯลฯ
ทำงานอิสระ ใจอิสระ พี่ไม่คิดว่าลูกจะต้องรวยๆขอให้เขามีความสุขเป็นอันดับแรก สิ่งต่างๆมันจะตามมาเองค่ะ
น้องซีพูดทุกครั้งเวลาใครชมว่าต่อไปจะมีชื่อเสียง...
เธอจะบอกว่าไม่อยากเป็นคนดังเลย อยากเป็นคนธรรมดา

ป.ล.ขอพี่ส่งข้อเขียนนี้ไปถึงนายกปูได้ไหมค่ะ?
เผื่อว่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาของไทยมั่ง
บางทีก็ต้องจี้ให้ตรงๆจุดไปเลย หรือคุณกิจว่าไงค่ะ?

 

โดย: ชัญญา IP: 88.159.126.165 13 ธันวาคม 2554 20:42:30 น.  

 

เขียนชื่อเทศกาลผิด เทศกาลsinterklaas
จะแจกของขวัญช่วงเย็นวันที่5 ธ.ค.
เดี๋ยวคราวหน้าจะเล่าทางเมล์ให้ฟังค่ะ
รูปต้นเมเปิลเสร็จแล้วค่ะ เดี๋ยวว่างๆจะส่งไปให้ชม อิอิ

 

โดย: ชัญญา IP: 88.159.126.165 13 ธันวาคม 2554 20:53:09 น.  

 

ไม่เคยเรียนพิเศษเหมือนกัน เบื่อมาก

ยังสงสัยว่าเด็กทุกวันนี้มันเรียนอะไรกันมากมาย

สมัยเราเสียเวลากับการเรียนเกินเหตุ

ถ้าได้ออกไปเล่นกีฬาเล่นดนตรีวาดรูป ป่านนี้เราคงดังไปแระ

 

โดย: Bkkbear 13 ธันวาคม 2554 20:53:19 น.  

 

ปทท.ไทยเราไม่ได้เน้นให้เรียน..รู้ แต่เน้นให้เรียนเพื่อไป..สอบ เด็ก ๆ แบกหนังสือกันอานเลย แต่ได้อะไรน้อยมากจากหนังสือเหล่านั้น

หมิงหมิงหล่อขึ้นทุกวัน คุณก๋าสบายดีนะคะ

 

โดย: i'm not superman 13 ธันวาคม 2554 20:58:43 น.  

 

พี่ชอบแนวคิดคุณก๋าเรื่องการศึกษามากๆ ค่ะ

การแข่งขันทางการศึกษานับวันจะรุนแรงขึ้น

จนอดห่วงความสุขของเด็กๆ รุ่นหลังไม่ได้

ขอเฝ้าติดตาม ศึกษากรณีตัวอย่างหน่อต้นกล้าหมิงหมิง

เผื่อนำไปปรับใช้ สร้างกล้าต้นใหม่ให้เติบโตอย่างมีความสุขต่อไป(ตอนมีหลาน)







 

โดย: Mameepee 13 ธันวาคม 2554 21:00:23 น.  

 

ดังนั้น.... “การศึกษา” ในความหมายของผม
ต้องเป็นการศึกษาที่ทำให้ผู้เรียน “รู้จัก” ตัวเอง
รู้จุดอ่อน จุดแข็งของตนเอง
รู้ว่าตัวเองชอบอะไร รักอะไร
แล้วจะเรียนรู้ในสิ่งที่ตนเองสนใจได้อย่างไร
โดยมีผู้ปกครองและคุณครูเป็นแรงสนับสนุน.....

....................

วันนี้เพิ่งจะเข้ามา
มัวแต่ไปชื่นชมกับรูปดอกไม้สวย ๆ ในสวนหลวง ร.9...อิอิ

พี่สนับสนุนข้อความนั้นเต็มที่เลยค่ะ
ลูกพี่..ก็กำลังเป็นแบบนั้น
เห็นเค้าเรียนในสิ่งที่เค้ารัก เค้าชอบและสนใจ เรียนอย่างเข้าใจและมีความสุข
แค่นี้พี่ก็พอใจแล้วค่ะ

 

โดย: kapeak 13 ธันวาคม 2554 21:25:12 น.  

 


สวัสดีค่ะอากาศเย็นๆ นอนหลับฝันดีนะคะพี่กำ

 

โดย: ญามี่ 13 ธันวาคม 2554 21:42:50 น.  

 

สวัสดีครับพี่ชัญญา


ผมว่ากรณีอย่างที่พี่เล่าเรื่องการบังคับขู่เข็ญลูกให้เรียน
เพื่อตอบสนองความอยากของพ่อแม่
ไม่ไ่ด้มีแค่ที่ฮอลแลนด์นะครับ
ที่เมืองไทยก็มีเยอะเลยครับ 555

คำว่า "เด็กมันจะไปรู้อะไร"

"พ่อแม่เลือกให้เองลูก หนูยังเด็ก"

ฯลฯ

เราได้ยินมาบ่อยมากจนชิน
ที่สุดแล้วคำพูดเหล่านั้นก็ทำร้ายเด็กของเราโดยไม่รู้ตัว

แล้วเด็กก็ปฏิเสธพ่อแม่ด้วยวิธีการต่างๆตั้งแต่ระดับเบาไปหาแรง

ผมว่าเรื่องเงินไม่ไ่ด้เป็นสิ่งที่สำคัญเหมือนที่ผู้ใหญ่คิด
พ่อแม่มักจะเลือกสาขาวิชาเพราะคิดว่าสาขานี้เรียนจบมาแล้วรวยเร็ว

การเลือกสาขาวิชาที่เรียนเพระาคิดว่าจบมาแล้วเงินดี
ผมว่าเป็นความคิดที่น่ากลัวและอันตรายมากๆ

เหมือนสร้างคนที่มีทัศนคติที่ไม่ดีต่อวิชาชีพน่ะครับ

เพราะเวลาคนเราอยากรวยโดยไม่คิดถึงวิธีการ
เขาก็เป็นคนที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองรวย
โดยไม่สนใจเลยว่าคนรอบข้างจะเป็นอย่างไร

พูดแล้วก็นึกถึงนักการเมืองนะครับ 555


ปล. นายกปูคงไม่มีเวลาดูแลเรื่องการศึกษาหรอกครับพี่
แค่แก้ปัญหาน้ำท่วมกับการเมืองผมว่าท่านก็แย่แล้วล่ะครับ แหะๆๆๆ




 

โดย: กะว่าก๋า 13 ธันวาคม 2554 21:43:26 น.  

 

พี่ก๋า

สบายดีนะคะ
ตอนนี้หนูก็ยังไม่รู้เสียทีว่า

ลูกชายสุดหล่อของพี่ก๋า มีชื่อว่าอะไรเอ่ย
ดีใจแทนเจ้าตัวนะคะ
ที่คุณพ่อเก็บภาพความทรงจำให้ไม่ต้องคิดถึงวันเก่าๆเมื่อเติบใหญ่เลยค่ะ

 

โดย: คิดมากหัวโต 13 ธันวาคม 2554 21:57:46 น.  

 

มาสวัสดีคุณก๋า มาซะดึกเลยอ๊ะ!!
มัวใช้เวลาว่าง มากบ้างน้อยบ้าง อัพบล๊อก หนุกหนานกันไป
ตอบขอบคุณคนนู๊นนี้ เรื่อยเปื๋อย เข้ามาอ่านบล๊อก
คุณก๋าวันนี้ โห...เป็นคนที่ร้อยกว่า ... อารายกันเนี๊ยะ !!

อ๋อ... พอเห็นหัวข้อ ประเด็นหลัก ??? มิน่า....
มีหลากหลายความเห็นนะค่ะ

ดึกแล้วขอ'นุญาติคุยเบาๆละกาน อ่านเนื้อหาก็โอเคอยู่น้า..
เราก็งง ๆ กะตัวเองเหมือนกาน ว่าเรียน เพื่อเอนทรานซ์
แบบนี้ผ่านมาได้งัยน๊อ...

รักษาสุขภาพ หายป่วยโดยเร็ววันนะค่ะคุณก่า

ปล. ภาพน้องหมิงหมิง ประกอบบล๊อกวันนี้
น่ารักจังค่ะ เริ่มโตเป็นหนุ่มแล้ว !

 

โดย: tui/Laksi 13 ธันวาคม 2554 22:08:13 น.  

 


ตอนแรกน้องกะว่าจะกลับไปเชียงใหม่อีกตอนสิ้นเดือนนี้
คิดไปมา คงต้องเปลี่ยนที่อ่ะคะ
เชียงราย แม่ฮ่องสอน ภาคเหนือนี่คงต้องงด
เพราะคนคงเยอะมากมาย มากมาย
สุดท้ายอาจจะขับรถไป มา แถวๆกรุงเทพ ปริมณฑล
อ่านหนังสือ ขีดๆเขียนๆไปมาคงจะดีที่สุดอ่ะคะพี่กะก๋า

พี่มาดามหายหรือยัง พี่กะก๋าหล่ะคะ หมิงหมิงคงหลับแล้ว
ราตรีสวัสดิ์ค่ะ

 

โดย: TheKPP 13 ธันวาคม 2554 22:34:13 น.  

 

แวะเอาน้ำองุ่นจากวังน้ำเขียวมาฝากพี่ก๋าและน้องหมิงหมิงคะ

แบ่งกันนะ

 

โดย: strawberry banana&cream 13 ธันวาคม 2554 22:37:56 น.  

 

ฝันดีหนาเจ้าอ้ายก๋า หุหุ สงสัยจากลัวไผ่ไปเป็นพยามาร เอ๊ย พยาบาลจริง ๆ ด้วย 555 ม่ายเอาหรอก กลัวมาดามแหกอกอาววว


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

คืนนี้ฝันดีนะคะ

 

โดย: คมไผ่ 13 ธันวาคม 2554 23:00:28 น.  

 

สวัสดีกลางดึกครับ

 

โดย: อัสติสะ 13 ธันวาคม 2554 23:03:29 น.  

 

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

ทักทายก่อนนอนค่ะ ลมหนาวมาเยือนแล้ว อย่าลึมทำร่างกายให้อบอุ่นไว้นะคะ คิดถึงเสมอค่ะคุณก๋า

 

โดย: เกศสุริยง 13 ธันวาคม 2554 23:11:30 น.  

 

ทักทายก่อนนอนครับ เคยเล่นบล๊อกพอไม่ได้เล่นเหมือนขาดอะไรไปใช่ไหมครับ เรื่องที่น้องก๋าเขียนพี่แตนเห็นด้วยนะครับ

วันนี้พี่แตนสังเกตุใบหน้าหมิงหมิงยิ่งโตหน้ายิ่งเหมือนมาดามมากขึ้นทุกวันนะครับหนิ น้องก๋าคิดเหมือนพี่มั๊ย

 

โดย: phaclam 13 ธันวาคม 2554 23:18:47 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณก๋า การศึกษาไม่ได้มีแค่เพียงในห้องเรียนเท่านั้น เราสามารถศึกษาได้ตลอดชีวิต ผ่านกิจกรรมที่เราสนใจ

อากาศเปลี่ยนแปลง กทม และนนทบุรียังมีหนาวกับเขาเหมือนกัน ทำร่างกายให้อบอุ่น ทั้งคุณพ่่อ คุณลูก และมาดามด้วยค่ะ

 

โดย: Maew-Tua-Lek 13 ธันวาคม 2554 23:48:21 น.  

 

โหวตครับ
สรุป ไม่รู้อะไรเลย
ก็มาเปล่า ไปเปล่า
ฝันดีครับ

 

โดย: เศษเสี้ยว 14 ธันวาคม 2554 0:04:29 น.  

 


หลังจากที่เข้ามาขอให้คุณพ่อหมิงหมิง หายป่วยเร็วๆ
ข้าเจ้าเลยรับเป็นทายาทไข้หวัดรุ่นต่อไปพอดิบพอดี
เป็นไข้หวัดมาครบจะอาทิตย์ละมั้งเนี่ย ไม่รู้จะหายทันวันสอบไม๊

เข้ามาดูหน้าหมิงหมิง น้องยิ้มสดใสร่าเริงเหลือเกิ๊น ดูแล้วแล้วย่องออกไปเงียบๆ จะพยายามทู่ซี้อ่านหนังสือสักหน่อย

เรื่องปัญหาโครงสร้างการศึกษาไทย ไว้โอกาสเหมาะๆ ค่อยมาถกกัน อิอิ

 

โดย: ก๋าสะลองเงิน 14 ธันวาคม 2554 0:07:37 น.  

 

ความรู้ผมช่วงเอนทรานซ์ ตอนนั้น ลองเอนเล่นๆ

คือ แบบผ่านแล้วเททิ้งครับ

เด็กไทยสงสัยเลียนแบบผมเยอะเลยนะพี่นะ

emoemo

 

โดย: เป็ดสวรรค์ 14 ธันวาคม 2554 0:23:54 น.  

 




หนาวมาก ระวังรักษาสุขภาพด้วยครับคุณก๋า

 

โดย: panwat 14 ธันวาคม 2554 0:50:17 น.  

 

รูปแรกน้องหมิงหมิงเท่ห์มาก อย่างก่ะพระเอกฮ่องกง(ตอนเด็ก)เลยค่ะ ^^

 

โดย: หัวใจแก้ว 14 ธันวาคม 2554 0:50:35 น.  

 



สวัสดีจ้า

เมืองไทยเรานี่แข่งเรื่องเรียนกันจริงๆ
เด็กๆไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง
ขนาดวันอาทิตย์ยังไปเรียนพิเศษอีก
เห็นแล้วก็เหนื่อยเทน สงสารเด็กๆ

ดูแลสุขภาพให้แข็งแรงนะจ๊ะ
โรคป่วยจะได้ไม่มาใกล้เรา

 

โดย: ข้ามขอบฟ้า 14 ธันวาคม 2554 4:00:57 น.  

 

สวัสดีเจ้าปี้ก๋า Let it be ก่อว่าว่าง ๆ จะหัดเหมือนกัน ก่อย ๆ เล่นไปต๋ามใจ๋อยาก อิอิอิ

ตึงวันนี้หนูบ่าค่อยมีความมั่นใจในระบบเอ็นสะทกสะท้านของบ้านเฮาเลย 555 ปี้ก๋าเฮียนสายอาชีพก๊ะนี่ สายนี้บ่าเกยกึ๊ดเฮียนเพราะบ่ามีสายด้านภาษาตรง ๆ แบบจัดหนักหื้อคนอยากเฮียนโดยเฉพาะ มีแห๋มอย่างตี้หนูฮู้สึกว่าระบบก๋านศึกษาบ้านเฮาค่อนข้างกดดันคนทำงาน ต๋อนหนูอายุสักซาวเอ็ดซาวสองเนี่ย ทำงานกับบริษัทท่องเที่ยวจองทัวร์อะหยั๋งหมู่นี้ คนจบปอตรีเหมือนกัน แต่ถ้าจบมาจากมอปิดจะได้เงินเดือนนักกว่าคนจบมามากมอเปิด นักกว่ากั๋นเยอะตวยอิ นี่ขนาดยังบ่าตันได้แสดงผลงานความสามารถอะหยั๋งเขาก้อคัดเอาจากสถาบันแล้ว 555

 

โดย: prunelle la belle femme 14 ธันวาคม 2554 4:18:59 น.  

 

อรุณสวัสดิ์เจ้า อ้ายก๋า น้องหมิงหมิง มาดาม
emoemo

 

โดย: Mein Schatz 14 ธันวาคม 2554 4:39:49 น.  

 

การเลือกสาขาวิชาที่เรียนเพระาคิดว่าจบมาแล้วเงินดี
ผมว่าเป็นความคิดที่น่ากลัวและอันตรายมากๆ

เหมือนสร้างคนที่มีทัศนคติที่ไม่ดีต่อวิชาชีพน่ะครับ


โดนอะ บางทีก็คิดนะคะ ว่าเดี๋ยวนี้คนเลือกเรียนไม่ได้เกี่ยวกับว่าถนัด หรือว่าชอบอะไร แต่อยู่ที่ว่า ทำแล้วรวยหรือเปล่าน่ะค่ะ
emo

 

โดย: bee_บี 14 ธันวาคม 2554 16:43:14 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


กะว่าก๋า
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 392 คน [?]




มองฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
หรืออาจไม่เห็นฉัน

ฉันแค่แวะผ่านทางมา
และอาจไม่หวนกลับมาทางนี้อีกแล้ว

เราเคยรู้จักกัน
และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

มองดูฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
และฉันอาจมองไม่เห็นเธอ.





[Add กะว่าก๋า's blog to your web]