พฤศจิกายน 2557
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
12 พฤศจิกายน 2557

:: ก๋าราณีตอบคำถามพี่จิรโรจน์ ::




:: ก๋าราณีตอบคำถามพี่จิรโรจน์ ::




เมื่อวานประกาศผลการตัดสินสิ่งประดิษฐ์ที่ผมส่งประกวด
หลังจากประกาศผลแล้วก็ขอคอมเม้นท์จากกรรมการ
ถึงผลงานที่ต้องปรับปรุง
ท่านบอกว่ารูปเท้าที่เป็นฐานของเก้าอี้ผมใส่ให้กับชิ้นงาน ใส่ผิดด้าน
ถ้าใส่กลับอีกด้านจะสวยกว่านี้ กรรมการหลายท่านก็คิดเช่นกัน

คำถามคือ การที่เราทำอะไรสักอย่างที่เราเห็นว่าดีแล้วสวยแล้ว
คิดทบทวนหลายรอบแล้วว่าดี
แต่เมื่อมีคนส่วนใหญ่คิดต่างจากเรา หลายๆคนแนะนำเรา
ความคิดเราผิดหรือ
เราควรเปลี่ยนความคิดให้ไปตามคนส่วนใหญ่หรือไม่
งานศิลปะมันมีถูกมีผิดหรือ



คำถามโดย : จิรโรจน์














คำถามของพี่
ทำให้ผมนึกถึงตัวเองสมัยเรียนมหาวิทยาลัย
ตัวจบของผมคือ Thesis ที่ผมออกแบบพิพิธภัณฑ์ฝิ่น
ผมเลือกอาจารย์ที่ปรึกษาท่านหนึ่ง
แต่เกิดปัญหาขึ้นตั้งแต่การส่งแบบร่างครั้งแรก
เพราะผมเสนอต้นแบบงานออกแบบของผมเป็นการ์ตูน
ผมเอาข้อมูลด้านวิชาการทั้งหมด
มาย่อยและคิดงานเป็นการ์ตูน
วาดด้วยลายเส้นหมึกดำอย่างตั้งใจ
อาจารย์แย้งผมเมื่อเห็นผลงาน

“ผมรู้ว่าคุณตั้งใจทำนะ แต่นี่คืองานวิชาการ
ไม่เคยมีใครทำแบบนี้มาก่อน
นำเสนอโครงการด้วยการ์ตูนแล้วใครเขาจะเชื่อถือ”


ผมยืนกรานความคิดของตัวเองอย่างหนักแน่น

“ผมอยากนำเสนองานด้วยภาพกราฟฟิกและการ์ตูนครับ
เพราะอยากให้คนอ่านข้อมูลของผมได้เกิดความเข้าใจ
ข้อมูลยากๆหรือตัวเลขที่น่าเบื่อจะถูกแทนที่ด้วยภาพการ์ตูนครับ”


อาจารย์ยืนกรานว่าท่านต้องการให้ผมแก้งานเป็นข้อมูลแบบเอกสาร
เหมือนที่ทุกคนเคยทำมาตั้งแต่ก่อตั้งคณะฯ
สุดท้ายท่านพูดกับผมว่า

“ถ้าคุณไม่เปลี่ยนก็ไม่ต้องให้ผมเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของคุณ”

จำได้ดีเลยว่าในวันนั้นพอผมออกมาจากห้องพักครู
ผมเดินขึ้นไปที่ชั้น 6 ยืนอยู่ริมระเบียง
จากนั้นก็หยิบต้นฉบับการนำเสนอข้อมูลเบื้องต้นออกมา
แล้วฉีกๆๆๆเป็นชิ้นๆ จากนั้นก็โปรยลงมาจากตึกชั้น 6

ผมเสียใจมากที่อาจารย์ไม่ยอมรับในแนวคิดของผม
เย็นวันนั้นผมกลับไปถึงบ้านเช่าเก็บของใช้ส่วนตัว
แล้วหันไปบอกเพื่อนว่า

“เบื่อ...จะกลับเชียงใหม่แล้วเน้อ”

เพื่อนงงมากครับ 555
แล้วผมก็กลับเชียงใหม่จริงๆ
นั่งรถทัวร์มาถึงบ้านตอนเช้า
พ่อกับแม่งงว่าทำไมอยู่ๆลูกชายกลับมาเชียงใหม่โดยไม่บอกไม่กล่าว
พ่อถามว่ากลับมาทำไม

“เบื่อ...ไม่อยากเรียนแล้ว”

ผมตอบพ่อไปด้วยเสียงเรียบๆ
พ่อไม่พูดอะไรสักคำ

ผมนั่งๆนอนๆ เล่นเกมส์ อ่านหนังสืออยู่ที่บ้านหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ
ที่บ้านไม่มีใครถามเลยว่าผมมีปัญหาอะไร
แต่ทุกคนรู้ดีว่าผมไม่ใช่คนที่หนีปัญหา
ผมรับผิดชอบในสิ่งที่ผมทำมาโดยตลอด โดยเฉพาะเรื่องเรียน
ซึ่งพ่อกับแม่ไม่ต้องมาคอยดูแลอะไรเลย
ผมดูแลตัวเองได้ดีมาโดยตลอด

จนวันที่พ่อเดินเข้ามา
แล้วพูดสั้นๆกับผมว่า

“กลับไปเรียนได้แล้วไป”

เช้าวันรุ่งขึ้นผมเก็บกระเป๋ากลับมาเรียนต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น 555



ผมถือต้นฉบับงานแบบร่างแบบเดิม
เดินกลับไปที่ห้องพักครู
แล้วพูดกับอาจารย์ที่ปรึกษาอย่างตรงไปตรงมาว่า

“ผมขอใช้การนำเสนองานแบบนี้ครับอาจารย์ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ผมยินดีรับผิดชอบกับการตัดสินใจของตัวเอง”


อาจารย์เงียบไปชั่วขณะ
ผมคิดว่าวินาทีนั้นช่างยาวนานเหลือเกินในความรู้สึก
ก่อนที่ท่านจะพูดขึ้นว่า

“ได้...ตามนั้น ถ้าเกิดอะไรขึ้นในวัน present งาน
ผมจะไม่ช่วยคุณนะ เพราะได้บอกคุณไปแล้ว
ว่าการนำเสนองานแบบนี้ไม่เคยมีใครทำ”


หลายเดือนผ่านไป
ผมกลับมาตั้งใจทำงานอย่างมุ่งมั่น
ส่งแบบร่างให้อาจารย์ตรวจอย่างสม่ำเสมอ
หายใจเข้าออกเป็น Thesis

ผมได้ขึ้นอธิบายงานเป็นคนสุดท้ายของวันแรก
มีหลายคนที่พูดไปได้เพียงนิดเดียว
ก็ถูกคณะกรรมการตรวจงานซึ่งเป็นอาจารย์ในคณะจำนวน 5 ท่าน
ซักถามอย่างตรงไปตรงมาและโดนไล่ลง
เพราะข้อมูลและการนำเสนอไม่ถูกต้อง

เมื่อถึงคิวพูดของผมซึ่งเป็นคิวสุดท้าย
เวลาก็เย็นย่ำ
ผมเดินแปะชาร์ตจำนวน 60 แผ่นรอบห้อง
ผมเรียนสถาปัตยกรรม
แต่ในการ present งาน ผมเลือกรูปแบบของงานจิตรกรรม
งานภาพของผมจึงแตกต่างจากการนำเสนองานของเพื่อนๆทุกคน

บท Proposal หรือข้อมูลนำเสนองานของผม
ไม่เหมือนใครเพราะนำข้อมูลเชิงวิชาการ
มาแจกแจงเป็นภาพการ์ตูน
คณะอาจารย์ผู้ตรวจงานเปิดดูเอกสารของผมเงียบๆ

ผมเริ่มต้นการอธิบายเนื้อหาทั้งหมดของงาน
ใช้เวลาพูด 3 ชั่วโมงรวด
จนอาจารย์ท่านหนึ่งยกมือบอกให้ผมหยุดพูด
ก่อนที่ท่านจะหันไปบอกเพื่อนของผมว่า

“เอาน้ำให้เพื่อนคุณขวดนึงสิ พูดมาตั้งนานแล้ว”

ผมจิบน้ำแล้วพูดต่อแบบไม่ให้เปิดช่องว่าง

ที่สุดแล้ว
Project Thesis ของผมก็ผ่านฉลุย
เพื่อนๆเข้ามาแสดงความยินดี

ผมเดินไปขอบคุณอาจารย์ที่ปรึกษา
ท่านพูดกับผมคำหนึ่งว่า

“คุณนี่ถ้าไม่ดื้อสักหน่อย จะน่ารักกว่านี้มากเลย
ยินดีด้วยนะ”


ผมขอบคุณท่านพร้อมหัวเราะออกมาเบาๆ



................................



คนเราทุกคนมี “ความเชื่อ”
โดยเฉพาะคนที่ทำงานสร้างสรรค์หรืองานประดิษฐ์
ผมคิดว่ามันต้องมีอะไรที่พิเศษในจินตนาการเสมอ

เหมือนคนทำงานศิลปะ
ซึ่งต้อง “เชื่อมั่น” ในสิ่งที่ตนเองคิด
หาไม่แล้วคนๆนั้นคงสร้างได้แต่งานที่ทำตามคนอื่น
ไม่กล้าแปลกแตกต่างเพราะกลัวจะไม่เหมือนใคร
หรือกลัวคนส่วนใหญ่ไม่ยอมรับ

“ความดื้อ” หรือ “ความมั่นใจในตนเอง”
บางครั้งมีมากเกินไปไม่ดี
แต่ถ้าไม่มีก็ไม่ได้
ผมคิดว่าต้องมีครับ
เพื่อยืนยัน “ตัวตน” และ “ความคิด” ของตนเอง
ผ่านงานสร้างสรรค์ที่เราได้สร้างทำ

ทุกวันนี้ไม่ว่าผมจะเขียนบทกวี เขียนการ์ตูน
วาดพู่กันเดียว หรือทำอะไรก็ตาม
ผมยังคงต้อง “เชื่อมั่น” ในสิ่งที่ตนเองคิดและทำอยู่เสมอ

เวลามีใครติเพื่อก่อ ให้คำแนะนำ
ผมพร้อมน้อมยอมรับถ้ามันจริง
สามารถใช้เป็นกระจกสะท้อนความจริงบางด้านมุมที่ผมมองไม่เห็น

อย่างการทำหนังสือกับสำนักพิมพ์อะธิงค์
ผมก็ยอมรับว่าหนุ่ยซึ่งเป็นทั้งเจ้าของและบรรณาธิการหนังสือนั้น
เก่งมากๆทั้งในด้านการตลาดและศิลปะ
คำแนะนำที่หนุ่ยมีให้ผม
ผมยอมรับและพร้อมปรับเปลี่ยนงานได้เสมอ
เพราะเชื่อมั่นในคำติชมนั้นว่ามาจากใจจริง
และเป็นคำแนะนำที่ดีที่ถูกต้อง
ผมเปลี่ยนงาน แก้ไขงานได้เสมอโดยไม่มีอีโก้

แต่เมื่อผมเห็นว่าสิ่งนี้ผมคิดมาอย่างดีแล้ว
ทำมาอย่างดีที่สุดแล้ว
ผมก็ไม่ลังเลใจเลยที่จะยืนยันในสิ่งที่ผมคิดและทำ



..........................




ศิลปะของผมจึงไม่มีผิดหรือถูก
ไม่มีสวยหรือไม่สวย
มีแค่ชอบหรือไม่ชอบ
ตามรสนิยมและพื้นประสบการณ์ร่วมที่คนๆนั้นจะมีกับงานของเรา

ถ้างานชิ้นนั้นเราได้คิดและทำอย่างดีที่สุดแล้ว
มันสมบูรณ์ในความรู้สึกหลังจากทำงานเสร็จ

ถึงใครจะพูดถึงงานชิ้นนั้นในแง่ลบหรือบวก
ผมคิดว่านั่นเป็นเพียงเสียงสะท้อนที่ตามมา
แต่เราเองในฐานะผู้ผลิตชิ้นงาน
ย่อมต้องหนักแน่นและเชื่อมั่นใน “ความเชื่อ” ของตัวเอง
อย่างมิคลอนคลาย
























Create Date : 12 พฤศจิกายน 2557
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2557 5:51:05 น. 27 comments
Counter : 1220 Pageviews.  

 
ขอบคุณครับ
ที่ที่ผมทำงานอยู่ ผมเคยเสนอคิวเข้าตรวจเป็นเวลา มีหลายคนไม่เห็นด้วย
แต่ปัจจุบัน ได้ใช้คิวเวลาเป็นคิวเข้าตรวจครับ
เวลาเราไปถ่ายรูปที่ไหนสักที่ ต้องมีมุมมหาชน ใครไปกี่คนก็ต้องไปถ่ายที่จุดนี้
มุมอื่นๆ เลยไม่มีใครได้เห็นครับ

กฎเกณฑ์เมืองไทยหลายอย่าง ติดยึดกับอะไรที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง (แบบฝังลึก)

ทักทายยามเช้าครับ คุณก๋า


โดย: เศษเสี้ยว IP: 183.89.121.81 วันที่: 12 พฤศจิกายน 2557 เวลา:8:15:40 น.  

 
สวัสดีครับคุณก๋า

อ.เต๊ะ เป็นกรรมการตรวจ thesis อยู่เหมือนกันครับ

ทุกๆปี ก็จะเจอ หัวข้อวิทยานิพนธ์ ที่ซ้ำๆ เดิมๆ พวก โรงแรม รีสอร์ท รพ.

นานๆจะเจอหัวข้อแปลกๆ น่าสนใจซะทีนึง

สาเหตุนึงก็เพราะ ตัว นศ. ส่วนนึง อ.ที่ปรึกษาส่วนนึง

ที่ไม่กล้าจะคิดต่าง ทำแต่เรื่องที่ปลอดภัย ทำแล้วจบง่าย จบแน่นอน

เรื่องที่มีความน่าสนใจแต่ยาก ก้จะไม่มีใครกล้าทำ

การpresent ก้ใช้รูปแบบเดิมๆ ที่เคยทำกันมาเป็น สิบๆปี

แบบอนุรักษ์นิยม เพราะดูแล้วปลอดภัยดี

เรื่องการตัดสิน และให้คะแนน ก็ขึ้นอยู่กับ วุฒิภาวะ ประสบการณ์ ทัศนคติ และความปราณี ของกรรมการแต่ละคน

กรรมการแต่ละท่าน ความคิดเห็นก็แตกต่างกันไป

บางทีก้เห็นเป็นเอกฉันท์ บางทีก็เสียงแตก

มาตรฐานควบคุมได้ยาก ไม่ใช่เล่นเลยละครับ

เดี๋ยวนี้ นศ. ก้ไม่ใช่เล่นๆ มีเทคนิค ลูกเล่นแพรวพราว

บางทีมีการใช้น้ำตา เรียกคะแนนสงสาร เวลาที่กรรมการถามแลวตอบไม่ได้

บางทีมีเรื่อง ความยากจน เรื่องลูกกตัญญู ต้องสู้ชีวิต

โอ๊ย แยะจริงๆ ครับ 555

แล้วก็ ตอนที่คุณก๋า present ตั้ง 3 ชม. นี่

ถือว่ากรรมการใจดีมากๆแล้วนะครับ

เดี๋ยวนี้จับเวลากันเลย ให้เวลาพูดคนละ 45 นาที บ้าง 1ชม. บ้างเต็มที่ ไม่มีเกิน

แล้วตอนที่ คุณก๋าไปยืนบนตึกชั้น 6 เล่น มิวสิควีดีโอ

ทำไม้ ทำไม ไม่ตาม อ.เต๊ะ ไปดูด้วยครับ เสียดายอดดูของดีจัง อิอิ


อ.เต๊ะ เคยมีประสบการณ์ ทำวิทยานิพนธ์ ตอนเรียน ป.โท

ที่เดียวกับคุณก๋า นั่นแหละครับ

อ.เต๊ะ ทำงานไป 10กว่าปี แล้วค่อยไปเรียน ตอนอายุ 35 ขวบ

เด็กๆในรุ่น เรียกป๋าเต๊ะ กันหมด แค้นจริงๆ พับผ่าซี เอ้า 555

อาจารย์ที่ปรึกษา ก้เป็นรุ่นพี่แก่กว่า อ.เต๊ะ ปี2ปี
เห็นๆหน้ากันอยู่ตอนเรียน ป.ตรี

อ.เต๊ะเคยไปปรึกษาแก แค่หนเดียวเองครับ ใช้เวลาประมาณ 15นาที ตลอดการศึกษา

แกพูดประโยคเดียวว่า รุ่นนี้แล้ว ไม่ต้องมาปรึกษาหรอก เอ็งอยากทำอะไรก้ทำเหอะ แปลง่ายๆว่า แล้วแต่มึง เอ๊ย คุณ 555

แบบนี้ ก้หวาน อ.เต๊ะ ซิครับ

หัวข้อ อ.เต๊ะ พยายามเลือกเรื่องที่ยากๆ เพราะเชื่อว่าจะได้คะแนนตัวคูณแยะ เพราะเล่นท่ายาก 555

อ.เต๊ะ ทำเรื่องการออกแบบห้องคอมพิวเตอร์ สำหรับคนตาบอดครับ

ต้องทำการทดลองในสภาพแวดล้อมจริง เป็นการออกแบบโดยอาศัยข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ด้วย เรียกว่า กว่าจะได้ข้อมูลครบนี่ แทบกระอักเลือดเหมือนกัน 555

แล้วก้ไม่ผิดหวังที่เลือกเรื่องนี้ เพราะตอนเรียนจบนี่ อ.เต๊ะ ได้คะแนนสูง
กว่าน้องๆในรุ่นเลยละครับ

สงสัยอาจารย์จะเกรงใจในความอาวุโส แหงๆ 555

ที่เล่ามาทั้งหมดนี่ อ.เต๊ะ เชื่อมั่นว่า
ถ้าเรามีความมั่นใจและเชื่อมั่น บวกความตั้งใจ
ว่าเดินมาถูกทางแล้ว เส้นทางเดินทุกทาง ล้วนต้องมีอุปสรรคเสมอ

แต่ถ้าเราไม่ยอมแพ้ ก็จะถึงจุดหมายได้อย่างน่าภูมิใจนะครับ

เอ้าๆๆ วันนี้ อ.เต๊ะ พุดจาเป็นผู้เป็นคน กะเค้าก้เป็นเหมือนกันนะครับนี่ อิอิ

สงสัยจะกินยาแล้วลืมเขย่าขวด 555



โดย: multiple วันที่: 12 พฤศจิกายน 2557 เวลา:8:39:26 น.  

 
สวัสดีครับคุณก๋า

อ.เต๊ะ เม้นท์ไป2หน้า แต่โดนแบนอะ แง๊ๆๆๆ

คุณก๋าช่วยกู้ให้ด้วยนะครับ อิอิ


โดย: multiple วันที่: 12 พฤศจิกายน 2557 เวลา:8:41:07 น.  

 






มอง คุณก๋า ..

แล้วย้อนมองตัวเอง ..

เคยมีฝรั่งหลายคน .. บอกว่าพี่ป๋องไม่เหมือนใคร ..

เอ่อ .. เขาว่า คนไทย(หลายคน)ต้องทำอะไรเหมือนๆกัน

ถ้าใครทำอะไรแปลกแยกออกไป จะผิด







บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เนินน้ำ Food Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Literature Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น







อ้อ .. ไปเมืองนอกคนเดียว ..

ไปพุทธคยา ก็พักโรงแรม 2 อาทิตย์ ไม่เคยพักวัดเลย แม้แต่วันเดียว ..







โดย: foreverlovemom วันที่: 12 พฤศจิกายน 2557 เวลา:8:42:09 น.  

 
มาทักทายแต่เช้าเลยนะคะ สดชื่นเช่นกันนะคะ


โดย: มี้เก๋ + ป๊าโอ๋ = ซีทะเล (kae+aoe ) วันที่: 12 พฤศจิกายน 2557 เวลา:9:03:10 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณก๋า อ่านแล้วเห็นภาพเลยค่ะ😊😊


โดย: zungzaa วันที่: 12 พฤศจิกายน 2557 เวลา:9:17:04 น.  

 
สวัสดีคะคุณก๋า ภูเก็ตเป็นเจ้าภาพกีฬาเอเชี่ยนบีชเกมส์คะ มาเที่ยวได้นะคะ


โดย: Huda วันที่: 12 พฤศจิกายน 2557 เวลา:9:42:49 น.  

 
สวัสดีค่ะก๋า

พี่ว่า กรอบของความคิดต่างกันนะคะ
มันจึงเป็นปัญหากับการแข่งขัน...
อะไรคือเกณฑ์การตัดสิน ว่าสวย ว่าดี
เพราะมุมมองมันต่างกันนะคะพี่ว่า

คือ ความเห็นพี่ที่อ่านค่ะ


........


จากบล็อกพี่...

เรื่องความรัก
บางคนบอกให้ลืม แต่มันกับลืมยากเกินไป
จมอยู่กับสิ่งนั้น และเป็นทุกข์

ส่วนพี่
วนเวียนอยู่กับสิ่งนั้น เพื่อหาเหตุผล
ให้ใจพ้นทุกข์ อาจจะใช้เวลานาน
แต่ผลของมันทำให้เรามองอย่างเข้าใจ
จึงไม่รู้สึก โกรธและเกลียด มากกว่าค่ะ


ก๋า มาดาม หมิงหมิง มีความสุขมากๆนะคะ


โดย: tanjira วันที่: 12 พฤศจิกายน 2557 เวลา:11:35:04 น.  

 
เป็นกิจวัตรประจำวันที่ ยอดเยี่ยมมากค่ะ อัพทุกวันเลยนะคะ มี้กำลังแย่ค่ะ ดองบล๊อก 1 เดือนเต็ม T_T


โดย: มี้เก๋ + ป๊าโอ๋ = ซีทะเล (kae+aoe ) วันที่: 12 พฤศจิกายน 2557 เวลา:12:09:15 น.  

 

ลมหนาวหายไปไหนน้อ
ไม่เห็นมาเชียงใหม่ซะทีครับ
...
ถ้ายังไม่มาถึงเชียงใหม่ ปทุมธานีก็ร้อนตับจะแตกแน่ๆ ค่ะ จะธันวาคมแล้วลมหนาวยังไม่มาอีก สงสัยเครื่องดีเลย์!! อิอิ+555
...
มีความสุขมากมากนะคะ พี่ก๋า


โดย: white in the dark วันที่: 12 พฤศจิกายน 2557 เวลา:13:45:00 น.  

 
ทักทายยามบ่ายคะ
ถ้าไม่ได้ทำอย่างที่ตัวเองตั้งใจไว้ คงเสียดายน่าดูเลยบนะดะ


โดย: blog pu วันที่: 12 พฤศจิกายน 2557 เวลา:13:47:46 น.  

 
คำถามดีนะคะ

เป็นหนึ่งในอีกหลายๆ เรื่อง ที่คนเราเห็นต่างกัน มองในมุมที่ต่างกัน ไม่ใช่ ถูกหรือผิด แต่ชอบหรือไม่ชอบมากกว่า ตาใคร ตามัน เรียกแบบนี้ได้มัง


-----


เดี๋ยวนี้ไปไหน ก็เจอไม้แบบที่ว่านี้แล้วค่ะ แต่พี่ไม่มีนะ ไม่คิดจะซื้อด้วย


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 12 พฤศจิกายน 2557 เวลา:16:41:42 น.  

 
การคิดนอกกรอบ...เหรอ... ผมมักจะทำบ่อย แรก ๆ
มีแต่คนห้าม..

แต่บางครั้งก็เจ็บปวด ต้องลาออกจากงานเลยแหละ
คือ เราทำงานมา รู้อะไรว่าเป็นอะไร ถ้าทำตาม
นโบบาย จะทำให้บริษัทที่เราอยู่ รายได้จะหดไป
เดือนละกว่า 5 ล้านบาท.. ขอเสนอ ทบทวนใหม่
ยกตัวอย่าง และสถิติ..เขาก็ไม่ยอม

และเป็นไปตามที่เราคาดการณ์ คือ บริษัทรายได้
ขาดหายไปเดือนละกว่า 5 ล้านเกือบ 8 ล้านบาทไวน์
เลยถูก กา หัวไว้.. ถูกแกล้งสารพัด.. ทนได้ไม่ถึงปี
ลาออก ไปทำไร่บนดอยซะเลย

เลยพบว่า ดีจัง ถ้าเราไม่ลาออก คงจะจมดักดานอยู่
แน่เลย

แต่บางครั้ง เมื่อไม่นานมานี้ ต้องกลับไปทบทวน
วิชาชีพที่ทำอยู่ ณ มหาลัยหนึ่ง... อาจารย์สอนผิด
ผิดทั้งหลัก ผิดหลาย ๆ อย่าง ... แต่ไวน์ปรึกษากับ
เพื่อน ๆ มีความเห็นเดียวกัน..

แต่มันต้อง สอบ... ถ้าขืนไปตอบหรือโต้แย้ง คงจะ
สอบไม่ผ่าน... ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เผื่อให้สอบผ่าน
แต่บังเอิญ ไม่มีการสอบตรงนั้น เลยไม่บาป.. 555

มาถึงปัจจุบัน... กว่าจะค้นหา ตัวจริง ของเราและคน
เริ่มจะเห็นด้วยก็ หลายปีครับคุณก๋า


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 12 พฤศจิกายน 2557 เวลา:16:47:44 น.  

 
อ่านแล้วได้แง่คิดมากมายนะครับ ^^

ในงานศิลปะสิ่งสำคัญก็คือเอกลักษณ์ของเจ้าของงาน

ที่มุ่งมั่นและพัฒนาในแนวทางที่ตัวเองชอบและถนัด

จนเกิดงานศิลป์ประเภทต่างๆ

แม้งานศิลป์ประเภทเดียวกันก็ยังแยกย่อยไปได้มากมาย

อย่างภาพถ่ายก็ยังแยกเป็นมาโคร ภาพคน ภาพวิว ภาพนก

แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญก็คือการศึกษาพัฒนาในแนวทางที่ตัวเองชอบนั้น แล้วก็ดูว่าในแนวทางนี้เขามีข้อกำหนดอะไร ถ้าทั้งหมด
นั้นไม่ใช่แนวทางของเราเลย แสดงว่าเรานี่แหละคือแนวทาง
ที่แตกต่าง เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์

คนเก่งๆล้วนทุกข์ยากแสนสาหัสในแนวทางที่ตัวเองเลือก

แวนโก๊ะ ยากจนมากตอนที่มีชีวิตอยู่ และตายอย่างไม่มีคนรู้จักด้วยซ้ำไป

คนที่เรียนรู้ ปรับตัว และเป็นผู้นำในแนวทางของตัวได้ถือว่าสุดยอด อย่างอ.เฉลิมชัยเป็นต้น ท่านรู้ทั้งผู้อื่นและตัวเอง
จึงรบชนะและเป็นผู้นำในระยะเวลาไม่นาน

แหะๆขอแจมนิดนะครับกระทู้นี้ดีมากๆเลยครับผม ^^


โดย: วนารักษ์ วันที่: 12 พฤศจิกายน 2557 เวลา:16:50:33 น.  

 
ถ้าเราทำแบบคนอื่นมันจะน่าเบื่อ...
โลกเราควรมีคนที่ทำอะไรแตกต่าง หลากหลาย จึงจะมีสีสัน

ถ้าคุณกิจไม่ดื้อก็คงไม่มีกะว่าก๋ามาถึงวันนี้มั๊งค่ะ??555

ศิลปะขึ้นอยู่ที่มุมมองของแต่ละคนค่ะ
สามีพี่จะชอบล้อน้องซีเป็นประจำว่าVincent van Gogh
เป็นศิลปินที่ห่วยแตกที่สุดที่เขาเคยรู้จักมา5555
น้องซีจะโกรธมากๆเลยล่ะ เขาก็จะว่างานศิลปะที่เขาทำนั้นเป็นสไตล์ใหม่ของศิลปะ บลาๆๆๆ

พ่อก็จะบอกว่าฟานก๊อรห์เป็นคนบ้า โรคจิตที่ตัดหูตัวเอง
พี่ก็จะเสริมอีกนิดว่าเพื่อที่จะไม่ต้องได้ยินเสียงใครๆ
วิจารณ์ผลงานของแกไงล่ะว่า...ไม่สวยเลย
ศิลปินก็จะพูดว่าอะไรน่ะ? ผมไม่ได้ยินว่าคุณพูดอะไร5555

พูดถึงมันผ่านมากว่า125ปีแล้ว เขาก็ถือว่าเป็นครูให้เด็กรุ่นต่อๆมาได้รู้จักไม่แพ้ Rembrant van Rijn

พี่ชอบ Leonardo da Vinci ตอนที่ไปเที่ยวปารีส
แล้วมีโอกาสเห็นภาพวาดของโมนาลิซ่าของเขา
แบบว่า ว้าว!! คนรอคิวถ่ายรูปเยอะมากๆๆก็เลยชอบอิอิ
พี่เคยเข้าใจว่ามันต้องเป็นภาพขนาดใหญ่มากๆ
เหมือนค่อนข้างผิดหวังนิดๆที่เห็นหอไอเฟลแบบเต็มๆตา
แต่ช่วงกลางคืนนั้นพี่ว่าสวยสุดยอดไปเลยค่ะ!!

แต่ถ้าเรามองให้เป็นศิลปะ อะไรที่คนอื่นว่ามันแปลกไปจากสิ่งอื่นนั้น หรือทุเรศ บ้าบอคอแตก
บางครั้งกลับมีเสน่ห์ที่ดึงดูดเราให้เข้าใกล้
ศิลปะพี่ว่าอยู่ที่เราพอใจ อย่าไปสนคำวิจารณ์ของคนอื่น
เหมือนที่ฟานกอร์ห แกก็ไม่สนใจเหมือนกัน

ป.ล พี่เข้าฮอทเมล์ยังไม่ได้ เลยมาแวะคุยแถวนี้ไปพลางๆก่อค่ะ

ฝากหอมแก้มหมิงหมิงสุดหล่อของป้าด้วยน่ะ
และสวัสดีถึงมาดามด้วยเจ้า
วันนี้เที่ยงจะมีสัมภาษณ์พี่ซีค่ะอีกประมาณ20นาที


โดย: ชัญญา IP: 94.23.252.21 วันที่: 12 พฤศจิกายน 2557 เวลา:17:41:27 น.  

 
“ความดื้อ” หรือ “ความมั่นใจในตนเอง”
มีมากไปก้ไม่ดี อันนี้จริงเลยค่ะ


บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Insignia_Museum Diarist ดู Blog
**mp5** Dharma Blog ดู Blog
Sweet_pills Food Blog ดู Blog
newyorknurse Klaibann Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Literature Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น







โดย: mambymam วันที่: 12 พฤศจิกายน 2557 เวลา:19:02:51 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณก๋า
คุณพ่อคุณก๋าน่ารักจัง “กลับไปเรียนได้แล้วไป”


โดย: blueberryblossom วันที่: 12 พฤศจิกายน 2557 เวลา:20:23:42 น.  

 
สวัสดีครับพี่ชัญญา

แวนโกะห์ผมชอบมากเลยครับ
จริงๆแล้วก็ชอบศิลปินในยุคอิมเพรชชั่นนิสต์เกือบทุกคนเลยครับ

ผมว่างานแบบฉับพลันนี่ถูกจริตผมมากครับ
เร็ว แม่นยำ และเต็มไปด้วยพลัง

แต่งานภาพของน้องซีนั้นละเอียดมากๆ
สมจริงมากๆ ต้องใช้สมาธิมากเลยนะครับ

ผมไม่สามารถวาดรูปเหมือนแบบนี้ได้เลยครับ
เพราะใจร้อนนั่นเองครับ 555





โดย: กะว่าก๋า วันที่: 12 พฤศจิกายน 2557 เวลา:20:27:30 น.  

 
สวัสดีค่ะ พี่ก๋า ^^

งานศิลปะเป็นจินตนาการที่บางทีนู๋ก็ไม่เข้าใจค่ะ แหะ ๆ

============================

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Rinsa Yoyolive Travel Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Dharma Blog ดู Blog


โดย: ปรัซซี่ วันที่: 12 พฤศจิกายน 2557 เวลา:21:44:44 น.  

 
พูดถึงสิ่งประดิษฐ์แล้วคิดถึงคุณจิรโรจน์เลย ส่งประกวดหลายเวทีจริงๆนะเนี่ย
ศิลปะเป็นวิชาที่ผมไม่ชอบเอาซะเลยครับ ไม่รู้อาจารย์ใช้อะไรมาตัดสินคะแนน แต่เขาก็คงมีเกณฑ์ความสวยที่ยอมรับกันแบบสากลละมั้ง อย่างมนุษย์หน้าตาดีหน้าซ้าย-ขวาจะต้องสมดุลกัน ...อะไรประมาณนี้
ธีสิสจบของพี่ก๋าก็เหลือเกินเลยนะครับ พิพิธภัณฑ์ฝิ่น... คงไม่ใช่อันที่อยู่ตรงสามเหลี่ยมทองคำใช่มั้ย?
นำเสนอสามชั่วโมงนี่อย่างโหดเลย กรรมการก็คงอึ้งๆอยู่ว่าพี่ก๋ามาแนวการ์ตูน เม้นท์กันไม่ถูกเลยทีเดียว 555
โหวตบล็อกให้ข้อคิดดีๆครับ ^^
กะว่าก๋า Dharma Blog

น้องหมิงๆเยี่ยมเลย ชอบทั้งไดโนเสาร์และประวัติศาสตร์ พ่อก๋าต้องหาอ่านเป็นการใหญ่ อิอิ ดีแล้วครับพ่อก๋าจะได้มาอุดหนุนบล็อกน้าชีริวบ่อยๆ


โดย: ชีริว วันที่: 12 พฤศจิกายน 2557 เวลา:21:49:09 น.  

 
มารอบสองนะครับ ^^

แสดงว่าน้องก๋ามีแนวทางของตัวเองแล้วนะครับ 555++

จงมุ่งมั่นในแนวทางของตัวเองต่อไปครับผม

ส่วนผมเอง ตอนนี้การถ่ายภาพตามที่อ.ลักษณ์สอน

เป็นเรื่องสุดท้ายก็คือ

ก็ให้มองภาพถ่าย หรือทีวีดูงานของคนอื่นไปเรื่อยๆ

ว่าเขาถ่ายภาพยังไงถึงสวยและปรับมาใช้กับตัวเองครับ

อ.ลักษณ์เขาฝากไว้อย่างนี้ ผมก็มองไปเรื่อยๆ

แต่ไม่แข่งขัน ไม่ประชันกับใคร ขอแค่มีภาพมาประกอบ

บล็อกก็พอใจแล้วครับผม แหะๆ ^^

ขอบคุณสำหรับคำตอบของน้องก๋าด้วยนะครับ ^^


โดย: วนารักษ์ วันที่: 12 พฤศจิกายน 2557 เวลา:22:06:34 น.  

 
งานศิลปะ มีแค่ชอบหรือไม่ชอบ
จริงเลยค่ะพี่ก๋า

แต่พี่แน่มากเลยนะคะเนี่ย
อาจารย์ต้องยอมกับความมุ่งมั่นเลย
ขอบคุณโหวตด้วยค่ะพี่


โดย: ที่เห็นและเป็นมา วันที่: 12 พฤศจิกายน 2557 เวลา:22:59:14 น.  

 
มันก็เหมือนกันการเขียนบล็อกแหละครับ เราเลือกได้ว่าจะเขียนแบบที่คนทั่วไปชอบ หรือเขียนตามที่ใจเราอยาก จะว่าไปนักเขียนการ์ตูนหลายๆ คนก็เป็นแบบนี้นะ เขียนตามตลาด และอีกพวกเขียนตามใจฉัน แต่พวกที่ดัง มักจะเป็นพวกกลุ่มที่เขียนตามใจฉัน


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 12 พฤศจิกายน 2557 เวลา:23:16:01 น.  

 
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ความเชื่อมั่น ความมุ่งมั่น
ทำให้เราเรามีชัย ไปกว่าครึ่ง
อ่านประสบการณ์น้องก๋าเอง เห็นภาพชัดและเห็นบุคลิกดีๆของน้องก๋าเลย

มีเสนอน้ำขวดให้คนพรีเซ๊นท์ด้วย อาจารย์ใจดี พูด 3 ชม ป๊าด

โหวตเลยจ้า

กะว่าก๋า Dharma Blog ดู Blog



โดย: anigia วันที่: 12 พฤศจิกายน 2557 เวลา:23:40:09 น.  

 
คนนอนดึกแวะมาทักทายจ้า ..
คนอวดผี 12 พฤศจิกายน 2557


โดย: T-H-F-C วันที่: 13 พฤศจิกายน 2557 เวลา:1:01:44 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณก๋า อ่านคำตอบของคุณก๋าจากประสบการณ์ของคุณเอง ชอบมากเลย คนเราต้องมีความเชื่อมั่นในสิ่งที่ตนเองคิดเนอะ


บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
kae+aoe Parenting Blog ดู Blog
เฉลิมลาภ ทราบแล้วเปลี่ยน Music Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Literature Blog ดู Blog


โดย: KeRiDa วันที่: 18 พฤศจิกายน 2557 เวลา:9:56:53 น.  

 
อ่านแล้วชอบมากเลยค่ะ


โดย: yumenoume วันที่: 18 พฤศจิกายน 2557 เวลา:15:15:00 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กะว่าก๋า
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 392 คน [?]




มองฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
หรืออาจไม่เห็นฉัน

ฉันแค่แวะผ่านทางมา
และอาจไม่หวนกลับมาทางนี้อีกแล้ว

เราเคยรู้จักกัน
และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

มองดูฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
และฉันอาจมองไม่เห็นเธอ.





[Add กะว่าก๋า's blog to your web]