:: ก๋าราณีตอบคำถามพี่กิ๋ว ::
:: ก๋าราณีตอบคำถามพี่กิ๋ว ::
Truth is a pathless land - what do you think of this statement? what is your respond?
{ กฤษณมูรติ นักคิด นักปรัชญาชาวอินเดีย }
คำถามโดย : Ajaree Be
ความจริง มีสองรูปแบบ ใน ความจริงที่แท้จริง มันมีเพียง หนึ่งเดียว แต่ผมจะแยกออกมาเพื่ออธิบายให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น
คือ หนึ่ง...ความจริงแบบ สัจธรรม
สอง....ความจริงทางโลก หรือ โลกธรรม
การจะนิยามคำว่าความจริง สามารถใช้คำได้มากมาย ตั้งแต่ สัจจะ โลกุตระ โลกธรรม โลกิยะ ความเป็นจริง ความเป็นไป ฯลฯ
ในที่นี้ผมจะพูดเพียงว่า สัจธรรม และ โลกธรรม ลองแยกคำออกมาเป็นสองคำ เพื่อชี้ให้เห็นถึงความแตกต่าง
................................
สัจธรรม คือ ความเป็นจริงที่จริงแท้ ความจริงเช่นนี้ไม่มีวันผันแปรเปลี่ยนแปลงความหมาย หรือรูปแบบของมัน เช่น เราทุกคนต้องเกิด เติบโต ใช้ชีวิต เริ่มแก่ เจ็บป่วย และตายไปในที่สุด สิ่งนี้เป็น ความจริง ที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะอีกกี่แสนปีกี่ล้านปีข้างหน้า มนุษย์เราก็จะเกิดและตายพร้อมกับสิ่งต่างๆเหล่านี้โดยไม่อาจหลบเลี่ยง
.................................
โลกธรรม คือ ความจริงในชั่วขณะหนึ่ง ความจริงซึ่งไม่คงทนถาวร มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เช่น ความรู้ ความเชื่อ ที่เคยมีในยุคหนึ่ง ถึงวันหนึ่งความรู้และความเชื่อนั้นอาจเปลี่ยนแปลงไป ตามข้อมูลที่ถูกค้นพบใหม่
ชื่อเสียง เงินทอง ครอบครัว สิ่งต่างๆที่เรามี ล้วนไม่คงทน มีเกิดขึ้น มีตั้งอยู่ มีดับไปอยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่งตัวตนของเราก็เป็นสมมติเพียงชั่วขณะเวลาหนึ่งเท่านั้นเอง
.....................................
ความจริง จึงมีทั้งสิ่งที่คงทนและสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา การใช้ชีวิตจึงควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของการยอมรับความจริงทั้งหมด
ต้องรับให้ได้กับความจริงทั้งสองรูปแบบ เพื่อใจจะไม่เป็นทุกข์กับการเปลี่ยนแปลง ที่ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอนกับคนทุกคน
คนที่เรารัก ไม่มีวันรักเราแบบเดิมตลอดไป ร่างกายของเราก็ไม่คงทน ไม่สวยงามหล่อเหลาตลอดไป คนรวยอาจกลับกลายเป็นขอทาน คนจนอาจกลับกลายเป็นคนมั่งมี ชื่อเสียงที่เคยมีวันหนึ่งอาจตกต่ำ ตำแหน่งที่ทำให้คนทั้งโลกค้อมหัวยอมรับนับถือ วันหนึ่งอาจเป็นเพียงหน้าประวัติศาสตร์เล็กๆที่คนลืมเลือน ฯลฯ
ถ้าอยู่กับความจริงไม่ได้ใจก็เจ็บปวด ถ้ายอมรับความจริงไม่ได้ชีวิตก็หม่นหมอง
ความทุกข์ในชีวิตมนุษย์ล้วนเกิดจากการยอมรับความจริงที่มีไม่ได้ ไม่อยากแก่ ไม่อยากเจ็บป่วยด้วยโรคร้าย อยากตายแบบมีความสุข อยากมีคนรักที่สมบูรณ์แบบ อยากมีลูกที่น่ารักและเชื่อฟัง อยากรวย อยากมีทรัพย์สมบัติเยอะๆ หรือแม้แต่อยากบรรลุธรรม
ทุกๆความอยากที่มากเกินพอดี ทำให้ใจเป็นทุกข์
ความพยายามที่จะละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง นั่นก็เป็นความทุกข์
การกลับมาอยู่ร่วมกับ ความเป็นจริง คือ หนทางเดียวที่จะทำให้เราเข้าใจชีวิตได้อย่างแท้จริง
..................................
ทั้ง สัจธรรม และ โลกธรรม เหมือนกุหลาบดอกหนึ่ง มันอยู่รวมกันทั้งกิ่ง ก้าน ใบ หนาม ราก ดอก ไม่มีความจำเป็นต้องไปแบ่งแยก เพราะเมื่อไหร่ที่เราดึงมาแต่หนาม นั่นไม่ใช่กุหลาบ
กุหลาบคือกุหลาบ มันเป็นกุหลาบเพราะเราไปสมมติและตั้งชื่อมันว่ากุหลาบ มันไม่ได้หอมหรือเหม็น ไม่ได้สูงศักดิ์หรือไร้ค่า
มันแค่เป็น สิ่งๆหนึ่ง ที่ทำหน้าที่ของตนเองจนจบครบถ้วนกระบวนความ เป็น ความจริงในชั่วขณะหนึ่ง ที่ถูกสมมติว่าเป็นดอกกุหลาบ
จบจากการเป็นดอกกุหลาบ มันก็มุ่งเข้าสู่ ความจริงแห่งสัจธรรม อันหนีไม่พ้นไปจากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย
................................
สัจธรรม คือสิ่งที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง การพยายามฝืนความจริง เพื่อไปปรับเปลี่ยน หรือค้นหาว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เกิดขึ้นมานานเพียงใด และจะจบสิ้นไปเมื่อไหร่ มีแต่ยิ่งสร้างความงงงวยให้กับชีวิต เพราะเป็นสิ่งที่ยากจะหาข้อสรุปได้ การไม่แตะต้องกับ สัจธรรม จึงเป็นหนทางที่พึงกระทำ
เพราะสิ่งที่เรากระทำได้ เปลี่ยนแปลงได้ คือการเปลี่ยนแปลงทัศนคติที่เรามีกับ โลกธรรม รวมทั้งกับสิ่งต่างๆทั้งหมดที่มีและมันส่งผลกระทบกับเราอยู่
การวางใจให้เป็นกลางและเข้าใจในสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นกับเรา จนวินาทีที่ต้องสูญเสียมันไปทั้งหมดนั้น เมื่อฝึกฝนตนบนความเข้าใจนี้ไปเรื่อยๆ ที่สุดแล้วมันจะนำเราไปสู่คำตอบหนึ่งเดียว นั่นคือ การเข้าถึงซึ่ง ความจริง อันเป็นหนึ่งเดียว
และเมื่อรู้ซึ้งถึงความจริงแท้นี้แล้ว เมื่อนั้นเราจะพ้นไปจากห้วงทุกข์อันเกิดจากโลกธรรมทั้งปวง และหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับ สัจธรรม อันมิคลายคลอนนั้นนั่นเอง
Create Date : 02 พฤศจิกายน 2557 |
|
27 comments |
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2557 6:07:49 น. |
Counter : 1305 Pageviews. |
|
|
วันหยุดที่ไม่ได้หยุดเช่นกันค่า