10 พฤศจิกายน 2557
:: ก๋าราณีตอบคำถามจากคุณฉันไม่ใช่แม่ศรีเรือน ::
:: ก๋าราณีตอบคำถามจากคุณฉันไม่ใช่แม่ศรีเรือน :: เมื่อคนเราเกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว ในความคิดของก๋าราณี คิดว่าเกิดมาแล้วใช้ชีวิตคุ้มค่าในความเป็นเป็นมนุษย์ นี่วัดกันที่ตรงไหนคะที่จะเรียกได้ว่าคุ้มค่าจริงๆคำถามโดย : ฉันไม่ใช่แม่ศรีเรือน ในเมืองเล็กๆแห่งหนึ่งที่ประเทศเกาหลีใต้ เกิดคดีใหญ่ที่สั่นสะเทือนความรู้สึกของคนที่รับรู้ข่าวสารทั้งประเทศ เมื่อโรงเรียนสอนคนพิการที่นั่น เกิดเหตุการณ์ครูใหญ่และครูผู้ช่วยอีกสองคน ล่วงละเมิดทางเพศเด็กชายหนึ่งคนและเด็กหญิงสองคน รวมทั้งทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรง ครูใหญ่มีบุคลิกใจดี เป็นคนเคร่งครัดในศาสนา เป็นสามีที่ดีของภรรยา เป็นผู้พัฒนาชุมชนที่ชาวบ้านให้การยกย่อง กลับเป็นคนล่วงละเมิดทางเพศเด็กสาวสองคนในวัย 13 ขวบ ทั้งสองคนเป็นใบ้และหูหนวก โดยอีกคนนั้นมีสภาพป่วยทางจิต มีครอบครัวที่ยากจน และเป็นเด็กกำพร้า ซาตานในคราบพ่อพระนำเด็กยากจนและพิการมาเลี้ยงดู เปิดเป็นโรงเรียนสอนเด็กนักเรียนเหล่านี้ รวมทั้งสร้างห้องพักในโรงเรียน ส่วนครูอีกสองคน...คนหนึ่งเป็นแฝดกับครูใหญ่ อีกคนเป็นครูผู้ชายที่มีรสนิยมชอบไม้ป่าเดียวกัน เขาข่มขืนเด็กชายสองคนที่เป็นพี่น้องกัน จนคนเป็นน้องตัดสินใจฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดให้รถไฟทับ เพราะรับสภาพที่โหดร้ายของชีวิตไม่ไหว เด็กชายผู้เป็นพี่ตกเป็นเหยื่อทางเพศกับครูหนุ่มอีกหลายครั้ง รวมทั้งถูกทุบตีและซ้อมอย่างหนักเมื่อขัดขืนไม่ยอมให้ครูใจโฉดขืนใจ เรื่องราวนี้ถูกค้นพบโดยครูหนุ่มคนหนึ่ง ที่เพิ่งเข้ามาสมัครเป็นครูสอนศิลปะในโรงเรียนแห่งนี้ เขาต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะก้อนโตให้กับครูใหญ่ เพื่อให้ได้รับการบรรจุเข้าเป็นครู แต่เพียงไม่กี่วันเขากลับพบว่าเด็กบางคนที่โรงเรียนแห่งนี้ เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลและมีหน้าตาท่าทางที่เต็มไปด้วยความหวั่นกลัว ครูหนุ่มตัดสินใจสู้กับความไม่ถูกต้อง และค้นหาความจริงที่ถูกซ่อนเอาไว้ภายใต้รอยแผลฟกช้ำเต็มตัวบนตัวเด็ก เจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์ถูกตามตัวเข้ามาช่วยเหลือ และสอบถามเรื่องราวทั้งหมดจากเด็กทั้งสามคน เรื่องราวทั้งหมดถูกส่งไปยังผู้รับผิดชอบ ทั้งเทศบาล สำนักงานเขตการศึกษา และสถานีตำรวจ แต่ด้วยอำนาจ บารมี เส้นสายของครูใหญ่ ทำให้เรื่องราวทั้งหมดถูกเก็บเงียบ และโยนความรับผิดชอบในคดีแบบโยนกันไปโยนกันมา ที่สุดแล้วเมื่อเรื่องนี้ถูกไปถึงมือสื่อสารมวลชนที่ร่วมกันเปิดโปง จึงนำไปสู่การไต่สวนคดี และเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่ด้วยอำนาจเงินและเส้นสายของครูใหญ่ที่มีกับตำรวจ อัยการ ทนายมือหนึ่ง (อดีตเป็นผู้พิพากษา) ที่สนิทกับศาลที่ตัดสินคดี ทนายความของโจทย์ที่ถูกซื้อตัวด้วยทีมทนายของฝ่ายจำเลย จนไม่ยอมนำหลักฐานสำคัญอย่างคลิปวีดีโอมาใช้ในการไต่สวน หรือแม้แต่การส่งคนไปติดต่อขอให้ผู้ปกครองของเด็กยอมความด้วยเงินก้อนโต ผลการตัดสินคดีจึงออกมาว่า ให้ผู้ต้องหาทั้งสามคน มีความผิดเพียงการรอลงอาญาคนละ 6 เดือน ถึง 1 ปี ทั้งๆที่โดยหลักฐานและคำให้การทั้งหมด น่าจะเอาผิดกับผู้ต้องหาทั้งสามคนด้วยโทษที่หนักมากที่สุด แต่ความยุติธรรมและกระบวนการทางศาลกลับทำหน้าที่ช่วยเหลือคนผิด และปล่อยให้คนชั่วออกมาลอยนวลต่อไปเพียงเพราะเขามีเงิน มีอำนาจ เด็กชายที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศตัดสินใจเดินทางไปฆาตกรรมครูผู้ชาย ที่ล่วงละเมิดทางเพศเขากับน้องชาย ทั้งครูและเด็กชายตายพร้อมกันที่รางรถไฟ ครูหนุ่มสอนศิลปะถูกบังคับให้ลาออกจากโรงเรียนแห่งนั้นในทันที ครูใหญ่และฝาแฝดของเขากลับเข้าไปสอนและใช้ชีวิตอยู่ในเมืองเหมือนเดิม ส่วนนักสงเคราะห์สาวนำเด็กหญิงทั้งสองคนมาเลี้ยงดูต่อ ให้การรักษาเยียวยาจนทั้งคู่มีสภาพจิตใจที่ดีขึ้น นักสังคมสงเคราะห์สาวเคยลองถามเด็กหญิงที่ตกเป็นเหยื่อว่าหนูได้เรียนรู้อะไรก่อนและหลังจากเหตุการณ์นี้บ้าง เด็กหญิงตอบว่าตอนนี้หนูได้รู้แล้วว่า ตัวเองก็มี คุณค่า
.. ................................. ผมนั่งดูภาพยนตร์เรื่อง Silenced นี้จนจบ หนังเรื่องนี้สร้างจากเค้าโครงเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในปี 2005 ปัจจุบันผู้คนยังคงสืบค้นและติดตามเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นในโรงเรียนแห่งนี้ และยังหวังว่ากระบวนการยุติธรรมที่แท้จริงจะกลับมาเปิดโปง และลงโทษคนที่กระทำผิดได้อีกครั้ง ประโยคหนึ่งที่ผมชอบมากในภาพยนตร์เรื่องนี้คือเราไม่ควรทะเลาะกันเพื่อเปลี่ยนโลกใบนี้ แต่ควรหยุดโลกเอาไว้ ไม่ให้เปลี่ยนเราจากสิ่งที่เราเป็น ตัวละครเด็กทั้งหมดอาจจะเจ็บปวด ถูกกระทำ แต่เมื่อวันหนึ่งทั้งหมดตัดสินใจลุกขึ้นสู้ ทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีทางชนะ แต่อย่างน้อยที่สุดผู้เกี่ยวข้องในคดีนี้ ก็ไม่กลัวที่จะเดินหน้าชนกับความไม่ถูกต้อง แม้ว่าจะแพ้หมดในทุกทางทั้งอำนาจ เส้นสาย เงินทองความกล้า ที่จะลุกขึ้นมาทำในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ใช่ความผิดบาป ไม่ใช่ความล้มเหลวของชีวิต การได้ค้นพบ คุณค่า ของชีวิต เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากนะครับ การได้รู้สึกว่าเราคือคนที่เท่าเทียมกัน แม้จะรวยจนต่างกัน แม้จะมีสถานะทางสังคมที่ต่างกัน แต่ในความเป็นมนุษย์ เรามีความเท่าเทียมกัน เกิดและตายคนละครั้งเหมือนๆกัน มี หน้าที่ ที่จะต้องกระทำ และควรทำแต่สิ่งที่ดีงามเพื่อตนเองและผู้อื่น และเมื่อคนใดคนหนึ่งทำผิด เขาควรถูกลงโทษทั้งจากกฎหมาย กฎสังคม หรือแม้แต่กฎแห่งกรรม ........................................ และเราเลือกได้ทั้งสิ้น ว่าอยากให้ตัวเองมี คุณค่า หรือ มูลค่า ด้วยสิ่งที่ ทำ ไม่ใช่สิ่งที่ เป็น เราอาจเป็นคนรวย แต่เราได้นำความรวยนั้นไปทำอะไรเพื่อคนอื่นบ้างหรือเปล่า เราอาจเป็นคนเก่ง และเราได้นำความเก่งนั้นไปทำอะไรเพื่อพัฒนาสิ่งต่างๆรอบตัวบ้าง เป็นอะไรนั้นไม่สำคัญเลย จะขับรถคันละกี่ล้าน มีบ้านหลังใหญ่กี่หลัง มีเงินในบัญชีกี่ร้อยกี่พันล้าน นั่นเป็นเพียง มูลค่า แต่ คุณค่า ที่แท้จริงของชีวิต ไม่ได้วัดจากสิ่งที่เรามีและกอบโกย แต่วัดจากสิ่งที่เราทำและให้ไป
. สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึก คุ้มค่า ในการเกิดเป็นมนุษย์ คือการเกิด การใช้ชีวิต การเติบโต การสร้างทำสิ่งต่างๆที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง กับครอบครัวและคนรอบข้าง ดูแลตัวเองให้ดี ดูแลความคิดของตนเองให้ดี แล้วคิดถึงคนอื่นบ้าง ดูว่าเราพอจะทำสิ่งเล็กๆอะไรได้บ้าง เพื่อเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆให้ดีขึ้น ไม่ต้องไปคิดฝันใหญ่โตแบบพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน หรือต้องไปเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง เพื่อให้ได้มาซึ่งแผ่นดินธรรมแผ่นดินทองในจินตนาการ ไม่ต้องเป็นนักการเมืองถึงจะช่วยชาติได้ ไม่ต้องรวยล้นฟ้าถึงค่อยคิดช่วยเหลือสังคม ไม่ต้องเป็นคนเก่งคนดัง แค่เป็นคนธรรมดาที่เข้าใจชีวิต รู้ว่าตัวเองมีหน้าที่อะไร แล้วก็ทำหน้าที่นั้นอย่างดีที่สุดคุ้มค่า ไม่ได้แปลว่าต้องได้ทุกอย่างอย่างที่ตัวเองปรารถนาคุ้มค่า ไม่ได้แปลว่าต้องมีการแลกเปลี่ยน ให้ไปเท่านี้ได้มาเท่านั้น ความคุ้มค่าอาจจะเกิดขึ้นในเสี้ยววินาทีที่เรารู้จักตัวเอง เหมือนกับเด็กสาวในเรื่องที่พูดขึ้นว่าหนูได้รู้แล้วว่า ตัวเองก็มี คุณค่า .... ผมคิดว่าถ้าใครสักคนพูดประโยคนี้ออกมาได้จากใจจริง ชีวิตนั้นก็อาจนับได้แล้วว่าคุ้มค่าที่เกิดมาเป็นมนุษย์อย่างแท้จริง
Create Date : 10 พฤศจิกายน 2557
36 comments
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2557 5:50:52 น.
Counter : 1420 Pageviews.
โดย: คนเพิ่งตื่น IP: 101.108.246.118 10 พฤศจิกายน 2557 6:24:10 น.
โดย: มี้เก๋ + ป๊าโอ๋ = ซีทะเล (kae+aoe ) 10 พฤศจิกายน 2557 8:30:38 น.
โดย: mambymam 10 พฤศจิกายน 2557 9:02:39 น.
โดย: phunsud 10 พฤศจิกายน 2557 10:13:42 น.
โดย: เศษเสี้ยว IP: 183.89.121.81 10 พฤศจิกายน 2557 12:50:34 น.
โดย: tanjira 10 พฤศจิกายน 2557 12:59:38 น.
โดย: มี้เก๋ + ป๊าโอ๋ = ซีทะเล (kae+aoe ) 10 พฤศจิกายน 2557 13:42:11 น.
โดย: เนินน้ำ 10 พฤศจิกายน 2557 14:24:51 น.
โดย: blog pu 10 พฤศจิกายน 2557 14:45:12 น.
โดย: kung nz 10 พฤศจิกายน 2557 14:48:51 น.
โดย: sawkitty 10 พฤศจิกายน 2557 15:07:15 น.
โดย: zungzaa 10 พฤศจิกายน 2557 15:27:13 น.
โดย: Maeboon 10 พฤศจิกายน 2557 15:49:01 น.
โดย: multiple 10 พฤศจิกายน 2557 16:47:21 น.
โดย: mambymam 10 พฤศจิกายน 2557 18:47:16 น.
โดย: nulaw.m (คนบ้า(น)ป่า ) 10 พฤศจิกายน 2557 20:49:48 น.
โดย: อุ้มสี 10 พฤศจิกายน 2557 22:27:37 น.
โดย: กิ่งฟ้า 10 พฤศจิกายน 2557 23:15:27 น.
โดย: คุณต่อ (toor36 ) 11 พฤศจิกายน 2557 0:07:06 น.
โดย: ดา ดา 12 พฤศจิกายน 2557 9:57:44 น.
โดย: kung nz 12 พฤศจิกายน 2557 17:30:00 น.
กะว่าก๋า
Location :
เชียงใหม่ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 392 คน [? ]
มองฉันอีกครั้ง เธออาจเห็นฉัน หรืออาจไม่เห็นฉัน ฉันแค่แวะผ่านทางมา และอาจไม่หวนกลับมาทางนี้อีกแล้ว เราเคยรู้จักกัน และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป มองดูฉันอีกครั้ง เธออาจเห็นฉัน และฉันอาจมองไม่เห็นเธอ.
กับความไม่ยุติธรรม หลักฐานชิ้นสำคัญกลับไม่ยอ
นำมาใช้...
เอ..เหมือนประเทศไหนไม่รู้เนาะ 555