พฤศจิกายน 2567
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
8 พฤศจิกายน 2567

: กะว่าก๋าแนะนำหนังสือ - ปรัชญาแห่งนิกายเซน โพธิสัตวธรรม :


: ปรัชญาแห่งนิกายเซน โพธิสัตวธรรม :
เขียนและแปล : พจนา จันทรสันติ








หนังสือกระดาษเหลืองกรอบเกรียมเล่มเล็ก ความหนาประมาณ 250 หน้า
ฉบับพิมพ์ครั้งแรกในปี 2521 ผมนั่งอ่านหนังสือเล่มนี้ตอน 9 โมงเช้า และอ่านจบบ่ายสองโมงตรง


“ปรัชญาแห่งนิกายเซน โพธิสัตวธรรม”

คล้ายการนำงานเขียนงานแปลของตนเอง
กลับมาสอบทานความคิดอีกครั้ง ผ่านมุมมองของปรัชญาเซน ปรัชญาเต๋า
และชีวประวัติของนักปราชญ์ยุคโบราณ เช่น ท่านเหลาจื่อ , จวงจื่อ , ฮั่นซาน ,
เรียวกัน , สิทธารถะ ฯลฯ

มีหลายประโยคภายในเล่มที่โดนใจ มีหลายย่อหน้าซึ่งผมถูกใจและเห็นด้วย
คงไม่อาจยกมาให้อ่านกันได้ทั้งหมด แต่ถ้าพอจะจับใจความแห่งธรรมที่ได้รับ
ก็น่าจะพอสรุปความได้ดังนี้


-----------------------------------------------


คำถามที่ว่า “เซนคืออะไร ?”
ไม่ควรจะมีคำตอบ เพราะคำถามเป็นเพียงคำถาม คำตอบเป็นเพียงคำตอบ
คำตอบของอาจารย์เซนเป็น ‘สัจจะ’ ที่มีเพียงอาจารย์เท่านั้นเป็นผู้มองเห็น
หาใช่สิ่งที่ศิษย์จะเป็นผู้มองเห็นด้วยประสบการณ์เดียวกันได้
เช่นเดียวกับ “ความหมายของชีวิต” ซึ่งคำตอบที่แท้จริงมิได้อยู่ภายนอกตัว
ไม่ได้อยู่กับผู้รู้ ครูบาอาจารย์ มิได้อยู่ในกองตำราคัมภีร์โบราณจำนวนมาก
แต่เป็นคำตอบที่เราต้องเป็นผู้ตอบด้วยตัวเราเอง ด้วยความเข้าใจทั้งหมดที่เรามี


-----------------------------------------------


มองดูเปลวเทียนนั่นสิ เปลวไฟที่ลุกวับแวมอยู่บนแท่งเทียนไข
ตราบใดที่มันยังลุกไปโดยไม่มีคำถาม มันยังคงความเป็น ‘ไฟที่แท้จริง’ เอาไว้ได้
แต่เมื่อใดที่ไฟเริ่มตั้งคำถามว่า

“ฉันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ?
ฉันจะไปสู่หนไหน ?
ทำไมฉันต้องลุกไหม้อยู่เช่นนี้ ?”


เมื่อไฟเริ่มถามตนเอง มันจะไม่เป็นไฟอีกต่อไป
มันจะหยุดลุก หยุดเผาไม้
มันจะหยุดนิ่ง และดับไป


-----------------------------------------------


อุดมคติของการดำรงชีวิต
คือ การบินไปอย่างนก และว่ายไปอย่างปลา
ชีวิตเป็นเรื่องง่ายและสามัญธรรมดาอย่างยิ่ง
แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำได้
บางครั้งเป็นเพราะเราฉลาดเกินไป รู้มากเกินไป มีมากเกินไป
จนทำให้เราพลาดสัจจะชีวิตไปโดยไม่รู้ตัว
เราพากันแสวงหาสัจจะจากนอกตัว ทั้ง ๆ ที่มันอยู่ในตัวเรา


-----------------------------------------------


ในการศึกษาธรรมะ
การถกเถียงกันด้วยพระสูตรและพระศาสตร์ หาใช่ความจำเป็นไม่
คนฉลาดอาจไม่ใช่คนผู้ค้นพบ “คำตอบ” เกี่ยวกับการเกิดและการตายพบ
เพราะ “สัจจะ” ที่เราต้องการพบ
มันอยู่ในการเดิน การกิน การนั่ง การนอน การยืน
อยู่ในขณะที่เรากำลังสนทนา อยู่ในขณะที่เรากำลังเงียบ
อยู่ในทุกภารกิจประจำวัน


-----------------------------------------------


การเข้าถึงธรรมนั้น ดำเนินไปตามวิถีทางของธรรมชาติ
มิใช่เกิดจากการศึกษาพระสูตรคัมภีร์ การคัดลอกจดจำคำสอนจากตำราต่าง ๆ
มิใช่อยู่ที่การนั่งสมาธิอย่างยาวนาน หรือสวดมนต์ทั้งวันทั้งคืน
การถกเถียงกันในเรื่องปรัชญา ศาสนา นิพพานหรืออนัตตาว่าเป็นอย่างไร
เป็นสิ่งไร้ประโยชน์
เพราะทุกสิ่งทุกอย่างสามารถนำไปสู่การเข้าใจธรรม ทุกขณะจิตคือพุทธจริยา
หนทางไปสู่ธรรม มิได้มีทางเดียว หนทางสู่การรู้แจ้ง
มิได้มีรูปแบบแน่นอนตายตัว
“สัจธรรม” มิได้แยกออกมาจาก “วิถีชีวิตประจำวัน”
“ธรรมะ” ซ่อนอยู่ในทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นใบไม้ ดอกไม้ พระจันทร์ สายลม ฯลฯ
“ธรรมะ” ซ่อนอยู่ในทุกกิจกรรมที่เราทำ
ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน ทำครัว ทำสวน กวาดบ้านหรือดื่มชา ฯลฯ


-----------------------------------------------


อย่าถามเลยว่าสัจธรรมคืออะไร ?
หรือ การตรัสรู้คืออะไร ?
แต่จงมองดูด้วยตาตนเอง
เพราะเพียงแต่ได้ “เห็น” เพียงครั้งเดียว
การเห็นนั้นจะก่อเกิด “ปัญญา” และ “ญาณทัศนะ” อันใหญ่หลวง
การ “เห็น” นั้นจะเปลี่ยนแปลงชีวิตไปโดยสิ้นเชิง
ก่อเกิดความมีชีวิตชีวา เต็มไปด้วยพลังและความสร้างสรรค์
จะเปลี่ยนชีวิตเดิมให้กลายเป็น
“ชีวิตที่มีคุณค่าและเปี่ยมความหมาย”


-----------------------------------------------


ในหลายครั้งเรามักสงสัยในวิธีการสอนและคำพูดของอาจารย์เซนยุคโบราณ
ด้วยเหตุที่คำสอนนั้นมักดูไม่เป็นเหตุเป็นผล
การกระทำที่ปฏิบัติต่อศิษย์ก็มักคาดไม่ถึง และไม่มีคำอธิบายใดใดตามมา
แต่สิ่งเหล่านั้นคือ “อุบาย” ที่จะช่วยปลดปล่อยลูกศิษย์ออกจากความยึดมั่นถือมั่น
ในคำตอบที่ตายตัวและแห้งแล้ง
อาจารย์เซนได้ใช้ “ความไร้เหตุผล” เข้าทำลาย “เหตุผลเดิม” ที่ศิษย์มีอยู่ในความคิด
ใช้ “ความไร้สาระ” ทำลาย “สาระเดิม” ที่มีอยู่ในความคิดของศิษย์
เพื่อให้ศิษย์เข้าไปสู่สิ่งที่อยู่เหนือกว่า “คำพูด” หรือ “กริยาท่าทาง” เหล่านั้น
เมื่อ “อวิชชา” ในตัวศิษย์ถูกทำลายไป “วิชชา” ก็ปรากฏขึ้น
ความรู้ที่แท้จริงก็อุบัติขึ้นในวินาทีนั้นนั่นเอง


-----------------------------------------------


“ชีวิตมนุษย์มีขอบเขตจำกัด แต่ความรู้ที่มีอยู่ทั้งหมดนั้นหาขอบเขตมิได้
การพยายามนำสิ่งที่มีขอบเขตไปแสวงหาสิ่งที่ไร้ขอบเขต ย่อมนำหายนะมาสู่ตน
และแม้การนึกว่าตนเองเป็นผู้รู้นั้น ก็รังแต่จะนำความพินาศมาสู่ตนด้วย
และสำหรับผู้ที่รู้จักหยุดในสิ่งซึ่งตนไม่รู้
ก็นับได้ว่าเป็นผู้เข้าถึงขอบเขตอันไร้ขอบเขตของความรอบรู้แล้ว”

: จางจื้อ


-----------------------------------------------


มหาปณิธาน 4 ประการของพระโพธิสัตว์

1. สรรพสัตว์มีมากมายเพียงใด เราปฏิญาณจะช่วยให้รอดสิ้น
2. กิเลสตัณหาดั่งน้ำพุมิรู้เหือดแห้ง เราปฏิญาณจะขัดให้สิ้น
3. ข้อธรรมะล้ำลึกมีเหลือคณานับ เราปฏิญาณจะศึกษาให้สิ้น
4. สัจธรรมแห่งพุทธะยากยิ่งลึกซึ้ง เราปฏิญาณจะเข้าให้ถึง


-----------------------------------------------


การหาเหตุผลมากมาย
มาสนับสนุนความเชื่อของตนนั้น
มิได้หมายความว่าสิ่งนั้นจะเป็นจริงขึ้นมาได้
เหตุผลก็เป็นเพียงเหตุผล
เหตุผลจะกลายมาเป็นตัวความจริงได้อย่างไร


-----------------------------------------------


ณ ที่ซึ่งไม่มีคำว่า “เรา” และ “เขา” อยู่
ไม่มีตัวพี่และก็ตัวเธออยู่ด้วย
ณ จุดนี้แหละที่ความรักและความจริงใจจะไหลหลั่งออกมา
เมื่อกระแสธารแห่งความรัก โถมเข้าทำลายปราการแห่งความเกลียดชังลง
ความงามในรูปแบบต่าง ๆ ย่อมปรากฏออกสู่สายตามนุษย์
เพื่อให้ทุกคนได้รับรู้ว่า สิ่งเหล่านี้มีจริงอยู่ในโลก


-----------------------------------------------


การตายจาก มิใช่สิ่งที่น่าเศร้าโศก
การมีชีวิตอยู่ ก็มิใช่สิ่งที่น่ายินดี
เพราะแท้ที่จริงในขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่
เราก็ได้ตายไปทุกขณะ
ในชีวิตมีความตาย และในความตายมีเชื้อพันธุ์แห่งชีวิต
ที่ซุกซ่อนรอเวลาที่จะงอกอยู่


-----------------------------------------------


เราต้องรับถ้วยแห่งความทุกข์ยากมาและดื่มกินเข้าไป
หาไม่ ; ก็จะไม่มีวันเข้าใจถึงชีวิต
หากคนมิได้ผ่านความทุกข์ทรมานที่ยิ่งใหญ่มาแล้ว
เขาจะเป็นคนเหนือคนได้อย่างไร


-----------------------------------------------


เมื่อทั้งหมดแฝงเร้นอยู่ในหนึ่ง
หนึ่งย่อมซึมซาบเข้าสู่ทั้งหมด
เมื่อหนึ่งแฝงเร้นอยู่ในทั้งหมด
ทั้งหมดย่อมซึมซาบเข้าสู่หนึ่ง
เมื่อหนึ่งแฝงเร้นอยู่ในหนึ่ง
หนึ่งย่อมซึมซาบเข้าสู่หนึ่ง
เมื่อทั้งหมดแฝงเร้นอยู่ในทั้งหมด
ทั้งหมดย่อมซึมซาบเข้าสู่ทั้งหมด


-----------------------------------------------


นักวิทยาศาสตร์เคาะประตู
แต่ประตูของธรรมชาติอันลึกลับก็ไม่ยอมเปิดออก
ในขณะที่เขาเกือบจะค้นพบความลึกลับแห่งชีวิตอยู่แล้ว
แต่ทันใดนั้น ‘ชีวิต’ ก็ปิดบังตัวเองไว้อย่างสิ้นเชิง

: Lin Yu Tang









































Create Date : 08 พฤศจิกายน 2567
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2567 5:13:26 น. 14 comments
Counter : 651 Pageviews.  

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณหอมกร, คุณmultiple, คุณThe Kop Civil, คุณ**mp5**, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณmcayenne94, คุณปรศุราม, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณสองแผ่นดิน, คุณnewyorknurse


 
ปรัชญาชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า
เป็นเรื่องของนักคิดคุณก๋า
ป.ล. คุณธัญท่าจะป่วยหนักแน่ๆ



โดย: หอมกร วันที่: 8 พฤศจิกายน 2567 เวลา:6:48:24 น.  

 
แมนยูฯ ยังคงผลงานยอดเยี่ยมนะครับ ตั้งแต่เปลี่ยนโค้ชมา


โดย: The Kop Civil วันที่: 8 พฤศจิกายน 2567 เวลา:10:43:17 น.  

 
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ


โดย: **mp5** วันที่: 8 พฤศจิกายน 2567 เวลา:13:35:21 น.  

 
สวัสดีค่ะ


โดย: นาฬิกาสีชมพู วันที่: 8 พฤศจิกายน 2567 เวลา:14:43:08 น.  

 
จากบล็อก
สมดุลกับทางสายกลางก็คล้ายๆ กันครับ


โดย: ปัญญา Dh วันที่: 8 พฤศจิกายน 2567 เวลา:15:24:54 น.  

 
สวัสดีครับพี่ก๋า

อ่านบล๊อกพี่ก๋าแล้ว ผมนึงถึงโหนกระแสเมื่อวานเลยครับ
ศาสนาเจริญดีที่หนึ่งเลย 5555
เดี๋ยวนี้ พระ กับ ฆารวาส ต้องมานั่งเถียงกันเรื่องศาสนา แถมฟังๆ ดูแล้วพระจะร่วงจะด้วยน่ะสิครับ ปวดหัวแทนเลย

จากบล๊อก
สรุปสายพันธุ์ บี หรอครับ สุด ๆ แน่นอน
ถึงจะไม่มีไข้แล้วแต่อาการปวดเนื้อปวดตัวเพลียๆ ยังอยู่อีกระยะนึงเลยครับ
เรียกว่าร่างพัง
ช่วงนี้ต้องพักผ่อนเยอะ ๆ นะครับ
เวลาเป็นไข้หวัด หมอบอกอย่างเดียวเลยว่าต้องพัก ไม่พักก็พังอย่างเดียว
อย่างผมตอนนี้ป่วยแล้วไม่พัก นี่แทบร่วงครับ เพลียมาก


โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 8 พฤศจิกายน 2567 เวลา:15:55:53 น.  

 
ปรัชญาของโพธิสัตว์
ก็ยังคงความเป็นโพธิสัตว์ค่ะ


โดย: mcayenne94 วันที่: 8 พฤศจิกายน 2567 เวลา:17:51:15 น.  

 
อาจารย์เต๊ะ มาอ่านแล้วก็ยังมึนๆ 555

รู้แต่ว่า ความตาย คือ สัจธรรม ของแทร่ แน่นอนที่สุด
เมื่อวานเพื่อนถาปัด รุ่นเดียวกัน หัวใจวาย ตายไปอีกคนแล้วครับ
เดือนเดียว ท่านยมบาล มาเอาไป 2 คนเลยครับ

กทม ร้อนตับแล่บ หน้าดำแต่เชียงใหม่หนาวมากเลยเหรอครับ
อิจฉาจังเลย 555



โดย: multiple วันที่: 8 พฤศจิกายน 2567 เวลา:18:36:34 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณกะว่าก๋า
ไม่ได้เข้าบล็อกมาเป็นเวลาหลายปี คุณก๋ายังคงเขียนบล็อกบ่อยๆเช่นเคย
สบายดีนะคะ อากาศเชียงใหม่น่าจะหนาวแล้ว ปีใหม่จะต้องดีแน่ๆจะแวะไปเที่ยวค่ะ
มีความสุขในทุกๆวันนะคะ แวะมาทักทายยามดึกค่ะ


โดย: In the past วันที่: 8 พฤศจิกายน 2567 เวลา:21:26:58 น.  

 
สวัสดี จ้ะ น้องก๋า

"ปรัชญาแห่งนิกายเซน โพธิสัตวธรรม" ตามมาอ่านคำแนะนำ
หนังสือเล่มนี้ และตัวอย่างที่ยกมาประกอบ ก็ได้ข้อคิด และข้อเตือนใจ
ได้หลายข้ออยู่ นะ อิอิ

โหวดหมวด แนะนำหนังสือ


โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 8 พฤศจิกายน 2567 เวลา:21:42:48 น.  

 
เอาเข้าจริงเซนนี่เหมือนจะเข้าใจอยู่แล้ว แต่ไปๆ มาๆ ยิ่งอ่านยิ่งงงครับ บางอันก็อธิบายเหมือนกำปั้นทุบดินเลยก็มีเหมือนกัน


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 8 พฤศจิกายน 2567 เวลา:21:49:11 น.  

 
เซนคือทุกสรรพสิ่ง

วันนี้ ไม่มีฝนครับ ฟ้าหลัวสลับแดด ช่วงเย็นค่ำอากาศเริ่มเย็น





โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 8 พฤศจิกายน 2567 เวลา:22:48:23 น.  

 
สวัสดีครับคุณ In the past

ผมยังเขียนบล็อกทุกวันครับ
ถ้าไม่ติดว่าเดินทางไปไหน

เชียงใหม่อากาศหนาวเลยล่ะครับ
ฝนตกมา 3 วันแล้ว




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 8 พฤศจิกายน 2567 เวลา:23:38:15 น.  

 

สวัสดีค่ะน้องก๋า

มาอ่านข้อคิดดีๆด้วยค่ะ


โดย: newyorknurse วันที่: 9 พฤศจิกายน 2567 เวลา:4:26:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กะว่าก๋า
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 395 คน [?]




มองฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
หรืออาจไม่เห็นฉัน

ฉันแค่แวะผ่านทางมา
และอาจไม่หวนกลับมาทางนี้อีกแล้ว

เราเคยรู้จักกัน
และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

มองดูฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
และฉันอาจมองไม่เห็นเธอ.





[Add กะว่าก๋า's blog to your web]