ผู้ทำเวลาต่อรอบเร็วที่สุด (fastest lap): นิโค รอสเบิร์ก (เมอร์เซเดส) 1:40.402 - รอบที่ 39
อันดับเวลาต่อรอบเร็วที่สุด
คลิกที่นี่ข้อมูลการเข้าพิต
คลิกที่นี่*สภาพสนาม: แห้ง
สภาพอากาศ: มีเมฆเป็นส่วนมาก
อุณหภูมิ: 17 องศา
อุณหภูมิพื้นสนาม: 25 องศา
ไฮไลท์ลูอิส แฮมิลตัน นำโด่งม้วนเดียวจบอีกครั้ง ทิ้งให้คันที่เหลือในสนามต่อสู้กันอย่างสนุก
เซบาสเตียน เวทเทล ออกตัวช้าแต่สามารถขึ้นมาเป็นอันดับที่ 2 ได้ในช่วงแรก โดยมีเฟอร์นันโด อลอนโซ่ ที่สตาร์ทได้ดีเช่นเคยจนเกือบจะแซงเขาได้ในโค้งต่อมาตามติดชนิดหายใจรดต้นคอ ก่อนหน้านั้นอลอนโซ่มีจังหวะกระแทกกับเฟลิเป้ มาสซ่า แต่รถของทั้งคู่ไม่เสียหายไปต่อได้ อย่างไรก็ตาม มาสซ่าต้องสูญเสียโอกาสที่จะได้แข่งขันกับกลุ่มหน้าเมื่อเข้าพิตครั้งแรก เขาต้องเสียเวลาในพิตนานร่วมนาทีจากปัญหาที่เกิดขึ้นกับล้อหลังซ้ายและออกมาอยู่แต่กลุ่มท้ายแทนในรอบที่เหลือ ในขณะที่นิโค รอสเบิร์ก ก็กระแทกกับวาลท์เทรี่ บอตทาส ในเวลาและบริเวณใกล้กันกับจังหวะของอลอนโซ่-มาสซ่า และก็ยังไปต่อได้ทั้งคู่ โดยที่รอสเบิร์กสูญเสียระบบส่งข้อมูลจากรถกลับไปที่ทีมงานตั้งแต่ก่อนเริ่มการแข่งขัน
อลอนโซ่ชิงเข้าพิตก่อนรถเร้ดบูลทั้งเวทเทลที่นำหน้าเขาและแดเนียล ริกเคียร์โด้ ที่ตามมา และด้วยความเร็วของรถเฟอร์รารี่ที่เหนือกว่าเร้ดบูลบนทางตรง ทำให้เวทเทลเสียตำแหน่งให้อลอนโซ่เมื่อออกจากพิต รวมทั้งรอสเบิร์กที่ค่อยๆ ไล่เข้ามาอย่างรวดเร็วจนขึ้นไปเป็นอันดับที่ 2 ได้สำเร็จ ไม่เพียงแค่นั้น รถของแชมป์คนปัจจุบันยังช้ากว่าเพื่อนร่วมทีมอยู่มาก จากพิตวอลล์ทีมงานเร้ดบูลที่ขอเวทเทลเปิดทางให้ริกเคียร์โด้ในตอนแรกเกือบจะย้อนรอยกรณี "มัลติ 21" แต่ในที่สุดเวทเทลก็เปิดทางให้เพื่อนร่วมทีมที่โค้ง 1 ซึ่งในตอนท้ายนักขับออสซี่มีโอกาสไล่รถสีแดงของอลอนโซ่เพื่อแย่งโพเดียมอันดับสุดท้าย แต่ความเร็วบนทางตรงที่เหนือกว่าของเฟอร์รารี่เป็นสิ่งที่เร้ดบูลเอาชนะไม่ได้ในวันนี้
สำหรับฟอร์ซอินเดียยังเก็บคะแนนได้เรื่อยๆ นิโค ฮูลเคนเบิร์ก ติดกลุ่มท็อป 10 มาตลอดก่อนเข้าเส้นชัยในอันดับที่ 6 และเพื่อนร่วมทีม เซอร์จิโอ เปเรซ แม้ผลงานควอลิฟายไม่ดีแต่เอาคืนได้ในวันแข่งด้วยการเข้าเส้นชัยในอันดับที่ 9 ทั้งสองคันถูกคั่นกลางด้วยวาลท์เทรี่ บอตทาส และคิมี่ ไรค์โคเน่น ปิดท้ายด้วยดาเนียล คัฟยาต นักขับรัสเซียของโตโร รอสโซ ที่สามารถเก็บคะแนนได้เป็นสนามที่ 3 แล้วนับตั้งแต่เปิดฤดูกาล
ผู้ที่ไม่จบการแข่งขันในสนามนี้มีเพียง 2 คน อาเดรียน ซูทิล เก็บรถตั้งแต่ช่วงต้นเหตุเพราะเครื่องยนต์ ซึ่งเขาไม่จบการแข่งขันเป็นสนามที่ 3 ติดต่อกัน ส่วนโรแมง โกรส์ฌอง ได้ควอลิฟายมาถึง Q3 และกำลังจะเก็บคะแนนได้เป็นครั้งแรกของฤดูกาลก็ต้องจอดหลังจากรถมีปัญหากับเกียร์บ็อกซ์จนทำให้เขาหลุดลงบ่อกรวดก่อนประคองรถกลับมาถึงพิตเลน
ในสนามนี้มีความสับสนเกิดขึ้นในช่วงท้ายเมื่อธงตราหมากรุกออกมาโบกเมื่อสิ้นสุดรอบที่ 55 ซึ่งสาเหตุเกิดจากความผิดพลาดของกรรมการที่ทำหน้าที่โบกธง ตามกฎการแข่งขันของฟอร์มูล่าวัน ข้อที่ 43.2 ระบุไว้ว่า "ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดที่มีการให้สัญญาณสิ้นสุดการแข่งขันก่อนที่รถคันนำจะวิ่งครบรอบหรือเวลาของการแข่งขันตามที่กำหนดไว้ จะถือให้การแข่งขันสิ้นสุดเมื่อรถคันนำผ่านเส้นชัยเป็นครั้งสุดท้ายก่อนสัญญาณดังกล่าวเกิดขึ้น" ผลการแข่งขันจึงต้องนับหลังจากจบรอบที่ 54 และการแซงที่เกิดขึ้นใน 2 รอบสุดท้ายนั้นไม่นับเป็นผล โดยเกิดการแซงครั้งเดียวจากคามุย โคบายาชิ ที่แซงฌูลส์ เบียงคี่ ขึ้นไปในอันดับที่ 17 ซึ่งต้องถือเป็นโมฆะ
สรุปคะแนนสะสม 5 อันดับแรกหลังจากจบสนามที่ 4ประเภทนักขับ1. นิโค รอสเบิร์ก (เมอร์เซเดส) 79 คะแนน
2. ลูอิส แฮมิลตัน (เมอร์เซเดส) 75 คะแนน
3. เฟอร์นันโด อลอนโซ่ (เฟอร์รารี่) 41 คะแนน
4. นิโค ฮูลเคนเบิร์ก (ฟอร์ซอินเดีย) 36 คะแนน
5. เซบาสเตียน เวทเทล (เร้ดบูล) 33 คะแนน
- อันดับคะแนนสะสมประเภทนักขับทั้งหมด
คลิกที่นี่ประเภททีมผู้สร้าง1. เมอร์เซเดส 154 คะแนน
2. เร้ดบูล 57 คะแนน
3. ฟอร์ซอินเดีย 54 คะแนน
4. เฟอร์รารี่ 52 คะแนน
5. แม็คลาเรน 43 คะแนน
- อันดับคะแนนสะสมประเภททีมผู้สร้างทั้งหมด
คลิกที่นี่ณ วินาทีนี้ใครจะสู้เมอร์เซเดสได้ ยิ่งผ่านไปยิ่งตามไม่ทัน ก่อนจะก้าวไปสู่การแข่งขันบนแผ่นดินยุโรปที่ทุกคนคุ้นเคย คู่แข่งคงต้องพลิกตำราฟื้นความเร็วกลับมาอย่างเต็มสูบทีเดียวค่ะ ไม่เช่นนั้นการแย่งแชมป์ในปีนี้จะอยู่แค่ระหว่างสองนักขับของทีมจากเยอรมันแน่นอน มาติดตามกันต่อไปในการแข่งขันรายการสแปนิช กรังด์ปรีซ์ วันที่ 9-11 พฤษภาคมนะคะ
*ข้อมูลจาก formula1.com และ autosport.com/f1
ภาพจาก formula1.com
www.facebook.com/f1starfanclub