Monaco Grand Prix 2013 - Race Day: ใครเรียกหา...มากันครบ!
ก่อนหน้าการแข่งขัน มีคนเชื่อว่าสนามนี้เมอร์เซเดสได้แน่เพราะไม่ค่อยกินยาง ก่อนหน้าการแข่งขัน มีคนตั้งข้อสังเกตว่าปีนี้เซฟตี้คาร์ยังไม่ออก แต่ก็น่าจะออกเพราะสนามนี้ไม่เคยขาด คิดอะไรไว้...มากันครบถ้วนเชียว!
ผลการแข่งขันรายการโมนาโก กรังด์ปรีซ์
1. Nico Rosberg (Mercedes) 2h17m52.056s 2. Sebastian Vettel (Red Bull-Renault) + 3.888s 3. Mark Webber (Red Bull-Renault) + 6.314s 4. Lewis Hamilton (Mercedes) + 13.894s 5. Adrian Sutil (Force India-Mercedes) + 21.477s 6. Jenson Button (McLaren-Mercedes) + 23.103s 7. Fernando Alonso (Ferrari) + 26.734s 8. Jean-Eric Vergne (Toro Rosso-Ferrari) + 27.223s 9. Paul di Resta (Force India-Mercedes) + 27.608s 10. Kimi Raikkonen (Lotus-Renault) + 36.582s 11. Nico Hulkenberg (Sauber-Ferrari) + 42.572s 12. Valtteri Bottas (Williams-Renault) + 42.691s 13. Esteban Gutierrez (Sauber-Ferrari) + 43.212s 14. Max Chilton (Marussia-Cosworth) + 49.885s 15. Giedo van der Garde (Caterham-Renault) + 1m02.590s 16. Sergio Perez (McLaren-Mercedes) + 6 laps
ผู้ที่ไม่จบการแข่งขัน - RomainGrosjean (Lotus-Renault) --on lap 63-- - Daniel Ricciardo (Toro Rosso-Ferrari) --on lap 61-- - Jules Bianchi (Marussia-Cosworth) --on lap 58-- - Pastor Maldonado (Williams-Renault) --on lap 44-- - Felipe Massa (Ferrari) --on lap 28-- - Charles Pic (Caterham-Renault) --on lap 7--
ผู้ทำเวลาต่อรอบเร็วที่สุด (fastest lap) Sebastian Vettel (Red Bull-Renault) 1m16.577s -- on lap 77
อันดับเวลาต่อรอบเร็วที่สุด //www.formula1.com/results/season/2013/898/7215/fastest_laps.html
ข้อมูลเวลาการเข้าพิต //www.formula1.com/results/season/2013/898/7215/pit_stop_summary.html
*สภาพสนาม: แห้ง สภาพอากาศ: ท้องฟ้าสดใส อุณหภูมิ: 19 องศา อุณหภูมิพื้นสนาม: 43 องศา
นิโค รอสเบิร์ก ยิ้มแก้มปริกับชัยชนะอันทรงเกียรติ
ไฮไลท์
ตั้งแต่เริ่มการแข่งขันมายังไม่มีอะไรและเป็นไปในสไตล์โมนาโก กรังด์ปรีซ์ คือรถติดกันเป็นขบวนค่อนข้างเป็นไปตามอันดับควอลิฟาย นำโดยนิโค รอสเบิร์ก ผู้ได้ตำแหน่งโพล ซึ่งเขาก็ค่อยๆ ยืดระยะห่างออกไป 2-3 วินาทีและรักษาอยู่อย่างนั้น ทั้งนี้ ไม่นับชาร์ลส์ พิค ของแคเทอร์แฮมที่ต้องจอดก่อนตั้งแต่ช่วงต้นหลังจากไฟลุกด้านท้ายรถบริเวณปากทางเข้าพิตพอดี
กระทั่งถึงช่วงที่รถเริ่มเข้าพิตในช่วงใกล้ๆ รอบที่ 30 ความอลเวงจากอุบัติเหตุเกิดขึ้นเป็นระยะ เริ่มจากเฟลิเป้ มาสซ่า ที่เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยการซ้อมเมื่อวาน หลังจากรถของเขาล้อล็อกที่ทางตรงหน้าพิตก่อนจะควบคุมรถไม่อยู่จึงครูดไปกับรั้วข้างซ้ายและไปกระแทกเข้ากับกำแพงยางที่โค้งแซงต์ ดีโว้ต ในที่สุด เมื่อวานนี้เขาไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่วันนี้รุนแรงกว่าโดยต้องมีการดามคอไว้ด้วย จากเหตุการณ์นี้เซฟตี้คาร์จึงต้องออกมาเป็นครั้งแรกของฤดูกาล
ในช่วงเซฟตี้คาร์นี้กลุ่มผู้นำเพิ่งจะเข้าพิตครั้งแรก รอสเบิร์กยังคงอันดับที่ 1 ได้ แต่ลูอิส แฮมิลตัน ซึ่งเมอร์เซเดสเรียกให้เข้ารอบเดียวกันกลับต้องเสียถึง 2 ตำแหน่งตามหลังเซบาสเตียน เวทเทล และมาร์ก เว็บเบอร์ ที่เข้าพิตไปก่อนแล้ว
จากเซฟตี้คาร์แรกมาไม่เท่าไหร่ คราวนี้ต้องถึงขั้นธงแดงในรอบที่ 44 หลังจากแม็กซ์ ชิลตัน พยายามแซงพาสเตอร์ มัลโดนาโด แต่ไม่พ้น เขาไปสะกิดรถวิลเลียมส์จนปีกหน้าของรถมัลโดนาโดหลุดเข้าไปใต้ท้องรถ ทำให้รถเสียหลักพุ่งชนกำแพงเทคโปรบริเวณโค้งทาบาคอย่างรุนแรง โชคดีที่นักขับเวเนซูเอล่าไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ส่วนชิลตันยังแข่งต่อได้หลังเข้าพิตไปซ่อมแซมรถพร้อมรับโทษไดรฟ์ทรูโทษฐานที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ
การแข่งขันเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งโดยมีเซฟตี้คาร์นำหน้าก่อน 1 รอบ รถทุกคันมีโอกาสได้เปลี่ยนยางขณะรอเวลา ทำให้นักขับใส่กันได้เต็มที่อีกครั้ง จนกระทั่งโรแมง โกรส์ฌอง ออกมาจากอุโมงค์แล้วเสียหลักพุ่งชนท้ายรถของแดเนียล ริกเคียร์โด้ เศษซากรถกระจายเต็มแทร็ค เซฟตี้คาร์จึงต้องออกมาอีกครั้ง โกรส์ฌองเข้าพิตไปเปลี่ยนจมูกรถแต่กลับออกมาได้ไม่นาน โลตัสก็ตัดสินใจเรียกเก็บรถในที่สุด
โลตัสเกือบไม่ได้คะแนนกลับบ้านเสียแล้วเมื่อคิมี่ ไรค์โคเน่น ในอันดับที่ 5 โดนเซอร์จิโอ เปเรซ ที่ไล่แซงเจนสัน บัตตัน เพื่อนร่วมทีม เฟอร์นันโด อลอนโซ่ และอาเดรียน ซูทิล มาก่อนแล้วพยายามมุดแซงตรงชิเคนสวิมมิ่งพูลขณะที่นักขับฟินน์เข้าไลน์ รถโลตัสยางแตกจึงต้องเข้าไปเปลี่ยน โดยที่ออกมาแล้ว ไรค์โคเน่นยังสามารถเร่งเครื่องเอาอันดับสุดท้ายและคะแนนสุดท้ายติดไม้ติดมือเป็นการปลอบใจ ส่วนเปเรซนั้นพยายามแข่งต่อไปทั้งที่ส่วนหน้าของรถเสียหาย แต่ในขณะที่เขากำลังป้องกันตำแหน่งตนเองจากซูทิลและบัตตันที่ตามหลังมาบริเวณก่อนถึงทางเข้าพิตในรอบต่อมา รถที่ไม่สมบูรณ์ของเขาจึงไม่อาจฝืนต่อไปได้และเสียหลักไปจอดนิ่งหลังจากระบบช่วงล่างของล้อหน้าซ้ายเสียหายไปแล้ว
สำหรับกลุ่มผู้นำไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงนับจากช่วงเข้าพิต แม้รถเร้ดบูลทั้งสองคันช้ากว่าเมอร์เซเดสอย่างเห็นได้ชัด กระทั่งแฮมิลตันพยายามไล่เข้าใกล้เว็บเบอร์อยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถแซงขึ้นไปได้ ทั้ง 4 คันจึงเรียงกันเข้าเส้นชัยไป รอสเบิร์กนั้นคว้าชัยชนะได้เป็นครั้งที่ 2 ของตนเองในฟอร์มูล่าวัน รวมทั้งยังสามารถเดินตามรอยเกเก้ รอสเบิร์ก ผู้พ่อซึ่งได้ชัยชนะจากสนามแห่งนี้ในปี 1983 หรือเมื่อ 30 ปีก่อนนั่นเอง
สรุปคะแนนสะสม 5 อันดับแรกหลังจากจบสนามที่ 6
ประเภทนักขับ 1. เซบาสเตียน เวทเทล (เร้ดบูล-เรโนลต์) 107 คะแนน 2. คิมี่ ไรค์โคเน่น (โลตัส-เรโนลต์) 86 คะแนน 3. เฟอร์นันโด อลอนโซ่ (เฟอร์รารี่) 78 คะแนน 4. ลูอิส แฮมิลตัน (เมอร์เซเดส) 62 คะแนน 5. มาร์ก เว็บเบอร์ (เร้ดบูล-เรโนลต์) 57 คะแนน - อันดับคะแนนสะสมประเภทนักขับทั้งหมด //www.formula1.com/results/driver/2013/
ประเภททีมผู้สร้าง 1. เร้ดบูล-เรโนลต์ 164 คะแนน 2. เฟอร์รารี่ 123 คะแนน 3. โลตัส-เรโนลต์ 112 คะแนน 4. เมอร์เซเดส 109 คะแนน 5. ฟอร์ซอินเดีย-เมอร์เซเดส 44 คะแนน - อันดับคะแนนสะสมประเภททีมผู้สร้างทั้งหมด //www.formula1.com/results/team/2013/
คราวหน้าไปทดสอบกับสตรีทเซอร์กิตอีกสนาม เรามาลองดูกันนะคะว่าเมอร์เซเดสจะยังคงผลงานโดดเด่นอย่างเช่นวันนี้ต่อไปได้หรือไม่ ติดตามลุ้นได้ในรายการแคนาเดียน กรังด์ปรีซ์ วันที่ 7-9 มิถุนายนค่ะ
*ข้อมูลจาก bbc.co.uk / autosport.com/f1 / formula1.com ภาพจาก gpupdate.net
Create Date : 26 พฤษภาคม 2556 |
Last Update : 27 พฤษภาคม 2556 0:24:33 น. |
|
18 comments
|
Counter : 2787 Pageviews. |
|
|
โรแมง โกรส์ฌอง โดนปรับ 10 กริดในสนามหน้านะคะ
//www.gpupdate.net/en/f1-news/295312/grosjean-gets-10-place-grid-penalty/