ยางปิเรลลี่ที่สิงคโปร์
เรากำลังจะเข้าสู่การแข่งขันไนท์เรซเต็มรูปแบบหนึ่งเดียวของฟอร์มูล่าวันในสุดสัปดาห์นี้ รายการสิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์ นั่นเองค่ะ
ปีนี้ทางปิเรลลี่เลือกยางแตกต่างไปจากปีที่แล้ว โดยจับคู่ยางมีเดียม (สีขาว) กับยางซูเปอร์ซอฟต์ (สีแดง) แทนคู่ยางซอฟต์-ซูเปอร์ซอฟต์ เหตุผลก็เพราะยางของปีนี้ทำเนื้อให้นิ่มกว่าปีก่อนอยู่แล้วเพื่อเพิ่มความสามารถในการยึดเกาะ สนามนี้ยังค่อนข้างขรุขระ ซึ่งถือเป็นลักษณะทั่วไปของสตรีทเซอร์กิต และยังมีส่วนประกอบของถนนทั่วไป ทั้งเส้นสีขาวหรือปากท่อที่จะมีผลกับการยึดเกาะถนน นอกจากนั้น รายการนี้ยังมีคุณสมบัติเฉพาะอีกหลายประการ
- เป็นสนามที่ใช้ระยะเวลาในการแข่งขันยาวนานที่สุด คือใกล้เคียงกับเวลา 2 ชั่วโมงตามกำหนดสูงสุดของเอฟไอเอ - เนื่องจากใช้เวลาการแข่งขันนาน รถจึงต้องเติมน้ำมันมากที่สุดในฤดูกาล - เป็นหนึ่งในสนามที่มีความชื้นมากที่สุด - จากสถิติที่ผ่านมา มีโอกาสสูงมากที่เซฟตี้คาร์ต้องออกมานำการแข่งขัน - ด้วยเพราะเป็นการแข่งขันในเวลากลางคืน การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิผิวแทร็คและอุณหภูมิโดยรอบจึงเป็นปัจจัยสำคัญ
ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นล้วนส่งผลต่อการสึกหรอของยาง อันนำไปสู่การวางกลยุทธ์ยางทั้งสิ้นค่ะ
ในความเห็นของฌอง อเลซี่ อดีตนักขับเฟอร์รารี่ชาวฝรั่งเศส เขากล่าวว่าสนามนี้ค่อนข้างหนักสำหรับนักขับและรถ แต่กับยางแล้วไม่โหดร้ายมากนัก เนื่องจากความเร็วที่ใช้โดยเฉลี่ยไม่สูงมาก มีจุดที่รถต้องชะลอจนเกือบหยุดและออกรถต่อโดยมีการยึดเกาะต่ำอยู่หลายจุด เหล่านี้จึงไม่กระทบกับยางมากเกินไป แต่ผลกระทบกับนักขับแล้วคนละเรื่องเลยทีเดียว เพราะพวกเขาต้องเจอกับอุณหภูมิสูง ความชื้น การแข่งขันที่ยาวนานซึ่งร่างกายต้องรับบทหนัก แตกต่างจากสปาและมอนซ่าที่เราเพิ่งผ่านมาซึ่งยางเจอศึกหนักแทน
สำหรับข้อมูลทางเทคนิคที่น่าสนใจของสนามนี้มีดังนี้ค่ะ
- แรงลาก (traction) เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับที่นี่ โดยสนามมารีน่าเบย์แห่งนี้มีจำนวนโค้งมากที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของปฏิทินการแข่งขัน คือมีทั้งหมด 23 โค้ง ผิวสนามไม่เรียบแต่มีความลื่นจากสัญลักษณ์เส้นสีต่างๆ บนพื้นถนนรวมไปถึงท่อน้ำ แต่กระนั้นก็เกิดแรง g ได้ถึง 4.3g เมื่อเบรกแม้ผิวแทร็คจะลื่นก็ตาม
- ระดับความชื้นสัมพัทธ์ที่สิงคโปร์อยู่ที่ระดับร้อยละ 75-90 นั่นแปลว่ามีโอกาสเกิดฝนตกได้มาก เพราะฉะนั้นนักขับก็อาจมีโอกาสได้ใช้ยางอินเตอร์มีเดียต (สีเขียว) หรือฟูลเว็ต (สีฟ้า)
- สิงคโปร์เป็นสนามหนึ่งที่ต้องเสียเวลาเข้าพิตมากที่สุด เนื่องจากที่นี่มีกำหนดความเร็วในพิตเลนต่ำกว่าที่อื่นๆ คือ 60 กม./ชม. และมีความยาวของพิตเลนถึง 404 เมตร ซึ่งจะส่งผลต่อการวางกลยุทธ์การเข้าพิตอย่างมาก
- นอกจากเป็นสนามที่ใช้เวลาแข่งขันที่ยาวนานแล้ว ยังเป็นสนามที่รถมีระดับการเผาผลาญเชื้อเพลิงต่อกิโลเมตรสูงมากแห่งหนึ่งตามลักษณะของสนามซึ่งต้อง "เบรก-เร่ง" ไปตลอด รถต้องเปิดคันเร่งประมาณครึ่งรอบและมีบริเวณเบรกหลายแห่ง
- กลยุทธ์ในการแข่งขันที่สนามสิงคโปร์จะต้องมีความยืดหยุ่น เพื่อรองรับโอกาสที่เซฟตี้คาร์จะออกมานำการแข่งขัน (ปีที่แล้วมีเซฟตี้คาร์ออกมา 2 ครั้ง) ช่วงที่เซฟตี้คาร์ออกมาหมายความถึงนักขับบางคนจะได้โอกาสเข้าพิตสบายๆ และยังช่วยชะลออัตราการสึกหรอของยางได้ด้วยจากการที่เวลาต่อรอบช้าลงมาก
- ผู้ที่ขึ้นโพเดียมทั้งหมดในปีที่แล้วใช้กลยุทธ์เข้าพิต 2 ครั้งเหมือนกัน โดยเซบาสเตียน เวทเทล ผู้ชนะออกตัวจากกริดที่ 3 ด้วยยางซูเปอร์ซอฟต์
*ข้อมูลและภาพจาก nextgen-auto.com
Create Date : 16 กันยายน 2556 |
Last Update : 17 กันยายน 2556 1:03:10 น. |
|
5 comments
|
Counter : 1915 Pageviews. |
|
|
ตอนนี้เขากำลังเจรจากับโลตัสอยู่นะคะ เจ้าตัวสนใจข้อเสนอมากทีเดียว โดยที่มีโอกาสคุยกับแม็คลาเรนเช่นกัน แต่อย่างหลังน่าจะยาก เพราะเหมือนจริงๆ แม็คลาเรนยังอยากใช้นักขับชุดเดิม แต่ก็ไม่ยืนยันมาสักที
//www.gpupdate.net/en/f1-news/300328/massa-describes-positive-lotus-talks/