Canadian Grand Prix 2014 - Post-Race News
หลังจบการแข่งขันที่สนามมอนทรีออลมีเรื่องราวที่ต้องติดตาม โดยเฉพาะอุบัติเหตุรอบสุดท้ายระหว่างเซอร์จิโอ เปเรซ กับเฟลิเป้ มาสซ่า ซึ่งจนถึงตอนนี้เริ่มลามเป็นศึกระหว่างทีมไปแล้วล่ะค่ะ
หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว นักขับทั้งสองได้ถูกส่งตัวไปตรวจร่างกายอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลใกล้เคียง ซึ่งก็นับเป็นข่าวดีที่ทั้งคู่ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ด้านผลการตัดสิน กรรมการให้บทลงโทษกับเปเรซสำหรับสนามต่อไปที่ออสเตรียจากการที่เขาเปลี่ยนไลน์ระหว่างเข้าโค้ง 1 จนเป็นเหตุให้เกิดการชนกับมาสซ่าที่กำลังพยายามจะแซงเขา โดยนักขับเม็กซิกันจะถูกปรับกริด 5 ตำแหน่งตามที่หลายคนทราบข่าวแล้ว
แต่เรื่องไม่ได้หยุดแค่นั้นค่ะ เมื่อทั้งสองฝ่ายต่างยังมีสงครามน้ำลายหลังจากนั้น มาสซ่าเล่าถึงการสนทนาระหว่างเขาและเปเรซว่า "ผมคุยกับเขาที่ศูนย์พยาบาล ผมผิดหวังในตัวเขาจริงๆ ผมบอกกับเขาว่าเขาต้องเรียนรู้ อยากให้เขาลองคิดว่าหากเขาเป็นผมและต้องถูกกระแทกแรงขนาดนั้นจะเป็นอย่างไร ซึ่งที่จริงผมคิดด้วยซ้ำว่าตัวเองจะได้รับบาดเจ็บ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาหักพวงมาลัยใส่คนอื่นขณะเบรก เขาไม่ได้พูดอะไรเลย แค่หันจากไป ในจังหวะนั้นเราวิ่งกันอยู่ราว 300 กม./ชม. ถ้าเราโดนรถอีกคันข้างหน้าอาจจะกลายเป็นอุบัติเหตุร้ายแรงเลยก็ได้"
นอกจากนั้น มาสซ่าเชื่อว่ากรรมการในสนามแคนาดาลงโทษเปเรซเบาเกินไป "เรามีกฎที่ออกมา 2-3 ปีแล้วว่าหากมีรถขึ้นมาตีคู่ อีกคันก็ไม่สามารถขยับได้ ซึ่งเขาหักมาแล้วเราก็ชนกัน สำหรับผมแค่ลงโทษปรับกริด 5 อันดับนั้นยังไม่พอ เขาทำให้อันตราย เราอาจชน (เซบาสเตียน) เวทเทลด้วยก็ได้เหมือนกัน"
หลังจากมาสซ่าออกมาให้สัมภาษณ์แล้ว ร็อบ สเมดลีย์ หัวหน้าวิศวกรรมปฏิบัติการของวิลเลียส์ อดีตวิศวกรการแข่งขันประจำตัวมาสซ่าขณะที่ทั้งคู่ยังอยู่กับเฟอร์รารี่ก็ออกอาการไม่พอใจทีมงานฟอร์ซอินเดียที่ไม่ยอมให้เปเรซออกจากการแข่งขันทั้งที่รู้ว่ารถของทีมตนมีปัญหา โดยเขาเล่าว่าประมาณรอบที่ 67 เขาได้รับรายงานทางวิทยุที่มีการสนทนาระหว่างเปเรซกับทีมงาน ซึ่งเปเรซส่งข้อความมาว่าเบรกล้อหลังทำงานไม่ได้แล้ว ด้านทีมงานได้ตอบกลับมาว่าหากไปได้ให้ไปต่อ แต่ถ้าไม่ไหวก็ให้เข้าพิต จากจุดนี้สเมดลีย์ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งเพราะปัญหาเช่นนี้รุนแรงเกินกว่าที่จะปล่อยให้รถวิ่งต่อไปได้ ทั้งนี้ เขาได้เทียบปัญหานี้ของฟอร์ซอินเดียกับวิลเลียมส์และเมอร์เซเดสที่ประสบคล้ายกัน โดยเฉพาะเมอร์เซเดสได้ให้ลูอิส แฮมิลตัน ออกจากการแข่งขัน ซึ่งเขาชมเชยว่ามีความรับผิดชอบแม้จะอยู่ในฐานะกำลังชิงแชมป์โลก ในขณะที่วาลท์เทรี่ บอตทาส นักขับของวิลเลียมส์เองมีปัญหาเรื่องความร้อนเบรกขึ้นสูง จึงถูกสั่งให้เบาคันเร่งเพื่อถนอมเบรกและเครื่องยนต์
สเมดลีย์กล่าวปิดท้ายว่ารถของมาสซ่าจับแรงที่เกิดขึ้นขณะเกิดอุบัติเหตุได้ถึง 27G ซึ่งทุกฝ่ายต่างโล่งใจที่นักขับทั้งสองปลอดภัย รวมทั้งโชคดีที่ไม่ได้กวาดเอาเวทเทลออกไปด้วย
มาฟังทางด้านเปเรซบ้างนะคะ ขั้นแรกเขาเล่าถึงจังหวะนั้นว่า "ในรอบสุดท้ายผมกำลังป้องกันตำแหน่งของผมอยู่ขณะจะเข้าโค้ง 1 แต่ทันใดนั้นผมโดนชนจากด้านหลัง ซึ่งในรอบท้ายๆ ไม่ง่ายเลย ผมต้องเร่งเต็มที่เพื่อพยายามแซงนิโค (รอสเบิร์ก) พอผมมีปัญหากับระบบไฟฟ้า แดเนียล (ริกเคียร์โด้) ก็แซงไปได้ แต่ผมก็ทำให้รถกลับมาวิ่งได้อีกครั้ง ผมคิดว่าเราจะขึ้นโพเดียมได้จึงน่าเสียดายมากสำหรับคะแนนที่เสียไป"
แต่หลังจากได้ฟังคอมเมนต์ของสเมดลีย์ เปเรซได้ออกมาตอบโต้ว่า "รถสมบูรณ์พร้อมขับแน่นอน เพียงแต่ต้องมีการปรับบ้าง ซึ่งเราก็แสดงให้เห็นแล้วจนกระทั่งถึงจังหวะที่ถูกชน รถบางคันมีปัญหาก่อนเราเสียอีก แต่ยังจบการแข่งขันได้ไม่มีปัญหา ถ้ามีใครบางคนคิดว่าการที่รถคันหนึ่งสามารถกันรถเร้ดบูลสองคันไว้ข้างหลังได้นานขนาดนั้นอย่างที่เราทำว่าเป็นรถที่มีปัญหา 'เกินเยียวยา' ก็แสดงได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขาเข้าใจผิดแล้ว"
ด้านผู้บริหารของฟอร์ซอินเดีย ออตมาร์ ซาฟนาวเออร์ ยืนยันว่าเป็นเพราะมาสซ่าหักพวงมาลัยมาหาเปเรซต่างหากจึงได้เกิดอุบัติเหตุ "ดูตามโค้งแล้วจะเห็นว่ามาสซ่าหักมาทางขวาเข้าใส่เปเรซ เขาพยายามเข้าด้านในเพื่อจะแซง ซึ่งพอคิดได้ว่าไม่มีใครแซงที่โค้ง 1 กันก็เลยจะกลับมาในเรซซิ่งไลน์ แล้วก็ชนเปเรซ
"ในสนามนี้มีการแซงด้านในโค้ง 1 เกิดขึ้นกี่ครั้ง? ผมจะบอกให้ มันเป็นศูนย์ เพราะอะไร? ก็เพราะว่ามันทำไม่ได้ยังไงล่ะ"
เรื่องนี้เป็นที่วิพาษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานาเป็นวงกว้างในโลกออนไลน์ ทั้งบรรดากูรู คอมเมนเตเตอร์ และแฟนๆ ฟอร์มูล่าวัน แต่ที่แน่นอนคือเปเรซจะต้องรับโทษในสนามหน้าที่เร้ดบูลริงค่ะ
*ข้อมูลจาก gpupdate.net ภาพจาก bbc.com
Create Date : 10 มิถุนายน 2557 |
Last Update : 11 มิถุนายน 2557 2:18:11 น. |
|
5 comments
|
Counter : 1683 Pageviews. |
|
|