*สภาพสนาม: เปียกสลับแห้ง
สภาพอากาศ: มีเมฆมาก
อุณหภูมิ: 16 องศา
อุณหภูมิพื้นสนาม: 21 องศา
ไฮไลท์Q1นักขับเริ่มช่วงด้วยยางอินเตอร์มีเดียต แต่เพราะสนามเริ่มแห้งในช่วงท้าย หลายคันจึงเปลี่ยนมาใช้ยางมีเดียมพร้อมกับชิงจังหวะที่สภาพแทร็คดีที่สุด อย่างไรก็ตาม ช่วงท้ายมีจังหวะหมุนของเฟอร์นันโด อลอนโซ่ ที่โค้งบรู๊กแลนส์ และอาเดรียน ซูทิล หมุนลงบ่อกรวด ทำให้เกิดธงเหลือง ซึ่งนอกจากอลอนโซ่เองที่ไม่มีโอกาสทำเวลาให้ดีขึ้นแล้ว คิมี่ ไรค์โคเน่น เพื่อนร่วมทีม รวมทั้งรถวิลเลียมส์ทั้ง 2 คันก็ได้รับผลกระทบจากจังหวะนี้ ส่วนแคเทอร์แฮมอีก 2 คันก็ไม่สามารถผ่านเข้า Q2 ได้ คามุย โคบายาชิ มีปัญหากับรถ ในขณะที่มาร์คุส เอริกสัน หลุดหลายจังหวะระหว่างทำเวลา
Q2ผลงานโดดเด่นของช่วงนี้มาจากมารุสเซียทั้งสองคันที่ผ่านมาจาก Q1 ได้เพราะเลือกยางและจังหวะวิ่งได้ดี ฌูลส์ เบียงคี่ กับแม็กซ์ ชิลตัน ทำผลงานควอลิฟายได้ดีที่สุดนับตั้งแต่ทีมเข้าร่วมการแข่งขันฟอร์มูล่าวันในปี 2010 ด้วยอันดับที่ 12 และ 13 ตามลำดับ สำหรับอาเดรียน ซูทิล ผ่านเข้ามาได้ แต่ไม่สามารถนำรถลงวิ่งหลังหลุดลงบ่อกรวดใน Q1
Q3เรื่องจังหวะการวิ่งทำเวลายังเป็นกุญแจสำคัญของการควอลิฟายในวันนี้ นิโค รอสเบิร์ก คว้าตำแหน่งโพลได้จากการเสี่ยงครั้งสุดท้าย ทั้งที่ลูอิส แฮมิลตัน เป็นผู้ทำเวลาเร็วที่สุดได้ก่อนจากยางมีเดียม ซึ่งเป็นรอบที่เริ่มมีฝนลงมาอีกครั้งและสนามในเซกเตอร์สุดท้ายก็เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่ต่อมาในความพยายามครั้งสุดท้ายของแต่ละคน ขณะที่เซกเตอร์แรกและเซกเตอร์ที่ 2 ค่อนข้างชุ่ม แฮมิลตันเลือกทิ้งรอบสุดท้ายของเขา โดยเข้าพิตไปก่อนจะข้ามเส้นเพื่อจับเวลาเพราะคิดว่าวิ่งไปเวลาไม่น่าดีขึ้น ส่วนรอสเบิร์กที่วิ่งตามหลังมาเห็นว่าเซกเตอร์สุดท้ายทำท่าจะดีขึ้น จึงเร่งข้ามเส้นจับเวลาได้ในเสี้ยววินาทีสุดท้ายก่อนจะคว้าโพลได้เพราะเซกเตอร์สุดท้ายกลับแห้งผิดกับสองเซกเตอร์แรกจริงๆ ซึ่งกรณีนี้เกิดขึ้นเช่นเดียวกับเซบาสเตียน เวทเทล เจนสัน บัตตัน นิโค ฮูลเคนเบิร์ก และเควิน แม็กนุสเซ่น
ข้อมูลเพิ่มเติม- อันดับเวลาเร็วที่สุดในแต่ละช่วง (Best Sector Times)
คลิกที่นี่- อันดับการใช้ความเร็วมากที่สุดที่จุดตรวจจับ (Speed Trap)
คลิกที่นี่- พยากรณ์อากาศล่าสุด
ฝนมาเมื่อไหร่ได้สนุกทุกที จากการพยากรณ์อากาศสำหรับวันแข่งขันจะดีกว่าวันนี้ แต่สำหรับอังกฤษ เรื่องสภาพอากาศไม่สามารถไว้ใจได้ค่ะ และถึงแม้จะเป็นเช่นเดียวกับรอบควอลิฟายหรือไม่ ก็รับรองว่ามีอะไรให้ลุ้นมากมายตลอด 52 รอบแน่นอน ติดตามชมการแข่งขันรายการบริติช กรังด์ปรีซ์ ได้ในวันพรุ่งนี้เวลา 19.00 น. นะคะ
*ข้อมูลจาก autosport.com/f1
ภาพจาก formula1.com