เรื่องหนึ่งที่ชาร์ลี ไวติ้ง ผู้อำนวยการการแข่งขันพูดถึงก็คือ มีนักขับบางคนลดความเร็วภายใต้สัญญาณธงเหลืองไม่เพียงพอระหว่างการแข่งขันที่สนามซูซูกะ ดังนั้นเอฟไอเอจึงจะมีการกำหนดการใช้ความเร็วภายใต้สภาวะธงเหลือง โดยคาดว่าจะทดลองใช้ซอฟต์แวร์ใหม่และกระบวนการต่างๆ ในสนามต่อไปที่ออสติน ซึ่งจะควบคุมความเร็วรถโดยอัตโนมัติเมื่ออยู่ในพื้นที่ที่มีการโบกธงเหลืองคู่ อันหมายถึงการเตือนว่ามีอันตราย นักขับจะต้องลดความเร็วและเตรียมหยุดรถหากจำเป็น
บรรดานักขับต่างตอบรับในเรื่องนี้เป็นอย่างดี เฟอร์นันโด อลอนโซ่ ให้สัมภาษณ์กับหนังสือออโต้สปริ้นต์ของอิตาลีว่าเขาเป็นคนหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดคุยกับไวติ้งที่รัสเซียนั่นเอง โดยเขาอธิบายว่าเหมือนกับการแข่งขันรถคาร์ทในร่ม ฝ่ายควบคุมการแข่งขันสามารถกำหนดความเร็วของผู้เข้าแข่งขันทุกคนได้ด้วยการกดปุ่มควบคุม
สำหรับมาตรการความปลอดภัยในเรื่องอื่นๆ นั้น เอฟไอเอคาดว่าจะปรับปรุงแล้วเสร็จและนำมาใช้ในฤดูกาลหน้าเป็นต้นไปค่ะ
*******************************************************
มีข้อมูลที่น่าสนใจจากเว็บไซต์ motorsport.com เกี่ยวกับการโบกธงในจังหวะที่เกิดอุบัติเหตุของอาเดรียน ซูทิล ต่อด้วยฌูลส์ เบียงคี่ ซึ่งเราเคยโพสต์ลงในแฟนเพจไปแล้ว แต่อาจมีบางท่านที่ไม่ได้ติดตามข่าวสารจากช่องทางนั้น เราจึงขอนำมาลงในบล็อกอีกครั้งนะคะ
เว็บไซต์นี้วิเคราะห์ไว้ว่าเป็นเรื่องที่เอฟไอเอไม่ควบคุมเรื่องความเสี่ยง เดิมทีในจังหวะที่ซูทิลหลุดออกไปนั้น กรรมการสนามโบกธงเหลืองคู่ตามคำสั่งของฝ่ายควบคุมการแข่งขัน แต่เมื่อรถยกกู้รถเซาเบอร์ขึ้นเตรียมจะถอยกลับไปหลังกำแพงยางที่เปิดรออยู่และยกจนผ่านจุดที่กรรมการยืนอยู่นั้น เขาก็ได้เปลี่ยนมาโบกธงเขียวทันที การให้สัญญาณเช่นนั้นก็เพื่อจะบอกให้นักขับคนอื่นในสนามสามารถเร่งผ่านจุดเกิดเหตุได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนั้นรถยกยังคงอยู่ตรงนั้นและมีเจ้าหน้าที่อีกหลายคนดำเนินการเคลื่อนย้ายรถของซูทิลอยู่ โดยหลังจากโบกธงเขียวได้ 11 วินาที รถของเบียงคี่ก็เสียการควบคุมจากการลื่นน้ำฝนที่นองอยู่ในแทร็ค รถมารุสเซียจึงพุ่งขวางมาชนเข้าข้างท้ายรถยกนั้นด้วยความเร็วมากกว่า 210 กม./ชม.
ในบทความนี้กล่าวว่าเราไม่อาจสรุปได้ว่าธงเขียวเป็นต้นเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ธงเขียวนั้นหมายความว่าให้เร่งเครื่องได้เมื่อผ่านบริเวณที่เกิดเหตุ ซึ่งจากข้อมูลรถของเบียงคี่ เขาเร่งคันเร่งมาแล้ว แต่ถึงกฎจะเขียนไว้เช่นนั้นก็เห็นได้ว่าธงเขียวโบกในระยะที่กระชั้นเกินไป ทั้งรถยกและเจ้าหน้าที่ยังอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายมาก จึงน่าจะมีเซฟตี้คาร์ออกมาในจังหวะนั้น หรืออย่างน้อยยังไม่น่าเลิกโบกธงเหลืองคู่จนกว่าทุกคนและทุกอย่างจะกลับเข้าไปหลังกำแพงยาง
จากภาพกราฟฟิกจะเห็นได้ว่าระหว่างโซนธงเหลืองกับจุดที่เกิดอุบัติเหตุอยู่ติดกันมาก จึงมีคำถามว่าช่องว่างของความผิดพลาดอยู่ตรงไหน? ก็เป็นเรื่องยากที่จะชี้ชัดลงไป ซึ่งก็เปรียบเหมือนอุบัติเหตุทางอากาศที่ปัจจัยหลายอย่างมาประจวบเหมาะกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสภาพอากาศ ตัวเบียงคี่เอง กฎของเอฟไอเอ ตำแหน่งที่รถยกออกมา แสงที่เริ่มจะน้อยลง และอาจมีอะไรอื่นอีกที่เราไม่รู้มารวมกันก่อให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงครั้งนี้ สุดท้ายแล้วเอฟไอเอต้องทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงให้ลดน้อยลงมากที่สุด
*ข้อมูลและภาพจาก motorsport.com