ผู้เป็นที่รักแห่งบราซิล
เรื่องราวของไอร์ตัน เซนน่า แชมป์โลกสามสมัยผู้ยิ่งใหญ่คนนี้มีมากมายให้เล่าได้ไม่รู้จบ แม้เขาจะจากไปร่วมสองทศวรรษแล้ว แต่แฟนๆ ฟอร์มูล่าวันที่ทันในยุคของเขาและโดยเฉพาะแฟนชาวบราซิลบ้านเกิดของเขาเองไม่มีทางที่จะลืมเขาไปจากใจได้ง่ายๆ เลย...เมื่อวันก่อนเราย้อนรำลึก 20 ปีการจากไปของไอร์ตัน เซนน่า และสิ่งที่เขาทิ้งไว้ให้เป็นสิ่งสุดท้ายในฟอร์มูล่าวัน ซึ่งถือเป็นคุณูปการอันใหญ่หลวงต่อวงการมาจนถึงทุกวันนี้ไปแล้วนะคะ ในวันนี้เราขอเสนอในอีกแง่มุมหนึ่งของ "เขา" ผู้เป็นที่รักยิ่งของคนบราซิลทั้งประเทศให้ทุกท่านได้ทราบกัน
สถานที่สุดท้ายที่เซนน่าอาศัยอยู่ถาวรตลอดกาลคือสุสานโมรุมบี ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างด้านหนึ่งที่เรียงรายด้วยอพาร์ทเมนต์หรูหรากับอีกด้านหนึ่งที่เป็นชุมชนแออัดทางตอนใต้ของเมืองเซาเปาโล บริเวณนั้นเป็นสนามหญ้าเรียบๆ มีเพียงแผ่นป้ายทองเหลืองจารึกที่แสดงถึงว่าเขาทอดร่างอยู่ใต้นั้น ไม่มีแผ่นหินจารึกชื่อหน้าหลุมศพอย่างที่ปกติจะได้เห็น และมีดอกไม้จำนวนหนึ่งที่ผู้ที่ตั้งใจมาเคารพและรำลึกถึงเขาวางประดับประดาอยู่โดยรอบ อันที่จริงสุสานแห่งนี้เป็นที่พักพิงสุดท้ายของบุคคลผู้มีชื่อเสียงหลายคนของบราซิล แต่ถ้าเทียบกันแล้ว คนส่วนมากจะมุ่งมาที่เขาเสียมากกว่า
"ผมมาที่นี่แทบทุกอาทิตย์" โฮอาว อันโตนิโอ คาสโตร ช่างยนต์และพนักงานขายเล่าให้ฟัง "พวกเรายังคงคิดถึงอย่างมาก ความกระหายในชัยชนะของเขายังตราตรึงอยู่ในใจพวกเราทุกคน ไม่มีใครเหมือนเขาเลยจริงๆ"
เซนน่ามีความพิเศษสำหรับชาวบราซิลเสมอและยังเป็นเช่นนั้นเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ แม้ในวันที่เขาจากไปแล้ว 20 ปีจากอุบัติเหตุในการแข่งขันรายการซานมารีโน่ กรังด์ปรีซ์ ปี 1994 เขาจากไปในวัยเพียง 34 ปีเท่านั้น
อลัน เอสเตเบา รปภ.ประจำสุสานดังกล่าว ผู้ซึ่งอาศัยบริเวณสนามอินเตอร์ลากอสเล่าว่าโรงเรียนต่างๆ มักพานักเรียนมาเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ นอกจากนั้น ยังมีแฟนๆ ชาวญี่ปุ่นมากมายที่เดินทางมา บางคนตรงมาจากสนามบินก่อนที่จะไปเที่ยวชมส่วนอื่นๆ ของเมืองด้วยซ้ำ หรือแม้กระทั่งคนที่มาร่วมงานศพที่สุสานนี้ก็จะต้องมาที่หลุมศพของเซนน่า เรียกว่าแทบจะเป็นสิ่งที่ต้องทำโดยอัตโนมัติเลยทีเดียว ผู้คนที่มามักจะวางรูปหรือทิ้งข้อความไว้ แต่ไม่นานของเหล่านั้นจะถูกรวบรวมโดยเจ้าหน้าที่ของสุสานเพื่อนำไปมอบให้กับทางครอบครัวหรือไม่ก็ถูกเก็บออกไป
ความจริงเจ้าหน้าที่ไม่ต้องการให้ที่พักพิงสุดท้ายของเซนน่ากลายเป็นแท่นบูชา แต่ดูเหมือนจะกลายเป็นเช่นนั้นไปแล้ว และถึงแม้มีเพียงแผ่นจารึกที่สลักเป็นภาษาโปรตุเกสว่า "ไม่มีอะไรพรากผมไปจากพระเจ้าได้" ที่บ่งบอกว่าเขาอยู่ตรงนี้ เขาก็ยังเป็นไอดอลของผู้คนนับล้านที่ระลึกถึงว่าเขาเป็นตัวแทนคนบราซิลในแบบที่ไม่เหมือนใคร มาเรียเน่ กีโด้ ผู้มาเยี่ยมเยือนคนหนึ่งกล่าวว่า "คุณต้องเข้าใจว่าสถานการณ์ของบราซิลตอนนั้นเป็นอย่างไร ค่าเงินของเราลอยตัวมาก เรายังอยู่ในช่วงที่ต้องข้ามผ่านคดีของประธานาธิบดี แม้กระทั่งทีมฟุตบอลของเราก็ไม่สามารถคว้าแชมป์โลกได้เลยนับตั้งแต่ปี 1970 บราซิลกำลังต้องการใครสักคนและเซนน่าก็ก้าวเข้ามา เขาเชื่อมั่นในบราซิลอย่างแท้จริงและเขาก็ทำให้เราเชื่อมั่นในบราซิลอย่างแท้จริงเช่นกัน เขาเป็นทุกอย่างของเราในช่วงเวลานั้น"
งานศพของเซนน่าถูกจัดในระดับรัฐพิธีในเมืองเซาเปาโล ทั้งประเทศนิ่งงัน โทรทัศน์แพร่ภาพผู้คนราว 1 ล้านคน หรืออาจมากกว่านั้นอีกมากตามการประเมินของบางสำนักเข้าแถวยาวรอเคารพศพ โดยบราซิลกำหนดให้มีการไว้อาลัยเป็นเวลา 3 วัน ซึ่งภาพของงานได้ถูกถ่ายทอดไปทั่วโลกและถือเป็นข่าวใหญ่แม้กระทั่งในบางประเทศที่ให้ความสนใจฟอร์มูล่าวันเพียงน้อยนิด
*ข้อมูลและภาพจาก grandprix247.com
Create Date : 03 พฤษภาคม 2557 |
Last Update : 4 พฤษภาคม 2557 0:37:36 น. |
|
8 comments
|
Counter : 2055 Pageviews. |
|
|
ไนเจล สเต็ปนีย์ อดีตวิศวกรคนสำคัญของเฟอร์รารี่ ผู้มีส่วนอย่างยิ่งกับคดีขโมยข้อมูลลับจากเฟอร์รารี่ไปยังแม็คลาเรนเมื่อปี 2007 (Spy gate) เสียชีวิตแล้วในวัย 56 ปีจากอุบัติเหตุรถยนต์เมื่อเช้าวันศุกร์ตามเวลาประเทศอังกฤษ โดยรายละเอียดยังอยู่ระหว่างการสอบสวนของตำรวจในเมืองเคนท์ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุ
ขอแสดงความเสียใจต่อการจากไปของเขาและขอไว้อาลัย ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
R.I.P.
//www.autosport.com/news/report.php/id/113739