รายงานจากสื่อฝรั่งเศสที่ติดตามข่าวอยู่ที่โรงพยาบาลรายงานว่าเบียงคี่ไม่ได้ใส่เครื่องช่วยหายใจ แต่เรื่องนี้ไม่ได้รับการยืนยันจากทั้งโรงพยาบาลและเอฟไอเอ ในขณะที่รายงานจากสื่ออื่นระบุว่าเขาต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ซึ่งศัลยแพทย์จากอังกฤษกล่าวว่าออกจะเป็นเรื่องแปลกหากผู้บาดเจ็บถึงขั้นนี้จะไม่ได้ใช้เครื่องช่วยหายใจ
ด้วยความที่ภาพไม่ได้จับเหตุการณ์ที่เบียงคี่ประสบอุบัติเหตุ แต่รายงานจากสื่อได้มีอธิบายตามมาภายหลัง โดยอ้างจากพยานและนักข่าวที่เชื่อถือได้ที่ประจำการอยู่ในสนามซึ่งให้ข้อมูลว่าท้ายรถของเบียงคี่เริ่มปัดและตัวนักขับพยายามแก้คืน คล้ายกับที่คามูอิ โคบายาชิ หลุดในช่วงฝึกซ้อม แต่เขาก็ไม่สามารถบังคับรถได้และกระโจนลงบ่อกรวดด้วยความเร็วสูง ไถลพุ่งไปเสยท้ายรถยกที่กำลังกู้รถของอาเดรียน ซูทิล ที่หลุดที่บริเวณโค้ง 7 นั้นในรอบก่อนหน้า กระโดงรถและแถบซ้ายของรถถูกฉีกออกทันทีและท้ายรถก็ถูกทำลายจนราบ รวมทั้งส่วนหน้าสุดของรถก็ได้รับความเสียหายมากพอสมควรด้วย นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรง
แรงที่เกิดขณะเกิดอุบัติเหตุนั้นประเมินว่ามากกว่า 50G ดังที่ได้เห็นจากสภาพรถมารุสเซียคันนี้ รวมทั้งยังสามารถเห็นร่องรอยการกระแทกอีกเล็กน้อนบริเวณด้านซ้ายของหมวกกันน็อกของเบียงคี่ ซึ่งหลังจากเกิดอุบัติเหตุไม่นาน พ่อของเบียงคี่ได้เปิดเผยกับสื่อของฝรั่งเศสว่าลูกชายของตนประสบกับภาวะเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมอง (subdural hematoma)
ล่าสุดมีรายงานว่าโปรเฟสเซอร์ เชราด์ ซาอิยองต์ ประธานสถาบันเอฟไอเอ ศัลยแพทย์ชื่อดังชาวฝรั่งเศส และเป็นผู้ที่รักษามิชาเอล ชูมัคเกอร์ ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณศีรษะจากอุบัติเหตุสกีเมื่อปลายปีที่แล้วกำลังเดินทางมาญี่ปุ่น ซึ่งศัลยแพทย์ผู้นี้มีความใกล้ชิดกับฌอง ท็อดท์ ประธานเอฟไอเอ โดยลูกชายของเขา นิโกล่าส์ ท็อดท์ เป็นผู้จัดการของเบียงคี่นั่นเอง
*ข้อมูลจาก jamesallenonf1.com และ motorsport.com
ภาพจาก espnf1.com