เดิมทีในการแข่งขันรายการอิตาเลียน กรังด์ปรีซ์ ปี 2005 คิมี่ ไรค์โคเน่น ทำความเร็วสูงสุดเป็นสถิติไว้ราว 370 กม./ชม. บนทางตรงด้วยรถแม็คลาเรน V10 ซึ่งมีกำลังเกือบ 1000 แรงม้า ในขณะที่ความเร็วสูงสุดในสนามนี้เมื่อปีที่แล้วได้มาจากรถเซาเบอร์เครื่องเฟอร์รารี่ V8 ของเอสเตบัน กูเตียร์เรซ ที่ 341 กม./ชม.
ส่วนสนามบาร์เซโลน่าปีนี้ ความเร็วสูงสุดเป็นของเฟลิเป้ มาสซ่า ในรถวิลเลียมส์-เมอร์เซเดสอยู่ที่ 342 กม./ชม. เทียบกับความเร็วสูงสุดในปีที่แล้วจากรถเฟอร์รารี่ V8 ของเฟอร์นันโด อลอนโซ่ น้อยกว่า 320 กม./ชม. ส่วนในสนามแคนาดาปีนี้ ความเร็วของรถคันที่เร็วที่สุดก็เกือบถึง 350 กม./ชม. ซึ่งพอกันกับความเร็วสูงสุดในสนามสปาที่ผ่านมา
ดังนั้น จากการแข่งขันในสนามต่างๆ ที่ผ่านมาของปีนี้จะเห็นว่ารถ V6 ปัจจุบันสามารถทำความเร็วได้มากกว่ารถ V8 ของปีที่แล้วเฉลี่ย 20-30 กม./ชม. จึงมีการคาดการณ์ว่าไม่น่าเป็นเรื่องยากหากสัปดาห์นี้เราจะได้เห็นความเร็วที่มากกว่า 370 กม./ชม. ที่รถ V10 เคยทำได้ในอดีต อย่างไรก็ตาม แอนดี้ กรีน ผู้อำนวยการด้านเทคนิคของฟอร์ซอินเดียอธิบายว่ากฎด้านเทคนิคปัจจุบันทำให้รถต้องเสียดาวน์ฟอร์ซ (แรงกดที่กระทำต่อตัวรถ) ไปประมาณร้อยละ 10 รวมทั้งแรงลากในปริมาณที่เท่ากัน แต่นั่นเป็นสัดส่วนสำหรับสนามที่รถต้องการดาวน์ฟอร์ซสูงสุด แต่สำหรับสนามอย่างมอนซ่าซึ่งต้องเซ็ตรถให้มีดาวน์ฟอร์ซต่ำที่สุดในบรรดาสนามทั้งหมดตามปฎิทินการแข่งขัน เราต้องเปรียบเทียบรถของเรากับรถในอดีตที่วิ่งด้วยดาวน์ฟอร์ซต่ำที่สุดเช่นกัน เพราะฉะนั้นความแตกต่างจึงไม่น่ามากมายนัก
ทั้งนี้ ตามการวิเคราะห์ของมิชาเอล ชมิดท์ นักข่าวประจำนิตยสารเอาโต้ มอเตอร์ อุนด์ สปอร์ต ระบุว่าความเร็วสูงสุดที่ทีมต่างๆ ได้จากการทดลองในซิมูเลเตอร์ก่อนถึงการแข่งขันที่มอนซ่าแสดงให้เห็นว่าจะอยู่ที่ประมาณ 350-355 กม./ชม. หรืออาจถึง 360 กม./ชม. ถ้าอยู่ในจังหวะตามลมดูด (slipstream)
*ข้อมูลจาก nextgen-auto.com
ภาพจาก ibnlive.in.com