เว็บไซต์
motorsport.com กล่าวว่าเหตุเกิดจากความไม่แน่ใจในการใช้ยาง โมนาโกมักเป็นสนามที่เข้าพิตครั้งเดียว ครั้งนี้ง่ายๆ ก็คือการเปลี่ยนจากยางอัลตร้าซอฟต์มาเป็นซูเปอร์ซอฟต์ ซึ่งก่อนหน้าการแข่งขัน ปิเรลลี่ได้พูดถึงในแง่ความจริงว่ายางอัลตร้าซอฟต์รุ่นนี้ใช้แข่งตั้งแต่ต้นจนจบเรซได้ด้วยซ้ำ ดังนั้นทีมแข่งจะวิ่งด้วยยางซูเปอร์ซอฟต์น้อยรอบก็ทำได้ โดยก่อนหน้านั้นในการซ้อมวันแรก (พฤ. 25) ทีมต่างๆ นำยางซูเปอร์ซอฟต์มาลงสนามแค่การซ้อมครั้งแรกเท่านั้น หรืออย่างเร้ดบูลพวกเขาไม่ได้ใช้ซ้อมเลย เพราะทั้ง 2 คันนำยางซูเปอร์ซอฟต์มาเพียงคันละชุด และด้วยวันแข่งซึ่งอุณหภูมิแทร็คสูงกว่าวันซ้อม ทำให้เกิดความไม่แน่ใจว่าในสถานการณ์แข่งจริงยางซูเปอร์ซอฟต์จะให้ผลอย่างไร โดยเฉพาะ 1-2 รอบหลังออกจากพิต
ตอนต้นของการแข่งขัน คิมี่นำห่างเซ็บราว 2.3 วินาที และก่อนที่คิมี่จะเข้าพิตไม่กี่รอบ เซ็บเริ่มกดเวลาให้ห่างกันต่ำกว่า 2 วินาที โดยระหว่างนั้นยังไม่มีเซฟตี้คาร์ออกมาด้วย ดังนั้นรอบเข้าพิตของเฟอร์รารี่จึงต้องดูองค์ประกอบจากทีมอื่นด้วย เนื่องจากวาลท์เทรี่ บอตทาส ของเมอร์เซเดส และอีกสองคันของเร้ดบูล แม็กซ์ เวอร์สตัปเพ่น และแดเนียล ริกเคียร์โด้ อยู่ไม่ไกลจากนั้น เร้ดบูลตัดสินใจเรียกแม็กซ์เข้าก่อนในรอบที่ 32 เมอร์เซเดสเรียกรถของบอตทาสบ้างในอีกรอบต่อมา เฟอร์รารี่จึงตัดสินใจตอบสนองบอตทาสด้วยการเรียกคิมี่เข้าพิตรอบที่ 34 แต่เมื่อออกมา คิมี่ติดหลังรถของคาร์ลอส ซายนซ์ ที่ยังไม่ได้เข้าพิต ซ้ำยังมาติดรถช้าน็อกรอบอย่างเซาเบอร์ของพาสคาล เวร์ไลน์ และแม็คลาเรนของเจนสัน บัตตัน
จากตรงนี้เองที่เว็บไซต์
espn.co.uk บอกว่าเซ็บได้ชัยชนะจากการทำเวลาเร็วอย่างต่อเนื่องระหว่างที่คิมี่ติดการจราจร ทั้งด้วยเหตุที่ด้านหน้าเป็น "คลีนแอร์" และจากที่เซ็บได้รับข้อมูลว่ารถของบอตทาสในยางซูเปอร์ซอฟต์ทำเวลาต่อรอบในเขต 1 นาที 16 วินาที เขาจึงเหยียบคันเร่งมิดจนกดลงเหลือในเขต 1 นาที 15 วินาที ในช่วง 5 รอบสุดท้ายก่อนเข้าพิต ทำเวลาจนห่างกับเพื่อนร่วมทีม 21 วินาที มีเวลาในการเข้าพิตมากพอและสุดท้ายก็ออกมานำการแข่งขันได้ ซึ่งสถานการณ์นี้สอดคล้องกับข้อมูลของปิเรลลี่ที่แจ้งมาก่อนหน้านี้ว่ายางอัลตร้าซอฟต์ชุดเดียววิ่งได้จนจบการแข่งขัน แสดงให้เห็นว่ายางอัลตร้าซอฟต์ชุดเดิมของเซ็บที่ใช้มาตั้งแต่รอบควอลิฟายยังอยู่ในสภาพดีไม่น้อย
ข้อสังเกตของ espn ก็คือทำไมเฟอร์รารี่จึงไม่ให้คิมี่วิ่งนานกว่านั้นอีกหน่อย เพื่อให้พ้นจากรถช้ามาระยะหนึ่งก่อน จะได้มีโอกาสตั้งตัวทำเวลาแล้วจึงเรียกเข้าพิต การปล่อยให้เซ็บทำเวลาก็เหมือนให้คิมี่เสียเปรียบกลายๆ ทำให้ดูเหมือนเฟอร์รารี่ตอกย้ำชัดเจนขึ้นไปอีกว่าเซ็บคือ "นักขับมือหนึ่ง" ของทีม ถ้าหากนักขับเยอรมันได้แชมป์โลกปีนี้ด้วยคะแนนสะสมห่างคู่แข่ง 6 คะแนนขึ้นไป บรรยากาศน่าอึดอัดของโพเดียมที่โมนาโกก็คงเป็นการแลกมาที่คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม
การทำเวลาต่อรอบของสองนักขับเฟอร์รารี่ในช่วงก่อนและหลังเข้าพิต จุดที่ผู้นำมีการเปลี่ยนแปลง เสียงจากเมอร์เซเดสจากเหตุการณ์ทั้งหมด ลูอิส แฮมิลตัน คิดว่าเฟอร์รารี่เลือกนักขับมือหนึ่งไว้แล้ว พวกเขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้เซ็บได้ผลงานดีที่สุดในแต่ละสัปดาห์ ด้วยกลยุทธ์มันยากที่รถคันนำจะถูกแซงจากรถอันดับ 2 เมื่อออกจากพิต เว้นแต่ทีมจะช่วยอีกคันมากกว่า ซึ่งจากตรงนี้ชัดเจนมากในความรู้สึกของเขา
อย่างไรก็ตาม โตโต้ โวล์ฟ ทีมบอสเมอร์เซเดส เป็นคนหนึ่งที่ไม่เชื่อว่าเฟอร์รารี่ตั้งใจให้เซ็บชนะแทนที่จะเป็นคิมี่ อย่างแรกคือทีมยังไม่รู้ว่ายางซูเปอร์ซอฟต์จะเป็นอย่างไร และเฟอร์รารี่ต้องการเรียกนักขับเข้าพิตคนหนึ่งก่อน เรื่องจึงขยายจากตรงนั้น ยางซูเปอร์ซอฟต์ไม่เร็วพอ และเซ็บสามารถกดเวลาได้อย่างยอดเยี่ยมอีกหลายรอบในยางอัลตร้าซอฟต์เก่า นั่นจึงเป็นโอกาสให้เซ็บแซงคิมี่ได้ เขาคิดว่าเฟอร์รารี่ก็ไม่ได้คิดว่าจะออกมาเป็นแบบนี้ สุดท้ายแล้วเป็นผลงานที่เหมาะสมทั้งในส่วนของทีมและคะแนนสะสมของนักขับ ซึ่งเขาไม่คิดว่าเฟอร์รารี่จะตั้งใจกำกับออกมา
สุดท้ายโวล์ฟแอบหยอกเฟอร์รารี่เล็กน้อย เขากล่าวว่าในที่สุดทีมม้าลำพองก็ได้อยู่ในจุดที่นักขับของเมอร์เซเดสเคยจบ 1-2 แล้วต้องอธิบายว่าเพราะเหตุใดคนนี้ถึงเป็นผู้ชนะ แต่เหนืออื่นใด เฟอร์รารี่สมควรกับชัยชนะในสนามนี้ พวกเขามีรถที่เร็วที่สุด ในด้านผลงานทีม การจบ 1-2 ถือเป็นสิ่งที่ดี ขอแสดงความยินดีด้วยจากใจของพวกเขา คราวนี้ต้องให้เครดิตเฟอร์รารี่จริงๆ
*ข้อมูลจาก motorsport.com และ espn.co.uk
ภาพจาก skysports.com