Japanese Grand Prix 2014 - Race Day
ไม่มีใครสนใจผลการแข่งขันมากนัก เมื่อความห่วงใยของทุกคนมุ่งส่งไปถึงฌูลส์ เบียงคี่ ซึ่งประสบอุบัติเหตุหนักในช่วงท้ายของการแข่งขันท่ามกลางสายฝนด้วยความหวังว่าเขาต้องปลอดภัยดี
ผลการแข่งขันรายการเจแปนีส กรังด์ปรีซ์
ผู้ทำเวลาต่อรอบเร็วที่สุด (fastest lap): ลูอิส แฮมิลตัน (เมอร์เซเดส) 1:51.600 - รอบที่ 39
อันดับเวลาต่อรอบเร็วที่สุด คลิกที่นี่
ข้อมูลการเข้าพิต คลิกที่นี่
*สภาพสนาม: เปียก
สภาพอากาศ: มีเมฆมาก
อุณหภูมิ: 20 องศา
อุณหภูมิพื้นสนาม: 21 องศา
ไฮไลท์
ฝนมาตามนัดตั้งแต่ก่อนการแข่งขันตามคาดการณ์ไม่ผิดเพี้ยน โดยเพื่อความปลอดภัย ฝ่ายควบคุมการแข่งขันจึงให้เซฟตี้คาร์นำในช่วงแรก แต่ลงวิ่งได้เพียง 2 รอบ กรรมการก็ตัดสินใจยุติการแข่งขันชั่วคราวเนื่องจากน้ำขังในสนามมากเกินไป ซึ่งระหว่างนี้รถแคเทอร์แฮมของมาร์คุส เอริกสัน หลุดออกไป แต่ยังกลับเข้ามาแข่งขันต่อได้ รถทุกคนตามเซฟตี้คาร์เข้ามาในพิตเลนและจอดเรียงกันตามลำดับ
การแข่งขันเริ่มขึ้นอีกครั้งประมาณ 15 นาทีต่อมาโดยยังมีเซฟตี้คาร์นำอยู่ แต่แล้วรถของเฟอร์นันโด อลอนโซ่ ต้องจอดเพียงแค่โค้ง 5 จากปัญหาทางเทคนิค
เมื่อสิ้นสุดรอบที่ 9 เซฟตี้คาร์กลับเข้าสู่พิตเลนและการแข่งขันกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ซึ่งนักขับเมอร์เซเดสทั้งนิโค รอสเบิร์ก และลูอิส แฮมิลตัน เดินคันเร่งทิ้งกลุ่มไปในช่วงเวลาไม่นาน และในการเข้าพิตครั้งแรก ทุกคันเปลี่ยนเป็นยางอินเตอร์มีเดียตเพราะสภาพสนามเริ่มแห้งขึ้นแล้ว โดยที่เจนสัน บัตตัน เข้าพิตก่อนใคร ทำให้เขาชิงความได้เปรียบไล่ขึ้นมาจนถึงอันดับที่ 3 ขณะที่เซบาสเตียน เวทเทล ออกจากพิตครั้งแรกแล้วขึ้นมาอยู่หน้าเพื่อนร่วมทีม จากนั้นรถเร้ดบูลทั้ง 2 คันก็เป็นรถที่ทำเวลาได้ดีที่สุด พวกเขาสามารถแซงรถวิลเลียมส์ทั้งสองคันที่วิ่งได้ไม่ดีในสภาพแทร็คเปียกกระทั่งไล่เข้ามาใกล้บัตตัน
ในส่วนของสองคันนำก็มีการเปลี่ยนผู้นำในรอบที่ 29 ซึ่งหลังจากการเข้าพิตครั้งแรกแล้วรอสเบิร์กมีปัญหาโอเวอร์สเตียร์ตลอดเวลาและทำให้เวลาของเขาช้าลงเรื่อยๆ แฮมิลตันจึงไล่เข้ามาใกล้และใช้ DRS แซงได้สำเร็จที่โค้ง 1 โดยก่อนหน้านั้นแฮมิลตันพยายามแล้วครั้งหนึ่งที่โค้งเดียวกัน แต่เขามาแรงเกินไปทำให้รถหลุดโค้ง โชคดีที่ไม่ถึงกำแพงยางเหมือนในการซ้อมวันเสาร์
ในการเข้าพิตครั้งที่ 2 ทุกทีมยังใช้ยางอินเตอร์มีเดียต แม้มีรายงานว่าฝนอาจลงอีกครั้ง ในช่วงนี้เวทเทลเป็นฝ่ายชิงความได้เปรียบเข้าพิตเป็นคันแรกในกลุ่มนำบ้าง ส่วนบัตตันเข้าพิตใน 2 รอบต่อมา แต่เพราะต้องเสียจากปัญหาด้านเทคนิคในพิต อันดับของเขาจึงตกลงไปหลังเวทเทล ส่วนริกเคียร์โด้เข้าพิตช้าที่สุดในกลุ่ม 5 คันแรก และแม้ออกมาจะติดท้ายบัตตัน แต่เขาก็แซงรถแม็คลาเรนได้สำเร็จในรอบที่ 43 และมุ่งหน้าตามติดเพื่อนร่วมทีมออกไป โดยเวทเทลเองก็พยายามไปให้เร็วที่สุดจนกระทั่งหลุดลงบ่อกรวดในโค้งเอสเซสในจังหวะก่อนหน้า ยังดีที่เขาไปต่อได้
อย่างไรก็ตาม มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นและนำมาสู่ธงแดงครั้งที่ 2 ของการแข่งขัน ก่อนหน้านั้นในรอบที่ 42 ซึ่งเริ่มมีฝนลงหนาเม็ดอีกครั้ง อาเดรียน ซูทิล หลุดลงบ่อกรวดไปถึงกำแพงยางที่โค้ง 7 แต่ระหว่างรถยกเตรียมจะกู้รถของเขาออกจากบริเวณดังกล่าว ในรอบที่ 43 รถของฌูลส์ เบียงคี่ ได้หลุดโค้งซ้ำรอยซูทิล แต่โชคร้ายกว่าที่เขาหลุดมาชนเข้ากับรถแทร็กเตอร์อย่างจังและได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณศีรษะ โดยเซฟตี้คาร์ลงมาในแทร็คอีกครั้งในรอบที่ 44 ก่อนตามด้วยรถพยาบาล ซึ่งนักขับฝรั่งเศสถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการผ่าตัดท่ามกลางความห่วงใยจากทีมงานและเพื่อนร่วมกริดทั้งหมด
ในช่วงที่เซฟตี้คาร์นำการแข่งขัน เร้ดบูลตัดสินใจให้เวทเทลเปลี่ยนยางอินเตอร์มีเดียตอีกชุด อันดับของเขาจึงตกลงไปเป็นอันดับที่ 4 ตามหลังริกเคียร์โด้
แต่เนื่องจากสถานการณ์ฉุกเฉินในสนาม กรรมการจึงตัดสินใจโบกธงแดงในรอบที่ 46 และประกาศยุติการแข่งขันในอีกไม่กี่นาทีต่อมา ทำให้ผลการแข่งขันถูกตัดสินย้อนไปเมื่อสิ้นสุดรอบที่ 44 ตามกฎเรื่องของการยุติการแข่งขันก่อนครบรอบที่กำหนดไว้ ซึ่งมีผลให้ถือว่าเวทเทลจบการแข่งขันอันดับที่ 3 ต่อจากนักขับทั้งสองคนของเมอร์เซเดส
บทลงโทษหลังการแข่งขัน
พาสเตอร์ มัลโดนาโด ถูกบวกเพิ่ม 20 วินาทีเข้ากับเวลาของการแข่งขันที่ทำได้จากกรณีใช้ความเร็วเกินกำหนดในพิตเลน ทำให้เขาจบการแข่งขันในอันดับที่ 16
สรุปคะแนนสะสม 5 อันดับแรกหลังจากจบสนามที่ 15
ประเภทนักขับ
1. ลูอิส แฮมิลตัน (เมอร์เซเดส) 266 คะแนน
2. นิโค รอสเบิร์ก (เมอร์เซเดส) 256 คะแนน
3. แดเนียล ริกเคียร์โด้ (เร้ดบูล) 193 คะแนน
4. เซบาสเตียน เวทเทล (เร้ดบูล) 139 คะแนน
5. เฟอร์นันโด อลอนโซ่ (เฟอร์รารี่) 133 คะแนน
- อันดับคะแนนสะสมประเภทนักขับทั้งหมด คลิกที่นี่
ประเภททีมผู้สร้าง
1. เมอร์เซเดส 522 คะแนน
2. เร้ดบูล 332 คะแนน
3. วิลเลียมส์ 201 คะแนน
4. เฟอร์รารี่ 178 คะแนน
5. ฟอร์ซอินเดีย 122 คะแนน
- อันดับคะแนนสะสมประเภททีมผู้สร้างทั้งหมด คลิกที่นี่
ในขณะนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการรอคอยข่าวอาการล่าสุดของฌูลส์ เบียงคี่ ซึ่งทุกคนทั่วโลกที่ได้รับทราบข่าวต่างภาวนาให้เขาปลอดภัย และเราจะกลับมาพบกันอีกครั้งกับการแข่งขันสนามต่อไปที่ใหม่แกะกล่องอย่างสนามโซชิ ในรายการรัสเชียน กรังด์ปรีซ์ วันที่ 10-12 ต.ค. ค่ะ
********************************************************
แถลงการณ์จากเอฟไอเอกรณีอุบัติเหตุของฌูลส์ เบียงคี่
ในรอบที่ 42 อาเดรียน ซูทิล ไม่สามารถควบคุมรถได้ รถจึงหมุนไปกระแทกกำแพงยางที่โค้ง 7 กรรมการสนามโบกธงเหลืองคู่เตือนนักขับคนอื่นตั้งแต่ก่อนถึงโค้งดังกล่าว โดยมีรถยกออกมาเพื่อกู้รถของเขาออกไปอยู่ในที่ปลอดภัยหลังรั้วรางเหล็ก ซึ่งขณะที่ดำเนินการอยู่นั้น ฌูลส์ เบียงคี่ นักขับของรถหมายเลข 17 ก็สูญเสียการควบคุมรถข้ามมาจนถึงพื้นที่ว่างข้างสนามและชนเข้ากับด้านหลังของรถแทร็กเตอร์นั้น
เมื่อกรรมการสนามรายงานว่านักขับได้รับบาดเจ็บ ทีมแพทย์พร้อมทั้งทีมช่วยเหลือและรถพยาบาลได้รุดไปยังที่เกิดเหตุและมีเซฟตี้คาร์ออกมานำการแข่งขัน
นักขับถูกนำตัวออกจากรถและส่งไปปฐมพยาบาลที่ศูนย์แพทย์ก่อนจะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลมิเอะด้วยรถพยาบาล
ผลจาก CT scan แสดงให้เห็นว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณศีรษะและขณะนี้กำลังเข้ารับการผ่าตัด ซึ่งหลังจากนี้จะได้นำตัวเขาไปยังไอซียูเพือเฝ้าติดตามอาการของเขาต่อไป
หากมีความคืบหน้าใดๆ ทางโรงพยาบาลมิเอะจะรีบรายงานให้ทราบโดยทันที
*ข้อมูลจาก autosport.com/f1 และ fia.com
ภาพจาก formula1.com
| Create Date : 05 ตุลาคม 2557 |
| Last Update : 5 ตุลาคม 2557 21:11:45 น. |
|
9 comments
|
| Counter : 2678 Pageviews. |
 |
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 110 คน [