*สภาพสนาม: เปียก
สภาพอากาศ: มีเมฆมาก
อุณหภูมิ: 26 องศา
อุณหภูมิพื้นสนาม: 31 องศา
ไฮไลท์Q1เริ่มต้นช่วงไปได้ครึ่งทางฝนก็ตกลงมา และเป็นเรื่องปกติที่นักขับต้องทำให้ถูกที่ถูกเวลา คามุย โคบายาชิ ผ่านเข้า Q2 ไปได้แบบฉิวเฉียดหลังเฉือนเวลากับแม็กซ์ ชิลตัน ซึ่งหมดโอกาสทำเวลาให้ดีขึ้นนับตั้งแต่สนามเริ่มเปียก ที่น่าสนใจคือโลตัสทั้ง 2 คันหลุดไปแต่แรก แม้พาสเตอร์ มัลโดนาโด ไม่ได้ลงทำเวลาจนกระทั่งมีฝนลงมา แต่เมื่อลงสนามแล้วก็หลุดแทร็คไป 2 ครั้งจึงกลับเข้าพิตเลนไป
Q2ข่าวใหญ่เกิดขึ้นของวันเกิดขึ้นในช่วงนี้เมื่อแชมป์โลกถึง 3 คนไม่ผ่านเข้า Q3 ทั้งเจนสัน บัตตัน คิมี่ ไรค์โคเน่น และเซบาสเตียน เวทเทล โดยไรค์โคเน่นหลุดไปชนกำแพงหลังออกจากโค้ง 3 ตอนท้ายช่วง ทำให้เกิดธงเหลืองขึ้นและส่งผลให้นักขับที่ยังทำเวลาอยู่ต้องลดความเร็วในระยะพื้นที่อุบัติเหตุ ซึ่งหนึ่งในนักขับกลุ่มสุดท้ายที่พยายามทำเวลาก็คือเวทเทลนั่นเอง
Q3เป็นการสู้กันอย่างสนุกสูสีแม้ผิวแทร็คยังชุ่มฉ่ำ โดยเป็นการสู้กันระหว่างเมอร์เซเดส 2 คันและเร้ดบูล 1 คันที่ผ่านเข้าไปได้ เริ่มจากนิโค รอสเบิร์ก ที่ได้เปรียบไปก่อน แต่แล้วลูอิส แฮมิลตัน ก็กลับขึ้นมายึดหัวแถวไว้ได้ รอสเบิร์กพยายามอีกเป็นครั้งสุดท้ายแต่หลุดแทร็คออกไป จึงทำเวลาแซงกลับไม่ได้อีกกระทั่งหมดเวลา ในขณะที่เร้ดบูลซึ่งเสียเปรียบเรื่องความเร็วให้กับเมอร์เซเดสมาตลอดไม่ยอมแพ้ แดเนียล ริกเคียร์โด้ เรียกเสียงเชียร์กระหึ่มจากเจ้าถิ่นได้เมื่อรอบสุดท้ายของเขาเร็วกว่าแฮมิลตัน แต่แฮมิลตันก็ไม่ยอมเช่นกัน เขากดเวลาลงอีกเมื่อผ่านเส้นชัยครั้งสุดท้าย คว้าตำแหน่งโพลครั้งแรกของปีไปครองได้สำเร็จ
ที่น่าประทับใจในช่วงนี้คือมีน้องใหม่ถึง 2 คนหลุดเข้ามาถึง Q3 ได้แก่ เควิน แม็กนุสเซน ซึ่งควอลิฟายมาในอันดับที่ 4 และดาเนียล คัฟยาต ที่แม้จะจบช่วงเร็วก่อนกำหนดหลังรถหลุดไปชนกำแพงระหว่างโค้ง 10 กับ 11 แต่เขาก็ทำเวลาไว้ได้ในอันดับที่ 8
ข้อมูลเพิ่มเติม- อันดับเวลาเร็วที่สุดในแต่ละช่วง (Best Sector Times)
คลิกที่นี่- อันดับการใช้ความเร็วมากที่สุดที่จุดตรวจจับ (Speed Trap)
คลิกที่นี่- รายงานสภาพอากาศล่าสุด
แค่ควอลิฟายแรกของปีก็เข้มข้นแล้ว พรุ่งนี้วันแข่งจริงจะขนาดไหน ติดตามศักราชใหม่ของฟอร์มูล่าวันได้ในรายการออสเตรเลียน กรังด์ปรีซ์ วันพรุ่งนี้เวลา 13.00 น. นะคะ
*ข้อมูลจาก autosport.com/f1 / formula1.com / nextgen-auto.com
ภาพจาก formula1.com / nextgen-auto.com
ส่วนมารุสเซีย ปีนี้ไม่ได้อยู่ท้ายตารางแล้ว