2014 F1 Testing: Bahrain#2 Day 2 & 3
ผลการทดสอบที่สนามซาคีร์ ครั้งที่ 2 วันที่ 2 (ศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์)
1. Sergio Perez (Force India-Mercedes) 1m35.570s (108 laps) 2. Fernando Alonso (Ferrari) 1m35.634s / +0.064s (122) 3. Daniel Ricciardo (Red Bull-Renault) 1m35.743s / +0.173s (66) 4. Felipe Massa (Williams-Mercedes) 1m36.507s / +0.937s (103) 5. Jenson Button (McLaren-Mercedes) 1m36.901s / +1.331s (52) 6. Jules Bianchi (Marussia-Ferrari) 1m38.092s / +2.522s (75) 7. Lewis Hamilton (Mercedes) 1m39.041s / +3.471s (89) 8. Jean-Eric Vergne (Toro Rosso-Renault) 1m39.636s / +4.066s (61) 9. Esteban Gutierrez (Sauber-Ferrari) 1m39.976s / +4.406s (106) 10. Pastor Maldonado (Lotus-Renault) 1m41.613s / +6.043s (31) 11. Marcus Ericsson (Caterham-Renault) 1m42.516s / +6.946s (55)
เซอร์จิโอ เปเรซ ทำเวลาดีที่สุดเป็นวันที่สองติดต่อกัน โดยเขาสามารถทำเวลาได้ดีตั้งแต่รอบแรกที่จับเวลาและมาเร็วที่สุดในช่วงที่ใช้ยางซอฟต์ระหว่างวัน ซึ่งจากการที่ทีมส่วนใหญ่เน้นไปที่การวิ่งระยะยาว เวลาของเขาจึงคงอยู่จนจบวัน อย่างไรก็ตาม เฟอร์นันโด อลอนโซ่ ทำเวลาตามหลังเปเรซเพียงเล็กน้อยด้วยยางซอฟต์เช่นกัน ที่น่าประทับใจคือฟอร์มการวิ่งระยะยาวของรถเฟอร์รารี่ในช่วงบ่ายและยังสามารถทำจำนวนรอบมากกว่าใครในวันนี้ด้วย
เร้ดบูลมีฟอร์มที่ดีขึ้นกว่าทุกวัน นอกจากแดเนียล ริกเคียร์โด้ จะทำเวลาขึ้นมาในอันดับที่ 3 แล้ว ยังวิ่งได้มากรอบ เวลาในวันที่ 2 นี้นับว่าเป็นเวลาเร็วที่สุดของเร้ดบูลที่ทำได้นับตั้งแต่มาทดสอบที่บาห์เรน
ในระหว่างการทดสอบมีธงแดงเกิดขึ้น 4 ครั้ง โดยครั้งแรกมาจากลูอิส แฮมิลตัน หลังจากเขาทำรถหลุดลงบ่อกรวดในชั่วโมงแรก แต่หลังจากนั้นยังวิ่งต่อได้ อย่างไรก็ตาม เมอร์เซเดสต้องเลิกก่อนกำหนดหลังจากมีปัญหากับเกียร์บ็อกซ์ ธงแดงครั้งที่ 2 เกิดจากเจนสัน บัตตัน ซึ่งรถมีปัญหาต้องจอดกลางแทร็คและต้องเสียเวลาในการซ่อมมากกว่า 2 ชั่วโมงครึ่ง
ส่วนธงแดงครั้งที่ 3 มาจากจังหวะของพาสเตอร์ มัลโดนาโด ซึ่งรถโลตัสเกิดไฟลุกในช่วงบ่าย ทำให้เขาวิ่งได้เพียง 31 รอบ และธงแดงสุดท้ายก็เกิดเพราะรถแคเทอร์แฮมเซึ่งมีไฟลุกออกมาจนต้องจอดที่โค้ง 4
ผลการทดสอบที่สนามซาคีร์ ครั้งที่ 2 วันที่ 3 (เสาร์ที่ 1 มีนาคม)
1. Felipe Massa (Williams-Mercedes) 1m33.258s (99 laps) 2. Nico Rosberg (Mercedes) 1m33.484s / +0.226s (103) 3. Kimi Raikkonen (Ferrari) 1m35.426s / +2.168s (87) 4. Kevin Magnussen (McLaren-Mercedes) 1m35.894s / +2.636s (88) 5. Daniil Kvyat (Toro Rosso-Renault) 1m36.113s / +2.855s (81) 6. Nico Hulkenberg (Force India-Mercedes) 1m36.205s / +2.947s (115) 7. Jules Bianchi (Marussia-Ferrari) 1m37.087s / +3.829s (78) 8. Marcus Ericsson (Caterham-Renault) 1m38.083s / +4.825s (117) 9. Romain Grosjean (Lotus-Renault) 1m42.166s / +8.908s (33) 10. Adrian Sutil (Sauber-Ferrari) --no time-- (1) 11. Sebastian Vettel (Red Bull-Renault) --no time-- (0)
เฟลิเป้ มาสซ่า ทำเวลาดีที่สุดในวันที่ 3 และนับเป็นเวลาดีที่สุดนับตั้งแต่เริ่มต้นการทดสอบในบาห์เรนฤดูกาลนี้ โดยเขาทำได้ในช่วงบ่ายก่อนหมดเวลาไม่นานนัก ตามมาด้วยนิโค รอสเบิร์ก ซึ่งวิ่งได้ถึง 103 รอบ แม้จะเสียเวลาไปในช่วงเช้าจากการเปลี่ยนเครื่องยนต์ ในขณะที่คิมี่ ไรค์โคเน่น ทดสอบรถวันสุดท้ายของตนอย่างเงียบๆ โดยเฟอร์รารี่เน้นวิ่งจำลองการแข่งขันและในช่วงบ่ายมีวิ่งรอบสั้นๆ จึงทำให้คิมี่มีโอกาสทำเวลาขึ้นมาในอันดับที่ 3
เมื่อวานเป็นวันที่ดีที่สุดของเร้ดบูล แต่วันนี้อาการกลับมาหนักเหมือนเก่า เซบาสเตียน เวทเทล จอดรถกลางแทร็คหลังวิ่งออกไปเพียง 4 โค้งของรอบแรกหลังต้องรอถึงเกือบ 3 ชั่วโมงกว่าจะได้ลงวิ่ง ต่อมาก่อนพักเที่ยง เร้ดบูลส่งเวทเทลลงสนามอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไปได้แค่ปากทางออกพิตเลน ทีมงานรวมทั้งนักขับช่วยกันเข็นรถกลับโรงเก็บรถ ปิดประตูลง และไม่ได้เห็น RB10 ลงสนามอีกเลย
ยังมีทีมอื่นที่ประสบปัญหาเช่นกัน อาเดรียน ซูทิล วิ่งไปได้รอบเดียว รถเซาเบอร์ก็มีควันออกมา พวกเขาจำเป็นต้องเปลี่ยนเครื่องยนต์ แต่ไม่สามารถทำได้ทันเวลาในวันนี้ ด้านโลตัสประสบปัญหาระบบไฟฟ้าตั้งแต่ช่วงเช้าและต้องเก็บรถหลังโร แมง โกรส์ฌอง วิ่งได้ 33 รอบจากปัญหาของ MGU-K (Motor Generator Unit - Kinetic) ซึ่งเป็นส่วนประกอบหนึ่งของระบบ ERS
******************************************
มีข่าวมาเพิ่มเติมให้นะคะ
ทีมต่างๆ มีมติเห็นด้วยให้มีการเปลี่ยนกฎควอลิฟาย ซึ่งสรุปข้อที่ต้องการเปลี่ยนแปลง ได้แก่
- เริ่มการแข่งขันด้วยยางใน Q2 แทนยางของ Q3 - เพิ่มยางอีกชุดหนึ่งให้นักขับที่ผ่านเข้า Q3 - เวลาของ Q1 ลดจาก 20 เหลือ 18 นาที โดยไปเพิ่มให้กับ Q3 จาก 10 เป็น 12 นาที เพื่อให้นักขับที่ผ่านเข้า Q3 สามารถวิ่งทำเวลาได้คนละ 2 รอบทุกคน
ตอนนี้ก็เหลือแต่ขั้นตอนสุดท้ายที่ต้องรอการลงคะแนนของสภากีฬายานยนต์โลกของเอฟไอ ซึ่งจะต้องแล้วเสร็จก่อนการแข่งขันสนามแรกที่ออสเตรเลียค่ะ
ส่วนอีกข่าวหนึ่งเป็นเรื่องของสมาคมทีมฟอร์มูล่าวันหรือ FOTA ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2008 ประกาศยุบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สาเหตุนั้นเป็นเพราะนโยบายเริ่มไม่ตรงกัน โดยเมื่อปี 2011 เร้ดบูล เฟอร์รารี่ และเซาเบอร์ขอลาออกจากสมาคมเนื่องจากไม่เห็นด้วยกับการจำกัดต้นทุนการทำทีม และปัจจัยล่าสุดคือมาร์ติน วิทมาร์ช ประธานคนปัจจุบันคาดว่าจะถูกถอดออกจากตำแหน่งที่แม็คลาเรนอย่างเป็นทางการอีกในไม่ช้า ผลจึงลงเอยด้วยการที่แต่ละทีมตัดสินใจสลายตัวในที่สุด
*ข้อมูลจาก autosport.com/f1
Create Date : 01 มีนาคม 2557 |
|
9 comments |
Last Update : 1 มีนาคม 2557 22:52:57 น. |
Counter : 1976 Pageviews. |
|
|
|
www.facebook.com/f1starfanclub