Singapore Grand Prix 2013 - Race Day: สามปีซ้อน!
คนที่ไม่ใช่แฟนๆ ของเซบาสเตียน เวทเทล คงเบื่อหน่ายเต็มทีกับรูปแบบการแข่งขันที่เป็นเช่นนี้มาสามสนามติดต่อกันแล้ว และสำหรับที่สิงคโปร์ เขาขึ้นโพเดียมสูงสุดมาสามปีซ้อนแล้วเช่นกัน
ผลการแข่งขันรายการสิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์
1. Sebastian Vettel (Red Bull-Renault) 1h59m13.132 2. Fernando Alonso (Ferrari) +32.627 3. Kimi Räikkönen (Lotus-Renault) +43.920 4. Nico Rosberg (Mercedes) +51.155 5. Lewis Hamilton (Mercedes) +53.159 6. Felipe Massa (Ferrari) +1m03.877 7. Jenson Button (McLaren-Mercedes) +1m23.354 8. Sergio Perez (McLaren-Mercedes) +1m23.820 9. Nico Hülkenberg (Sauber-Ferrari) +1m24.261 10. Adrian Sutil Force (India-Mercedes) +1m24.668 11. Pastor Maldonado (Williams-Renault) +1m28.479 12. Esteban Gutiérrez (Sauber-Ferrari) +1m37.894 13. Valtteri Bottas (Williams-Renault) +1m45.161 14. Jean-Eric Vergne (Toro Rosso-Ferrari) +1m53.512 15. Mark Webber (Red Bull-Renault) +1 Lap 16. Giedo van der Garde (Caterham-Renault) +1 Lap 17. Max Chilton (Marussia-Cosworth) +1 Lap 18. Jules Bianchi (Marussia-Cosworth) +1 Lap 19. Charles Pic (Caterham-Renault) +1 Lap 20. Paul di Resta (Force India-Mercedes) +7 Laps
ผู้ที่ไม่จบการแข่งขัน - Romain Grosjean (Lotus-Renault) --on lap 38-- - Daniel Ricciardo (Toro Rosso-Ferrari) --on lap 24--
ผู้ทำเวลาต่อรอบเร็วที่สุด (fastest lap) Sebastian Vettel (Red Bull-Renault) 1:48.574 -- on lap 46
อันดับเวลาต่อรอบเร็วที่สุด //www.formula1.com/results/season/2013/906/7257/fastest_laps.html
ข้อมูลเวลาการเข้าพิต //www.formula1.com/results/season/2013/906/7257/pit_stop_summary.html
*สภาพสนาม: แห้ง สภาพอากาศ: มีเมฆมาก อุณหภูมิ: 29 องศา อุณหภูมิพื้นสนาม: 29 องศา
เซบาสเตียน เวทเทล ขึ้นโพเดียมสูงสุดอีกครั้งในสิงคโปร์
ไฮไลท์
เซบาสเตียน เวทเทล นำม้วนเดียวจบตามสไตล์ โดยเป็นชัยชนะที่มีผลต่างกับอันดับที่ 2 มากที่สุดของเขาจนถึงขณะนี้ เขาออกแรงเล็กน้อยในการเบียดกับนิโค รอสเบิร์ก ที่สตาร์ทได้ดีกว่าจากกริดที่ 2 ในโค้งแรกและเอาคืนได้ในโค้งถัดมา แม้จะต้องสูญเสียเวลานำ 10 วินาทีจากการที่เซฟตี้คาร์ออกมาไม่กี่รอบก่อนถึงครึ่งทางและช่วงท้ายมีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องเบรกแต่ก็ไม่เป็นปัญหาใหญ่นัก เขาจึงได้เข้าเส้นชัยเป็นคนแรก ทิ้งให้คันที่เหลือแย่งชิงตำแหน่งกันอย่างสนุก
เฟอร์นันโด อลอนโซ่ ออกตัวพุ่งจากกริดที่ 7 มายังอันดับที่ 3 ตามหลังรอสเบิร์กตั้งแต่รอบแรก ต่อมานักขับเมอร์เซเดสมีปัญหาเกี่ยวกับแอโรไดนามิกส์เมื่อปีกหน้าคอยขัดกับยาง เวลาจึงยิ่งห่างกับผู้นำ แต่จุดเปลี่ยนที่ส่งผลไปถึงกลยุทธ์การใช้ยางจริงๆ คือจังหวะที่แดเนียล ริกเคียร์โด้ ล้อล็อกและพุ่งเข้าหากำแพงที่โค้ง 17 ใต้แกรนด์สแตนด์ในรอบที่ 24 ของการแข่งขัน เซฟตี้คาร์ออกมาทันทีและในช่วงนี้หลายคันเลือกเข้าพิต ซึ่งในกลุ่มนำ เวทเทลและรอสเบิร์ก รวมทั้งมาร์ก เว็บเบอร์ และลูอิส แฮมิลตัน เลือกวิ่งต่อไป อันดับของทั้งสองคันหลังจึงเลื่อนขึ้น แต่เพราะการชิงจังหวะเข้าพิตของอลอนโซ่และคิมี่ ไรค์โคเน่น ในช่วงเซฟตี้คาร์นี่เอง ทำให้พวกเขาคว้าอันดับบนโพเดียมได้
ทั้งอลอนโซ่และไรค์โคเน่นไม่เข้าพิตอีกต่อไป ซึ่งหมายความว่าพวกเขาต้องใช้ยางชุดนั้นไปอีก 36 รอบ แต่ด้วยการถนอมยางที่ดีเยี่ยมจึงไปได้จนจบการแข่งขัน โดยที่เว็บเบอร์เข้าพิตสุดท้ายในรอบที่ 40 รอสเบิร์กและแฮมิลตันเข้าพิตในรอบที่ 41 และ 43 ตามลำดับ ที่ว่างข้างบนจึงเปิดให้กับคนที่เข้าพิตในช่วงเซฟตี้คาร์ อลอนโซ่เลื่อนขึ้นมาในอันดับที่ 2 ทั้งโดนทิ้งและทิ้งห่างคนข้างหลัง สิ่งที่เขาทำได้คือรักษาระดับความเร็วและยางจนเข้าเส้นชัย ในขณะที่เจนสัน บัตตัน ซึ่งกำลังพยายามไล่ล่าโพเดียมแรกของปีให้แม็คลาเรนไม่อาจต้านทานความแรงของไรค์โคเน่นในช่วงท้าย โดนแซงได้ที่โค้ง 14 แม้ฝ่ายหลังมีอาการปวดหลังอย่างรุนแรงมาตั้งแต่เช้าวันเสาร์ก็ตาม นักขับฟินน์คว้าโพเดียมสุดท้ายไปครองได้ แต่โลตัสก็ปลื้มไม่ได้เต็มที่ หลังจากโรแมง โกรส์ฌอง ที่มีแววจะทำได้ดีกลับต้องออกจากการแข่งขันเนื่องจากมีปัญหากับระบบอากาศ ส่วนแม็คลาเรนนั้น ถึงจะไม่ได้ขึ้นโพเดียม แต่สนามนี้เป็นสนามหนึ่งที่พวกเขาทำผลงานได้ยอดเยี่ยมเมื่อรถทั้ง 2 คันจบในอันดับที่มีคะแนน
ที่จริงแล้วโพเดียมอันดับที่ 3 ของไรค์โคเน่นดูไม่ปลอดภัยนักหลังจากที่เขาแซงบัตตันได้ เมื่อเว็บเบอร์ไล่แซงขึ้นมาจนถึงอันดับที่ 4 และมีทีท่าว่าจะเร็วกว่า แต่กรณีเกียร์บ็อกซ์ของรถเร้ดบูลที่มีมาตั้งแต่มอนซ่าเริ่มออกอาการมากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดเว็บเบอร์ก็โดนนักขับเมอร์เซเดสทั้งสองแซงได้ และหลังจากนั้นก็ไม่อาจวิ่งจนจบการแข่งขัน ไฟเกิดลุกที่เครื่องยนต์เสียก่อนทั้งที่เหลืออีกครึ่งรอบเท่านั้นเอง
ก่อนหมดรอบการแข่งขันเล็กน้อย พอล ดิ เรสต้า ชนกำแพงในรอบที่ 55 ทำให้เขาต้องออกจากการแข่งขันเป็นสนามที่ 3 ติดต่อกัน แต่เหตุการณ์นี้ไม่รุนแรงจึงมีแค่ธงเหลืองเท่านั้น
บทลงโทษหลังการแข่งขัน
จากการที่รถของมาร์ก เว็บเบอร์ เกิดไฟลุก ทำให้เขาต้องจอดก่อนจบการแข่งขันเมื่อเหลืออีกครึ่งรอบ ต่อมาเขาเดินลงไปในสนามโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรรมการเพื่ออาศัยนั่งรถของเฟอร์นันโด อลอนโซ่ กลับมายังพิต กรณีนี้กรรมการพิจารณาลงโทษเป็นการตักเตือนทั้งคู่ แต่เนื่องจากเว็บเบอร์ได้รับการตักเตือนเป็นครั้งที่ 3 ในฤดูกาล เขาจึงต้องรับโทษปรับกริดสตาร์ท 10 อันดับในสนามถัดไป
สรุปคะแนนสะสม 5 อันดับแรกหลังจากจบสนามที่ 13
ประเภทนักขับ 1. เซบาสเตียน เวทเทล (เร้ดบูล-เรโนลต์) 247 คะแนน 2. เฟอร์นันโด อลอนโซ่ (เฟอร์รารี่) 187 คะแนน 3. ลูอิส แฮมิลตัน (เมอร์เซเดส) 151 คะแนน 4. คิมี่ ไรค์โคเน่น (โลตัส-เรโนลต์) 149 คะแนน 5. มาร์ก เว็บเบอร์ (เร้ดบูล-เรโนลต์) 130 คะแนน - อันดับคะแนนสะสมประเภทนักขับทั้งหมด //www.formula1.com/results/driver/2013/
ประเภททีมผู้สร้าง 1. เร้ดบูล-เรโนลต์ 377 คะแนน 2. เฟอร์รารี่ 274 คะแนน 3. เมอร์เซเดส 267 คะแนน 4. โลตัส-เรโนลต์ 206 คะแนน 5. แม็คลาเรน-เมอร์เซเดส 76 คะแนน - อันดับคะแนนสะสมประเภททีมผู้สร้างทั้งหมด //www.formula1.com/results/team/2013/
แม้เวทเทลจะชนะการแข่งขันมาอย่างต่อเนื่องและทิ้งห่างอันดับที่ 2 ในคะแนนสะสมไป 60 คะแนนแล้ว แต่ตามหลักคณิตศาสตร์ยังมีคะแนนให้เก็บอีกมากมายนะคะ ติดตามลุ้นกันต่อไปในรายการโคเรียน กรังด์ปรีซ์ วันที่ 4-6 ตุลาคมค่ะ
*ข้อมูลจาก autosport.com/f1 / formula1.com / espnf1.com ภาพจาก formel1.de
Create Date : 22 กันยายน 2556 |
|
8 comments |
Last Update : 23 กันยายน 2556 1:50:10 น. |
Counter : 1967 Pageviews. |
|
|
|
อยากถามพี่โซ่จริงๆ ว่าก่อนไฟแดงสตาร์ทหมดลง แกคิดอะไรหรือทีมงานเซ็ทรถอะไรยังไงถึงออกสตาร์ทได้สุดยอดมากๆ ทั้งๆที่ KERS ก้ไม่ได้ใช้จนหมดก่อนถึงโค้งแรก แต่ทั้งความเร็วและหาช่องไลน์แซงได้ดีจริงๆ เห็นมาหลายสนามละกับพี่โซ่เนี่ย