Me, Myself and Formula 1
Group Blog
 
<<
กันยายน 2556
 
30 กันยายน 2556
 
All Blogs
 

เร็วได้ไม่ผิดกฎ

เรื่องที่ จขบ. นำเสนอไปเมื่อวานเกี่ยวกับข้อสงสัยของจิอันคาร์โล มินาร์ดี้ อดีตเจ้าของทีมมินาร์ดี้ต่อประสิทธิภาพของรถเร้ดบูลในสิงคโปร์ ซึ่งทำให้เซบาสเตียน เวทเทล เข้าเส้นชัยทิ้งห่างอันดับที่ 2 ถึง 32.6 วินาที กลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ของโลกฟอร์มูล่าวันอยู่ในขณะนี้นะคะ

ในระหว่างที่หลายคนเกิดคลางแคลงใจและยังไม่มีรายงานใดๆ จากองค์กรควบคุมหลักอย่างเอฟไอเอ หลายฝ่ายก็ได้ทยอยแสดงทัศนะ โดยวันนี้เราขอหยิบยกบทความของเจมส์ อัลเลน นักข่าวฟอร์มูล่าวันผู้มากประสบการณ์ของสถานีวิทยุบีบีซี ซึ่งเผยแพร่ในเว็บไซต์ของเขาเองในวันนี้มาให้ทุกท่านได้ลองดูในความเห็นอีกมุมหนึ่งค่ะ

อัลเลนยอมรับว่าเป็นการยากที่ได้เห็นรถกับคนรวมกันเป็นหนึ่งและสร้างผลงานสุดยอดอย่างที่เร้ดบูลและเวทเทลทำในสิงคโปร์ โดยหลังจากยืดระยะห่างไปตั้งแต่ช่วงต้นแล้ว นักขับเยอรมันก็ผ่อนคันเร่งและหันมาถนอมยาง รวมทั้งรักษาเวลาเพื่อให้ได้เปรียบในการเข้าพิตครั้งแรก และหลังจากช่วงเซฟตี้คาร์ เขายังกลับมาทำเวลานำที่สูญเสียไปได้ใหม่ด้วยความเร็วที่เหนือใคร แต่ยังต้องคอยระวังเรื่องการสึกหรอของยาง

นั่นจึงเป็นที่มาของข้อสงสัยที่ว่าความเร็วนั้นมาจากไหน และยังจะคงอยู่ในสนามเกาหลีและญี่ปุ่นหรือไม่?

อัลเลนเชื่อว่ากุญแจความสำเร็จของเร้ดบูลมาจากการทุ่มเทในเรื่องแรงฉุดลากในการออกจากโค้งความเร็วต่ำ โดยเฉลี่ยจากสนามต่างๆ ในการแข่งขันฟอร์มูล่าวันทั้งฤดูกาล เวลาต่อรอบร้อยละ 25 จะถูกใช้ไปกับการออกโค้งที่มีความเร็วต่ำกว่า 130 กม./ชม. เหตุนี้จึงต้องให้ความสำคัญกับจุดนี้เป็นพิเศษ ซึ่งถ้าสามารถพัฒนาในส่วนของร้อยละ 25 นี้ได้ก็หมายความว่าเราจะได้เวลาต่อรอบที่ดีขึ้นนั่นเอง







สิงคโปร์เป็นตัวอย่างที่ดีเพราะที่นี่มีถึง 23 โค้งและแน่นอนว่าหลายโค้งเป็นโค้งที่ใช้ความเร็วต่ำกว่า 130 กม./ชม. เพราะฉะนั้น งานหนักที่เร้ดบูลพยายามทำจึงจะมาออกผลกับสนามประเภทนี้ แต่ไม่น่าจะเกิดขึ้นในสนามซูซูกะซึ่งเป็นสนามที่มีโค้งความเร็วสูงต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เราอาจได้เห็นอีกครั้งในเซกเตอร์ 1 และ 3 ของสนามเกาหลี

งานหนักของเร้ดบูลที่พูดถึงนี้ อัลเลนอธิบายว่าส่วนใหญ่เป็นงานบริเวณดิฟฟิวเซอร์ ซึ่งก่อให้เกิดดาวน์ฟอร์ซที่สำคัญสำหรับการเข้าโค้งความเร็วต่ำโดยร่วมกับระบบท่อไอเสีย แม้ว่าตอนนี้โบลว์นดิฟฟิวเซอร์ (ระบบที่ลิ้นปีกผีเสื้อยังเปิดอยู่แม้นักขับไม่ได้เหยียบคันเร่ง) จะโดนห้ามไปแล้วก็ตาม นอกจากนั้น ยังมีงานที่พวกเขาทดสอบอย่างจริงจังในอุโมงค์ลมเกี่ยวกับการบังคับรถ เมื่อรถเร้ดบูลหักเลี้ยว ตัวรถของพวกเขามักจะมีดาวฟอร์ซปริมาณมาก โดยที่จริงแล้วไม่ได้เน้นเรื่องปริมาณเท่านั้น แต่ต้องให้เกิดความเสถียรด้วย เมื่อก่อนเร้ดบูลขึ้นชื่อในการใช้ดิฟฟิวเซอร์ให้ออกผลกับโค้งความเร็วสูง แต่ในวันนี้ ความลับในความเร็วของพวกเขาคือการทำให้มีประสิทธิภาพกับโค้งความเร็วต่ำด้วย

เรื่องยางก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่ง โดยหลังจากที่ปิเรลลี่เปลี่ยนสูตรยางโดยกลับไปทำยางให้เนื้อแข็งขึ้นเหมือนปี 2012 ตั้งแต่สนามฮังการีเป็นต้นมา เร้ดบูลก็คว้าชัยชนะมาได้ 3 ใน 4 สนามนับจากนั้นเพราะการบริหารเรื่องอุณหภูมิยาง โดยด้านในของขอบล้อได้ใช้เป็นแมกนีเซียมอัลลอยเพื่อช่วยในเรื่องการระบายความร้อน อันเป็นวิธีเดียวกับเมอร์เซเดส ถือเป็นงานที่ซับซ้อนและค่อนข้างมีต้นทุนสูง แต่ก็คุ้มค่าในการเล่นกับยางแสนกลอย่างปิเรลลี่ สิ่งนี้ทำให้เวทเทลวิ่งในช่วงก่อนเข้าพิตแรกได้ยาวกว่าคู่แข่งและบริหารการเข้าพิตได้สมบูรณ์แบบในหลายสนามที่ผ่านมา สำหรับผลงานการทำพิตสต็อปของเร้ดบูลนั้นถือว่าเยี่ยมยอด โดยจากสถิติในสนามสิงคโปร์ พิตที่เร็วที่สุด 4 ใน 5 อันดับแรกเป็นผลงานของเร้ดบูล

จากเสียงวิพากษ์วิจารณ์เพื่อพยายามหาคำอธิบายถึงผลงานของเวทเทลในสิงคโปร์ครั้งนี้ รวมไปถึงข้อสงสัยของอดีตเจ้าของทีมมินาร์ดี้ที่ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ลากัซเซตต้า เดลโล่ สปอร์ต ของอิตาลีหลังจบการแข่งขันที่มารีน่าเบย์สตรีทเซอร์กิตที่ว่าเขาได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถเวทเทลแปลกไปจากคันอื่น เสียงเหมือนมีแทร็คชั่นคอนโทรล และได้ยินชัดเจนหลังเซฟตี้คาร์กลับเข้าพิตไปนั้น อัลเลนเชื่อว่าเป็นการทำแม็ปปิ้งของเครื่องยนต์หลังการแบนของโบลว์นดิฟฟิวเซอร์ ซึ่งอาจทำให้เกิดเสียงที่แปลกไป และยิ่งเรื่องของแทร็คชั่นคอนโทรลได้รับการดูแลโดยหน่วยควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ (ECU) ซึ่งมี "แม็คลาเรนอิเล็กทรอนิกส์" เป็นผู้ผลิตให้กับเอฟไอเอโดยเฉพาะและทุกทีมใช้เหมือนกัน จึงเป็นเรื่องยากที่จะซ่อนแทร็คชั่นคอนโทรลไว้ในอุปกรณ์สำคัญเช่นนี้ ในส่วนของเร้ดบูลน่าจะเป็นการทำให้เครื่องยนต์เป่าไอเสียได้ตามกฎและเหมาะสมกับการออกโค้งมากกว่า

อัลเลนสรุปว่าชัยชนะครั้งนี้เป็นผลงานที่น่าประทับใจจากเร้ดบูลในเรื่องการออกจากโค้งความเร็วต่ำ เป็นอีกผลงานหนึ่งหลังจากที่ผู้ชมได้ทึ่งกันไปแล้วในสนามดาวน์ฟอร์ซต่ำอย่างสปาและมอนซ่าก่อนหน้านี้ สะท้อนถึงการที่พวกเขามีแหล่งทุนที่ดี แม้เฟอร์รารี่และเมอร์เซเดสก็พร้อมในด้านนี้เช่นกัน แต่เร้ดบูลพัฒนาด้านเทคนิคได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อบวกกับความสามารถของเวทเทลที่ปีนี้เห็นได้ชัดว่าโตขึ้น เป็นฟันเฟืองสำคัญของทีมในฐานะนักขับ พวกเขาจึงพร้อมลุยทุกรูปแบบ

เขาทิ้งท้ายไว้อย่างน่าคิดว่าหากจะประสบความเร็จในโลกของฟอร์มูล่าวันปัจจุบันนี้ยังต้องมีจิตใจที่แข็งแกร่งด้วย ในยุคทศวรรษที่ 2000 มิชาเอล ชูมัคเกอร์ และเฟอร์รารี่แสดงสิ่งนี้ให้เห็นมาแล้ว เขามุ่งมั่นทำทุกอย่างเต็มที่และไม่มีทางปล่อยผ่านอะไรเลยสักนิด ที่สำคัญคือการได้รับแรงสนับสนุนจากทีม มาวันนี้เร้ดบูลและเวทเทลเข้าใจปรัชญานี้แล้ว ท่ามกลางความสะดวกสบายที่ตนเองมีเงินทุนคอยสนับสนุนเป็นอย่างดี












*ข้อมูลจาก jamesallenonf1.com
ภาพจาก dw.de




 

Create Date : 30 กันยายน 2556
15 comments
Last Update : 30 กันยายน 2556 22:53:43 น.
Counter : 2894 Pageviews.

 

เรื่องที่ จขบ. เขียนวันนี้ เอาข้อมูลมาจากลิงค์นี้ค่ะ

//www.jamesallenonf1.com/2013/09/analysis-vettels-astonishing-speed-in-singapore-here-to-stay/

ใครที่สะดวกอ่านภาษาอังกฤษ อ่านต้นฉบับเลยจะได้อรรถรสกว่า และเนื่องจากว่าเป็นเรื่องเชิงเทคนิคที่ จขบ. ไม่ถนัดเอาจริงๆ ถ้าใครพบเห็นว่าแปลไม่ถูกต้องทักท้วงเข้ามาได้นะคะ ช่วยๆ กันเพื่อทุกคนจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องจริงๆ

ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

 

โดย: finishline 30 กันยายน 2556 22:55:59 น.  

 

อ่านจบ จากเฉยๆกับเร็ดบลูตอนนี้เริ่มหลงไหลทีมนี้เสียแล้ว เจ๋งกันทั้งทีม สรุปทีมนี้ เจ๋งทั้งรถ ทั้งคนขับ รวมทั้งเจ้าของทีม เจ้าของทีมน่าทึงสุดๆ จากกระทิงแดงเครื่องดื่มผู้ใช้แรงงาน เป็นRed bull เครื่องดื่มสุดแพงแต่สุดยอดนิยม Sportแต่ละอย่างของพี่แก ก็สุดยอดทั้งนั้น F1เอย เครื่องบินเล็กเอย แล้วก็อะไรน๊ะ ที่ติดปีกให้คนแล้วบินจากยอดเขาได้..นับถือ Red bull ค่ะ แต่ว่าสำหรับF1อาจสร้างความขุ่นเคื่องให้ทีมประวัติศาสตร์ต่างๆ เพราะท่าทางจะ Give Vettel Wing ซะแล้วละซี่เนี่ย..

 

โดย: simpun IP: 88.71.228.157 30 กันยายน 2556 23:10:44 น.  

 

อ่านมาจนจบเกิดความสงสัยว่า ทั้งหมดทำให้แต่รถเวทเทลหรอ ละรถเว็บเบอร์ละ ?????

 

โดย: fame IP: 180.183.103.201 1 ตุลาคม 2556 0:13:11 น.  

 

เว็บเบอร์ RB คงคิดว่าจะไปอยู่แล้วคงไม่อยากให้รถที่ดีเท่าเวสเทล

 

โดย: Songkod IP: 101.108.255.208 1 ตุลาคม 2556 0:22:11 น.  

 

@คุณ fame

คหสต. จขบ. (จะย่อไปไหน?) คิดว่ารถเร้ดบูลทำมาเหมือนกันแหละค่ะ แต่ความสามารถของนักขับเป็นความต่าง ไม่ใช่ว่าพี่มาร์กว่าไม่เก่ง แต่เซ็บดูจะละเอียดมาก เซนซิทิฟกับรถมาก แล้วก็ถนอมรถถนอมยางได้ดีทีเดียว

 

โดย: finishline 1 ตุลาคม 2556 0:53:05 น.  

 

ผมเห็นแววตาเว็ทเทลมาตั้งแต่แรกๆของการเข้าสู้โลก F1 ใจหินเลือดเย็น นี่แหละใช่เลยนักขับมือ1 ไม่เคยเห็นแววตากังวลหรือระอาเลย มิขอกล่าวถึงแววตานักขับอื่น ด้วยกลัวสวนหมัดสวนศอกครับ
ปล.หมอ(เดา)ก็พยายามมองตามือใหม่อยู่บ่อยๆแต่ยังไม่พบ

 

โดย: อ.โต IP: 49.49.179.198 1 ตุลาคม 2556 6:31:56 น.  

 

ขอบคุณมากๆได้ความรู้เพิ่มขึ้น

 

โดย: Dentist IP: 49.48.66.33 1 ตุลาคม 2556 7:07:37 น.  

 

สิ่งที่แตกต่างในสนามที่ผ่านมาระหว่าง Vettel กับ Webber คือ Vettel พาตัวเองไปอยู่ในหัวแถวได้ตั้งแต่แรกเริ่ม ส่วน Webber ติดขบวนรถคันหน้าอยู่หลายคัน ถ้า Webber ทำอันดับขึ้นมาได้ตั้งแต่แรกก็มีลุ้นจะวิ่งหายเหมือนกันล่ะครับ ตัวอย่างที่สนับสนุนในเรื่องนี้คือ Hungarian GP 2010 ชัดเจนมากครับ

 

โดย: Fascinator IP: 124.120.223.216 1 ตุลาคม 2556 7:33:05 น.  

 

ขอบคุณมากครับ
ปีนี้คงจะพอเดาว่าที่แชมป์โลกออกแล้ว
แต่ปีหน้าคงเป็นความสนุกของจริง รถใหม่เครื่องใหม่กันทั้งนั้น

 

โดย: ชัยจ้า IP: 125.26.72.237 1 ตุลาคม 2556 7:53:00 น.  

 

จากที่หลายท่านในนี้ให้ คห.กัน คงพูดได้เต็มปากเต็มคำว่านี่คือยุคทองของเร็ดบลูอย่างแท้จริง ทำงานลงตัวกันสุดๆ

@คุณชัยจ้า ผมกลัวมันจะออกมาอิรอกเดิมหนะสิ ตราบใดที่อิตาลุงหัวล้านยังนั่งประจำการให้เร็ดบลูอยุ อิอิ
เฟอไม่สนใจจีบหน่อยหรอออ ^^

 

โดย: fame IP: 180.183.103.201 1 ตุลาคม 2556 9:12:21 น.  

 

สำหรับผมนะครับ ผมไม่เคยสงสัยในความเก่งของเวทเทลเลย ก็คนมันเก่งเก่งจนคนอื่นหรือทีมอื่นอิจฉาหรอแม้กระทั่งทีมเดียวกัน ถ้าวันไดวันหนึ่งเวทเทลไม่อยู่กับกระทิงแดงแล้ว ผมสงสัยจังเลยว่าใครจะสามารถเหยียบคันเร่งได้อย่างหมอนี่ นี่ขนาดรถกระทิงแดงมีข้อด้อยตรงทางตรงนะครับ เครื่องไม่แรงถึง2ค่าย แต่ก็ชดเชยจากอากาศพลศาสตร์ ถ้าได้ขับม้าแดงละก็ โอ้ ม้าติดปีกแน่

 

โดย: eee IP: 182.53.42.113 1 ตุลาคม 2556 9:21:05 น.  

 

ฮึ่ย...แปลได้ดีมากๆเลยนะ แปะๆๆ ให้กวางตบมือให้ 555+ บางทีเราว่าคนส่วนใหญ่ต้องการความรู้แบบนี้แหละ เอาความเข้าใจแปลออกมาเป็นภาษาทั่วๆไปได้
เราเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง technical เท่าไหร่ ถึงจะชอบอ่านเรื่องพวกนี้ก็เหอะ ถ้าจะถกกันลึกๆ ก็แค่เปิดประเด็น แล้วค่อยจุดธูปเชิญเหล่ากูรูออกมาคุยกันก็พอ อิอิ

ส่วนอีเซ็บเหรอ มันเร็วพอๆกับพวกแถวหน้าแหละ ความมุ่งมั่นก็อย่างที่เห็น ไม่งั้นไม่ทะเลาะกันทีมแตกกับพี่มาร์คอย่างที่เห็นหรอก
ส่วนตัวไม่คิดว่ารถเบอร์ 2 จะต่างจากรถเบอร์ 1 มากหรอกนะ แต่เซ็บมันเร็วกว่าจริงๆ โดยเฉพาะการแหวกฝูงออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ เหมือนที่เจ้า fas คุงมันว่า
ปกติแล้วรถ F1 ก็ใช่จะแซงกันง่ายๆ ถึงจะเร็วกว่านิดหน่อยก็เหอะ

 

โดย: runtaro IP: 115.87.236.44 1 ตุลาคม 2556 10:13:14 น.  

 

สรุปว่าใช้ software ควบคุม แทนที่จะเป็น hardware ควบคุมตรงๆ แบบสมัยก่อน ซึ่งอาจจะทำให้เสียงของเครื่องยนต์ ไปคล้ายกับรถที่ใช้ hardware ควบคุม (ผมเข้าใจถูกป่ะเนี่ย) ป่าวครับ

 

โดย: hstgz IP: 115.67.6.141 1 ตุลาคม 2556 11:39:33 น.  

 

เคยอ่านมาคร่าวๆ ตอนนี้เหมือนการทำ Mapping ของเครื่องยนต์ ทั้งใน F1 และ Moto GP มันซับซ้อนมากๆเลยและทำกันละเอียดมาก จนมีการแซวกันว่า ทีมแข่งรถต้องหา programmer เก่งๆมาแทนช่างเครื่องซะงั้น

 

โดย: runtaro IP: 115.87.236.44 1 ตุลาคม 2556 11:51:39 น.  

 

ใครหูดี ลองฟังซิคะว่าเสียงรถเร้ดบูลของเจ้าเซ็บเป็นยังไง จากลิงค์ข้างล่างนี้ค่ะ

//autosprint.corrieredellosport.it/2013/09/30/sentite-il-rumore-del-motore-di-vettel/10584/

 

โดย: finishline 1 ตุลาคม 2556 20:45:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


finishline
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 110 คน [?]




ในประเทศไทยหาข่าวฟอร์มูล่าวันอ่านได้ยากเหลือเกิ๊นนนน...เขียนเองเลยดีกว่า!

**เจ้าของบล็อกเขียนข่าวขึ้นจากการรวบรวมข้อมูลข่าวและแปลจากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือของต่างประเทศเพื่อเป็นสาธารณประโยชน์แก่ผู้ที่ชื่นชอบกีฬาชนิดนี้ ท่านใดที่นำข้อความในบล็อกไปเผยแพร่ต่อ ขอความกรุณาให้เครดิตบล็อกด้วยนะคะ**
Friends' blogs
[Add finishline's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.