เร็วได้ไม่ผิดกฎ
เรื่องที่ จขบ. นำเสนอไปเมื่อวานเกี่ยวกับข้อสงสัยของจิอันคาร์โล มินาร์ดี้ อดีตเจ้าของทีมมินาร์ดี้ต่อประสิทธิภาพของรถเร้ดบูลในสิงคโปร์ ซึ่งทำให้เซบาสเตียน เวทเทล เข้าเส้นชัยทิ้งห่างอันดับที่ 2 ถึง 32.6 วินาที กลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ของโลกฟอร์มูล่าวันอยู่ในขณะนี้นะคะ
ในระหว่างที่หลายคนเกิดคลางแคลงใจและยังไม่มีรายงานใดๆ จากองค์กรควบคุมหลักอย่างเอฟไอเอ หลายฝ่ายก็ได้ทยอยแสดงทัศนะ โดยวันนี้เราขอหยิบยกบทความของเจมส์ อัลเลน นักข่าวฟอร์มูล่าวันผู้มากประสบการณ์ของสถานีวิทยุบีบีซี ซึ่งเผยแพร่ในเว็บไซต์ของเขาเองในวันนี้มาให้ทุกท่านได้ลองดูในความเห็นอีกมุมหนึ่งค่ะ
อัลเลนยอมรับว่าเป็นการยากที่ได้เห็นรถกับคนรวมกันเป็นหนึ่งและสร้างผลงานสุดยอดอย่างที่เร้ดบูลและเวทเทลทำในสิงคโปร์ โดยหลังจากยืดระยะห่างไปตั้งแต่ช่วงต้นแล้ว นักขับเยอรมันก็ผ่อนคันเร่งและหันมาถนอมยาง รวมทั้งรักษาเวลาเพื่อให้ได้เปรียบในการเข้าพิตครั้งแรก และหลังจากช่วงเซฟตี้คาร์ เขายังกลับมาทำเวลานำที่สูญเสียไปได้ใหม่ด้วยความเร็วที่เหนือใคร แต่ยังต้องคอยระวังเรื่องการสึกหรอของยาง
นั่นจึงเป็นที่มาของข้อสงสัยที่ว่าความเร็วนั้นมาจากไหน และยังจะคงอยู่ในสนามเกาหลีและญี่ปุ่นหรือไม่?
อัลเลนเชื่อว่ากุญแจความสำเร็จของเร้ดบูลมาจากการทุ่มเทในเรื่องแรงฉุดลากในการออกจากโค้งความเร็วต่ำ โดยเฉลี่ยจากสนามต่างๆ ในการแข่งขันฟอร์มูล่าวันทั้งฤดูกาล เวลาต่อรอบร้อยละ 25 จะถูกใช้ไปกับการออกโค้งที่มีความเร็วต่ำกว่า 130 กม./ชม. เหตุนี้จึงต้องให้ความสำคัญกับจุดนี้เป็นพิเศษ ซึ่งถ้าสามารถพัฒนาในส่วนของร้อยละ 25 นี้ได้ก็หมายความว่าเราจะได้เวลาต่อรอบที่ดีขึ้นนั่นเอง
สิงคโปร์เป็นตัวอย่างที่ดีเพราะที่นี่มีถึง 23 โค้งและแน่นอนว่าหลายโค้งเป็นโค้งที่ใช้ความเร็วต่ำกว่า 130 กม./ชม. เพราะฉะนั้น งานหนักที่เร้ดบูลพยายามทำจึงจะมาออกผลกับสนามประเภทนี้ แต่ไม่น่าจะเกิดขึ้นในสนามซูซูกะซึ่งเป็นสนามที่มีโค้งความเร็วสูงต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เราอาจได้เห็นอีกครั้งในเซกเตอร์ 1 และ 3 ของสนามเกาหลี
งานหนักของเร้ดบูลที่พูดถึงนี้ อัลเลนอธิบายว่าส่วนใหญ่เป็นงานบริเวณดิฟฟิวเซอร์ ซึ่งก่อให้เกิดดาวน์ฟอร์ซที่สำคัญสำหรับการเข้าโค้งความเร็วต่ำโดยร่วมกับระบบท่อไอเสีย แม้ว่าตอนนี้โบลว์นดิฟฟิวเซอร์ (ระบบที่ลิ้นปีกผีเสื้อยังเปิดอยู่แม้นักขับไม่ได้เหยียบคันเร่ง) จะโดนห้ามไปแล้วก็ตาม นอกจากนั้น ยังมีงานที่พวกเขาทดสอบอย่างจริงจังในอุโมงค์ลมเกี่ยวกับการบังคับรถ เมื่อรถเร้ดบูลหักเลี้ยว ตัวรถของพวกเขามักจะมีดาวฟอร์ซปริมาณมาก โดยที่จริงแล้วไม่ได้เน้นเรื่องปริมาณเท่านั้น แต่ต้องให้เกิดความเสถียรด้วย เมื่อก่อนเร้ดบูลขึ้นชื่อในการใช้ดิฟฟิวเซอร์ให้ออกผลกับโค้งความเร็วสูง แต่ในวันนี้ ความลับในความเร็วของพวกเขาคือการทำให้มีประสิทธิภาพกับโค้งความเร็วต่ำด้วย
เรื่องยางก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่ง โดยหลังจากที่ปิเรลลี่เปลี่ยนสูตรยางโดยกลับไปทำยางให้เนื้อแข็งขึ้นเหมือนปี 2012 ตั้งแต่สนามฮังการีเป็นต้นมา เร้ดบูลก็คว้าชัยชนะมาได้ 3 ใน 4 สนามนับจากนั้นเพราะการบริหารเรื่องอุณหภูมิยาง โดยด้านในของขอบล้อได้ใช้เป็นแมกนีเซียมอัลลอยเพื่อช่วยในเรื่องการระบายความร้อน อันเป็นวิธีเดียวกับเมอร์เซเดส ถือเป็นงานที่ซับซ้อนและค่อนข้างมีต้นทุนสูง แต่ก็คุ้มค่าในการเล่นกับยางแสนกลอย่างปิเรลลี่ สิ่งนี้ทำให้เวทเทลวิ่งในช่วงก่อนเข้าพิตแรกได้ยาวกว่าคู่แข่งและบริหารการเข้าพิตได้สมบูรณ์แบบในหลายสนามที่ผ่านมา สำหรับผลงานการทำพิตสต็อปของเร้ดบูลนั้นถือว่าเยี่ยมยอด โดยจากสถิติในสนามสิงคโปร์ พิตที่เร็วที่สุด 4 ใน 5 อันดับแรกเป็นผลงานของเร้ดบูล
จากเสียงวิพากษ์วิจารณ์เพื่อพยายามหาคำอธิบายถึงผลงานของเวทเทลในสิงคโปร์ครั้งนี้ รวมไปถึงข้อสงสัยของอดีตเจ้าของทีมมินาร์ดี้ที่ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ลากัซเซตต้า เดลโล่ สปอร์ต ของอิตาลีหลังจบการแข่งขันที่มารีน่าเบย์สตรีทเซอร์กิตที่ว่าเขาได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถเวทเทลแปลกไปจากคันอื่น เสียงเหมือนมีแทร็คชั่นคอนโทรล และได้ยินชัดเจนหลังเซฟตี้คาร์กลับเข้าพิตไปนั้น อัลเลนเชื่อว่าเป็นการทำแม็ปปิ้งของเครื่องยนต์หลังการแบนของโบลว์นดิฟฟิวเซอร์ ซึ่งอาจทำให้เกิดเสียงที่แปลกไป และยิ่งเรื่องของแทร็คชั่นคอนโทรลได้รับการดูแลโดยหน่วยควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ (ECU) ซึ่งมี "แม็คลาเรนอิเล็กทรอนิกส์" เป็นผู้ผลิตให้กับเอฟไอเอโดยเฉพาะและทุกทีมใช้เหมือนกัน จึงเป็นเรื่องยากที่จะซ่อนแทร็คชั่นคอนโทรลไว้ในอุปกรณ์สำคัญเช่นนี้ ในส่วนของเร้ดบูลน่าจะเป็นการทำให้เครื่องยนต์เป่าไอเสียได้ตามกฎและเหมาะสมกับการออกโค้งมากกว่า
อัลเลนสรุปว่าชัยชนะครั้งนี้เป็นผลงานที่น่าประทับใจจากเร้ดบูลในเรื่องการออกจากโค้งความเร็วต่ำ เป็นอีกผลงานหนึ่งหลังจากที่ผู้ชมได้ทึ่งกันไปแล้วในสนามดาวน์ฟอร์ซต่ำอย่างสปาและมอนซ่าก่อนหน้านี้ สะท้อนถึงการที่พวกเขามีแหล่งทุนที่ดี แม้เฟอร์รารี่และเมอร์เซเดสก็พร้อมในด้านนี้เช่นกัน แต่เร้ดบูลพัฒนาด้านเทคนิคได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อบวกกับความสามารถของเวทเทลที่ปีนี้เห็นได้ชัดว่าโตขึ้น เป็นฟันเฟืองสำคัญของทีมในฐานะนักขับ พวกเขาจึงพร้อมลุยทุกรูปแบบ
เขาทิ้งท้ายไว้อย่างน่าคิดว่าหากจะประสบความเร็จในโลกของฟอร์มูล่าวันปัจจุบันนี้ยังต้องมีจิตใจที่แข็งแกร่งด้วย ในยุคทศวรรษที่ 2000 มิชาเอล ชูมัคเกอร์ และเฟอร์รารี่แสดงสิ่งนี้ให้เห็นมาแล้ว เขามุ่งมั่นทำทุกอย่างเต็มที่และไม่มีทางปล่อยผ่านอะไรเลยสักนิด ที่สำคัญคือการได้รับแรงสนับสนุนจากทีม มาวันนี้เร้ดบูลและเวทเทลเข้าใจปรัชญานี้แล้ว ท่ามกลางความสะดวกสบายที่ตนเองมีเงินทุนคอยสนับสนุนเป็นอย่างดี
*ข้อมูลจาก jamesallenonf1.com ภาพจาก dw.de
Create Date : 30 กันยายน 2556 |
|
15 comments |
Last Update : 30 กันยายน 2556 22:53:43 น. |
Counter : 2894 Pageviews. |
|
|
|
//www.jamesallenonf1.com/2013/09/analysis-vettels-astonishing-speed-in-singapore-here-to-stay/
ใครที่สะดวกอ่านภาษาอังกฤษ อ่านต้นฉบับเลยจะได้อรรถรสกว่า และเนื่องจากว่าเป็นเรื่องเชิงเทคนิคที่ จขบ. ไม่ถนัดเอาจริงๆ ถ้าใครพบเห็นว่าแปลไม่ถูกต้องทักท้วงเข้ามาได้นะคะ ช่วยๆ กันเพื่อทุกคนจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องจริงๆ
ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ