สมเด็จโตกับหัวโขน
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต)
ไม่เพียงเป็นพระที่รอบรู้ในทางปริยัติธรรมเท่านั้น
หากยังเชี่ยวชาญด้านวิปัสสนาธุระ
จนเชื่อกันว่าท่านทรงคุณวิเศษทางวิทยาคม
คุณวิเศษของท่านมักถูกกล่าวถึงในแง่อภินิหาร
แต่อภินิหารนั้นยังเป็นเรื่องโลกียะ
ที่สูงขึ้นไปกว่านั้นคือโลกุตตระ
ได้แก่การอยู่เหนือโลก
อันโลกธรรมทั้งหลายไม่อาจฉาบย้อมได้
องค์คุณประการหลังนี้ท่านได้บำเพ็ญ
และแสดงให้เห็นตลอดชีวิต
ตัวอย่างหนึ่งได้แก่การไม่ใส่ใจกับสมณศักดิ์พัดยศ
ซึ่งท่านเห็นว่าเป็นแค่ หัวโขน เท่านั้นเอง
ตามธรรมเนียม พระที่ทรงสมณศักดิ์อย่างท่าน
ย่อมมีศิษย์วัดแจวเรือให้เวลาเดินทาง
แต่เนื่องจากท่านชอบประพฤติตนอย่างพระอนุจร
หรือพระลูกวัด ดังนั้นเมื่อใดที่เห็นศิษย์แจวเรือเหนื่อย
ท่านก็จะให้นั่งพักเสีย แล้วท่านก็แจวแทน
มีคราวหนึ่งท่านได้รับนิมนต์ไปในงานที่จังหวัดนนทบุรี
ขากลับเจ้าภาพได้ให้บ่าว ๒ คนผัวเมียแจวเรือมาส่ง
ระหว่างทางผัวเมียคู่นี้เกิดทะเลาะกันอย่างรุนแรง
ท่านเห็นเช่นนั้นจึงขอให้ทั้งสองเลิกวิวาทกัน
และให้เข้ามานั่งพักในประทุน
แล้วท่านก็แจวเรือมาเองจนถึงวัดระฆัง
แต่ที่กล่าวขานกันมากก็คือ
ตอนที่ท่านไปสวดมนต์ในสวนแห่งหนึ่ง
เขตราษฎร์บูรณะ ฝั่งธนบุรี
สวนแห่งนี้ต้องเข้าทางคลองเล็ก
ท่านไปด้วยเรือสำปั้นกับศิษย์ โดยเอาพัดยศไปด้วย
บังเอิญเวลานั้นน้ำแห้งเข้าคลองไม่ได้
ท่านจึงลงเข็นเรือกับศิษย์ท่าน
ชาวบ้านก็ร้องบอกกันว่า สมเด็จเข็นเรือโว้ย
ท่านได้ยินก็ตอบไปว่า
ฉันไม่ใช่สมเด็จดอกจ้ะ ฉันชื่อขรัวโตจ้ะ
สมเด็จท่านอยู่ในเรือน่ะจ้ะ
ว่าแล้วก็ชี้มือไปที่พัดยศ
สักพักชาวบ้านก็ลงมาช่วยกันเข็นเรือไปจนถึงบ้านงาน
เรื่องนี้สอนว่า
หัวโขนนั้นพึงถอดวางเมื่อลงจากเวทีฉันใด
สมณศักดิ์ก็มิใช่สิ่งซึ่งพึงยึดถือเป็น ตัวกู ของกู ฉันนั้น
เขียนเล่าเรื่อง พระไพศาล วิสาโล
ขอบคุณที่มา...fb. วัดป่าสุคะโตเพื่อธรรมะและธรรมชาติ