ขุนเขาที่บางเบา
เขียนเล่าเรื่อง พระไพศาล วิสาโล
ในสายตาของคนทั่วไป หลวงพ่อพุทธทาสเป็นพระที่ดุ
น่าเกรงขาม จนไม่ค่อยมีใครกล้าโต้เถียงหรือถามท่านตรง ๆ
แต่ในความเป็นจริงแล้วท่านชอบเวลามีคนมาซักถาม
หรือโต้แย้งท่าน หากมีเหตุผล ท่านก็รับฟัง
แม้กิริยาอาการของผู้ถามจะดูไม่สุภาพ ท่านก็ไม่โกรธ
กลับนิ่งสงบ และตอบเป็นปกติเพื่อประโยชน์ของผู้ฟัง
เทพศิริ สุขโสภา นักเขียนและศิลปินชื่อดัง เล่าว่า
คราวหนึ่งได้ถามท่านว่า
"อาจารย์ครับ อาจารย์สอนเรื่องจิตว่างมานาน
ท่านไม่โกรธไม่เกลียดใคร ผมก็เชื่อ แต่เคยนึกพอใจไหม"
"ถ้าเผลอก็มี" ท่านตอบเรียบ ๆ
"แล้วท่านเผลอบ่อยหรือเปล่า" เทพศิริถามพลางชี้หน้าท่าน
แต่ท่านกลับไม่ว่าอะไร ท่านพูดน้ำเสียงปกติ พูดว่า
"ของอย่างนี้ปฏิบัติมากเท่าไร โอกาสเผลอก็มีน้อยลงเท่านั้น"
ท่านมีความปกติแม้กระทั่งเวลาได้ฟังปัญหาต่าง ๆ
ที่ชวนให้หดหู่หรือโกรธแค้น
เทพศิริเล่าว่าคราวหนึ่งได้เล่าให้พระที่สวนโมกข์ฟัง
ถึงการทำลายโบราณสถาน
โดยเฉพาะเจดีย์เก่า ๆ มีการเอารถแทรกเตอร์ทำลายพระเจดีย์
เพื่อหากรุพระ หลายคนได้ฟังก็ไม่พอใจ
แม้แต่พระก็รู้สึกโกรธเคืองโจรเหล่านั้น
แต่หลวงพ่อพุทธทาสฟังเป็นปกติราวกับไม่ได้ยินเรื่องเล่า
จนในที่สุดเทพศิริซึ่งเป็นนักเล่านิทานตัวยงก็ค่อย ๆ ลดเสียงลง
แล้วเลิกเล่าไปกลางคันเลย เมื่อเห็นท่านไม่มีอารมณ์ร่วม
มองดูเหมือนว่าท่านไม่สนใจเรื่องเหล่านี้
หรือไม่เห็นคุณค่าของโบราณสถาน
แต่ที่จริงน่าจะเป็นเพราะท่านเห็นว่ามันเป็นธรรมดาโลก
ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะโกรธเคืองพฤติกรรมของคนเหล่านี้,
ความซื่อตรงกับตัวเอง กล้าที่จะยอมรับความผิดพลาด
หรือข้อจำกัดของตนเองเป็นคุณลักษณะประการหนึ่ง
ของหลวงพ่อพุทธทาสที่ประทับใจผู้ใกล้ชิด
โกวิท เขมานันทะซึ่งเคยบวชกับท่านนานนับสิบปีเล่าว่า
"วันหนึ่งพวกเราพระเณร กำลังกวนปูนกันอยู่
ท่านอาจารย์เดินมาพูดว่า
"พวกคุณโง่อยู่ได้ คุณไปกวนทำไมให้เสียเวลา
ทำไมไม่เอาปูน เอาทราย เอาหิน เอาน้ำเทรวมในถังน้ำมันปิดฝา
แล้วก็กลิ้งมันไปในสนามหญ้า "
ทุกคนก็สว่างไสว พูดกันว่าเออจริง ๆ
แล้วทุกคนก็ปฏิบัติตาม กลิ้งกันไปกลิ้งกันมาจนเหงื่อตก
พอเปิดฝา หินอยู่หิน ทรายอยู่ทราย ปูนอยู่ปูน
พวกเราก็ชักมีอารมณ์ ทั้งเหนื่อยทั้งผิดหวัง
อาจารย์เห็นเข้าท่านก็หัวเราะ บอกว่า
"ผมจะไปรู้อะไร ผมไม่เคยทำ"
นอกจากไม่สร้างภาพให้ตนเองดูดีแล้ว ท่านยังชอบล้อตัวเอง
ดังมักเรียกตัวเองว่าเป็น สุนัขปากร้าย
หรือกล่าวหาว่าตัวเองชอบใช้คำว่าโสกโดก
กล่าวได้ว่าท่านไม่ยอมพะนอหรือปรนเปรออัตตาตนเองเลย
สมกับที่เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ประพันธ์ไว้ว่า
"พุทธทาส" นามท่านปานขุนเขา
ทว่าเบาสบายอย่างว่างน้ำหนัก
และตัวตนของท่านนั้นใหญ่นัก
ใหญ่ด้วยหลักให้สละละตัวตน
ขอบคุณที่มา fb. วัดป่าสุคะโตเพื่อธรรมะและธรรมชาติ
ขอบคุณเจ้าของภาพทุกภาพค่ะ