Group Blog
|
<<< น้ำพุทรา >>>
มะตัน มะตันหลวง นางต้มต้น (ภาคเหนือ), บักทัน หมากกระทัน (ภาคอีสาน) เป็นต้น เป็นผลไม้ที่ใช้รับประทานมานานกว่า 4,000 ปีแล้ว โดยมีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศจีนตอนใต้ ในผลมีเมล็ดเดียว ผิวเรียบ เมื่อผลสุกจะเป็นสีเหลือง หรือบางสายพันธุ์จะเป็นสีแดงเข้ม 1.ผลมีรสหวานมันและฝาด ช่วยบำรุงร่างกาย 2.ผลช่วยบำรุงกำลัง หรือสำหรับคน ที่ผอมแห้งแรงน้อยหากรับประทานผลพุทรา จะช่วยทำให้มีเรี่ยวแรงมากขึ้น 3.พุทราจีนอุดมไปด้วยวิตามินซี ซึ่งช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระและช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน เสริมสร้างภูมิต้านทานโรคให้กับร่างกาย 4.ช่วยบำรุงผิวพรรณให้ผิวมีสุขภาพดีและแข็งแรง และป้องกันโรคเกี่ยวกับผิวพรรณได้ 5.ช่วยบำรุงประสาทและสมอง 7.สรรพคุณของพุทราจีน ผลช่วยบำรุงโลหิต 8.ช่วยรักษาโรคโลหิตจาง 9.ช่วยบำรุงม้ามและตับ 10.ช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตสูง 11.ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในกระแสเลือด 12.ช่วยเสริมฤทธิ์ป้องกันหลอดเลือดหัวใจอุดตัน และเส้นเลือดในสมองตีบ 13.ช่วยป้องกันเส้นเลือดแข็งตัว เส้นเลือดหัวใจตีบตัน และเส้นเลือดในสมองแตกได้ 14.ผลพุทราจีนอุดมไปด้วยวิตามินเอ ซึ่งช่วยในการบำรุงสายตา ตาไม่ฟาง ป้องกันอาการตาบอดตอนกลางคืน 15.เมล็ดเมื่อนำมาป่นทำเป็นยาลดไข้ แก้อาการหวัดในเด็กได้ 16.เปลือกมีสารแทนนิน ใช้เป็นยาแก้อาการท้องเสียได้เป็นอย่างดี 17.ช่วยขับปัสสาวะ 18.เมล็ดเมื่อนำมาป่น ใช้เป็นยา รักษาอาการชักในเด็กได้เป็นอย่างดี 19.ใบช่วยแก้อาการผื่นคันตามผิวหนังต่าง ๆ 20.ใบมีคุณสมบัติช่วยลดพิษ จากการถูกแมลงสัตว์กัดต่อย 21.ผลใช้รับประทานเป็นยาบำรุง ช่วยแก้อาการอ่อนเพลียของสตรีหลังคลอดบุตร 1.ประโยชน์พุทราจีน ช่วยลดผลข้างเคียง ของกรดซิตริกในกระเจี๊ยบแดง เมื่อใช้ทำน้ำกับกระเจี๊ยบแดง 2.ใช้ประกอบในอาหารต่าง ๆ หรือนำไปแปรรูป เมนูพุทราจีน เช่น พุทราจีนแห้ง พุทราจีนเชื่อม น้ำกระเจี๊ยบพุทราจีน แกงจืดเห็ดหูหนูพุทราจีน ไก่ตุ๋นพุทราจีน พุทราจีนทอด ถั่วเขียวต้มพุทราจีน พุทราจีนต้มหัวหอม ไข่ต้มเก๋ากี้พุทราจีน ฯลฯ <<< น้ำแคร์รอต >>>
เริ่มต้นจากการนำแคร์รอตมาปอกเปลือก แล้วหั่นเป็นท่อนพอประมาณไม่ต้องใหญ่มาก ล้างให้สะอาด สับปะรถหั่นพร้อมแกนสักหน่อย น้ำมะนาวสักช้อนโต๊ะ เกลือป่นสักปลายช้อนชา น้ำผึ้งสักสองช้อนโต๊ะ เรานำใบเตยหอมมาล้างให้ละอาดแล้วต้มให้เดือด พอได้น้ำหอมของใบเตยแล้วพักไว้ให้เย็น แล้วกรองเอาแต่น้ำ นำแคร์รอตใส่โถปั่น เติมน้ำใบเตยลงไปสักถ้วย แล้วปั่นให้พอแหลกใส่สับปะรถลงไปแล้วปั่นให้ละเอียด ใส่น้ำมะนาว เกลือ และน้ำผึ้งลงไปปั่นรวมกัน ใช้ได้แล้วก็ตักใส่ในน้ำใบเตยคนให้เข้ากัน เสร็จแล้วน้ำแคร์รอตเพื่อสุขภาพ เขาว่าสรรพคุณของแคร์รอตนั้นช่วยให้ผิวพรรณเต่งตึง อ่อนกว่าวัยนะจ๊ะ จริงเท็จไม่รู้ลองทำไว้ดื่มกันเอง สำหรับเรานั้นดื่มเพื่อสุขภาพก็น่าจะพอแล้วละ. ### สมุนไพรรับหน้าร้อน ป้องกันลมแดด ###
ก็เจอแต่คนบ่นว่าอากาศร้อน โลกร้อน บางคนถึงกับเพลีย หรือบางคนทนไม่ไหวถึงกับเป็นลมไปเลยก็มี ทราบมั้ยคะว่าอาการดังกล่าว จัดเป็นโรคอย่างหนึ่งที่มากับความร้อน คือ โรคเพลียความร้อน (Heat exhaustion) เป็นโรคที่เกิดขึ้นในขณะที่ร่างกายต้องอยู่ในสภาพแวดล้อม ที่มีอุณหภูมิสูงหรือจากการออกกําลังกายหนัก จนทําให้อุณหภูมิ (core temperature) ในร่างกายสูงมากกว่า 37 องศาเซลเซียส แต่น้อยกว่า 40 องศาเซลเซียส แต่หากอุณหภูมิของร่างกายสูงมากกว่า 40 องศาเซลเซียส จะเรียกว่า โรคลมแดด" (Heat Stroke) หรือ โรคอุณหพาต หรือ "โรคลมเหตุร้อน" ซึ่งจะมีอาการคล้ายคลึงกันกับ โรคเพลียความร้อน แต่โรคลมแดดจะมีความรุนแรงมากกว่า และอาจทำให้เสียชีวิตได้ อาการที่พบคือ ร่างกายจะขาดน้ำและเกลือแร่ อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน เหงื่อออกมาก หน้าซีด หน้ามืด เป็นลม ตัวร้อนจัด เมื่อยล้า เกิดตะคริว วิตกกังวล สับสน ปวดศีรษะ และหากรุนแรง อาจพบภาวะเหล่านี้ร่วมด้วย เพ้อ ชัก ช็อค ไม่รู้สึกตัว กล้ามเนื้อลายสลาย อวัยวะต่างๆ เกิดการล้มเหลว เช่น ไตล้มเหลว เซลล์ตับตาย กล้ามเนื้อหัวใจตาย หัวใจวาย เป็นต้น สวนใหญ่เกิดในหน้าร้อน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้แรงงาน เกษตรกร นักกรีฑา ทหารเกณฑ์ที่ฝึกหนักในอากาศร้อนจัด ซึ่งการเกิดขึ้นต้องอาศัยปัจจัยภายนอกที่อุณหภูมิร้อนสูงร่วมด้วย กลุ่มผู้ป่วยประเภทนี้จะมีเหงื่อ หรือเกิดในคนสูงอายุ ผู้ป่วยที่มีโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง คนอ้วน ผู้ป่วยที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ (Bed Ridden) ผู้ป่วยที่ใช้สารเสพติด เช่น โคเคน แอมเฟตามีน หรือคนที่ดื่มแอลกอฮอล์ กลุ่มผู้ป่วยประเภทนี้อุณหภูมิร่างกายสูง แต่ไม่มีเหงื่อ เปิดแอร์ หรือเปิดพัดลมคลายร้อน ดื่มน้ำมาก ๆ (6-8 แก้วต่อวัน) ไม่ออกกำลังหักโหม ใส่เสื้อผ้าที่ระบายความร้อนดี และเรามีสูตรสมุนไพรที่ช่วยป้องกันโรคลมแดดได้ หรือหากเกิดขึ้นแล้วสูตรสมุนไพรเหล่านี้ สามารถบรรเทาอาการลมแดด ช่วยทำให้ร่างกายเย็นขึ้น มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง - บดหรือหั่นหัวหอมเป็นแผ่นๆ วางไว้ที่หน้าผาก หรือต้นคอ เพื่อช่วยดูดซับความร้อน หรือทานหัวหอม อาจทานอยู่ในอาหารก็ได้ ช่วยป้องกันร่างกายจากความร้อนได้ - ใบของต้นลูกซัดประมาณ 50 กรัม หั่นเป็นชิ้นเล็ก จุ่มในน้ำเย็นประมาณ 150 มิลลิลิตร ทิ้งไว้ 2 ชั่วโมง หลังจากนั้นดื่มครั้งละ 1 แก้ว ทุกๆ 2 ชั่วโมง จนกว่าอาการลมแดดจะดีขึ้น - นำเนื้อมะขาม 10-15 ฝัก มาบดต้มกับน้ำ 500 มิลลิลิตร แล้วกรองเหลือแต่ส่วนใส อาจปรับรสชาติด้วยน้ำตาลหรือน้ำผึ้ง ดื่มครั้งละ 1 แก้ว วันละ 1-2 ครั้ง ช่วยปรับอุณหภูมิในร่างกายให้สมดุล และบรรเทาอาการลมแดดได้ - คั้นน้ำสดใบโหระพาทาน 1 ช้อนชา ดื่มวันละ 1 ครั้ง - บดใบและรากผักชี 1 ช้อนชา ผสมกับน้ำเย็น 1 แก้ว ดื่มวันละ 1 ครั้ง - หั่นวุ้นว่านหางจระเข้ที่ล้างสะอาด ประมาณ 1-2 ต้น ผสมกับน้ำเย็น หรือน้ำผลไม้ ดื่มครั้งละ 1 แก้ว วันละ 1-2 ครั้ง - ดื่มน้ำมะตูม 1 แก้ว ก่อนออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง - เม็ดแมงลัก 2-3 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำ 250 มิลลิลิตร อาจผสมน้ำหวาน หรือเติมน้ำตาลปรุงรส ### น้ำเก็กฮวย ###
เหมาะจะใช้บรรเทาอาการร้อนใน หรือบวมอักเสบเป็นอย่างดี อีกทั้งเป็นสมุนไพรที่ใช้ได้เรื่อยๆ ไม่มีพิษและผลข้างเคียง ซึ่งนอกจากจะใช้ขับพิษร้อนที่ตับแล้ว เก็กฮวยยังมีสรรพคุณในทางบำรุงปอดและแก้ไอได้ด้วย หรือเคมีบำบัดมา มักประสบปัญหาเรื่องอาการข้างเคียง ซึ่งอาการข้างเคียงเหล่านี้หายช้าหรือเร็ว ขึ้นอยู่กับว่าผู้ป่วยสามารถขับพิษออกจากร่างกายได้เร็วแค่ไหน ซึ่งอวัยวะที่ทำหน้าที่ขจัดสารพิษในร่างกายคือ ตับ ดังนั้นหลังรับการฉายแสงหรือเคมีบำบัด ตับจะต้องทำงานหนักมากในการขับสารพิษ เมื่อตับต้องทำงานหนักก็จะทำให้เกิดอาการร้อน อาการที่จะบ่งว่าตับเริ่มจะร้อนแล้ว คือ คอแห้ง-ปากแห้ง มีกลิ่นปาก นอนไม่หลับ ปวดเมื่อยก้านคอ-หลัง ปวดหัวข้างเดียว ตาแห้ง ท้องผูก ฯลฯ เนื่องจากเคมีบำบัดและรังสีจัดเป็นพิษร้อน ดังนั้นสมุนไพรที่จะช่วยระบายพิษ จึงต้องเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์สุขุมหรือมีฤทธิ์เย็น อาทิ เก็กฮวย เพราะจะช่วยได้ดีในการขับพิษร้อน เหมาะจะใช้บรรเทาอาการร้อนใน หรือบวมอักเสบเป็นอย่างดี เพราะต้มแล้วรสชาติจะออกขม แนะนำให้ชงโดยนำดอกเก็กฮวยใส่ถ้วยพอประมาณ จากนั้นเทน้ำเดือดจัดๆ ลงไป ปิดถ้วยทิ้งไว้ให้เย็น แล้วจึงนำมาดื่ม หากรู้สึกว่าจืดไป ให้เติมน้ำตาลกรวดลงไปเล็กน้อย หมดถ้วยแล้วก็เติมน้ำร้อนไปเรื่อยๆ จนกว่าจะจืด แต่เก็กฮวยมีข้อควรระวังคือ ผู้ที่มีอาการท้องร่วง ถ่ายบ่อย ควรรับประทานแต่น้อย ### ชามะเขือพวง ต้านโรคเบาหวาน ###
ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดผู้ป่วยโรคเบาหวาน เตือนอย่าบริโภคในปริมาณมากเกินไป เพราะมีสารพิษรวมอยู่ด้วย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หัวหน้าโครงการศึกษาวิจัยพืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ สถาบันนวัตกรรมสุขภาพก้าวหน้า เปิดเผยผลการวิจัยเกี่ยวกับมะเขือพวงว่า ไม่ว่าจะเป็นแกงเขียวหวาน แกงเนื้อ แกงป่า น้ำพริกกะปิ หรือผัดเผ็ดบางชนิด ซึ่งตำรับอาหารที่เราได้รับการสืบทอด มาแต่โบราณกาลนั้น บรรพบุรุษของเรามิได้คำนึงถึง รสชาติแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังมองถึงทางด้านสรรพคุณของเครื่องเทศ และสมุนไพรที่ใช้ไว้อีกด้วย ทั้งนี้ มะเขือพวงมีสรรพคุณ ตามตำราแพทย์แผนไทยหลายประการ คือ ช่วยเจริญอาหาร และย่อยอาหาร ช่วยระบบขับถ่าย บำรุงธาตุ ขับเสมหะ แก้ไอ ช่วยให้ โลหิตหมุนเวียนดี แก้ปวด ฟกช้ำ ปวดกระเพาะ ฝีบวมหนอง อาการบวมอักเสบ ขับปัสสาวะ ซึ่งสรรพคุณเหล่านี้ จากการที่ได้รับองค์ความรู้ในการใช้มะเขือพวง เพื่อการดูแลสุขภาพผู้ป่วย ณ ศูนย์ฝึกอบรมสวนบูรณรักษ์ธรรม ทำให้ทราบว่า มะเขือพวงมีสารจำพวกไฟโตนิวเทรียนท์ ที่จะช่วยร่างกายในสภาวะขาดแคลนสารอาหาร ให้สามารถกลับมาทำงานได้อย่างปกติ และกลุ่มสารทอร์โวไซด์ ซึ่งช่วยลดระดับคอเลสเทอรอล ในกระแสเลือดได้ และกระตุ้นให้ตับ นำคอเลสเทอรอลในเลือดไปใช้ได้มากขึ้น รวมทั้งยับยั้งการดูดซึมกลับของคอเลสเทอรอลในลำไส้ด้วย จึงอาจช่วยป้องกันโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือดได้อีกทางหนึ่ง สารอีกตัวหนึ่งที่ค้นพบในมะเขือพวงคือ ซาโปนิน ทำให้มะเขือพวงมีฤทธิ์ขับเสมหะ เป็นพืชที่มีเส้นใยสูงมาก โดยมีเส้นใยมากกว่ามะเขือยาว 3 เท่า และมากกว่ามะเขือเปราะถึง 65 เท่า แม้ว่าจะมีผักหลายชนิดที่มีสารเส้นใยสูง แต่มะเขือพวงก็ยังได้รับสมญานามเป็น ราชาแห่งผักพื้นบ้านในเรื่องของสารเส้นใย เนื่องจากมะเขือพวงมีสารเส้นใยมากที่สุด เมื่อเทียบกับผักพื้นบ้านของไทยเกือบทั้งหมด เส้นใยในมะเขือพวงมีชื่อเรียกว่า เพกติน เป็นสารที่ละลายน้ำได้ สารนี้จะสามารถ เปลี่ยนเป็นวุ้นไปเคลือบที่ผิวของลำไส้ ทำให้ลำไส้ดูดซึมแป้งและน้ำตาลที่ย่อยแล้วได้ช้าลง จึงเป็นการช่วยไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นเร็วเกินไป ทำให้ควบคุมระดับน้ำตาลในผู้ป่วยโรคเบาหวานได้อีกด้วย ดูดซับ ไขมันส่วนเกินจากอาหารได้ นี่คือเหตุผลหนึ่งของบรรพบุรุษของไทย มักจะทำแกงกะทิใส่มะเขือพวง ซึ่งน่าจะเป็นการช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรค ความดันโลหิตสูง และ โรคหลอดเลือดหัวใจได้ ผลวิจัยในหนูทดลองที่เป็นโรคเบาหวาน พบว่า มะเขือพวงทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดของหนูเหล่านั้น ค่อยๆลดลง นอกจากนี้ปริมาณอนุมูล อิสระซุปเปอร์ออกไซด์ และไนตริกออกไซด์ในเลือดก็ลดลงด้วย อนุมูลอิสระเหล่านี้พบมากในภาวะที่ร่างกายมีน้ำตาลในเลือดสูง และเป็นสาเหตุของการเสื่อมของอวัยวะต่างๆในภาวะเบาหวาน เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ ไตพิการ จอตาพิการ ประสาทพิการ โรคที่เท้า และการ เกิดผิดปกติที่อวัยวะต่างๆในร่างกาย ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า มะเขือพวงช่วยในการลดความเสี่ยง ของโรคเบาหวาน และโรคแทรกซ้อนต่างๆ ที่เกิดจากเบาหวานได้ ผศ.ดร.ไชยวัฒน์กล่าว ผู้ป่วยโรคเบาหวานมักเกิดโรคแทรกซ้อน อันเนื่องมาจากอนุมูลอิสระที่เข้าไปทำลายเซลล์ในอวัยวะต่างๆ และโดยมากมักจะเป็นโรคไตร่วมด้วยในภายหลัง ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะต้องมีการคุมพฤติกรรม การกินการอยู่อย่างเคร่งครัด เพื่อจะทำให้ ร่างกายของผู้ป่วยเป็นปกติ แต่จากที่พบมานั้นค่อนข้างเป็นเรื่องที่ยาก เพราะผู้ป่วยยังติดนิสัยการกินการอยู่แบบเดิมๆ จึงทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนเพิ่มขึ้น และในบางราย อาการลุกลามจนถึงต้องตัดอวัยวะต่างๆ เรื่องเหล่านี้มีผลกระทบต่อทางจิตใจของผู้ป่วย และญาติเป็นอย่างยิ่ง จากผลวิจัยในหนูที่เป็นเบาหวานพบว่า น้ำตาลและอนุมูลอิสระในเลือดของหนูลดลง ซึ่งนับว่าเป็นข่าวดีเพราะอาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ในการช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนสำหรับผู้ป่วยที่เป็นเบาหวาน แม้ว่ามะเขือพวงจะมีฤทธิ์ช่วยลดอนุมูลอิสระได้จริง และช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ของหนูทดลองที่เป็นเบาหวานได้ แต่จากการวิจัยของเรายังค้นพบ สารที่อาจส่งผลเสียต่อร่างกาย หากได้รับในปริมาณที่มาก นั่นคือ สารอัลคาลอยด์ในมะเขือพวง เป็นสารที่มีฤทธิ์ต่อระบบประสาทและมีผลต่ออวัยวะอื่นๆ ดังนั้น จึงไม่แนะนำให้บริโภคในปริมาณที่มากเกินไป โดยนำมาอบแห้งและผ่านกรรมวิธี ลดปริมาณสารอัลคาลอยด์ได้สำเร็จเรียบร้อยแล้ว ในรูปแบบของชามะเขือพวง จากการทดสอบกับอาสาสมัครที่เป็นโรคเบาหวาน พบว่า ผู้ป่วยสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี เมื่อร่วมกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค นอกจากนี้ยังช่วยลดภาวะโรคแทรกซ้อนได้ผลเป็นที่น่าพอใจ
|
tangkay
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?] (‿✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้ แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ .... สิบปีผ่านไป....... อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์ แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ Link |